กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 8 หลิวหลีเป็นเด็กดีมีอนาคต

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 8 หลิวหลีเป็นเด็กดีมีอนาคต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

          วิชาฝึกฝนสัตว์ของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์โด่งดังมากในอาณาจักรเก้าแคว้น สมาชิกเกือบทุกคนในสำนักต่างมีสัตว์ภูตในครอบครองอย่างน้อยหนึ่งตัว ทว่าวิธีการจัดการสัตว์ภูตก็แตกต่างกันไปตามแต่บุคคล ตัวอย่างเช่น เฉินตงจื่อที่ใช้สุนัขวิเศษต่างอาวุธระดับหนึ่ง ส่วนผู้ที่คิดต่างก็คือผู้อาวุโสกล้ามแน่นที่มีตบะขั้นสร้างแกน ดังนั้น ‘วิธีใช้สัตว์ภูต’ ของเขาจึงแตกต่างออกไปด้วย

          ขั้นแรกเลย ในเมื่อเขามีขั้นตบะเข้าขั้นเป็นอาจารย์คน ดังนั้นระดับของสัตว์ภูตย่อมสูงส่งตามไปด้วย อย่างไรเสียในเมื่อผู้เป็นอาจารย์มีตบะขั้นสร้างแกน แล้วสัตว์ภูตจะมีแก่นภายในอ่อนด้อยได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการเสียเปล่า ทว่าเมื่อระดับของสัตว์ภูตเพิ่มขึ้น ความรู้ของพวกมันก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปจนใกล้เคียงกับมนุษย์และยังฉลาดมากขึ้นอีกด้วย ในจุดนี้หากผู้เป็นนายยังใช้สัตว์ภูตเป็นอาวุธอยู่ แม้จริงๆ ตามพันธะที่ผูกพันอยู่จะทำไม่ได้ก็ตามที แต่สัญชาตญาณของสัตว์ภูตก็จะอ่อนแอลงไปด้วย

          ดังนั้นเมื่อระดับของสัตว์ภูตเพิ่มสูงขึ้น ผู้เป็นนายจึงต้องเลื่อนระดับมันขึ้นตามไปด้วย อย่างเจ้ากอริลล่าที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเฉินตงจื่อที่สถานะของมันก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นศิษย์น้องของผู้เป็นอาจารย์ รวมถึงชื่อของมันจะถูกลงทะเบียนเป็นหนึ่งในผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์และถือว่าเป็นผู้บำเพ็ญเซียนอย่างเป็นทางการ นอกจากตำแหน่งอาวุโสที่ต้องบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ภายในสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ มันก็แทบจะมีสิทธิ์เทียบเท่าผู้บำเพ็ญเซียนที่เป็นมนุษย์ทุกประการ

          แนวความคิดที่หลากหลายของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ส่วนใหญ่ค่อนข้างสุดโต่ง ทำให้เกิดแรงต่อต้านและเสียงเยาะเย้ยไปทั่วอาณาจักรเก้าแคว้น ทว่าภายในสำนัก พวกเขาพยายามที่จะประยุกต์ใช้แนวความคิดเหล่านี้ และเริ่มได้รับการยอมรับและการเคารพยกย่องจากพันธมิตรหมื่นเซียนมากขึ้น

          อาจารย์ของเฉินตงจื่อและศิษย์น้องของนางเป็นหนึ่งในผู้บำเพ็ญเซียนที่สนับสนุนความเท่าเทียบกันระหว่างมนุษย์และสัตว์ภายในสำนัก แน่นอนว่าความเท่าเทียมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์นี้จำกัดอยู่ในหมู่คนที่บำเพ็ญเซียน เช่น ผู้บำเพ็ญเซียนเท่านั้น ส่วนคนธรรมดาทั่วไปไม่ถือว่าเป็นมนุษย์ เขาและศิษย์น้องที่เป็นสัตว์เลี้ยงหลักจะร่วมเป็นหนึ่งใจเดียวกัน ปฏิบัติต่อกันอย่างซื่อสัตย์จริงใจ เมื่อครู่เขาถูกศิษย์พี่ใหญ่เรียกรวมตัวจนไม่มีเวลาจัดการเรื่องอื่น ดังนั้นจึงได้มอบหมายภารกิจจับคนของบ้านตระกูลเยวี่ยทั้งสองให้กับเจ้ากอริลล่าหลังเงิน

กว่าที่เจ้ากอริลล่าตัวมหึมาจะได้สถานะนี้มา แน่นอนว่าแข็งแกร่งของมันย่อมดูแคลนไม่ได้ เมื่อเทียบระดับของสัตว์ประหลาดแล้ว มันน่าจะจัดอยู่ในสัตว์ประหลาดประเภทสี่หรือห้า แกนภายในของมันปรากฏเป็นรูปร่างเรียบร้อยแล้ว และเมื่อบวกรวมกับวิชาเซียนสัตว์ร้ายขึ้นสูงของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ ความแข็งแกร่งของมันจึงเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นพิสุทธิ์ระดับสูง หนำซ้ำเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้เกิดมาพร้อมพละกำลังมหาศาล ดังนั้นแม้ความสามารถด้านอาคมของมันจะยังไม่แข็งแกร่งนัก แต่เมื่อมันได้ต่อสู้ในระยะประชิด แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นพิสุทธิ์ขั้นปลายก็ย่อมต้องรู้สึกปวดศีรษะไม่น้อย

          แน่นอนว่าหากคู่ต่อสู้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ก็มีหลายวิธีที่จะจัดการกับเจ้ากอริลล่าที่มีดีแค่พละกำลังตัวนี้ แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานตัวเล็กๆ สองคน แล้วคนพวกนั้นจะใช้เล่ห์กลแบบไหนจัดการเจ้านี่ได้กัน

          ดังนั้นสำหรับเฉินตงจื่อและศิษย์น้อง แม้ผู้เป็นอาจารย์จะเดินทางมากับพวกนางไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นท่านอาออกโรงเองเช่นนี้ ทั้งสองก็เบาใจลงมากเพราะพวกนางมั่นใจว่าเจ้าเด็กบ้าระห่ำจากตระกูลเยวี่ยทั้งสองจะต้องเละเป็นเนื้อบดแน่นอน

——

          อีกด้านหนึ่ง หวังลู่และหลิวหลีเดินเครื่องเรือคลื่นเมฆาอีกครั้ง และรีบเหาะไปด้านตะวันออกของเมืองสว่างธรรมโดยไม่ลังเล

          ภายในห้องสี่เหลี่ยมของเรือเหาะ หวังลู่รู้สึกอยากกินเนื้อย่างขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงย่างเนื้อหมูป่าให้หลิวหลีกิน หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างยินดีและยิ้มกว้างอย่างสุขใจ ทั้งยังร้องเพลงออกมาอีกด้วย เนื้อเพลงนั้นหวานเลี่ยน มีความปลื้มปิติและไร้เดียงสาอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็แฝงด้วยความรู้สึกที่เด่นชัดจนช่วยชำระล้างและเติมพลังให้จิตวิญญาณจนผู้ฟังรู้สึกตัวลอย

          หลังเสร็จสิ้นมื้อเย็น หวังลู่ที่กำลังเก็บกวาดกองกระดูกก็เอากระดูกให้เจ้าขาวซึ่งเป็นนักโทษกิน พลางใคร่ครวญถึงแผนการต่อไป

          ขณะกำลังครุ่นคิด เขาก็ได้ยินหลิวหลีเอ่ยถามขึ้น “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ดูเหมือนเราจะมาผิดทางแล้ว เขาอวิ๋นไท่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองสว่างธรรมไม่ใช่หรือ แต่นี่เรากำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก”

          หวังลู่พยักหน้า “ดีมาก เจ้าแยกแยะทิศเหนือได้ แต่เจ้าก็ยังทึ่มอยู่ดี ใครว่าเราจะไปเขาอวิ๋นไท่กัน”

          ดวงตาของหลิวหลีเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเพราะนางรู้สึกสับสนขึ้นกว่าเดิม “เอ่อ ศิษย์พี่ ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะไปเขาอวิ๋นไท่เพื่อเอาจดหมายไปส่ง แล้วทำไม…”

          “อันนั้นหมายถึงที่อยู่กว้างๆ แต่ถึงตอนนี้ เราจะไปหานักบวชเซนโกวหรัวเจอได้ยังไง เขาอวิ๋นไท่นั้นใหญ่โตนัก หนำซ้ำเราก็เพิ่งจะปะทะกับคนของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ไป หากเราไปยังฐานที่มั่นหลักของพวกนั้นในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างกับกำลังร้องขอการโดนชำเราหมู่ ตอนนี้เรื่องของนักบวชเซนโกวหรัว ทั้งพันธมิตรหมื่นเซียนและสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ต่างเชื่อไม่ได้ ดังนั้นเราควรต้องไปหาเจ้าบ้านเก่าแก่ของที่นี่ นั่นคือสำนักมังกรขาว”

          “…ข้าไม่เข้าใจ” หลิวหลีตอบอย่างเถรตรง “แต่ข้าก็จะฟังศิษย์พี่ ไม่ว่าท่านจะพูดอะไร ข้าจะทำตามทั้งนั้น นี่คือ…สิ่งที่เรียกว่าซิสค่อนใช่ไหม”

          “ฮืม เด็กดีมีอนาคต” หวังลู่พูดออกมาขณะที่ในตาก็จ้องมองไปยังหน้าอกอวบอิ่มของอีกฝ่าย

          ข้าจะสัมผัสหน้าอกนี่ก็ย่อมได้ (ในภาษาจีนเป็นคำพ้องเสียงกับคำว่าเด็กดีมีอนาคต)… แบบนี้ไม่ถูกต้อง แบบนี้จะกลายเป็นซิสค่อนวิตถารแล้ว ข้าควรต้องจดจ่อว่าจะสืบข่าวจากพวกสำนักมังกรขาวไม่เอาไหนอย่างไรก่อน

          ทว่าก่อนที่หวังลู่จะรวบรวมความคิดกลับมาได้ เจ้าขาวที่กำลังแทะกระดูกอยู่ก็ตัวสั่นเทา จากนั้นความกลัวก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาบนใบหน้าของมัน มันเห่าออกมา สายตาดูวิตกกังวลเหมือนพยายามจะเตือนอะไรบางอย่าง

          หวังลู่หัวเราะขำ เขาไม่จำเป็นต้องให้ฮวาฮวาช่วยแปลให้ ท่าทางของเจ้าขาวชัดเจนมากพอที่จะทำให้เขาตัดสินใจได้ ในที่สุดนักล่าจากสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ที่เขารอคอยมานานก็ปรากฏตัวสักที

          “ลงจอด”

          หวังลู่สั่งให้เรือคลื่นเมฆาร่อนลงไปโดยไม่สนใจจะรู้หรือยืนยันตำแหน่งของอีกฝ่าย แม้เขาจะไม่รู้สึกเกรงกลัวนักล่าจากสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ผู้นั้น แต่หากเรือนี่ถูกทำลาย จะเสียใจตอนนั้นก็คงไม่ทันแล้ว

          ทันทีที่เรือคลื่นเมฆาลงจอดบนพื้น หวังลู่ หลิวหลี และฮวาฮวาสุนัขของเขาก็เดินลงมาจากเรือเหาะ ไม่นานนักเงาที่คล้ายดาวตกก็พุ่งตรงมาจากฟากฟ้า

          ตู้ม!

          สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ยักษ์สูงเกือบสองวาใส่ชุดเกราะออกรบหนาแน่นจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยดวงตาที่โหดร้ายขณะที่ในมือกำกระบองสีเงินขนาดเท่าเอวไว้ ไม่นานดวงตาสัตว์ร้ายของมันก็เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีตบะขั้นเพียงขั้นสร้างฐานระดับกลาง มันจึงคำรามลั่นก่อนจะเปล่งเสียงถามอีกฝ่าย

          “พวกเจ้าเป็นคนทำร้ายคนจากสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ของข้าสินะ ส่งสุนัขภูตของเจ้ามาและยอมแพ้เสียดีๆ”

          หวังลู่ไม่อาจกลั้นขำไว้ได้ เขาไม่ใส่ใจท่าทีขู่ขวัญจากสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ยักษ์แม้แต่น้อย ขณะเดียวกัน หลิวหลีก็ปรบมือพร้อมส่งเสียงหัวเราะ “เจ้าลิงนี่น่ารักจังเลย!”

          เจ้ากอริลล่าหลังเงินอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นมันก็ระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา มันส่งเสียงฮึพลางฟาดอาวุธลงกับพื้น บังเกิดให้แผ่นดินไหวภูเขาสั่นสะเทือน พลังรุนแรงวิ่งทะลุผ่านใต้ดินพร้อมที่จะปะทุออกมาที่ใต้เท้าของหวังลู่

          ทันทีที่พลังนี้ปะทุออกมา มันจะทำให้วิหารหยกของผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานสั่นไหวและพังทลายลง และทำให้พลังวิญญาณขั้นปฐมของคนผู้นั้นปั่นป่วนอย่างหนัก ทว่าหวังลู่กลับสืบเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวต่อหน้าเจ้ากอริลล่านั่น เขายึดฝ่าเท้าไว้กับพื้นอย่างมั่นคง พร้อมที่จะสกัดพลังรุนแรงที่ส่งมาจากกอริลล่าหลังเงิน การโจมตีครั้งนี้เปี่ยมด้วยพลังของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ แต่มันกลับถูกฝ่าเท้านี้สกัดไว้ได้ หลังจากที่พื้นดินสั่นสะเทือนอยู่พักใหญ่ พลังที่ว่าก็สลายไป ช่างเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายยิ่งนัก!

          ขณะที่เจ้าหลังเงินกำลังตกตะลึงอยู่ อีกฝ่ายก็โต้กลับอย่างรวดเร็ว

          “เสียนเอ๋อร์ ไปได้”

          “อ้อ!” หลิวหลีเรียกกระบี่บินประจำตัวออกมาอย่างเชื่อฟัง ลำแสงสีแดงสว่างวาบมาจากกระบี่อัคคีสองเล่มในมือนาง อึดใจถัดมาหญิงสาวก็พุ่งตัวไปข้างหน้าและมาปรากฏกายต่อหน้าเจ้าหลังเงินพร้อมทั้งเสือกกระบี่ทั้งคู่ออกไป

          การจู่โจมที่รวดเร็วนี้ทำเอาเจ้าหลังเงินตะลึงไป เคราะห์ดีที่ตบะของมันนั้นลึกซึ้งพอ ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นเอง มันก็ยกอาวุธขึ้นมาขวางลำตัวพยายามที่จะสกัดกระบี่คู่ของอีกฝ่ายก่อนที่จะมาถึงตัว และจากนั้นมันก็จะรอโอกาสสวนกลับ

          ทว่าอึดใจถัดมา กระบี่ที่มีอุณหภูมิความร้อนมหาศาลรวมทั้งจิตกระบี่ที่เฉียบคมและคงกระพันก็เจาะทะลวงการตั้งรับของมันเข้ามาได้ ขนทุกเส้นบนร่างมันตั้งชันขึ้นด้วยความเจ็บปวด! ความแข็งแกร่งตามธรรมชาติของสัตว์ร้ายตัวนี้ช่วยให้มันทานทนต่อการโจมตีของอีกฝ่ายได้เพียงเล็กน้อย ทว่าหลังจากถูกจู่โจม แขนล่ำของมันก็สั่นสะท้านขึ้นมาเบาๆ ความเจ็บปวดที่ยังค้างอยู่กระตุ้นพลังวิญญาณขั้นปฐมของมันอย่างต่อเนื่อง ทำให้มันเจ็บปวดขนาดหนัก เท่าที่ตาของมันมองเห็น มีรอยคมกระบี่สองรอยปรากฏลึกอยู่บนอาวุธสุดที่รัก อาวุธวิเศษที่ได้จากการหลอมรวมโลหะนับร้อยชนิดชิ้นนี้เกือบใช้การไม่ได้จากการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่ครั้งเดียว!

          และนี่เป็นเพราะมันต้องการสกัดการโจมตีของอีกฝ่ายเท่านั้น

          เจ้าหลังเงินไม่อาจจินตนาการได้ว่าเหตุใดผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานระดับกลางจึงสามารถจู่โจมด้วยพลังที่รุนแรงจนแม้กระทั่งสัตว์ภูตที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นพิสุทธิ์อย่างมันเกือบจะรับมือไม่ได้

          ทว่าความน่าสะพรึงยังไม่จบลงเท่านั้น และฉากที่ชวนตกตะลึงยิ่งกว่าก็บังเกิดขึ้น หลังจากการโจมตีก่อนหน้านั้น หญิงสาวก็ยังไม่หยุดมือ นางกวัดแกว่งร่างกายไปมาจากนั้นก็เข้าจู่โจมระลอกที่สอง ซึ่งความรุนแรงของครั้งนี้เมื่อเทียบกับครั้งก่อนหน้าดูจะทรงพลังยิ่งกว่าด้วยซ้ำ

          ในชั่วพริบตา เจ้าหลังเงินก็รู้ได้ว่ามันไม่อาจจะต้านทานการโจมตีในครั้งที่สองนี้ได้ แม้ความแข็งแกร่งโดยรวมของอีกฝ่ายจะด้อยกว่ามัน แต่กระบี่ของนางอาบไปด้วยพลังพิเศษที่รุนแรงเสียยิ่งกว่าพลังของสัตว์ร้ายอย่างมัน แม้เจ้าหลังเงินจะไม่รู้จักเพลงกระบี่กระจ่างใจ แต่มันก็เป็นสัตว์ภูตที่แกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่งในการต่อสู้ มันจึงเลือกหนทางที่ถูกต้องได้ในชั่วพริบตา

          เจ้าหลังเงินชี้อาวุธไปด้านหน้า และก่อนที่กระบี่เพลิงนั่นจะมาถึงตัว มันก็เปลี่ยนมาเป็นท่าตายตกไปตามกัน

          อย่างไรเสียเจ้าหลังเงินก็เป็นสัตว์ภูตทรงพลังที่มีอายุกว่าหนึ่งศตวรรษ วิธีที่มันชี้อาวุธออกไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นช่วงจังหวะ องศาและปริมาณพลังที่ส่งออกไปล้วนเหมาะเหม็งทั้งสิ้น แม้ไม่อาจจะต้านทานเพลงกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลีได้ แต่ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายสิ้นชีวิตไปพร้อมกับมันได้

          แม้เพลงกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลีจะมีกระบวนท่าต่างๆ นับพันท่า แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นพิสุทธิ์ที่มุ่งหมายจะตายตกไปด้วยกัน หลิวหลีก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องถอนตัวออกมา

          ทว่าหลิวหลีไม่ได้มีทีท่าจะล่าถอยแม้แต่น้อย ร่างที่แบบบางอ่อนช้อยเปิดรับอาวุธวิเศษของเจ้าหลังเงิน กระบี่คู่ในมือของนางลุกไหม้ขณะที่นางเหวี่ยงกระบี่ตรงไปที่อีกฝ่าย

          เพราะหลิวหลีรู้ดีว่าการโต้กลับของเจ้าหลังเงินย่อมต้องถูกคนผู้นั้นสกัดไว้… ห้าปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่นางสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหวังลู่ นางไม่เคยต้องกังวลเรื่องการตั้งรับเลย และครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

          เงากระบี่ที่แสนคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าของนางตามที่คาดไว้ หวังลู่ซึ่งเหาะมาบน

กระบี่บินที่รวดเร็วปานสายฟ้าของหลิวหลีก็เสือกกระบี่แห่งเขาคุนไปข้างหน้า แม้จะปล่อยออกมาช้า ทว่ากลับถึงก่อน กระบี่ของเขาปะทะเข้ากับกระบองของเจ้าหลังเงิน และทำให้พลังการโจมตีของอีกฝ่ายสลายไป จากนั้นเขาก็ย้ำปลายกระบี่เข้าไปอีก

          ในขณะเดียวกัน กระบี่อัคคีของหลิวหลีก็ถึงตัวของเป้าหมาย

          การรวมพลังกันของกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลีและการโต้กลับเต็มรูปแบบของหวังลู่ย่อมทำให้เจ้ากอริลล่าหลังเงินบาดเจ็บสาหัส หากไม่เป็นเพราะร่างกายที่แข็งแกร่งและเกราะของมันช่วยซับเอาแรงโจมตีไว้ได้ถึงห้าส่วน การโจมตีสองประสานนี่ย่อมถึงตายอย่างแน่นอน ทว่าแม้จะพ่ายแพ้ มันกลับใช้อุ้งมือขนาดใหญ่กำกระบองไว้แน่น แล้วก็ใช้แรงมหาศาลตามธรรมชาติช่วยไม่ให้มันล้มลง ดวงตาแดงก่ำทั้งสองเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและขุ่นเคืองใจ

          แม้จะได้เห็นฉากที่พระเอกรอดจากสถานการณ์ความเป็นความตายมาได้ หวังลู่ก็ไม่ได้รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย เขาทำเพียงมองสำรวจฝ่ายตรงข้ามอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็ใช้มือข้างที่ว่างตัดนิ้วที่จับกระบองของอีกฝ่ายทิ้ง

          เจ้าหลังเงินร้องลั่นและลงไปนอนเกลือกกลิ้งบนพื้น เสียงของมันฟังดูน่าอนาถเหลือใจ ทว่าหวังลู่กลับใช้เท้ากดหัวมันลงกับพื้น

          “เจ้าจะแสร้งทำตัวน่าเวทนาไปทำไม เห็นได้ชัดว่าเจ้ามันก็แค่ไอ้สารเลวที่ออกปล้นชาวบ้าน แต่ตอนนี้กลับทำตัวเป็นเหยื่องั้นหรือ ในเมื่อหน้าของเจ้าไม่เหลือยางแล้ว งั้นข้าจะฝังทิ้งให้ก็แล้วกัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด