กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 21.2 ไพ่ไม้ตาย (2)

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 21.2 ไพ่ไม้ตาย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

          ดังนั้นตั้งแต่แรกหวังลู่ก็ไม่คิดว่าจะเอาชนะการแข่งขันนี้ด้วยตัวของเขาเอง ทั้งหมดที่เขาทำคือดึงความสนใจมายังตัวเอง เพื่อให้ไพ่ไม้ตายที่แท้จริงยังไม่ถูกเปิดเผย ตอนนี้ทางฝั่งสำนักเซียนหมื่นเวทรวมทั้งไห่อวิ๋นฟานเองจับจ้องมาที่เขาเพียงผู้เดียว ไม่สนใจผู้แข่งขันของสำนักกระบี่วิญญาณอีกสี่คนที่เหลือ รวมถึงคนคนหนึ่งที่ความเร็วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!

           ในที่สุดเมื่อการแข่งขันดำเนินไปถึงสองในสามของเวลาที่กำหนด เจ้าเจียงยวันก็แลกไพ่ระดับหกได้ เห็นดังนั้นหวังลู่ก็ส่งยิ้มยินดีไปให้ แต่มือกลับชี้ไปด้านข้าง เจ้าเจียงยวันหันศีรษะไปมองด้วยความสงสัย และแล้วดวงตาเขาก็เบิกโพลงในทันใด!

           ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แต่ตอนนี้แต้มโภชนาการของหลิวหลีเพิ่มสูงขึ้นจนพอๆ กับเจ้าเจียงยวิน หนำซ้ำความเร็วของนางยังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย! ก่อนหน้านี้พวกเขาสนใจเพียงหวังลู่ คิดแค่ว่าหากแซงหวังลู่ได้ก็จะสามารถชนะการแข่งขันได้ ทว่าไม่น่าเชื่อว่าไพ่ชัยชนะของสำนักกระบี่วิญญาณคือคนอื่นต่างหาก

 ผู้แข่งขันทั้งห้าของสำนักเซียนหมื่นเวทต่างตกตะลึงไปพักใหญ่ พวกเขามองหลิวหลีกินอาหารในชามโดยไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ ท่วงท่าของนางมีระเบียบแบบแผน คงไว้ซึ่งความเป็นกุลสตรี ถึงกระนั้นก็ยังรวดเร็วไม่น้อย ความจริงแล้วนางไม่ได้เคี้ยวอาหาร ก็เหมือนเจ้าเจียงยวันและคนอื่นๆ ที่กลืนลงคอไปเลย เพียงแค่ว่านางไม่ได้กินมูมมาม ไม่ได้อ้าปากกว้างจนกรามบิดเบี้ยว… นางมีวิธีกินของนางเอง ตะเกียบสีเงินคู่นั้นเริงระบำอยู่ในอากาศขณะที่นางขยับมือขึ้นลง ขั้นแรกหลิวหลีค่อยๆ แบ่งอาหารจานโตออกเป็นสิบส่วนอย่างเรียบร้อย จากนั้นนางก็อ้าปากน้อยๆ ออกและกลืนอาหารเหล่านั้นลงท้องไปราวกับวาฬที่ดูดเอาน้ำเข้าตัว เมื่อเทียบกับเจ้าเจียงยวันและผู้แข่งขันฝ่ายตรงข้าม นางไม่ช้ากว่าพวกเขาแม้แต่น้อย หนำซ้ำที่ต่างจากคนของสำนักเวียนหมื่นเวทก็คือนางไม่เคยหยุดกิน หลิวหลีไม่เคยต้องรอให้อาหารย่อยหมด นางเหมือนหลุมไร้ก้นไม่มีผิด!

           มาถึงตอนนี้การแข่งขันก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว อาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะเป็นอาหารระดับสามไม่ก็สูงกว่า ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะย่อย หากเป็นคนธรรมดา กินอาหารเหล่านี้แค่เพียงคำเดียวก็อาจทำให้พวกเขาเลือดออกจมูกได้ด้วยซ้ำ แม้เหล่าผู้แข่งขันจะเป็นศิษย์จากห้าวิเศษ ทว่าเมื่อกินอาหารเหล่านี้ไปหลายสิบจาน พวกเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันไม่น้อย เมื่อมีวิธีพิเศษช่วยย่อย ศิษย์จากสำนักเซียนหมื่นเวทจึงอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าศิษย์จากสำนักกระบี่วิญญาณ… อย่างน้อยศิษย์สำนักในที่สูงส่งอย่างเหย่ยวินก็ไม่อาจกินชามต่อไปได้หากไม่ได้พักก่อน ทว่าแม้ความเร็วในการกินของหลิวหลีจะไม่ได้เร็วจี๋ แต่นางก็ไม่เคยหยุดกินแม้สักวินาทีเดียว และยิ่งเมื่อระดับของไพ่เพิ่มสูงขึ้น ความเร็วของนางก็ยิ่งมากขึ้นทุกที!

           หวังลู่หัวเราะขำอยู่ในใจ พลางคิดว่านี่คือข้อได้เปรียบที่เด่นชัดของการมีเรือนกายบริสุทธิ์แจ่มใสของกระบี่กระจ่างใจ ร่างกายที่กระจ่างราวแก้วคือสิ่งที่นางใช้เป็นหลักในการเอาชนะผู้บำเพ็ญเซียนขั้นพิสุทธิ์ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว! เรื่องความสามารถในการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน ไม่แน่ว่าอาจจะมีเพียงเฟนรีร์ เจ้าสุนัขทึ่มนั่นที่อาจจะแข่งกับนางได้ ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถเขียนบันทึกเรื่องอาหารตลอดหนึ่งปีของการเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ได้

           “เอาละ ต่อจากนี้หน้าที่ของพวกเจ้าคือเอาชนะศิษย์พี่หลิวหลีผู้น่ารักของเรา ข้าอิ่มพอดี คงไม่ร่วมแข่งกับพวกเจ้าอีกต่อไป”

           พูดจบ หวังลู่ก็ลุกขึ้นและยอมแพ้ในการแข่ง!

           คนจากสำนักเซียนหมื่นเวทต่างตกตะลึงอีกครั้ง! โดยเฉพาะเจ้าเจียงยวันที่ความหดหู่และขุ่นข้องใจสูงทะลุหลังคา “ระยำ! เจ้าจะเลิกง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร!? เจ้าไม่มีแม้จิตวิญญาณในการแข่งขัน ท่าทีขี้โอ่จองหองของเจ้าเมื่อก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้ว เราพยายามแทบตายเพื่อตีตื้นให้ทันระดับของไพ่ของเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับยกมือยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ!?”

           ความจริงแล้วหวังลู่ก็ผิดหวังกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย ในฐานะนักผจญภัยมืออาชีพ เขาย่อมมีหลักจริยธรรมของผู้ที่เป็นนักผจญภัยมืออาชีพ ทว่าเขาเพียงแค่กินไม่ไหวอีกแล้ว หนำซ้ำเขายังคิดว่า… ‘เจ้าคิดว่าสวาปามไปขนาดนี้เป็นเรื่องง่ายรึ พวกเจ้าที่มีตบะขั้นสร้างฐานก็สามารถกินได้มากเท่าที่ต้องการเพราะมีระบบการย่อยที่พัฒนากว่า แต่ข้า ‘บุตรีหน้าตาหมดจดจากตระกูลต่ำต้อย’ ที่มีตบะเพียงขั้นฝึกปราณก็อุตส่าห์ร่วมเล่นกับเจ้ามานานจนกระเพาะแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!’

           ทว่าเขาไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผล หากนั่นจะทำให้อีกฝ่ายหดหู่และขุ่นเคืองจนกระทั่งกระทบต่อการกินของพวกเขา เช่นนั้นก็ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ความจริงเขารู้ดีว่าความสามารถในการกินของหลิวหลีนั้นไม่ได้ดีไปกว่าเหล่านักกินจากสำนักเซียนหมื่นเวท หลังจากที่เขาคำนวณและเล่นตุกติกหลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้เพียงเพิ่มโอกาสในการชนะได้เกินครึ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

           หลังจากนี้ ไม่ว่าศิษย์พี่หญิงหลิวหลีจะกวาดเรียบทั้งกระดาน หรือไม่ว่าคนของสำนักเซียนหมื่นเวทจะจับได้ไพ่ใบใด หวังลู่ก็ไม่อยากใส่ใจอีกต่อไป

          หลังจากกินเข้าไปมหาศาล เขาก็อยากจะผ่อนคลายสักเล็กน้อย…

 ——

          ผ่านไปพักใหญ่ หลังจากที่รู้สึกสดชื่นขึ้นแล้ว หวังลู่ก็กลับมายังโต๊ะแข่งขันและพบว่าเขามาได้จังหวะพอดิบพอดี การแข่งขันกำลังจะจบลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ส่วนสถานการณ์บนโต๊ะในตอนนี้… ผู้แข่งขันส่วนใหญ่ต่างยอมแพ้ นั่งหอบหายใจอยู่กับที่ แม้แต่จ้านจื่อเย่เองก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างสิ้นหวัง วิชาจับคู่แต้มโภชนาการของเขานั้นน่าทึ่ง ส่วนการคำนวณของเขากลับสุดยอดยิ่งกว่า ด้วยคะแนนที่จำกัด แต่เขากลับทำให้ผลลัพธ์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทว่าต่อหน้าผู้แข่งขันที่มีความสามารถในการกินสูงกว่าเขาหลายเท่า จ้านจื่อเย่ทำได้เพียงพูดออกมาว่า “ข้าถอนตัว” ส่วนคนอื่นๆ ในฝั่งเขาที่ความสามารถในการกินอยู่ในระดับกลางๆ และไม่ได้ดีไปกว่าเขา พวกเขารู้สึกปวดกระเพาะยิ่งกว่าเดิม ทว่าไม่อาจลุกออกจากโต๊ะแข่งขันได้อย่างอิสระเหมือนหวังลู่ มันจึงเป็นสถานการณ์ที่น่าอับอายไม่น้อยสำหรับพวกเขา

           ดังนั้นจึงเหลือตัวเอกในการแข่งขันเพียงสองคนเท่านั้น นั่นคือหลิวหลีและเจ้าเจียงยวัน ศิษย์พี่หญิงหลิวหลีที่มีกระเพาะไร้ก้นยังคงรักษาแบบแผนในการกินของนางอยู่ อาหารที่ให้พลังงานสูงชามหนึ่งนางสามารถเคี้ยวด้วยสีหน้านิ่งเฉยสองสามทีก็หมด หนำซ้ำนางยังไม่สนเรื่องคะแนนและแต้มโภชนาการอีกด้วย ความจริงแล้วตลอดทั้งการแข่งขัน นางเป็นเพียงคนเดียวที่เอร็ดอร่อยกับอาหารเหล่านี้

          อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำของเจ้าเจียงยวันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ราวกับว่าตัวของเขาจะระเบิดได้ตลอดเวลา ทั้งปาก คอและท้องของเขาเต็มไปด้วยอาหาร ร่างทั้งร่างของเขาพองขึ้นจนกลายเป็นลูกบอล! เห็นได้ชัดว่าตอนที่หวังลู่ออกไปพักผ่อน เจ้าเจียงยวันพยายามกินอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ และผลจากความทุ่มเท่นี้ก็คือแต้มโภชนาการของเขายังทิ้งช่วงกับผู้แข่งขันรายอื่น ถึงแม้จะไม่มากเท่าไรก็ตาม

           ตอนนี้การแข่งขันใกล้จะจบลงเต็มทีแล้ว ทันทีที่เขากลืนก้อนอาหารในปากลงท้องได้ หากดูจากความเร็วในการกินของหลิวหลี เขามั่นใจว่าตนต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน ทว่า…การจะกลืนก้อนอาหารในปากลงท้องนั้นพูดง่ายกว่าทำ แต่ถ้าเขาไม่กลืน หลิวหลีต้องชนะการแข่งในครั้งนี้แน่!

           ผู้อาวุโสหลายคนของสำนักเซียนหมื่นเวทต่างรู้สึกวิตกกังวล เพราะความสามารถในการกินของหลิวหลีนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความสามารถในการกินของเจ้าเจียงยวันนั้นต้องฝึกฝน ดังนั้นมันจึงมีขีดจำกัด และในตอนนี้มันก็เกินขีดจำกัดที่ว่านั่นมาแล้ว ความพยายามในการกินของเขาสร้างความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงให้ตัวเขาเอง ทว่าหากพวกเขาบอกให้ลูกศิษย์ยอมแพ้ในตอนนี้ เจ้าเจียงยวันจะต้องสูญเสียความมั่นใจขนาดหนัก และนั่นก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสลังเล

           พวกเขาได้แต่คิดอยู่ในใจเงียบๆ ‘ไม่แน่เขาอาจจะชนะก็ได้’

           เป็นฉากคุมเชิงบนโต๊ะแข่งขันที่ดูแปลกประหลาด คนจากทั้งสองฝ่ายต่างกลั้นหายใจเพราะเกรงว่าจะไปกระทบกับผู้เข้าแข่งขันที่เหลือรอดทั้งสอง แน่ละว่าไม่อาจมีสิ่งใดมากระทบหลิวหลีได้ แต่เป็นฝั่งเจ้าเจียงยวันเองต่างหากที่จะมีปัญหา

           เมื่อเห็นดังนั้น หวังลู่ก็ส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ยุ่งยากทำไม”

           จากนั้นเขาก็สืบเท้าไปที่โต๊ะ แต่เป็นทางฝั่งของหลิวหลี จากนั้นก็…

           ยื่นมือออกไปปลดกระดุมเม็ดบนสุดที่อยู่บนชุดของหญิงสาว

           ทันใดนั้น อกอวบอิ่มขาวสล้างก็เด้งออกมาครึ่งหนึ่ง

           “พรวด!”

          วินาทีถัดมา เลือดกำเดาก็พุ่งออกมาจากจมูกของบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม อาหารต่างๆ ที่เขาเก็บสะสมไว้ในตัวถูกพ่นออกมากลางอากาศ!

          ได้ตัวผู้ชนะแล้ว!

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด