กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 6.2 พวกวิตถารทั้งหมดสมควรตาย! (2)

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 6.2 พวกวิตถารทั้งหมดสมควรตาย! (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 6 พวกวิตถารทั้งหมดสมควรตาย! (2)

 

“ฮ่าๆๆๆ แม่นางคนนี้ชื่อว่าหวังลู่ ทำไมพวกเจ้าสองคนไม่รีบเข้ามาคารวะล่ะ”

“…”

“พูดง่ายๆ ก็คือพวกเจ้าสองคนอ่อนแอเกิน เพราะฉะนั้นข้าจึงต้องลงมือเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะชอบใจหรอกนะ”

“…”

“ข้าได้แรงบันดาลใจนี้มาตอนที่เห็นเงาสะท้อนในน้ำ… โธ่เอ๊ย ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้หล่อเหลามากมาย แต่ก่อนที่ข้าจะโตเต็มที่ และเพศสภาพจะเห็นได้อย่างเด่นชัด ข้าก็ยังปลอมตัวเป็นผู้หญิงได้อยู่”

“…”

“อย่าเอาแต่อ้าปากค้างจ้องข้าเช่นนั้นสิ ข้าอยากถามความเห็นหน่อย ในฐานะหญิงสาวข้าถือว่าผ่านหรือยัง ข้าใช้เวลานานโขกว่าจะได้รูปร่างเช่นนี้มานะ เพราะฉะนั้นข้าคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว ข้าคิดเรื่องรายละเอียดมาบ้าง แต่ไม่มีเวลามากพอจะตรวจดูทั้งหมด”

“…”

เถ้าแก่เนี้ยกับเหวินเป่ายังคงมีสีหน้าสยดสยอง ทั้งคู่ยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับเป็นรูปสลักหิน

หวังลู่ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกของเถ้าแก่เนี้ย…

ตู้ม! ภาพวาดแขวนฝาผนังปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ภาพวาดสองมิติเอ่ยขึ้นอย่างอิดออด “…นี่ท่านจะจิตหลุดไปจนถึงเมื่อไหร่กัน รู้ไหมว่าท่าทางที่ไม่สำรวมอาการของท่านในตอนนี้ไม่ต่างจากกำลังล่องูลงหลุมเลยสักนิด”

แก้มของเถ้าแก่เนี้ยแดงเรื่อขึ้นขณะเอามือปิดหน้าอกตัวเอง “เจ้าโจรเหม็นเน่า เจ้าคนวิตถาร เจ้า…เจ้ามันโรคจิตชัดๆ”

หวังลู่กระโดดลงมาจากกำแพงและย้อนอย่างโกรธๆ “เป็นเพราะอกไม้กระดานของท่านนั่นแหละ! ไม่เช่นนั้นเหตุใดชายหนุ่มหน้าตาดีจากตระกูลที่น่านับถือเช่นข้าต้องทำตัวทรยศหน้าตาตัวเองเช่นนี้ด้วย ข้าถูกบีบคั้นจิตใจมหาศาลเชียวนะ ท่านรู้บ้างไหม!?”

“เจ้าคนวิตถาร! ไปไกลๆ ข้านะ! แล้วอย่าได้บังอาจหายใจเชียว ลมหายใจลามกของเจ้าจะทำให้อากาศของทั่วอำเภอนี้แปดเปื้อนไปหมด!”

“ระยำเอ๊ย! เจ้า หญิงไม้กระดาน กล้าดีอย่างไรถึงคิดว่าตัวเองดีกว่าข้า!?”

เถ้าแก่เนี้ยโกรธฟึดฟัด แต่นัยน์ตากลับมีประกายวูบหนึ่ง นางจึงอดสำบัดสำนวนกลับไม่ได้ “เจ้าว่าข้าเป็นไม้กระดาน… แต่เจ้าเป็นผู้ชาย แล้วหน้าอกใหญ่ๆ ของเจ้านี่มันอะไร ดูเหมือนว่าไม่ได้ยัดด้วยลูกแอปเปิ้ลหรือว่านุ่นนี่นา”

หวังลู่ถอนหายใจแล้วตบหน้าอกตนเองจนมีเสียงดังปึ้บปั้บออกมา

“นี่มัน…” เถ้าแก่เนี้ยตะลึง จากนั้นก็เข้าใจในทันที “นี่เจ้าจัดระเบียบซี่โครงใหม่งั้นรึ!? ให้ตายสิ นี่เจ้าแอบฝึกวิชานี้จริงๆ น่ะหรือ”

หวังลู่หลุดขำออกมา “กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ใช่วิชาฝึกกระดูกหรอกหรือ แม้จะอึดอัดไปบ้าง แต่แค่วันสองวันข้ายังพอทนไหว อย่างไรเสียหากไม่มีใครมาจับ หรือข้าไม่ได้ขยับตัวมากเกินไป มันก็ไม่ต่างจากของจริงเท่าไหร่หรอกน่า”

“วิชากระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมนั่นถูกเจ้าเอามาใช้แบบนี้เนี่ยนะ จริงๆ เลย…”

“หากหัวหน้าไม่เที่ยงธรรม ไหนเลยจะหวังให้ลูกน้องเที่ยงธรรมได้ วิชาที่คิดค้นขึ้นเองนี้ไม่แน่ว่าอาจารย์ของข้าอาจเอาไปใช้ในเรื่องที่ต่ำยิ่งกว่านี้ก็ได้ อย่างเช่น กระดูกขาข้างที่สามยังไงเล่า… ทักษะอ่อนด้อยอย่างข้าเทียบกับนางไม่ได้หรอก เอาล่ะ วันนี้พูดพอแล้ว ข้าไปที่นั่นเพื่อยั่วยวนคนดีกว่า”

เถ้าแก่เนี้ยผงะ “เจ้าจะไปตอนนี้เนี่ยนะ ไปแบบนี้ด้วย เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ข้ากับเหวินเป่ายังต้องเล่นละครตั้งนานกว่าพวกนั้นจะสังเกตเห็น!”

“เพราะพวกท่านมันอ่อนหัดไงเล่า ข้าถึงไม่มีทางเลือกเลยต้องออกมาแสดงแทน! แล้วด้วยพละกำลังของข้า เหตุใดจึงต้องพึ่งสารหล่อลื่นด้วย” หวังลู่เหยียดยิ้ม “เดี๋ยวท่านก็จะได้เห็นเอง ข้าจะทำให้ท่านได้ประจักษ์ในความสามารถของนักผจญภัยมืออาชีพ!”

“เหมือนนักผจญภัยวิตถารเสียมากกว่า…”

——

ไม่นานนักทั้งสามก็มาปรากฏตัวที่หน้าประตูทางเข้าจวนรับรองอีกครั้งหนึ่ง เถ้าแก่เนี้ยกับเหวินเป่าซุ่มมองอยู่ในที่ซ่อนลับ ส่วนหวังลู่ในชุดของสตรีก็เดินตรงไปยังประตูด้วยรอยยิ้มมั่นใจ

ระหว่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก่อนจะปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าผู้คุ้มกัน หวังลู่กระดกสุราไปขวดหนึ่ง ตอนนี้ลมหายใจจึงคลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำเมา!

จากนั้น ก้าวย่างของหวังลู่ก็ดูโงนเงน เอียงไปซ้ายทีขวาทีราวกับสาวงามที่กำลังมึนเมา

ภายใต้สายตาตะลึงงันของเถ้าแก่เนี้ย หวังลู่ก็เปิดปากออกช้าๆ แล้วเริ่มระเบิดเสียงหวนไห้แสนเศร้าโศกออกมา

“เจ้า เจ้าคนไร้หัวใจ…พอเจ้าพบหญิงใหม่ เจ้าก็เสือกไสข้า คำสาบานว่าจะรักมั่นชั่วชีวิตเป็นเพียงลมปากเป่าเท่านั้น”

เถ้าแก่เนี้ยรู้สึกราวกับว่าจู่ๆ ก็มีสายฟ้าฟาดลงมาที่ศีรษะของนาง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าพลันกลายเป็นสีดำแล้วนางก็หมดสติลง

นี่มันฉากโลกถล่มชัดๆ แม้การที่ผู้บำเพ็ญเซียนระดับหวังลู่จะแปลงเสียงของตนเป็นเสียงผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องง่าย ซึ่งความจริงแล้ว แม้แต่เหวินเป่าก็ทำได้ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวที่เมามายจมน้ำตาอยู่นั้นคือเจ้าหวังลู่นั่น…

“ขอโทษด้วย ข้ามองหากรามของตัวเองที่เผลอทำร่วงลงพื้นน่ะ”

ขณะกำลังฟูมฟายน้ำตา หวังลู่ก็เดินตรงไปยังประตูทางเข้าราวกับไม่ได้ตั้งใจ

ผู้คุ้มกันสองคนที่เฝ้าประตูอยู่มองเห็นหญิงสาวที่เมามายเดินเข้ามา คนทั้งคู่ขมวดคิ้ว รู้สึกว่าภาพที่เห็นมีอะไรแปลกๆ ทว่าในตอนนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่าสิ่งใดที่แปลก… ดังนั้นพวกเขาจึงทำเหมือนกำลังดูละครอยู่ แม้หญิงสาวที่เมามายผู้นี้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แต่เมื่อมองดีๆ แล้ว พวกเขาก็พบว่าใบหน้าของนางไม่เลวเลย โดยเฉพาะสัดส่วนอันตรายถึงตายของหน้าอกนาง ไม่มีทางที่อำเภออู่โหวที่ห่างไกลจะมีผลิตผลเช่นนี้ได้

ผู้คุ้มกันทั้งสองดึงสีหน้าให้เคร่งขรึมเพื่อให้สมกับเป็นคนเฝ้าประตูผู้ภักดี ทว่าดวงตาของพวกเขากลับทรยศต่อสีหน้า เมื่อพวกมันเอาแต่จับจ้องไปที่หญิงสาว ทว่าอึดใจต่อมาพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องตีหน้าไม่สนใจอีกต่อไป

นั่นเพราะหญิงสาวเกิดเดินซวนเซและล้มลงสู่อกของผู้คุ้มกันคนหนึ่ง!

ชายผู้นั้นตัวแข็งทื่อไปพักใหญ่ จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาผลักนางออก แต่แขนของหญิงขี้เมาคนนี้แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ จนเขาไม่สามารถแงะมือของนางออกจากแขนเขาได้

“ผู้ชายน่ะเลวทรามเหมือนกันหมด! ทั้งกลับกลอกทั้งไม่รู้จักพอ!”

“ปล่อย…ปล่อยข้าก่อน!” เหงื่อเย็นๆ เริ่มไหลซึมออกมาจากผู้คุ้มกันร่างกำยำผู้นั้น หากอาจารย์เซียนหรือพ่อบ้านมาเห็นเข้าล่ะก็ เขาต้องตกงานอย่างแน่นอน ทว่าแม้หญิงผู้นี้จะเมามาย แต่ความเมาก็กลบความงามของนางไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำใจตีนางไม่ลง

ผู้คุ้มกันร่างหนาอีกคนก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะเช่นกัน แต่เมื่อเขาได้สติและเข้าไปช่วย นางก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ทั้งยังทิ้งตัวนั่งบนพื้นไม่ยอมขยับเขยื้อนอีกด้วย!

ขณะที่ทั้งคู่กำลังละล้าละลังอยู่นั้นเอง ประตูก็เปิดออก พ่อบ้านเดินออกมาด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว “เสียงเอะอะอะไรกัน!? หากทำให้อาจารย์เซียนรำคาญล่ะก็ เจ้ายังคิดว่าจะได้ค่าจ้างอยู่อีกหรือ”

ผู้คุ้มกันทั้งสองรีบปรี่เข้าไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อบ้านฟัง แล้วรีบเข้าไปดึงหญิงขี้เมาให้ลุกขึ้นเพื่อให้พ่อบ้านได้เห็นชัดๆ

เมื่อได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง พ่อบ้านก็ขมวดคิ้วทันที ทว่าเมื่อเขาเห็นใบหน้าของหญิงสาว โดยเฉพาะอกภูเขาไฟขาวกระจ่างที่ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้ายุ่งเหยิงนั่น…

“…ดีแท้! ตรงตามที่เราต้องการพอดี” พ่อบ้านขบฟันแล้วตะโกนเรียกคนรับใช้ลึกลับที่อยู่ในลานบ้าน หลังจากซักถามคนรับใช้ผู้นั้นหลายข้อ เขาก็หันมาหาผู้คุ้มกันทั้งสองคน “พวกเจ้ารีบพานางเข้ามา”

“หา? แต่หญิงผู้นี้…”

พ่อบ้านพูดทั้งที่ยังกัดฟัน “ช่างบิดาเจ้าสิ! แม้เราจะไม่รู้พื้นเพของนาง… แต่ครั้งนี้เราจะเลือกมากไม่ได้! อาจารย์เซียนเบื่อหน่ายหญิงสาวกลุ่มเดิมมานานเต็มทีแล้ว แต่ในอำเภอเล็กๆ เช่นนี้ เราจะไปหาผู้หญิงที่ตรงตามรสนิยมของเขาได้จากไหน วันนี้เราเจอคนหนึ่งก็จริง แต่เขากลับปฏิเสธเพราะนางมีหน้าอกเล็กเกิน!”

“แต่มันจะไม่…”

“อาจารย์เซียนได้สร้างค่ายกลขึ้นในจวนรับรองด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลไป”

ผู้คุ้มกันทั้งสองทำได้เพียงพยักหน้า อย่างไรเสียนี่ก็เป็นความคิดของพ่อบ้าน พวกเขาทั้งคู่เพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงแบกร่างหญิงขี้เมาที่ตอนนี้สลบไปแล้วเข้าไปในลานบ้าน

เมื่ออยู่ภายในห้องกับหญิงสาวตามลำพัง หลังจากมองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น พ่อบ้านก็ค่อยๆ ปิดประตูและพึมพำกับตัวเอง “หน้าอกของหญิงผู้นี้ใหญ่กว่าหญิงครึ่งชายครึ่งคนก่อนหน้ามากจริงๆ”

ในขณะเดียวกัน ที่มุมมืดไม่ไกลจากนั้น เถ้าแก่เนี้ยผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากที่ซ่อนก็เดือดดาลขึ้นมา

“พวกวิตถารทั้งหมด…สมควรตาย!”

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด