สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 873 น่าจะถูกทำให้ไขว้เขว

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 873 น่าจะถูกทำให้ไขว้เขว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าข้อมูลของท่านฝู้รองจะผ่านการเก็บรักษาอย่างซับซ้อนแน่นหนาขนาดไหน แต่ตกมาอยู่ในมือของโห้หลีเฉินแล้ว ก็เป็นได้แค่เรื่องที่จัดการได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

การไหลเวียนของการเงิน ก็ถูกเปิดเผยออกมาจนหมด

จากการตัดสินเบื้องต้น สรุปได้ว่าท่านฝู้รอง กับตระกูลฝู้แห่งเมืองเจียงมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกันอยู่

นั่นเป็นตระกูลที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเมืองเจียง อยู่มาหลายยุคหลายสมัย เรียกได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูงก็ว่าได้ ในประเทศ ก็ถือว่ามีอำนาจมากมาย

ตระกูลนี้ชอบสะสมสมบัติ ของล้ำค่ามากมาย ถ้าเป็นหยิงหลิงล่ะก็ อาจจะถูกเขาเก็บไปสะสมเอาไว้ก็เป็นไปได้

ถ้าเกิดคาดเอาไว้ไม่ผิดล่ะก็ ท่านฝู้รองก็คือคนของตระกูลนี้

พอได้รับข้อมูลที่ชัดเจน โห้หลีเฉินก็เตรียมส่งคนไปสำรวจตรวจสอบ ในขณะเดียวกัน ยังส่งคนไปสะกดรอยตามฝู้เหวยข่ายด้วย คอยดูว่าต่อไปเขาจะทำอะไร

ถ้าเขาจะกลับไปขอความช่วยเหลือที่ตระกูลล่ะก็ มันก็ยิ่งดีไปใหญ่ จะได้ยืนยันได้เลยว่าเป็นตระกูลฝู้ใช่หรือไม่

ด้วยเหตุนี้เอง โห้หลีเฉินจะบอกว่ายุ่งก็ไม่ยุ่ง จะบอกว่าไม่ยุ่งแต่ก็ยุ่ง ถึงยังไงก็ต้องเตรียมดำเนินการให้ทันเวลา

"ป่ายฉี นายค่อนข้างคุ้นเคยกับพวกเรื่องของโบราณ นายไปตรวจหาข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุยาที่ผู้นำตระกูลฝู้ฝู้ยวนเก็บรวบรวมเอาไว้"

สามารถระบุชื่อวัสดุยาที่ล้ำค่าได้ มีส่วนหนึ่งจะทำการประมูลในงานประมูล ในคัมภีร์โบราณ ในโลกใบนี้ก็อาจจะมีบันทึกไว้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

ฝีมือทางด้านการรักษาของป่ายฉีก็เป็นเลิศ มีความสนใจต่อวัสดุยาที่ล้ำค่ามากกว่าคนปกติทั่วไป การที่ให้เขามาตรวจสอบเรื่องนี้ เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดแล้ว

ป่ายฉีก็มาที่ห้องหนังสือของโห้หลีเฉินด้วยสาเหตุนี้เหมือนกัน

เขาพยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

"ครับ ให้เป็นหน้าที่ของผมก็แล้วกัน"

การที่สืบหาข้อมูลของวัสดุยาที่ฝู้ยวนรวบรวมเอาไว้โดยเฉพาะ ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล ก็คือจะได้คาดเดาถึงความชอบและความต้องการของเขาได้อย่างคร่าวๆ

ถ้ารู้ว่าตอนนี้เขาอยากได้อะไรเป็นพิเศษ จะได้เอาแลกเปลี่ยนกับหยิงหลิงมันก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวอีกตัวเลือกหนึ่งเลยเหมือนกัน

แต่แค่การสันนิษฐานนี้มันต้องอยู่บนการที่เขาไม่สนใจความเป็นความตายของท่านฝู้รอง

มีกองหนังสือตั้งกองอยู่ตรงหน้าของป่ายฉี แล้วก็มีโน๊ตบุ๊คสองเครื่องวางอยู่ด้วย

เขาดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว เตรียมเริ่มที่จะทำงาน

เสียง"แกร๊ก"ดังขึ้นมา ประตูเปิดออกมาจากข้างนอกโดยที่ไม่มีเสียงเคาะก่อน

เย้นโม่หลินเดินเข้ามาตรงๆ รูปร่างที่สูงใหญ่หยุดลงตรงหน้าของป่ายฉี จ้องมองป่ายฉีด้วยสายตาดำมืด

ป่ายฉีถูกมองจนขนลุกขนชัน ใจสั่นกระส่าย

เขาสารภาพกับกู้จื่อเฟยว่าจะอยู่ด้วยกันแล้วไม่ใช่หรือไง? แล้วตอนนี้มาหาเขาหมายความว่ายังไง?

ป่ายฉีเปิดปากพูดด้วยความตื่นตัว"พี่ใหญ่ มาหาผมเหรอ?"

"อื้อ"เย้นโม่หลินตอบรับกลับไปอย่างแข็งทื่อ

จากนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

นิ่งเงียบไปสามวินาที ป่ายฉีก็พูดถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"คุณมาหาผมทำไมเหรอ?"

"มีธุระ"พูดตอบกลับอย่างแข็งทื่ออีกครั้ง

ป่ายฉี"……"

จะมาพูดทีละนิดๆแบบนี้ทำไม? เขารู้อยู่แล้วว่ามีธุระ แต่คุณชายเย้นถึงยังไงคุณก็ช่วยบอกมาตรงๆให้มันชัดเจนไปเลยสิ

พอมองเย้นโม่หลินที่ดูไม่แน่วแน่เด็ดขาดเหมือนอย่างเคย ป่ายฉีก็รู้สึกกระวนกระวายอยู่ไม่สุข กลัวว่าถ้าตัวเองตามออกไปแล้วจะต้องถูกเล่นงานอย่างโหดร้ายแน่ๆ

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอันตราย เขาพูดถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

"พี่ใหญ่ เรื่องของฝู้เหวยข่ายล่าช้าเกินไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังตรวจสอบข้อมูลของคุณท่านแห่งตระกูลฝู้อยู่ คุณมีเรื่องด่วนอะไรไหม?"

ความหมายก็คือ ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรก็ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ไปแล้ว

เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปากบางๆ สีหน้าทั้งแข็งทื่อทั้งเย็นชา

สับสนลังเลอยู่สักพัก จึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ"เรื่องด่วน"

หยุดไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นต่อ"ทำให้ฉันเข้าใจหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่ารัก หรือว่ารักซึ่งกันและกัน"

ป่ายฉี"……"

เขาถลึงสองตาโตด้วยความประหลาดใจ มองพี่ใหญ่ของตัวเองอย่างเหลือเชื่อ

นี่เรียกว่าเรื่องด่วนเหรอ?

ป่ายฉีรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม่อยากขยับเขยื้อนไปไหน

เย้นโม่หลินรอไปสองวินาที ตอนนี้ก็รู้สึกหมดความอดทนแล้ว น้ำเสียงเย็นชาขึ้นไม่น้อย

"รีบมากับฉันเร็วเข้า"

เขาไม่อยากล่าช้าแม้แต่วินาทีเดียว อยากที่จะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

ถึงยังไงสำหรับเขาแล้ว ความรัก มันไม่ใช่เรื่องวิทยาศาสตร์เลย เหมือนกับความรักระหว่างโห้หลีเฉินและเย้นหว่าน ทำให้เขาเห็นแล้วก็คิดอยากจะแยกออกจากกันในทันที

ป่ายฉีมองเอกสารข้อมูลที่กองเป็นภูเขาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง ไหนจะข้อมูลสิบกว่ากิ๊กที่อยู่ในคอมอีก รู้สึกปวดหัวสุดๆ

ผู้ชายที่ตกอยู่ในความรักมันช่างน่ากลัวจริงๆ แม้แต่เรื่องงานก็ไม่ยังแยกออกจากเรื่องส่วนตัว

เรื่องความรู้สึกเกี่ยวกับผู้หญิง สำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด

ป่ายฉีรู้สึกอึดอัด พูดต่อสู้ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย"แม้ว่าผมจะผ่านผู้หญิงมามากมาย แต่ทุกครั้งก็เล่นๆไม่เคยรักจริงๆจังๆมาก่อน สำหรับผมแล้วผู้หญิงก็เหมือนกันทั้งนั้น ผมก็ไม่เคยรักใครมาก่อน จริงๆแล้วผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความรักที่พูดถึงมันคืออะไรกันแน่"

"เหอะ"

เย้นโม่หลินสบถออกมาอย่างเย้ยหยัน ร่างกายมีรังสีน่าเกรงขามแผ่ออกมา"ปกติแล้วมีหลักเหตุผลเยอะแยะมากมาย แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่มีอะไรจะพูดขึ้นมา? ในเมื่อนายไม่มีค่าแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปขุดเหมืองที่แอฟริกาซะ"

ป่ายฉี"!!!"

เขาลุกขึ้นมาจากเก้าอย่างทันที พูดขึ้นอย่างฝืนยิ้ม"ผมคิดว่าผมรู้อยู่บ้างเล็กน้อยนะครับ ไปกันเถอะ ผมจะบอกคุณเอง"

ตอนนี้รังสีรอบๆตัวของเย้นโม่หลิน จึงลดลงไปไม่น้อย

จากนั้น ก็หันเดินออกไปข้างนอกอย่างดูดี ฝีเท้ารวดเร็วดุจสายลม รีบร้อนสุดๆ

ป่ายฉีสีหน้าซีดขาว หมดอาลัยตายอยาก เขาเป็นแค่หมอธรรมดาๆ ทำไมถึงบังคับให้เขาต้องมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักเรื่องความรู้สึกด้วย?

มันข้ามสาขาอาชีพเกินไปไหม หัวข้อนี้มันเกินความสามารถไปมากเลยนะ

"เห้อ"

ถอนหายใจออกมา เดินตามออกไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก

พอปิดประตูลง ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่โห้หลีเฉินกับเว่ยชี แล้วก็ข้อมูลเอกสารที่เพิ่งจะหอบเอาเข้ามาอีกหนึ่งกอง

เว่ยชีลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้น

"คุณผู้ชาย ผมไปตรวจดูข้อมูลของฝู้ยวนก็แล้วกันนะ"

ป่ายฉีไปแล้ว เหลือแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังกัดฟันทนช่วยเหลือต่อไป

โห้หลีเฉินมองไปยังประตูด้วยสายตานิ่งๆ มุมปากยกเบาๆ พูดขึ้นอย่างสุขุมรอบคอบ

"ไม่ต้อง ไม่นานเดี๋ยวป่ายฉีก็กลับมาแล้ว"

เว่ยชีสงสัย"ทำไม? เห็นท่าทางแบบนี้ของคุณชายเย้น น่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด แค่ป่ายฉีพูดอธิบายเขา ก็ใช้เวลาไม่น้อยแล้ว จะกลับมาอย่างรวดเร็วได้ยังไงกัน?"

คุยเรื่องถึงอารมณ์ความรู้สึก ต้องคุยถึงสภาพจิตใจของอีกฝ่าย ว่ากันตามหลักแล้วต้องใช้เวลานานกันทั้งนั้น

ถึงยังไงการที่จะเป็นคนที่รู้ใจกันและที่ปรึกษาด้านความรู้สึก มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ

โห้หลีเฉินยิ้มอย่างขี้เล่น"มุมมองความรักความรู้สึกของเพลย์บอย จะไปคุยกันได้ยังไง?"

เว่ยชีสะดุ้งขึ้นมาทันที ตบหัวของตัวเองอย่างแรง เขาเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว

ใช่แล้ว ป่ายฉียังไม่เคยมีแฟนอย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง จะไปมีมุมความรักความรู้สึกจากประสบการณ์ส่วนตัวได้ยังไงกัน ถึงมี มากสุดก็แค่พูดล่องลอยไปเรื่อยเท่านั้น

ถึงขนาดที่อาจจะบิดเบือนความเข้าใจที่มีต่อความรักด้วยซ้ำ

เว่ยชีพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

"ในเมื่อป่ายฉีไม่ได้เข้าใจเรื่องความรักจริงๆ การที่ให้เขาไปชี้แนะคุณชายเย้น คงจะไปทำให้คุณชายเย้นเข้าใจผิดมากกว่ามั้ง ถ้าเขาทำให้คุณชายเย้นไขว้เขวขึ้นมาจะทำยังไง?"

โห้หลีเฉินลูบคาง พูดขึ้นมาอย่างสบายๆ

"ไม่น่าแปลกใจ น่าจะทำให้ไขว้เขวแน่ๆ"

เว่ยชี"……"

เขามองคุณชายของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในเมื่อรู้ว่าป่ายฉีอาจจะทำให้เย้นโม่หลินไขว้เขวเดินทางผิดแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ห้ามปราม ไหนจะท่าทางที่เหมือนกำลังดูอะไรสนุกๆแบบนี้อีก?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด