กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 12.2 ความรู้สึกที่ลึกซึ้งระหว่างอาจารย์และศิษย์ (2)

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 12.2 ความรู้สึกที่ลึกซึ้งระหว่างอาจารย์และศิษย์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

ในที่สุดหลังจากที่ตระหนักถึงจุดนี้ได้ หวังลู่ก็ใช้เวลาเพียงสามวันในการพัฒนาพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ดั้งเดิม และตอนนี้ในการใช้งานจริงครั้งแรก ผลที่ได้รับถือว่าน่าพึงพอใจอย่างยิ่ง

 

ตั้งแต่แรก วิชานี้ไม่ได้ฝึกยากเย็น หากเขาคิดได้ตั้งแต่ช่วงรกๆ ว่ามันต้องเข้าคู่กับวิชาโลหิตเพลิงโหมนภา หวังลู่คงสามารถฝึกมันจนเชี่ยวชาญได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน หากมองจากมุมนี้ก็เหมือนว่าการเอาตัวรอดในสถานที่แห่งนี้มาตลอดหนึ่งปีของเขานั้นสูญเปล่า ทว่าหากมองในอีกมุมหนึ่ง หากไม่มีประสบการณ์ที่ได้มาในหนึ่งปีนี้ หากไม่ได้เจอกับเจ้าสุนัขหน้าโง่และออกล่าวิญญาณมากมายในกระแสน้ำทมิฬด้วยกัน หากไม่มีความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในปีนี้ เขาก็ไม่อาจปลดปล่อยพลังปราณออกมาได้ไกลถึงสองวา และอาจสายเกินไปที่จะช่วยชีวิตเจ้าสุนัขทึ่ม หนำซ้ำยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถเอาชนะแม่ทัพซากศพที่อยู่ในขั้นพิสุทธิ์ระดับต้นได้

 

การที่เจ้าสุนัขจอมทึ่มสามารถโจมตีได้อย่างบ้าคลั่งเป็นเพราะเขาผลาญอายุขัยของตัวเอง ทุกครั้งที่เขาปลดปล่อยพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ออกมา นั่นแปลว่าเขาผลาญอายุขัยดั้งเดิมของตัวเองไปสามถึงห้าวัน และในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจนี้เอง หวังลู่ใช้พลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ดั้งเดิมไปมากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง ทำให้ชีวิตของเขาสั้นลงไปมากกว่าหนึ่งปี

 

สำหรับคนที่มีอายุขัยดั้งเดิมมากกว่าหนึ่งร้อยปี เวลาแค่หนึ่งปีอาจไม่มีความหมาย ทว่าการผลาญมันไปภายในช่วงไม่กี่อึดใจทำให้ร่างกายเขาเหน็ดเหนื่อยสาหัส หากพวกเขาจัดการแม่ทัพซากศพช้ากว่านี้เพียงไม่กี่อึดใจละก็ ผลลัพธ์คงไม่ต้องพูดถึง

 

ทว่าในเมื่อสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นและพวกเขาเอาชนะมาได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคำถามถ้าหากว่าแต่อย่างใด หวังลู่เดินตรงไปยังซากที่เหลืออยู่ของแม่ทัพซากศพ “ไหนของดีที่ว่า”

 

เจ้าสุนัขจอมทึ่มเห่าแล้วเริ่มดมไปตามร่างที่นอนอยู่ จากนั้นมันก็ฉีกส่วนอกออกแล้วคาบเอา ‘ชิ้นเนื้อ’ สีแดงสดที่ยังเต้นอยู่ออกมา มันทอดสายตาอ้อยอิ่งมองชิ้นเนื้ออยู่พักใหญ่ราวกับว่าไม่อยากที่จะแยกจากกัน จากนั้นก็คาบชิ้นเนื้อไว้ในปาก กระโดดมาหาหวังลู่และคายชิ้นเนื้อให้ผู้เป็นนาย

 

แม้เขาจะเป็นลูกศิษย์แถวหน้าที่มีความรู้กว้างขวาง แต่กลับก็ไม่รู้ว่าเจ้าชิ้นเนื้อนี้คืออะไร ทว่า… การร่วมแรงออกล่าในครั้งนี้ก็เพื่ออาหารที่พิเศษเหลือล้ำที่ทำให้เจ้าสุนัขหน้าโง่ต้องหัวปักหัวปำนี่ไม่ใช่หรือ

 

เขากัดชิ้นเนื้อเข้าไปคำหนึ่ง ทันใดนั้นของเหลวร้อนจัดก็พุ่งเข้าไปในลำคอ หวังลู่ไม่มีเวลาชิมรสด้วยซ้ำว่าเจ้าสิ่งนี้นั้นขมหรือหวาน เพราะของเหลวที่ร้อนผิดธรรมดานี้ลวกหลอดอาหารของเขาไปทั้งหลอด

 

ระยำเอ๊ย! ลาวารึนี่

 

หลังจากฝึกฝนกระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์มาหลายปี ผิวหนังของหวังลู่ก็ทนทานขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก หนำซ้ำมันยังทนทานขึ้นทั้งภายในภายนอกจนแม้เขาจะเพิ่งดื่มน้ำมันร้อนๆ ลงไป เขาก็ยังจิบชาสมุนไพรตามลงไปได้ ทว่าครั้งนี้ของเหลวร้อนระอุกลับเผาไหม้หลอดอาหารของเขาในชั่วพริบตา ความเจ็บปวดไหลพล่านไปทั่วกะเพราะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วร่าง

 

แต่ขณะที่กำลังเจ็บปวดแสนสาหัส พลังชีวิตก็พลุ่งขึ้นมาจากกระเพาะของเขา… หวังลู่ตัวแข็งทื่อไปพักหนึ่ง สุดท้ายเขาก็รู้ว่าเจ้าชิ้นเนื้อนี้คืออะไร

 

มันคือแหล่งพลังงานบริสุทธิ์ของสิ่งมีชีวิต มันคือพลังงานชีวิต แถมดียิ่งกว่าตรงทีเป็นอายุขัยดั้งเดิม

 

ในอาณาจักรเก้าแคว้น วัตถุวิเศษที่ยืดเวลาชีวิตไม่ใช่สิ่งหายาก ทว่าอันที่สามารถเพิ่มอายุขัยดั้งเดิมได้นั้นถือว่าประเมินค่าไม่ได้

 

หวังลู่ไม่มีเวลาวิเคราะห์ว่าเหตุใดร่างของวิญญาณปรลัยถึงได้มีแก่นอายุขัยดั้งเดิมได้ นั่นเพราะในตอนนี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้คือพลังงานที่ไหลหลากเข้ามาในร่างกายซึ่งท่วมท้นราวกับกระแสน้ำในแม่น้ำแยงซี สิบปี ยี่สิบปี… ไม่นานหลังจากนั้น อายุขัยของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเกินหนึ่งศตวรรษ

 

แต่เดิมอายุขัยของหวังลู่อยู่ที่ราวหนึ่งร้อยปี ทว่าตอนนี้มันกลับเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ตอนนี้เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบเจ็ดปี จึงยังไม่ใส่ใจเรื่องอายุขัยของตัวเองมากนัก แม้ในฐานะมนุษย์ เขาก็ยังไม่ถือว่าอยู่ในช่วงสูงสุดของชีวิต ดังนั้นจึงไม่จำเป็นสักนิดที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับอายุที่ยืนยาว ทว่าการที่อายุขัยดั้งเดิมของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าก็แปลว่าชีวิตเขาก้าวไปสู่ในอีกระดับหนึ่งแล้ว

 

การมีอายุขัยสองร้อยปีถือเป็นสิทธิพิเศษของผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐาน ทว่าตอนนี้ชีวิตของหวังลู่ได้ถูกเลื่อนให้อยู่ในระดับเดียวกับผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานล่วงหน้าแล้ว

 

ในฐานะนักเรียนหัวแถวของสำนักกระบี่วิญญาณ เขารู้เป็นอย่างดีว่าอย่างน้อยที่สุดในอนาคตเขาย่อมไม่ต้องเผชิญกับสภาวะคอขวดในการที่จะบรรลุตบะขั้นสร้างฐาน ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆนั้น ต่อให้มีบุญได้ครอบครองรากวิญญาณในระดับเดียวกับรากวิญญาณนภา หากไม่มีปัจจัยภายนอกเข้ามาช่วย ก็ย่อมต้องสั่งสมการบำเพ็ญเซียนเพื่อที่จะทะลวงผ่านอุปสรรคและบรรลุสู่ตบะขั้นสร้างฐาน ทว่าในภายภาคหน้าหวังลู่เพียงแค่ต้องบำเพ็ญเซียนไปตามปกติเพื่อบรรลุขั้นสร้างฐาน หรือเขาอาจบรรลุสู่ขั้นสร้างฐานโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นไปได้

 

นอกจากอายุขัยที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวแล้ว มันยังให้คุณประโยชน์อื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แม่ทัพซากศพพิษทมิฬนี้คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นรางวัลใหญ่ในแดนปรลัยจริงๆ ตามกฎปฐมกลียุคของสถานที่นี้นั้น ในสภาพการณ์ปกติ ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องสังหารวิญญาณมากมายสักเพียงใดกว่าที่มันจะทิ้งก้อนเนื้อคุณภาพดีที่บรรจุอายุขัยหนึ่งร้อยปีเอาไว้ คุณค่าของสิ่งที่มันทิ้งไว้นี้ไม่ต่างจากแก่นกระบี่ที่จูซือเหยาได้รับจากการสังหารราชาซากศพ ถือเป็นของชั้นเยี่ยมอย่างแท้จริง… เคราะห์ดีที่การดมกลิ่นของเจ้าสุนัขหน้าโง่นั้นยอดเยี่ยมจนสามารถตามรอยแม่ทัพซากศพพิษทมิฬได้ท่ามกลางกระแสน้ำทมิฬที่มืดมนไร้ของเขตเช่นนี้

 

อึดใจถัดมา หวังลู่ก็ลืมตาขึ้นและเห็นเจ้าสุนัขหน้าโง่กำลังกลืนชิ้นเนื้อและของเหลวที่เหลือ

 

หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด คนและสุนัขก็แบ่งสรรของที่ได้มาในสัดส่วนเจ็ดต่อสาม ในฐานะเจ้านายและหัวหน้าคณะล่าสังหาร หวังลู่จึงได้ส่วนแบ่งก้อนโต ส่วนที่เหลือเจ้าสุนัขหน้าโง่ก็กลืนลงไปเงียบๆ ทั้งคู่ต่างรู้สึกพออกพอใจเป็นอย่างมาก

 

ทว่าคราวนี้เจ้าสุนัขจอมทึ่มกลับฉลาดหลักแหลมขึ้น หลังจากที่ได้กินของอร่อย มันก็มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง พร้อมพ่นคำถามออกมา

 

แน่ละว่ามันพออกพอใจที่ได้ล่าแลสังหารแม่ทัพซากศพได้สำเร็จ แต่แล้วอย่างไรเล่า ตอนนี้ทั้งสองก็ยังถูกกระแสน้ำทมิฬโอบล้อม และวิญญาณนับไม่ถ้วนก็ยังคงโจมตีพวกเขาอยู่ที่รอบนอก แน่ละว่าความโกรธขึ้นของเจ้าพวกนี้นั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีเมื่อแม่ทัพซากศพพิษทมิฬถูกสังหาร ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวันกว่าที่กระแสน้ำทมิฬจะล่าถอยไป ทว่าหยกเรืองแสงจำนวนไม่น้อยก็เกือบจะมอดลงหมดแล้ว หากเป็นในถ้ำ เปลวไฟพวกนี้อาจจะคงอยู่ได้อีกหลายชั่วโมง ทว่าที่นี่ภายใต้แรงดันโดยตรงของกระแสน้ำทมิฬ พวกมันเหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อก็จะดับลง คณะที่ประกอบด้วยคนหนึ่งสุนัขหนึ่งพยายามจัดการกับเป้าหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ทว่าตอนนี้ดูเหมือนเวลาใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว

 

หนำซ้ำหยกเรืองแสงพวกนั้นก็เป็นชุดสุดท้ายที่หวังลู่มี ดูท่าว่าพวกเขาคงไม่มีหวังที่จะตีฝ่าการโอบล้อมนี้ไปได้

 

“โบร๋ว?” เมื่อเห็นว่าหยกเรืองแสงเริ่มอ่อนแสงลงอย่างรวดเร็ว เจ้าสุนัขพันทางจอมเขลาก็เริ่มวิตกขึ้นมา

 

“ไม่ต้องเสียขวัญไปหรอก หากหาตัวช่วยภายนอกได้ เราก็จะปลอดภัย”

 

หวังลู่กล่าวพร้อมหยิบไพ่ใบสุดท้ายของการผจญภัยในดินแดนปรลัยออกมาจากย่ามสีเหลืองหม่น มันคือยันต์นภารวมตัวสำนักกระบี่วิญญาณ

 

ทันทีที่ผู้ใช้จุดยันต์นี้ ไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่ที่ใดแม้จะเป็นในนรกโลกันตร์ เขาก็จะถูกพาตัวกลับไปยังภูเขาในทันใด เมื่อสามปีที่แล้วก่อนที่จะออกเดินทางสั่งสมประสบการณ์ เขาได้ใช้แต้มสำนักแลกสิ่งนี้เอาไว้ กลายเป็นว่าเขาจำเป็นต้องใช้มันในเวลานี้

 

“อาจารย์ ข้าฝึกสำเร็จแล้ว รีบมารับข้าที”

 

อึดใจถัดมา เสียงของผู้เป็นอาจารย์ก็ดังเข้ามาในโสตประสาท “ตอนนี้ข้ายุ่งอยู่ รอไปอีกสองวันแล้วกัน”

 

“…”

 

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด