กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 21.1 ไพ่ไม้ตาย (1)

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 21.1 ไพ่ไม้ตาย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

          หลังจากเหตุการณ์เสี่ยงโชคสิบเอ็ดครั้งที่ชวนตกตะลึงของหวังลู่ สถานการณ์การแข่งขันก็กลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง

          สำนักเซียนหมื่นเวทตกอยู่ภายใต้สภาวะกดดันอย่างฉับพลัน แม้พวกเขาจะยังได้เปรียบอยู่ในเรื่องแต้มรวมของโภชนาการ แต่ข้อได้เปรียบนั้นก็ค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ

          นั่นไม่ใช่เพราะคนของสำนักกระบี่วิญญาณกินได้เร็วขึ้น แต่เป็นคนของสำนักเซียนหมื่นเวทต่างหากที่ช้าลง

          สาเหตุประการแรกคือการเสี่ยงโชคของหวังลู่ ซึ่งก่อให้เกิดความคิดแย่ๆ ขึ้นกับเหล่าผู้แข่งขัน เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเก็บคะแนนได้ และเห็นไพ่สีทองในสำรับของหวังลู่ พวกเขาก็อดที่จะอยากลองเสี่ยงโชคดูบ้างไม่ได้

          อาจารย์ของพวกเขาบอกว่าหวังลู่เกิดมาพร้อมวาสนามหาศาล ทว่าท่ามกลางผู้คนที่อยู่ที่นี่ ใครบ้างไม่มีวาสนาสูงส่งกัน ในหมู่พวกเขาทั้งห้า ไม่มีสักคนที่สวรรค์ไม่ประทานพรสวรรค์และโอกาสมาให้! ทว่าเมื่อพวกเขาเปิดโอกาสให้กับโชคชะตา ผลที่ได้กลับเป็น…

          ไพ่ขยะ ไพ่ขยะ ไพ่ขยะ!

          เมื่อเป็นเช่นนี้ คะแนนจำนวนมากของพวกเขาจึงถูกใช้ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช่ลู่เฉียนไช่เพียงคนเดียว แม้แต่คนที่ก้าวหน้ามากที่สุดอย่างเจ้าเจียงยวันยังอดที่จะเสี่ยงโชคไม่ได้ สุดท้ายเขาก็เสียอาหารเปล่าๆ ไปถึงสิบจาน

          พอเห็นดังนี้ หวังลู่ก็ได้แต่ยิ้มและเพิกเฉย ความจริงแล้วเขาไม่ได้เสี่ยงโชคสิบเอ็ดครั้งเพื่อนำชัยชนะมาสู่ฝั่งตน แต่เพื่อดึงจังหวะคู่แข่งให้ช้าลง ทำให้พวกเขาลังเลและกระโดดลงบ่อโคลนซึ่งก็คือการเสี่ยงโชค พูดอีกอย่างก็คือ เขาตั้งใจเต็มร้อยที่จะลวงอีกฝ่ายให้ใช้คะแนนไปโดยเปล่าประโยชน์!

          สิ่งที่เรียกว่าเกิดมาพร้อมวาสนามหาศาลนั้นแน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ทว่าไม่ว่าคนคนหนึ่งจะมีโชคมหาศาลเพียงใดก็ตาม แต่ก็แทบมีโอกาสเพียงหนึ่งในพันที่จะเสี่ยงโชคสิบเอ็ดครั้งแล้วได้ผลลัพธ์น่าตื่นตะลึงเช่นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาศัยทักษะด้วยเล็กน้อย แน่นอนมันไม่ได้ใช่โกง เขาเพียงใช้วิธีพิเศษเพื่อช่วยเพิ่มโชคให้ตัวเองชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น!

          มันเป็นทักษะเฉพาะตัวของเขาเอง ทว่าทักษะนี้ต้องใช้ในสภาวะที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่เช่นนั้นผลที่ได้อาจจะไม่ดี หนำซ้ำยังยากไม่น้อยที่จะเอามาใช้ในการต่อสู้จริงๆ อย่างไรก็ตามมันก็สามารถเอามาใช้เสี่ยงโชคในการแข่งกินเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีได้ โชคร้ายที่มันใช้ได้เพียงครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเสี่ยงโชคสิบเอ็ดครั้งให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งอีก แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นแล้ว

          เหตุผลข้อสองที่ความเร็วของผู้แข่งขันจากสำนักเซียนหมื่นเวทช้าลงเป็นเพราะฝีมือการทำอาหารที่เยี่ยมยอดของอาย่า แม้แต่โอสถช่วยย่อยกระเพาะแข็งแรงของพวกเขาก็ยังไม่อาจเอาชนะอาหารที่มีรสชาติรุนแรงและเฉพาะตัวของอาย่า ที่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่หมดความอยากอาหารได้ นอกจากนี้พวกเขายังไม่สามารถกินโอสถช่วยย่อมกระเพาะแข็งแรงได้อีกต่อไป เพราะหลังจากที่กินโอสถนี้เข้าไปหลายเม็ด โอสถกลับไม่ให้ผลอย่างที่ต้องการอีก

          เคราะห์ดีที่ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งห้าของสำนักเซียนหมื่นเวทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยความสามารถในการควบคุมร่างกายที่ทรงพลังของตบะขั้นสร้างฐาน ทำให้พวกเขายังกินได้อย่างต่อเนื่อง ทว่าไม่ต้องพูดก็รู้ได้ว่าพวกเขาต้องทรมานอย่างหนัก…

          อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนจากสำนักเซียนหมื่นเวทเริ่มช้าลง ผู้แข่งขันจากสำนักกระบี่วิญญาณก็มีกำลังใจมากขึ้น พวกเขาเริ่มเร่งความเร็วทีละนิด พยายามที่จะไล่อีกฝ่ายให้ทัน

          ทว่าเมื่อสถานการณ์ของฝ่ายตนย่ำแย่ลงเรื่อยๆ สุดท้ายศิษย์น้องเล็กของสำนักเซียนหมื่นเวทก็เปิดปากขึ้น

          “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่หญิง ข้าว่าในเมื่อนี่เป็นการแข่งขัน เราก็ควรทำให้สมกับเป็นการแข่งขัน แทนที่จะโอ้อวดเรื่องกลยุทธ์หรือความตั้งใจจริง ชัยชนะนั้นสำคัญยิ่งกว่า”

          ศิษย์น้องเล็กในหมู่ผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าของสำนักเซียนหมื่นเวทเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็มองไปยังอีกสี่คน และเมื่อเห็นว่าพวกนั้นกำลังฟังอย่างตั้งใจ เขาจึงยิ้มออกมา “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่หญิง พวกท่านก็รู้ว่าข้าไม่มีทักษะที่จะภาคภูมิใจได้ ดังนั้น…จนถึงตอนนี้ ข้าจึงปิดกั้นประสาทรับรสไปเสีย”

          จ้านจื่อเย่และคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง จากนั้นก็แสดงสีหน้าเข้าใจอย่างกระจ่างชัดออกมา ใช่แล้ว ยังมีวิธีนี้อยู่! พลังในการควบคุมร่างกายของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานนั้นล้ำหน้ากว่า ปรมาจารย์ในโลกเซียนอยู่มากโข พวกเขาสามารถปิดกั้นตัวเองจากประสาททั้งห้า… และมันก็ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย! ทันทีที่พวกเขาปิดกั้นประสาทรับรส แม้จะทำให้ลำบากไปบ้าง แต่รสชาติแปลกๆ ของอาหารก็จะไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขาอีกต่อไป!

          นี่คือการแข่งขันไม่ใช่การแสดงความตั้งใจจริง หรือการทะเลาะกับฝ่ายตรงข้าม แต่ชัยชนะจะต้องมาก่อน… แม้ก่อนหน้านี้สำนักเซียนหมื่นเวทจะต้องการจบการแข่งขันด้วยชัยชนะที่ท่วมท้นครอบคลุม และแต่ในเมื่อเรื่องนั้นดูท่าจะเป็นไปไม่ได้ เช่นนั้นแค่ชัยชนะธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

          จ้านจื่อเย่ เจ้าเจียงยวันและคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วยกับไห่อวิ๋นฟาน จากนั้นพวกเขาก็ปิดกันประสาทการรับรสและเพิ่มความเร็วในการกิน!

          หวังลู่ปรายตามองเสี่ยวไห่ ยิ้มออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร ในหมู่คนทั้งห้าของสำนักเซียนหมื่นเวท ผู้ที่มีระดับขั้นตบะและระดับสูงสุดคือจ้านจื่อเย่ ทว่าคนที่คู่ควรให้จับตามองที่สุดย่อมเป็นไห่อวิ๋นฟาน อย่างไรเสียมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขามีค่าให้จับตามองมากน้อยเพียงไร เพราะไพ่ตายที่จะตัดสินชัยชนะนั้นไม่ใช่สิ่งนี้

——

          อีกด้านหนึ่ง หลังจากได้รับคำเตือนจากไห่อวิ๋นฟาน ความคืบหน้าของสำนักเซียนหมื่นเวทก็รวดเร็วขึ้นมาก และพวกเขาก็กลับมามองเห็นความหวังในชัยชนะอีกครั้ง ผู้ที่มีความสามารถในการกินมากที่สุดอย่างเจ้าเจียงยวันนั้นไม่ต่างจากเสือกินวาฬ กองชามเปล่าที่ตั้งอยู่ข้างๆ เขาสูงขึ้นจนดูเหมือนภูเขาขนาดย่อมๆ ซึ่งดูน่าหวันเกรงที่จะมองไม่น้อย

          พื้นฐานร่างกายของผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานนั้นไม่ธรรมดา ทว่าหากไม่มีวิธีพิเศษ ก็ไม่มีทางที่คนคนหนึ่งจะกินได้มหาศาลเช่นนี้ หากร่างกายไม่อาจย่อยส่วนที่เหลือได้ คนคนหนึ่งจะกินได้มากมายในคราวเดียวขนาดนี้หรือ หนำซ้ำอาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะนี้ก็ปรุงด้วยวัตถุดิบเซียน ซึ่งมีคุณค่าสูงกว่าอาหารทั่วไปของโลกมนุษย์ ผลก็คือทำให้ย่อยได้ยากกว่า ตอนนี้เจ้าเจียงยวันกำลังสำแดงความสามารถของตน และอีกไม่นานเขาก็จะทิ้งคู่แข่งจากสำนักกระบี่วิญญาณไม่เห็นฝุ่น แม้แต่ช่องว่างระหว่างเขากับหวังลู่ก็ยังลดลงมาเรื่อยๆ

          ไพ่ระดับสูงของหวังลู่นั้นดีเลิศก็จริง แต่ศิษย์จากสำนักเซียนหมื่นเวทก็ค่อยๆ พัฒนาระดับไพ่ของตนขึ้นเรื่อยๆ ในตอนต้นของการแข่งขัน พวกเขาไม่กล้าฝันถึงไพ่ระดับห้าหรือระดับหกด้วยซ้ำ ทว่าในช่วงกลางของการแข่งขัน ไพ่เหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่อาจครอบครองได้อีกต่อไป เจ้าเจียงยวันรวบรวมไพ่ระดับสี่ได้จำนวนหนึ่ง และเขาก็อาจจะเปลี่ยนพวกมันเป็นไพ่ระดับห้าเมื่อใดก็ได้!

          ตราบใดที่เขาสามารถแซงหวังลู่ได้ การแข่งขันครั้งนี้ก็ไม่น่าหวาดหวั่นอีกต่อไป… นอกเสียจากว่าฝ่ายหลังจะฝืนลิขิตสวรรค์เสี่ยงโชคสิบเอ็ดครั้งและได้ไพ่ระดับหกอีกหลายใบมา เพื่อรักษาความได้เปรียบนี้ต่อไป ทว่าแม้อีกฝ่ายจะทำเช่นนั้น แต่ด้วยความก้าวหน้าของเจ้าเจียงยวัน เขาอาจจะแลกไพ่ระดับหกด้วยคะแนนสองในสามส่วนที่สะสมได้ และใช้คะแนนอีกหนึ่งในสามเพื่อเรียกคืนความได้เปรียบ

          ด้านของหวังลู่ เขายังคงรักษาความเร็วระดับปานกลางเอาไว้ พลางมองข้อได้เปรียบที่ยากจะโค่นของตนที่หดเล็กลงอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้านิ่งเฉย… ที่จริงเขาไม่อาจทำความเร็วได้มากกว่านี้แล้วต่างหาก

          ในการแข่งกระเพาะเหล็กนี้ หากดูจากความแข็งแกร่งรายตัวเพียงอย่างเดียว เขาถือว่าอ่อนที่สุด เขาไม่อาจเอาชนะเยวี่ยซินเหยาได้ด้วยซ้ำ ความจริงแล้วหากดูจากความทรหดของร่างกายเพียงอย่างเดียว ด้วยกระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขา เมื่อเทียบกับจ้านจื่อเย่และหลิวหลี เขาไม่ได้รู้สึกด้อยกว่า ทว่าความทรหดของร่างกายกับความสามารถในการกินนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน…ความจริงแล้วด้วยเหตุผลง่ายๆข้อหนึ่ง มันไม่ยากเลยที่จะได้คำตอบ วิชาที่จะเพิ่มความสามารถในการกินจะถือกำเนิดขึ้นในสถานที่ที่แร้นแค้นอย่างยอดเขาไร้ลักษณ์ได้อย่างไร  ตัวของหวังอู่เองนั้นอยู่ภายนอกกระท่อมได้เป็นวันๆ โดยไม่ต้องกินอะไรเลย ยามที่นางและลูกศิษย์ดูดซับแก่นของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เข้าไป!

…………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด