สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 981 คุณนายน้อยของตระกูลเย้น

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 981 คุณนายน้อยของตระกูลเย้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยืนมองด้วยแววตาเกลียดชังเป็นเวลานาน เมื่อเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยจูงมือเดินจากไป เจียงเป้ยนีจึงละสายตาจากรั้วเหล็ก

เพลิงไฟที่เรียกว่า ริษยา ปกคลุมทั่วเรือนร่างของเธออย่างร้อนรุ่ม

เธอมองรั้วเหล็กด้วยแววตาทอประกายความเกลียดชัง ก่อนจะขบฟันหันกายจากไป

เธอไปที่บ้านเย้นซิวหย่าโดยตรง

เดินเข้าไปหาเย้นซิวหย่าทันทีทันใด

เวลานี้เย้นซิวหย่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์คุณภาพชั้นเลิศ นั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตียงของเย้นจือฮวน พลางมองเย้นจือฮวนที่นอนสลบไสลด้วยแววตาอันเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงและอ่อนโยน

ขณะนี้เย้นจือฮวนบาดเจ็บสาหัส โดนทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ทว่าเย้นโม่หลินคล้ายกับมีเจตนาให้เย้นจือฮวนมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทน โดยให้เย้นจือฮวนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยตัวเย้นจือฮวนกลับมาได้

ทว่าถึงแม้จะช่วยออกมาได้ แต่อาการบาดเจ็บของเย้นจือฮวนไม่มั่นคง มีดีบ้าง แย่บ้างปะปนกันไป นานขนาดนี้แล้วยังไม่ฟื้น ยังนอนสลบอยู่

ทางแพทย์ก็ให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่าเย้นจือฮวนจะสลบนานเพียงใด หรืออาจจะสลบไปทั้งชีวิตก็เป็นได้

เย้นซิวหย่าเคลื่อนไหวอย่างช้าๆพลันเฝ้าข้างกายเย้นจือฮวน เธอได้แต่กินน้ำตาต่างข้าวทุกๆวัน หวังอยากให้เย้นจือฮวนหายโดยเร็ววัน

รู้สึกเคียดแค้นชิงชังยิ่งนัก

เคียดแค้นที่เย้นโม่หลินทำร้ายเย้นจือฮวนจนเป็นเช่นนี้ ชิงชังเย้นโม่หลินที่ไม่คำนึกถึงความสัมพันธ์ทางเครือญาติเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง กระทั่งไม่ให้พวกเธอใช้บริการจากแพทย์ป่ายฉี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง

ส่งผลให้เธอได้แต่เฝ้ามองเย้นจือฮวนอยู่ข้างกายด้วยความสิ้นหวัง ไร้หนทาง

ต้องทุกข์ตรมทุกๆวัน

"คุณป้าค่ะ"

เจียงเป้ยนีรีบสาวเท้าเดินมาข้างกายเย้นซิวหย่า พลางกล่าวด้วยความร้อนรนว่า"หนูรู้ว่ากู้จื่อเฟยหว่านเสน่ห์ใส่พี่เย้นยังไงแล้วค่ะ"

เย้นซิวหย่าเหลือบตามองเจียงเป้ยนี เม้มปากไม่ได้พูดอะไร คล้ายกับไม่มีอารมณ์เอ่ยปากอย่างไรอย่างนั้น

ช่วงนี้เจียงเป้ยนีพบปะกับเย้นซิวหย่าด้วยท่าทีเช่นนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอเสียใจมากจริง

ยืนมองด้วยแววตาเกลียดชังเป็นเวลานาน เมื่อเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยจูงมือเดินจากไป เจียงเป้ยนีจึงละสายตาจากรั้วเหล็ก

เพลิงไฟที่เรียกว่า ริษยา ปกคลุมทั่วเรือนร่างของเธออย่างร้อนรุ่ม

เธอมองรั้วเหล็กด้วยแววตาทอประกายความเกลียดชัง ก่อนจะขบฟันหันกายจากไป

เธอไปที่บ้านเย้นซิวหย่าโดยตรง

เดินเข้าไปหาเย้นซิวหย่าทันทีทันใด

เวลานี้เย้นซิวหย่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์คุณภาพชั้นเลิศ นั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตียงของเย้นจือฮวน พลางมองเย้นจือฮวนที่นอนสลบไสลด้วยแววตาอันเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงและอ่อนโยน

ขณะนี้เย้นจือฮวนบาดเจ็บสาหัส โดนทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ทว่าเย้นโม่หลินคล้ายกับมีเจตนาให้เย้นจือฮวนมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทน โดยให้เย้นจือฮวนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยตัวเย้นจือฮวนกลับมาได้

ทว่าถึงแม้จะช่วยออกมาได้ แต่อาการบาดเจ็บของเย้นจือฮวนไม่มั่นคง มีดีบ้าง แย่บ้างปะปนกันไป นานขนาดนี้แล้วยังไม่ฟื้น ยังนอนสลบอยู่

ทางแพทย์ก็ให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่าเย้นจือฮวนจะสลบนานเพียงใด หรืออาจจะสลบไปทั้งชีวิตก็เป็นได้

เย้นซิวหย่าเคลื่อนไหวอย่างช้าๆพลันเฝ้าข้างกายเย้นจือฮวน เธอได้แต่กินน้ำตาต่างข้าวทุกๆวัน หวังอยากให้เย้นจือฮวนหายโดยเร็ววัน

รู้สึกเคียดแค้นชิงชังยิ่งนัก

เคียดแค้นที่เย้นโม่หลินทำร้ายเย้นจือฮวนจนเป็นเช่นนี้ ชิงชังเย้นโม่หลินที่ไม่คำนึกถึงความสัมพันธ์ทางเครือญาติเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง กระทั่งไม่ให้พวกเธอใช้บริการจากแพทย์ป่ายฉี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง

ส่งผลให้เธอได้แต่เฝ้ามองเย้นจือฮวนอยู่ข้างกายด้วยความสิ้นหวัง ไร้หนทาง

ต้องทุกข์ตรมทุกๆวัน

"คุณป้าค่ะ"

เจียงเป้ยนีรีบสาวเท้าเดินมาข้างกายเย้นซิวหย่า พลางกล่าวด้วยความร้อนรนว่า"หนูรู้ว่ากู้จื่อเฟยหว่านเสน่ห์ใส่พี่เย้นยังไงแล้วค่ะ"

เย้นซิวหย่าเหลือบตามองเจียงเป้ยนี เม้มปากไม่ได้พูดอะไร คล้ายกับไม่มีอารมณ์เอ่ยปากอย่างไรอย่างนั้น

ช่วงนี้เจียงเป้ยนีพบปะกับเย้นซิวหย่าด้วยท่าทีเช่นนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอเสียใจมากจริง

ดังนั้นเขาจึงผ่อนปรนและลดสปีดเกี่ยวกับการโจมตีตระกูลเย้นลงเล็กน้อย

ตระกูลเย้นจึงเบาใจ หายใจได้สะดวกมากขึ้น

การโจมตีของตระกูลหยูในครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของตระกูลเย้น และถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลเย้นจะมีอำนาจบารมีเทียบเท่ากับตระกูลหยู ทว่าเนื่องจากตระกูลเย้นไม่ชอบโอ้อวด ประพฤติปฏิบัติด้วยท่าทีสงวนตัวเสมอมา อยู่มาวันหนึ่งกลับถูกตระกูลหยูโจมตีกะทันหันเช่นนี้ กำลังรับมือจึงอ่อนแอเป็นรองอีกฝ่ายด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว

อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะตระกูลหยูมีขุมทรัพย์คอยเกื้อหนุน จึงแข็งแกร่งกว่าตระกูลเย้นในระดับหนึ่ง

โชคดีที่โห้หลีเฉินแบ่งกำลังออกไปกว่าครึ่ง มิฉะนั้น ตระกูลเย้นต้องถูกโจมตีจนล่มสลายแน่

ทว่าถึงกระนั้น เมื่อต้องประชันหน้ากับการโจมตีที่บ้าระห่ำของหยูฉู่สอง ตระกูลเย้นก็รับมือด้วยความยากเย็นแสนเข็ญ

ครั้งนี้สามารถทุเลาลง หายใจสะดวกดีขึ้นบ้าง จึงนับว่าเป็นโอกาสทองเลยทีเดียว

อีกอย่างการแต่งงานของเย้นหว่านก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โตของตระกูลเย้น ถึงครอบครัวพวกเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมพิธีแต่งงานได้ ทว่ากงจืออวีก็คิดจะฉลองอยู่ในบ้าน

ต้องให้คนในตระกูลรับรู้ว่าเย้นหว่านแต่งงานแล้ว แต่งกับโห้หลีเฉิน

นี่เท่ากับเป็นการประกาศข่าวและยิ่งเป็นการกลบเสียงและความคิดสกปรกทั้งหมดทั้งมวลด้วย

ก่อนถึงวันแต่งงานของเย้นหว่าน ตระกูลเย้นจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้เชื้อเชิญคนในตระกูลให้เข้าร่วม

หลังจากที่ช่วงนี้ตระกูลเย้นมีแต่ปัญหาและอุปสรรคถาโถมเข้าหาซ้ำ งานเลี้ยงนี้จึงถือเป็นงานรื่นเริงที่น่ายินดีปรีดายิ่ง

ภายใต้การรักษาของป่ายฉี ร่างกายกู้จื่อเฟยดีขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินเคลื่อนไหวจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

เธอจึงเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย

ยืนมองด้วยแววตาเกลียดชังเป็นเวลานาน เมื่อเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยจูงมือเดินจากไป เจียงเป้ยนีจึงละสายตาจากรั้วเหล็ก

เพลิงไฟที่เรียกว่า ริษยา ปกคลุมทั่วเรือนร่างของเธออย่างร้อนรุ่ม

เธอมองรั้วเหล็กด้วยแววตาทอประกายความเกลียดชัง ก่อนจะขบฟันหันกายจากไป

เธอไปที่บ้านเย้นซิวหย่าโดยตรง

เดินเข้าไปหาเย้นซิวหย่าทันทีทันใด

เวลานี้เย้นซิวหย่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์คุณภาพชั้นเลิศ นั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตียงของเย้นจือฮวน พลางมองเย้นจือฮวนที่นอนสลบไสลด้วยแววตาอันเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงและอ่อนโยน

ขณะนี้เย้นจือฮวนบาดเจ็บสาหัส โดนทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ทว่าเย้นโม่หลินคล้ายกับมีเจตนาให้เย้นจือฮวนมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทน โดยให้เย้นจือฮวนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยตัวเย้นจือฮวนกลับมาได้

ทว่าถึงแม้จะช่วยออกมาได้ แต่อาการบาดเจ็บของเย้นจือฮวนไม่มั่นคง มีดีบ้าง แย่บ้างปะปนกันไป นานขนาดนี้แล้วยังไม่ฟื้น ยังนอนสลบอยู่

ทางแพทย์ก็ให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่าเย้นจือฮวนจะสลบนานเพียงใด หรืออาจจะสลบไปทั้งชีวิตก็เป็นได้

เย้นซิวหย่าเคลื่อนไหวอย่างช้าๆพลันเฝ้าข้างกายเย้นจือฮวน เธอได้แต่กินน้ำตาต่างข้าวทุกๆวัน หวังอยากให้เย้นจือฮวนหายโดยเร็ววัน

รู้สึกเคียดแค้นชิงชังยิ่งนัก

เคียดแค้นที่เย้นโม่หลินทำร้ายเย้นจือฮวนจนเป็นเช่นนี้ ชิงชังเย้นโม่หลินที่ไม่คำนึกถึงความสัมพันธ์ทางเครือญาติเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง กระทั่งไม่ให้พวกเธอใช้บริการจากแพทย์ป่ายฉี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง

ส่งผลให้เธอได้แต่เฝ้ามองเย้นจือฮวนอยู่ข้างกายด้วยความสิ้นหวัง ไร้หนทาง

ต้องทุกข์ตรมทุกๆวัน

"คุณป้าค่ะ"

เจียงเป้ยนีรีบสาวเท้าเดินมาข้างกายเย้นซิวหย่า พลางกล่าวด้วยความร้อนรนว่า"หนูรู้ว่ากู้จื่อเฟยหว่านเสน่ห์ใส่พี่เย้นยังไงแล้วค่ะ"

เย้นซิวหย่าเหลือบตามองเจียงเป้ยนี เม้มปากไม่ได้พูดอะไร คล้ายกับไม่มีอารมณ์เอ่ยปากอย่างไรอย่างนั้น

ช่วงนี้เจียงเป้ยนีพบปะกับเย้นซิวหย่าด้วยท่าทีเช่นนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอเสียใจมากจริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 981 คุณนายน้อยของตระกูลเย้น

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 981 คุณนายน้อยของตระกูลเย้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยืนมองด้วยแววตาเกลียดชังเป็นเวลานาน เมื่อเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยจูงมือเดินจากไป เจียงเป้ยนีจึงละสายตาจากรั้วเหล็ก

เพลิงไฟที่เรียกว่า ริษยา ปกคลุมทั่วเรือนร่างของเธออย่างร้อนรุ่ม

เธอมองรั้วเหล็กด้วยแววตาทอประกายความเกลียดชัง ก่อนจะขบฟันหันกายจากไป

เธอไปที่บ้านเย้นซิวหย่าโดยตรง

เดินเข้าไปหาเย้นซิวหย่าทันทีทันใด

เวลานี้เย้นซิวหย่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์คุณภาพชั้นเลิศ นั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตียงของเย้นจือฮวน พลางมองเย้นจือฮวนที่นอนสลบไสลด้วยแววตาอันเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงและอ่อนโยน

ขณะนี้เย้นจือฮวนบาดเจ็บสาหัส โดนทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ทว่าเย้นโม่หลินคล้ายกับมีเจตนาให้เย้นจือฮวนมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทน โดยให้เย้นจือฮวนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยตัวเย้นจือฮวนกลับมาได้

ทว่าถึงแม้จะช่วยออกมาได้ แต่อาการบาดเจ็บของเย้นจือฮวนไม่มั่นคง มีดีบ้าง แย่บ้างปะปนกันไป นานขนาดนี้แล้วยังไม่ฟื้น ยังนอนสลบอยู่

ทางแพทย์ก็ให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่าเย้นจือฮวนจะสลบนานเพียงใด หรืออาจจะสลบไปทั้งชีวิตก็เป็นได้

เย้นซิวหย่าเคลื่อนไหวอย่างช้าๆพลันเฝ้าข้างกายเย้นจือฮวน เธอได้แต่กินน้ำตาต่างข้าวทุกๆวัน หวังอยากให้เย้นจือฮวนหายโดยเร็ววัน

รู้สึกเคียดแค้นชิงชังยิ่งนัก

เคียดแค้นที่เย้นโม่หลินทำร้ายเย้นจือฮวนจนเป็นเช่นนี้ ชิงชังเย้นโม่หลินที่ไม่คำนึกถึงความสัมพันธ์ทางเครือญาติเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง กระทั่งไม่ให้พวกเธอใช้บริการจากแพทย์ป่ายฉี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง

ส่งผลให้เธอได้แต่เฝ้ามองเย้นจือฮวนอยู่ข้างกายด้วยความสิ้นหวัง ไร้หนทาง

ต้องทุกข์ตรมทุกๆวัน

"คุณป้าค่ะ"

เจียงเป้ยนีรีบสาวเท้าเดินมาข้างกายเย้นซิวหย่า พลางกล่าวด้วยความร้อนรนว่า"หนูรู้ว่ากู้จื่อเฟยหว่านเสน่ห์ใส่พี่เย้นยังไงแล้วค่ะ"

เย้นซิวหย่าเหลือบตามองเจียงเป้ยนี เม้มปากไม่ได้พูดอะไร คล้ายกับไม่มีอารมณ์เอ่ยปากอย่างไรอย่างนั้น

ช่วงนี้เจียงเป้ยนีพบปะกับเย้นซิวหย่าด้วยท่าทีเช่นนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอเสียใจมากจริง

ซึ่งเจียงเป้ยนีเข้าอกเข้าใจดี จึงพูดต่อไปว่า

"หนูเห็นกู้จื่อเฟยมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดพี่เย้นอย่างหน้าไม่อายค่ะ ยังใช้ร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมในการเป็นฝ่ายเริ่มจูบอีกด้วยค่ะ พี่เย้นไม่เคยมีแฟนมาก่อน เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติของหญิงสาวครั้งแรก ทั้งยังเจอกู้จื่อเฟยที่เป็นนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อีกด้วยแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจต้านทานได้ค่ะ

ดังนั้นอันที่จริงพี่เย้นก็ไม่ได้รักกู้จื่อเฟยเลยนะคะ แค่ควบคุมร่างกายไม่อยู่เฉยๆค่ะ"

เย้นซิวหย่าได้ยินก็ไม่มีปฏิกิริยาเท่าใดนัก

กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า "แล้วยังไงล่ะ?ข้างกายเย้นโม่หลินมีเพียงกู้จื่อเฟยคนเดียว ซึ่งกลายเป็นบทสรุปแล้ว"

ถึงแม้จะเป็นเพียงความสุขทางกายเท่านั้น ทว่าด้วยนิสัยของเย้นโม่หลิน เกรงว่าจะดื้อดึงเพื่อพะเน้าพะนอไปตลอดชีวิตแล้ว

เจียงเป้ยนีปกปิดความเกลียดชัง กล่าวอย่างรีบร้อนว่า

"อันนี้ก็คือโอกาสของพวกเราค่ะ

หากแค่หาความสุขทางกายเท่านั้น แสดงว่าพี่เย้นไม่ได้รักใคร่เป็นห่วงกู้จื่อเฟย ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่อาจต้านทานการเปลี่ยนแปลงอันน้อยนิดได้เลยค่ะ

คุณป้าลองคิดดูนะคะ หากมีผู้ชายคนอื่นขึ้นเตียงกับกู้จื่อเฟย ท่านคิดว่าพี่เย้นจะเอากู้จื่อเฟยอีกหรือคะ?"

ทันใดนั้นดวงตาที่ทอแสงสว่างไสวเป็นประกายของเย้นซิวหย่ามองไปยังเจียงเป้ยนี

"เป็นความคิดที่ดี!เป้ยนี หนูมีไอเดียใช่ไหม?"

เจียงเป้ยนีผงกศีรษะด้วยความลำพองใจ"แต่แผนการจะสำเร็จได้ต้องได้รับการช่วยเหลือจากคุณป้าด้วยค่ะ"

แววตาเย้นซิวหย่าเต็มไปด้วยความแค้นเคือง กล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

"ขอเพียงทำให้นางแพศยาอย่างกู้จื่อเฟยตายได้ ฉันทำได้ทั้งนั้น"

……

งานแต่งงานของเย้นหว่านใกล้จะถึงแล้ว

ทั้งยังเป็นงานแต่งงานของนายน้อยตระกูลหยูผู้มีสถานะสูงศักดิ์ด้วย ถึงแม้จะอยู่ในช่วงมรสุมต่างๆก็ตามที ตระกูลหยูก็ยังคงจัดเตรียมงานอย่างเอิกเกริกต่อไป โดยยึดเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ณ ขณะนี้

และเป็นเพราะสาเหตุนี้ หยูฉู่สองจำเป็นต้องใส่ใจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ต้องจดจ่อกับการจัดเตรียมงานแต่งงานเสียส่วนใหญ่

ดังนั้นเขาจึงผ่อนปรนและลดสปีดเกี่ยวกับการโจมตีตระกูลเย้นลงเล็กน้อย

ตระกูลเย้นจึงเบาใจ หายใจได้สะดวกมากขึ้น

การโจมตีของตระกูลหยูในครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของตระกูลเย้น และถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลเย้นจะมีอำนาจบารมีเทียบเท่ากับตระกูลหยู ทว่าเนื่องจากตระกูลเย้นไม่ชอบโอ้อวด ประพฤติปฏิบัติด้วยท่าทีสงวนตัวเสมอมา อยู่มาวันหนึ่งกลับถูกตระกูลหยูโจมตีกะทันหันเช่นนี้ กำลังรับมือจึงอ่อนแอเป็นรองอีกฝ่ายด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว

อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะตระกูลหยูมีขุมทรัพย์คอยเกื้อหนุน จึงแข็งแกร่งกว่าตระกูลเย้นในระดับหนึ่ง

โชคดีที่โห้หลีเฉินแบ่งกำลังออกไปกว่าครึ่ง มิฉะนั้น ตระกูลเย้นต้องถูกโจมตีจนล่มสลายแน่

ทว่าถึงกระนั้น เมื่อต้องประชันหน้ากับการโจมตีที่บ้าระห่ำของหยูฉู่สอง ตระกูลเย้นก็รับมือด้วยความยากเย็นแสนเข็ญ

ครั้งนี้สามารถทุเลาลง หายใจสะดวกดีขึ้นบ้าง จึงนับว่าเป็นโอกาสทองเลยทีเดียว

อีกอย่างการแต่งงานของเย้นหว่านก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โตของตระกูลเย้น ถึงครอบครัวพวกเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมพิธีแต่งงานได้ ทว่ากงจืออวีก็คิดจะฉลองอยู่ในบ้าน

ต้องให้คนในตระกูลรับรู้ว่าเย้นหว่านแต่งงานแล้ว แต่งกับโห้หลีเฉิน

นี่เท่ากับเป็นการประกาศข่าวและยิ่งเป็นการกลบเสียงและความคิดสกปรกทั้งหมดทั้งมวลด้วย

ก่อนถึงวันแต่งงานของเย้นหว่าน ตระกูลเย้นจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้เชื้อเชิญคนในตระกูลให้เข้าร่วม

หลังจากที่ช่วงนี้ตระกูลเย้นมีแต่ปัญหาและอุปสรรคถาโถมเข้าหาซ้ำ งานเลี้ยงนี้จึงถือเป็นงานรื่นเริงที่น่ายินดีปรีดายิ่ง

ภายใต้การรักษาของป่ายฉี ร่างกายกู้จื่อเฟยดีขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินเคลื่อนไหวจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

เธอจึงเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย

คนรับใช้ช่วยเธอสวมใส่เสื้อกระโปรงสีแดงชาด พลางแต่งหน้าแต่งตาอย่างพิถีพิถัน งามหยดย้อยราวกับเทพเซียนหลงเข้ามายังแดนมนุษย์ก็ไม่ปาน

กู้จื่อเฟยมองตัวเองในกระจก พลางจินตนาการอย่างหลงตัวเองว่า เดี๋ยวพี่เย้นเห็นแล้วจะหลงใหลหรือไม่?

ในขณะที่จินตนาการอยู่นั้น ประตูที่ปิดไว้แน่นถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก

เย้นโม่หลินเดินเข้ามาสั่งสาวรับใช้ว่า "พวกเธอออกไปก่อน"

"ค่ะนายน้อย"

เหล่าสาวรับใช้พากันถอยออกไปอย่างเป็นระเบียบ

ห้องอันกว้างขวางเหลือเพียงกู้จื่อเฟยกับเย้นโม่หลินเท่านั้น

กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินอย่างสงสัย"ทำไมเหรอคะ?"

ทำไมต้องให้สาวรับใช้ออกไปด้วย

หากเป็นชายอื่น เธออาจสันนิษฐานว่า เห็นความงามของเธอจึงอยากทำอะไรบางอย่างตามลำพัง ทว่าอีกฝ่ายคือเย้นโม่หลินแล้วก็ ……

มองดวงตาเย้นโม่หลินที่เงียบขรึมและลุ่มลึก กู้จื่อเฟยก็รู้ว่าความคิดดังกล่าวล้วนเป็นเรื่องเลื่อนลอย

เย้นโม่หลินก้าวเท้ายาวไปอยู่ตรงหน้ากู้จื่อเฟย สีหน้าฉงนใจเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยปากพูดว่า

"กู้จื่อเฟย วันนี้คุณไปร่วมงานเลี้ยงกับผม รู้ว่าสื่อถึงอะไรหรือเปล่า?"

เขาสวมใส่ทักซิโด้สีดำขลับ โดยมีขอบเสื้อเป็นสีแดงนิดๆ เมื่อเทียบกับชุดราตรีของเธอแล้วแลดูเหมือนเป็นชุดคู่รักกัน

และท่าทางสุขุมเป็นการเป็นงานของเขา ดูอย่างไรก็หล่อบาดตาบาดใจมากเหลือเกิน

กู้จื่อเฟยยิ้มเบาบาง"ฉันรู้ค่ะ สื่อให้เห็นว่าฉันเป็นแฟนสาวของคุณ"

เมื่อก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลเย้นในฐานะแขกและเพื่อนสนิทของเย้นหว่าน ซึ่งไม่ได้มีอะไรไม่เหมาะสมเลย

ทว่าวันนี้เธอจะออกไปพร้อมกับเย้นโม่หลินในฐานะสาวข้างกายของเขา

นี่เท่ากับเป็นการประกาศต่อหน้าตระกูลเย้นถึงสถานะของเธอ

แววตาเย้นโม่หลินเคร่งขรึม จ้องมองกู้จื่อเฟยคล้ายกับยังไม่วางใจ

เขากล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า

"ไม่เพียงแค่นี้ หากคืนนี้คุณเดินเคียงข้างผมก็เท่ากับคุณคือคุณนายน้อยของตระกูลเย้นในอนาคต"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+