นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 1049 สาวงามนั้นล้ำค่า แต่ชีวิตมีค่ามากกว่า

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 1049 สาวงามนั้นล้ำค่า แต่ชีวิตมีค่ามากกว่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1049 สาวงามนั้นล้ำค่า แต่ชีวิตมีค่ามากกว่า

เสด็จอาเก้าเห็นจักรพรรดิโกรธจนแทบทนไม่ไหว เมื่อเห็นว่าได้สิ่งที่ต้องการ เขาจึงเอ่ยปากออกมาว่า “ฝ่าบาท เสด็จพี่สามถูกลักพาตัวไปตอนที่อยู่ในการควบคุมของข้า ถือเป็นความละเลยของข้า ฝ่าบาทได้โปรดมอบโอกาสให้ข้าสักครั้งเพื่อเป็นการไถ่โทษครั้งนี้”

ตอนแรกคิดว่าเรื่องที่ท่านอ๋องสามหายตัวคงไม่อาจหาความผิดจากตัวของเสด็จอาเก้าได้ คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะเป็นคนรับเรื่องไว้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าจักรพรรดิรับปากออกไปทันที “ข้าอนุญาต”

เพื่อเป็นการแสดงถึงความใจกว้างและมีเมตตาของตนเอง จักรพรรดิจึงกล่าวเสริมออกไปอีกหนึ่งประโยค “ข้ามอบสิทธิ์ในการใช้อำนาจให้เจ้า ภายในห้าวันเจ้าจะต้องตามหาตัวให้พบ”

ให้อำนาจที่มากเพียงพอกับเสด็จอาเก้า เมื่อถึงเวลาหากเสด็จอาเก้าตามหาตัวท่านอ๋องสามไม่พบ เขาจะต้องได้รับการลงโทษที่ยิ่งใหญ่กว่า……

“ข้าน้อมรับคำบัญชา” เสด็จอาเก้าก้มหน้า เก็บซ่อนแสงในดวงตาของเขา

ดอกไม้ทั้งสองเบ่งบานพร้อมกันแต่คนละกิ่งก้าน เสด็จอาเก้าเล่นหูเล่นตากับจักรพรรดิในพระราชวัง ส่วนเฟิ่งชิงเฉินได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนในจวน นางได้รับความอบอุ่นอย่างท่วมท้นทันทีที่กลับถึงบ้าน

พ่อบ้านรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะกลับมาวันนี้ เขาได้สั่งให้คนครัวเตรียมอาหารที่เฟิ่งชิงเฉินชอบไว้มากมาย ชิวฮว่าคอยเตรียมน้ำร้อน เพียงแค่รอให้เฟิ่งชิงเฉินกลับมา และแม่บ้านที่มีหน้าที่ทำความสะอาดพื้น พวกนางตั้งใจขัดหินที่อยู่ทางเดินด้านนอกให้เฟิ่งชิงเฉินโดยเฉพาะ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงหินเดินเท้า แต่กลับใสสะอาดราวกับกระจก

นี่แหละถึงเป็นกลิ่นอายของบ้านอันแท้จริง เมื่อกลับมาก็มีกับข้าวร้อน ๆ รออยู่ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็เต็มไปด้วยความครึกครื้น ไม่มีความเยือกเย็นแม้แต่น้อย

เมื่อเทียบกับชาติที่แล้ว ตอนนี้มันดีกว่ามาก ในโลกปัจจุบัน ไม่ว่านางจะทำงานหนักมากเพียงใด เหนื่อยแค่ไหน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ต้องพบเจอกับความเยือกเย็นสุดก้นบึ้งหัวใจ ฟอร์นิเจอร์ที่เต็มไปด้วยฝุ่น เมื่อพูดออกไปก็มีแต่เสียงสะท้อนของตนเองที่ดังกลับมา……

“น่าเสียดายที่ซือสิงยังไม่กลับมา” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวด้วยความเสียใจเล็กน้อย แต่นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่า หลังจากเสียงของนางเงียบลง พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาด้วยความดีใจพร้อมกล่าวว่า “แม่นาง คุณชายซุนกลับมาแล้ว คุณชายซุนกลับมาแล้ว”

“ซือสิงกลับมาแล้ว?” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความสุข คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เต็มไปด้วยความราบรื่น คิดถึงใคร คนผู้นั้นก็มาทันที

ซุนซือสิงลงจากม้า รีบวิ่งเข้ามาด้านใน มองดูรอบ ๆ เฟิ่งชิงเฉินอยู่ครึ่งวัน เมื่อรู้ว่าอาการบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉินเกือบจะหายดีแล้วเขาก็วางใจ อาจารย์และศิษย์พูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา จากนั้นพวกเขาก็กลับไปห้องของตนเอง

เฟิ่งชิงเฉินมีความสุขมาก สั่งให้พ่อบ้านเตรียมงานเลี้ยง คนรับใช้เองก็มีส่วนเช่นกัน พ่อบ้านออกไปจัดเตรียมด้วยความดีใจ ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่ครื้นเครงที่สุดของจวนเฟิ่ง นายและบ่าวมีความสุขไปด้วยกัน เฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงร่วมกันพูดคุยและดื่มสุราอยู่หลายแก้ว

ความสามารถในการดื่มสุราของซุนซือสิงอยู่ในระดับปานกลาง แต่ความสามารถในการดื่มของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา แต่อาจเป็นเพราะว่าวันนี้นางอารมณ์ดีมากเกินไป หลังจากเฟิ่งชิงเฉินดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว ประกอบกับสายลมเย็น ๆ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกง่วงและขอตัวออกจากงานเลี้ยงก่อน

นางอยู่ คนอื่นก็ไม่กล้าสนุกอย่างเต็มที่

กลับมาถึงห้อง เมื่อล้างหน้าเสร็จเฟิ่งชิงเฉินก็เดินมายังห้องหนังสือ จากท่าทางของทงจือและทงเหยา ดูเหมือนว่าพวกนางมีอะไรจะพูด

“คุณหนู”

เฟิ่งชิงเฉินเพิ่งจะเข้ามาในห้องหนังสือได้ไม่นาน ทงจือและทงเหยาก็เดินตามเข้ามา

“นั่งลงสิ” เฟิ่งชิงเฉินยกศอกตั้งไว้บนโต๊ะ กลิ่นสุราโชยออกมา ใบหน้าของนางเป็นสีแดง ดวงตาคู่นั้นเป็นสีดำ ไม่สามารถอธิบายได้ว่านางงดงามเพียงใด ดวงตาที่ดูเหมือนคลื่นน้ำ เมื่อยกคิ้วและลืมตาดูเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง เมื่อได้เห็นทำให้ผู้คนรู้สึกปากแห้ง

ทงจือและทงเหยาไม่เคยเห็นเฟิ่งชิงเฉินในสภาพนี้มาก่อน พวกนางรู้สึกตะลึง รอจนพวกนางได้สติกลับคืนมา พวกนางพบว่าตนเองกำลังมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความคลั่งไคล้

ทงจือและทงเหยาก้มหน้าอย่างเขินอาย เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกฉุนเฉียวเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจท่าทางของทั้งสองคน นางเพียงจิบชาเบา ๆ “พูดออกมาเถอะ ช่วงนี้มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ”

เมื่อกลับเข้าเรื่อง ทงจือและทงเหยาถึงจะสงบลง ทงจือกล่าวออกมาว่า “คุณหนู สนมเอกเซี่ยส่งคนมาถามอยู่บ่อย ๆ ว่าคุณหนูจะกลับมาเมื่อไหร่ วันนี้เองก็ส่งคนมา บอกให้คุณหนูเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้จะเชิญตัวคุณหนูเข้าไปในพระราชวัง”

“พรุ่งนี้? เหตุใดถึงได้รีบร้อนยิ่งนัก? สนมเอกเซี่ยใกล้คลอดแล้วไม่ใช่หรือ? หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเด็ก?” สำหรับสนมเอกเซี่ย เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกชื่นชมในตัวนางไม่น้อย แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางทั้งสองจะไม่ค่อยดีในช่วงแรก แต่สนมเอกเซี่ยเป็นคนฉลาดที่หาได้ยาก ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงชอบพูดคุยกับนาง

ไม่ต้องพูดถึงตระกูลเซี่ย หากเฟิ่งชิงเฉินต้องการผูกมิตรกับคนในพระราชวัง เฟิ่งชิงเฉินหวังว่าคนผู้นั้นจะเป็นสนมเอกเซี่ย

“สนมเอกเซี่ยกำลังจะคลอดอีกในไม่กี่วัน ได้ยินคนในพระราชวังคุยกันว่าสนมเอกเซี่ยเป็นกังวล อยากเชิญคุณหนูเข้าไปในพระราชวังเพื่อพูดคุยเป็นเพื่อนนาง” สนมเอกเซี่ยปิดกั้นตำหนักจาวเยี่ยนไว้อย่างมิดชิด ทงจือไม่สามารถหาข้อมูลจากตำหนักจาวเยี่ยนได้

“พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปดูในพระราชวัง” เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย

เมื่อกลับมาถึงเมืองจักรพรรดิก็อย่าหวังว่าจะว่าง เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านางจะไม่มีเวลาพักผ่อนแม้แต่วันเดียว

ทงจือและทงเหยาเองก็รู้สึกเป็นห่วงเฟิ่งชิงเฉิน แต่เรื่องนี้จะไม่พูดออกมาก็ไม่ได้ ทงจือกล่าวออกมาอีกว่า “คุณหนู วันนี้เป็นวันที่เจ้าเมืองฉู่เข้าเมือง บังเอิญเข้ามาพร้อมกับเสด็จอาเก้าและท่าน พวกเขามาช้ากว่าก้าวหนึ่ง ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่แห่งเมืองฉู่ ฉู่ฉางฮว๋า ไม่พอใจเป็นอย่างมาก”

“ฉู่ฉางฮว๋า? นางมาตงหลิงเพื่ออะไร?” เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว นางเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่สำหรับผู้หญิงที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเสด็จอาเก้า นางไม่อาจทำใจยอมรับได้

“ว่ากันว่าเป็นความประสงค์ของฝ่าบาท ต้องการอภิเษกสมรสเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ เมืองเย่เฉิงอยู่ในมือของฝ่าบาท เมืองไถจงก็กำลังจะถูกใต้เท้าฝู่พิชิต เมืองหยุนก็สามารถเข้าร่วมกับตงหลิงได้ทุกเมื่อ หากได้เมืองฉู่มาครอบครอง เท่ากับว่าเสด็จอาเก้าก็ตกอยู่ในกำมือของฝ่าบาทไปแล้วครึ่งหนึ่ง” หลังจากฝึกฝนมาเป็นเวลานาน ความรู้ของทงจือและทงเหยาก็แข็งแกร่งและมากกว่าผู้ชายทั่วไป

“จักรพรรดิช่างโลภยิ่งนัก” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน

ดูเผิน ๆ จะเห็นว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างเป็นประโยชน์ต่อจักรพรรดิเป็นอย่างมาก แต่เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้วยกันมานานถึงเพียงนี้ รู้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น

ยังเร็วเกินไปที่จักรพรรดิจะควบคุมเมืองเย่เฉิง ส่วนเมืองไถจง? สถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีที่สุด แม้เมืองไถจงจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก และต่อให้ฝู่หลินนำคนไปยึดเมืองไถจงไว้ได้ ต่อให้เมืองไถจงยอมจำนน แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่มีทางยอมเป็นอันขาด

เมืองหยุน ด้วยกำลังสนับสนุนลับ ๆ ของเสด็จอาเก้า และผลประโยชน์ที่ได้รับจากยาป้องกันการแท้งบุตร ไม่นานเมืองหยุนก็จะฟื้นฟูกลับมาในสภาพเดิม ส่วนฉู่ฉางฮว๋า……หากฉู่ฉางฮว๋าสามารถแต่งงานได้ง่ายถึงเพียงนั้น นางก็คงได้แต่งงานไปตั้งแต่แรกแล้ว

ฉู่ฉางฮว๋าจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอและถูกใครรังแกได้โดยง่าย

จากนั้นทงจือและทงเหยาก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงหลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินเดินทางออกไปจากเมืองหลวงออกมา เรื่องที่สนมเอกเซี่ยจะคลอดลูกนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ รวมถึงเรื่องที่เหล่าสนมในวังหลังตั้งครรภ์เองก็เช่นกัน แต่เป็นพระสนมซูเหนียงเหนียงที่เป็นสนมผู้โปรดปราน

ผู้มีอำนาจภายนอกพระราชวังได้รับความไว้วางใจจนน่ากลัว ฝู่หลิน ใต้เท้าฝู่ถูกจักรพรรดิส่งไปยังเมืองไถจง และเรื่องที่ใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าเป็นเรื่องของเจ้ากรมการคลังที่ถูกเฆี่ยนตีจนตายในท้องพระโรงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ทุกอย่าง หลังจากการพูดคุย นางบอกให้ทงจือและทงเหยาออกไป นั่งอยู่ในห้องหนังสือเพียงลำพัง จากนั้นก็กลับไปยังห้องนอนของตนเอง อาจจะเป็นเพราะอาการเมา เฟิ่งชิงเฉินเดินกลับไปด้วยฝีเท้าที่ไม่มั่นคง เดินไปทางโน้นทีทางนี้ที แต่ก็ดูน่ารักเป็นอย่างมาก……

ด้วยความช่วยเหลือจากแสงจันทร์จาง ๆ เห็นเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในสภาพมึนเมา มันมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะละสายตาออกมาได้ และแอบรู้สึกเสียดายใจหัวใจ……

แน่นอนว่าไม่ได้รู้สึกเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินมีเจ้าของแล้ว แต่เสียดายที่เสด็จอาเก้าไม่อยู่ ไม่เห็นท่าทางอันน่าดึงดูดและมีเสน่ห์ของเฟิ่งชิงเฉิน หากเสด็จอาเก้าได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินในสภาพเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงจะ……

แฮ่ม แฮ่ม ไม่พูดจะดีกว่า

เหล่าสายลับนึกถึงสายตาอันกว้างไกลของเสด็จอาเก้า พวกเขาหลับรีบหลับตาและมองไปทางอื่นทันใด……

สาวงามนั้นล้ำค่า แต่ชีวิตมีค่ามากกว่า!

โจ่วอั้นกอดดาบพลิกตัวนอน พรุ่งนี้เฟิ่งชิงเฉินต้องเข้าไปในพระราชวัง เขาไม่สามารถตามไปได้ เวลานี้เขาก็สามารถไปทำในสิ่งที่เขาควรทำได้แล้ว……

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *