กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 9 เจ้าลิง มาเล่นด้วยกันมา

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 9 เจ้าลิง มาเล่นด้วยกันมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กอริลล่าไม่ได้เป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งและฟื้นตัวรวดเร็ว เมื่อเทียบกับเหล่านักล่าตามธรรมชาติ เช่น หมาใน สุนัขจิ้งจอก เสือโคร่ง และเสือดำ แม้กอริลล่าจะมีร่างกายที่ใหญ่โต แต่ความที่ไวต่ออาการบาดเจ็บและหวาดกลัวความตายทำให้มันไม่ใช่นักสู้ที่ดี

แม้กอริลล่าหลังเงินตัวนี้จะสำเร็จในการบำเพ็ญตบะและสร้างแกนภายใน แต่ก็ยังสืบทอดจุดบกพร่องของสายพันธุ์ของมันอยู่ นั่นคือสัญชาตญาณของเหล่าวานร ขั้นตบะของมันไม่ถือว่าด้อย แต่ความกล้าหาญกับขั้นตบะกลับไม่สัมพันธ์กัน นั่นเพราะมันกลัวความตายเป็นอย่างมาก เหตุผลที่ผู้เป็นนายพออกพอใจมันเป็นเพราะมันค่อนข้างฉลาดกว่าสัตว์ภูตชนิดอื่น ดังนั้นในสถานการณ์ที่ไม่ต้องใช้พละกำลังมากมายนัก จึงสันนิษฐานได้ว่ามันสามารถจัดการภารกิจสำคัญโดยลำพังได้

และปฏิกิริยาของเจ้าหลังเงินก็คู่ควรกับที่ผู้เป็นนายคาดหวังเอาไว้ ทันทีที่มันพ่ายแพ้ มันก็เดาได้อย่างถูกต้องว่าผู้บำเพ็ญเซียนหนุ่มสาวตรงหน้าน่าจะเป็นศิษย์มากพรสวรรค์จากสำนักชื่อดัง ตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนจากทะเลสาบวารีสวรรค์ย่อมไม่อาจผลิตผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานที่แข็งแกร่งเช่นนี้ขึ้นได้ สองคนนี้ต้องอ้างชื่อตระกูลจากทะเลสาบวารีสวรรค์เพื่อออกเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์เป็นแน่ ดังนั้นเจ้าหลังเงินจึงปรับท่าทีมาเป็นผู้ที่ทุกข์ทรมานแต่ไม่ยอมพ่ายแพ้ในทันใด สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนรุ่นเยาว์ที่ไร้ประสบการณ์และยังมองโลกอย่างเพ้อฝัน ท่าทีของผู้ที่ทุกข์ทรมานแต่ไม่ยอมพ่ายแพ้มักเรียกคะแนนความน่าสงสารและสามารถเอาชีวิตรอดได้ง่ายกว่า แม้เจ้าหลังเงินจะเป็นสัตว์ภูตแต่กำเนิด แต่มันก็คุ้นเคยกับธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ

โชคร้ายที่คู่ต่อสู้ที่มันเผชิญหน้าด้วยในครั้งนี้ไม่อาจตบตาได้ง่ายๆ หวังลู่ตอบสนองต่อวิธีเอาตัวรอดของเจ้าหลังเงินเพียงสองอย่าง นั่นคือตัดนิ้วมือและใช้เท้าเหยียบหัวของมัน สองอย่างนี้ทำให้ความคิดทั้งหมดในหัวของเจ้ากอริลล่ากระเจิงไป เหลือเพียงความกลัวที่ไม่อาจลบออกไปได้ง่ายๆ

จากนั้นเสียงเย็นชาของหวังลู่ก็ผ่านเข้ามาในโสตประสาท

“ตอนนี้ข้าจะถามคำถามเจ้า และเจ้ามีหน้าที่ตอบ หากตอบไม่ได้เจ้าก็ต้องตาย หากคิดตุกติกเจ้าก็ต้องตาย”

เจ้าหลังเงินพยักหน้าซ้ำๆ โดยไม่มีท่าทีต่อต้าน ยิ่งไม่ต้องคิดถึงเรื่องเอ่ยปากต่อรอง มันเห็นได้นิสัยของอีกฝ่ายแล้วว่า เมื่อเทียบกับวิธีดักปล้นของพวกตนแล้ว ฝ่ายตรงข้ามนั้นอำมหิต ไม่สนกฎเกณฑ์ เลือดเย็นและไม่มีท่าทีลังเลกว่ามาก หากรับมืออย่างเลินเล่อแม้เพียงนิด อีกฝ่ายย่อมไม่รั้งรอที่จะฆ่ามันแน่

“เริ่มด้วยถามง่ายๆ ก่อนดีกว่า ชื่อ เพศ อายุ สายพันธุ์”

“…หลังเงิน เพศผู้ กอริลล่า อายุ 136 ปี”

น้ำเสียงไม่แยแสของหวังลู่ดังขึ้นอีก “ดี คำถามต่อไป ข้าได้ยินมาว่าสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์รวบรวมสุนัขภูตไปทั่วบริเวณเขาอวิ๋นไท่ ทำไมกัน”

เจ้าหลังเงินแปลกใจ มันไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถามคำถามนี้ นี่เป็นความลับของสำนัก และหากมันแพร่งพรายออกไป…

ทว่าแม้เจ้าหลังเงินจะลังเลเพียงแวบเดียว แต่กระบี่แห่งเขาคุนในมือของหวังลู่กลับไม่เป็นเช่นนั้น กระบี่แทงทะลุแขนล่ำของเจ้าสีเงินอย่างไม่ใส่ใจ เจ้าสัตว์ร้ายร่างยักษ์ร้องโหยหวนออกมาขณะที่เลือดพุ่งกระฉูดราวกับน้ำตก

“เจ้าจะค่อยๆ ปั้นแต่งคำพูดก็ย่อมได้ แต่ยิ่งใช้เวลาใคร่ครวญนานเท่าไร เลือดก็จะยิ่งทะลักมากขึ้นเท่านั้น”

หวังลู่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบพร้อมดึงกระบี่ออกแล้วเอาไปจ่อที่ต้นคอของเจ้าหลังเงิน

เจ้าหลังเงินรีบเปิดปากอย่างสั่นเทิ้มและเกือบจะพูดออกไปแล้วตอนที่มันได้ยินหลิวหลีขมวดคิ้วถามหวังลู่ “ศิษย์พี่ ข้าจำกฎของสำนักได้ มันเขียนไว้ว่าห้ามใช้อำนาจกดขี่สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่า”

คำพูดของหญิงสาวเปรียบดั่งเสียงสังคีตจากสวรรค์ที่เข้าสู่หูของเจ้าหลังเงิน แม้มันจะบาดเจ็บรุนแรงจนไม่อาจก้มหัวคารวะนางได้ แต่ก็ยังอยากเปล่งวาจาสรรเสริญอีกฝ่ายอยู่ดี

กล่าวได้ดี ศิษย์จากสำนักที่เที่ยงธรรมจะกดขี่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าได้อย่างไร หากต้องฆ่าก็ฆ่า แต่ก็ไม่ควรทรมานกัน!

ทว่าแม้ต้องเผชิญกับคำถามที่จริงจังของหลิวหลี แต่หวังลู่ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรมากนัก

แม้ความจริงสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์จะโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง การปล้นกันกลางวันแสกๆ พยายามจะขโมยสุนัขภูตอย่างโจ่งแจ้งและไม่ลังเลที่จะทำให้เป้าหมายบาดเจ็บหรือถึงขั้นถึงแก่ชีวิต การที่เขาใช้ความรุนแรงระงับความรุนแรงในการกระทำที่เลวทรามเช่นนี้ถือว่าผ่อนผันให้มากแล้ว

ทว่าด้วยระดับความสามารถในการรับรู้ของหลิวหลี อธิบายด้วยวาจาที่ซับซ้อนไปก็เหนื่อยเปล่า ดังนั้นเพื่อจะตอบคำถามของนาง หวังลู่จึงทำเพียงยิ้มและพูดว่า “ข้าเปล่ากดขี่แต่กำลังทำอาหาร”

“ทำอาหาร?” ดวงตาของหลิวหลีเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ เป็นอีกครั้งที่นางรู้สึกว่าความสามารถด้านสมองของนางนั้นไม่เพียงพอ

หวังลู่หัวเราะขำ “เจ้าเคยกินซาชิมิเนื้อกอริลล่าไหม”

“เอ่อ…” หลิวหลีขมวดคิ้วช้าๆ

“อีกเดี๋ยวเราจะกินสมองลิงสดๆ กัน ขั้นตอนเหล่านี้จำเป็นต่อการทำอาหาร ไม่เรียกว่าการทรมานผู้อื่นแต่อย่างใด ดังนั้นเจ้าวางใจได้”

คิ้วระหงของหลิวหลีเหยียดออก นางกล่าวพร้อมยิ้มยิงฟัน “ข้าว่าแล้วเชียวว่าศิษย์พี่เป็นคนดี ท่านย่อมไม่ละเมิดกฎของสำนักอยู่แล้ว!”

เจ้าหลังเงินอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ไม่ นี่มันโคตรผิดมหันต์เลย! คำอธิบายระยำนี่ฟังขึ้นได้อย่างไร สำนักใดกันที่มีกฎที่ไร้เกียรติขนาดนี้!?

โชคร้ายที่มันไม่มีเวลาพอให้ครุ่นคิดเพราะตอนนี้กระบี่แห่งเขาคุนเริ่มทิ่มเข้าที่หลังคอของมันแล้ว ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้มันลืมวิธีคิดไปจนสิ้น และด้วยความที่มันเป็นสัตว์ภูตที่ทนต่อความเจ็บปวดได้ไม่ดีนัก เจ้าหลังเงินจึงไม่อาจต้านทานสภาพที่เป็นอยู่นี้ได้

สุดท้ายแล้วมันจึงต้องเผยความลับของสำนักออกมา “นั่นเพราะเราต้องการที่จะหลอมปลอกคอสัตว์ภูตซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ในการที่จะทำเช่นนั้น เราต้องใช้วิญญาณสุนัขหนึ่งหมื่นตัว แต่จะหวังพึ่งสุนัขภูตของสาขาเพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงต้องออกรวบรวมสุนัขภูตทั่วบริเวณเขาอวิ๋นไท่ แม้สุนัขภูตของเจ้าจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่สายพันธุ์ของมันก็พิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งมีค่าไม่น้อยในการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเราจึงต้องพาตัวมันไปให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด”

หวังลู่พยักหน้าจากนั้นก็ดึงกระบี่แห่งเขาคุนสูงขึ้นอีกนิด

“หลอมปลอกคอสัตว์ภูตโดยใช้วิญญาณของสุนัขหมื่นดวง?” หวังลู่เม้มปากจากนั้นก็นึกถึงสิ่งที่ร่ำเรียนในหอเถิงอวิ๋นตลอดสองปี เขาเพิ่งเรียนการหลอมได้ถึงระดับกลางเท่านั้น เพราะผู้ที่จะเรียนการหลอมระดับสูงได้ต้องมีตบะขั้นพิสุทธิ์เสียก่อน ดังนั้นวิชานี้เขาจึงยังไม่ได้ศึกษาจนลึกซึ้งพอ อย่างไรก็ตามหากอนุมานเอาจากความรู้ทั่วไปเรื่องการหลอม คำพูดของเจ้าหลังเงินนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก

อาวุธวิเศษที่สำคัญที่สุดสำหรับสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ในการทำให้สัตว์ภูตเชื่องก็คือปลอกคอวิเศษ หากสวมเข้ากับสัตว์ภูตที่เป็นเป้าหมาย พลังวิญญาณขั้นปฐมของสัตว์ภูตตัวนั้นก็จะถูกควบคุมโดยเจ้าของปลอกคออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มันถือเป็นอาวุธวิเศษที่สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ต้องใช้ในการทำให้สัตว์ภูตจำนวนน้อยนิดที่ยากแก่การทำให้เชื่องนั้นเชื่องลง

ทว่าปลอกคอวิเศษไม่ได้มีความสามารถล้นฟ้า ยิ่งสัตว์ภูตที่มีพลังและพรสวรรค์แต่กำเนิดมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เชื่องได้ยากเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ปลอกคอวิเศษในระดับที่เป็นอาวุธวิเศษนั้นไม่อาจทำให้เจ้าหลังเงินเชื่องได้ง่ายๆ

ทว่าสำนักเชี่ยวขาญสรรพสัตว์พยายามจะหลอมปลอกคอวิเศษในระดับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา เช่นนั้นแล้วสัตว์ภูตประเภทไหนกันที่คู่ควรจะสวมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ให้ หนำซ้ำยังบอกอีกว่าต้องใช้สุนัขภูตจำนวนมหาศาลในการหลอม แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องสร้างปลอกคอวิเศษให้กับสัตว์ชนิดที่พิเศษเกินธรรมดาซึ่งมีประสิทธิภาพสูงส่ง หรือว่าสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ต้องการจับสุนัขเซียนกันนะ…

ตอนที่หวังลู่ถามคำถามนั้นกับเจ้าหลังเงิน ฝ่ายหลังถึงกับสบถใส่ความซวยของตัวเองในทันที มันพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงหัวข้อนี้และเอ่ยถึงเฉพาะปลอกคอวิเศษเท่านั้น แต่กลับไม่คาดคิดว่าคำถามถัดไปของอีกฝ่ายจะแม่นยำเช่นนี้

ทว่าหากครั้งนี้มันแพร่พรายข้อมูลออกไปอีกละก็ ย่อมสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของสำนักอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นเจ้าหลังเงินจึงลังเลอยู่เป็นเวลานานและไม่กล้าที่จะเปิดปาก

ทว่าอาการลังเลของเจ้าหลังเงินกลับทำให้ดวงตาของหวังลู่เป็นประกายขึ้น “โอ้ เจ้าดูลังเลที่จะตอบ ดูท่าว่าสิ่งนี้จะเป็นแก่นของปัญหาสินะ หากจะให้ข้าลองเดาจากคำพูดก่อนหน้าของเจ้า งั้นข้าก็จะลองเสี่ยงเดาว่าพวกเจ้าเจอสุนัขภูตหายากแถวๆ เขาอวิ๋นไท่ ไม่แน่ว่าความแข็งแกร่งของมันอาจจะไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่มันน่าจะเก่งกาจเรื่องการแอบซ่อนและหลบหนี สาขาของเจ้ามีผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างแกนไม่น้อย แต่กลับจับเจ้าสุนัขนี่ไม่ได้ ดังนั้นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเจ้าก็คือต้องหลอมปลอกคอวิเศษขึ้นมา และใช้พลังของปลอกคอวิเศษระดับอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้สกัดกั้นในระยะร้อยลี้ พวกเจ้าจึงจะสามารถควบคุมพฤติกรรมของมันให้อยู่ในอาณาเขตนี้ได้”

หวังลู่พูดต่อภายใต้สายตาหวาดกลัวของเจ้าหลังเงิน “ทำไมพวกเจ้าจึงเกณฑ์คนจำนวนมากไปจัดการเรื่องนี้ ทั้งยังยอมทำตัวเป็นโจรเสียด้วย… ไม่แน่ว่าพวกเจ้าอาจจะต้องการจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อาจรั้งรอให้นานกว่านี้ได้อีก แล้วทำไมพวกเจ้าจึงต้องรีบจัดการเรื่องนี้ พวกเจ้ากลัวว่าหากใช้เวลามากผู้คนก็จะยิ่งทำให้พวกเจ้าทำงานลำบากขึ้นหรือ แล้ทำไมพวกเจ้าถึงกลัวว่าผู้คนจะทำให้เจ้าทำงานลำบากขึ้นกันเล่า นั่นเพราะเจ้าสุนัขตัวนี้นั้นมีค่ามากสำหรับสำนักอื่นๆ เช่นกันจนคนพวกนั้นอาจไม่ลังเลที่จะต่อต้านสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ เพราะฉะนั้นหากข้าเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นลูกของสัตวภูตระดับสูงล้ำ ไม่ก็อาจจะเป็นสัตว์เซียนก็เป็นได้”

ขณะที่สีหน้าของเจ้ากอริลล่าหลังเงินเริ่มซีดเผือดลงเรื่อยๆ หวังลู่ก็หัวเราะออกมา “แม้ข้าอาจจะเดาได้ไม่ตรงเผง แต่ข้าคิดว่าเหล่ากองกำลังที่อยู่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นสำนักมังกรขาว สำนักเคลื่อนเมฆา หรือแม้แต่อาณาจักรอวิ๋นไท่ รวมทั้งสำนักใหญ่น้อยทั้งหลายต้องสนใจเรื่องนี้แน่ๆ เรื่องตัวอ่อนของสัตว์ภูตนั้น แม้แต่พันธมิตรหมื่นเซียนยังให้ความสนใจเลย! เพราะงั้นเจ้าคงพอจะนึกออกนะว่าจะเกิดเหตุการณ์น่าอัศจรรย์อะไรบ้างหากข้าแย้มข่าวนี้ออกไปให้ทุกคนได้รับรู้”

อึดใจถัดมา เสียงหนักแน่นก็ดังก้องจากเส้นขอบฟ้า “หากเจ้าคิดจะทำเช่นนั้น ข้าก็ยืนยันได้ว่าชีวิตของเจ้าคงไม่พ้นวันนี้แน่”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ใบหน้าของเจ้ากอริลล่าหลังเงินก็แข็งทื่อขึ้นมาทันใด จากนั้นสีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นยินดีอย่างเหลือล้น!

ในขณะเดียวกัน เฉินตงจื้อและศิษย์น้องที่ซ่อนตัวแอบมองดูเหตุการณ์ตัวสั่นสะท้านอยู่ไกลๆ ก็อดตะโกนออกมาไม่ได้ “ท่านอาจารย์!”

ด้วยจิตที่เชื่อมโยงกัน ผู้อาวุโสตบะขั้นสร้างแกนของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ผู้เป็นอาจารย์จึงสามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าหลังเงินกำลังเผชิญกับวิกฤต ดังนั้นเขาจึงรีบเดินทางเต็มความเร็วเพื่อมาที่นี่!

“ปล่อยหลังเงินเสียแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

ขณะพูด ผู้อาวุโสยังอยู่ห่างจากที่นี่หลายสิบลี้ แต่เสียงของเขากลับดังมาถึง พลังอิทธิฤทธิ์ของปรมาจารย์ตบะขั้นสร้างแกนถูกส่งมาพร้อมกับคลื่นเสียง พลังจู่โจมของมันสามารถแทรกซึมเข้าไปที่วิหารของฝ่ายตรงข้ามและทำให้พลังวิญญาณขั้นปฐมสั่นไหวได้

เสียงทรงพลังของผู้อาวุโสตบะขั้นสร้างแกนจากสำนักชั้นนำสามารถทำอันตรายต่อผู้คนที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบลี้ได้ ในการรับมือกับกระบวนท่าแรกของผู้อาวุโสตบะขั้นสร้างแกนคนนี้ หวังลู่ทำเพียงแค่สะบัดกระบี่แห่งเขาคุนเบาๆ และพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่มองไม่เห็นก็ค่อยๆ หมุนวนรอบตัวเขารวมทั้งหวังลู่และเจ้าสุนัขลายด่าง เสียงของอีกฝ่ายก็สลายไปเมื่อปะทะกับวงล้อมของกระบี่

ในการประมือกันครั้งนี้ หวังลู่ได้รู้ซึ้งถึงพลังโจมตีที่ปลายวงล้อมกระบี่ และได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างแกน แม้จะเป็นเพียงขั้นสร้างแกนระดับต้นและไม่ได้มีของดีในตัวอะไรนัก แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานอย่างเขา อีกฝ่ายก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอยู่ดี

ตอนนั้นหัวของเจ้าหลังเงินยังถูกกดอยู่กับพื้นโดยที่มันนอนคว่ำหน้า ทำให้มองไม่เห็นประกายชั่วช้าที่แวบเข้ามาในดวงตาของมัน แม้หวังลู่จะเก่งกล้าถึงขนาดสกัดการโจมตีเสียงฟ้าผ่าได้ แต่เมื่อผู้เป็นอาจารย์ของมันเข้ามาใกล้ในระยะที่กำหนด มันจะสามารถสลัดพ้นอันตรายนี้ได้ในทันทีด้วยวิชาลับของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ นั่นคือวิชารวมร่างสัตว์ภูต ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของผู้เป็นอาจารย์ให้มากยิ่งขึ้น ถึงตอนนั้นอาจารย์ของมัดก็จะสามารถจัดการแมลงตบะขั้นสร้างฐานตัวจ้อยนี่ได้โดยง่าย และตัวมันเองก็สามารถเอาคืนได้อย่างสาสม

ทว่าหวังลู่กลับไม่มีท่าทีเร่งร้อน หลังจากสกัดเสียงฟ้าผ่านั่นได้แล้ว เขาก็ชี้กระบี่แห่งเขาคุนตรงไปยังต้นทางของเสียงที่อยู่ในระยะไกล “เจ้าลิงตัวไหนคิดมาเล่นแถวนี้เนี่ย”

ในขณะเดียวกัน มือซ้ายของเขาก็ส่งสัญญาณให้หลิวหลี หญิงสาวมีท่าทีประหลาดใจ แต่การกระทำของนางก็รวดเร็วราวสายฟ้า

นางเรียกกระบี่อัคคีออกมา และมันก็พุ่งตรงไปที่หัวของเจ้าหลังเงินอย่างรวดเร็วจากทางด้านหลัง ซึ่งปลิดชีพเจ้ากอริลล่าทันทีโดยที่รอยยิ้มประหลาดของมันยังคงค้างอยู่บนใบหน้า

“กล้าดียังไง! เจ้ารนหาที่ตายเองนะ!” สิ่งที่ตามมาคือน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสตบะขั้นสร้างแกน ความเดือดดาลของเขาทะยานผ่านอากาศจนทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี

ทว่าหวังลู่กลับเหยียดยิ้มในใจ นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ ใครกันจะไม่รู้ว่าหากผู้บำเพ็ญเซียนจากสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ร่วมมือกับสัตว์ภูตจะทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น หากข้าไม่ชิงจัดการปัญหาเสียตั้งแต่ตอนที่พวกเจ้าทั้งสองยังอยู่ห่างกัน ข้าไม่ยิ่งต้องลำบากหนักตอนเผชิญหน้ากับเจ้ารึ

ดังนั้นข้าจึงหักแขนของเจ้าเสีย แล้วจากนั้น…

เจ้าก็จะเหลือมือแค่ข้างเดียวไว้เล่นกับช้างน้อยของตัวเองไง เจ้าโง่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด