แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1023 จริงกับปลอม

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1023 จริงกับปลอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตลอดเวลาที่อยู่ในท่อน้ำทิ้งใต้ดิน พวกหลิงม่อเคยเจอสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าแค่สองตัวเท่านั้น ตัวหนึ่งแปลงร่างเป็นอวี่เหวินซวน ส่วนอีกตัว ก็คือ “หลิงม่อ” ที่อยู่ตรงนี้นั่นเอง ส่วน “ศพ” เหล่านั้นที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ หลิงม่อคิดว่า พวกมันเหมือนหนูทดลองที่เกิดจากการทดลองที่ล้มเหลวมากกว่า สิ่งที่ร่างแม่ตัวนั้นทำ คือการใช้ประโยชน์จากพวกมันให้คุ้มค่าที่สุดเท่านั้น…

แม้ว่าสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าจะเก่งกาจเรื่องการแปลงร่าง แต่ด้านพลังต่อสู้ พวกมันกลับอ่อนแอยิ่งกว่ามนุษย์ประหลาดระดับธรรมดาด้วยซ้ำ หลิงม่อรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ถึงได้พูดคำพูดเหล่านั้นออกมาอย่างมั่นใจ

ภายใต้สายตาของทุกคน หลิงม่อนั่งยองๆ ลงตรงหน้าสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าตัวนั้น จากนั้นก็แผ่หนวดสัมผัสออกมาหนึ่งเส้น…ไม่กี่วินาทีต่อมา สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าตัวนั้นพลันเงยหน้าขึ้น หลังจากร้อง “ฮื่อ” มันก็ลืมตาขึ้น แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น หลิงม่อกลับใช้มือกดร่างมันไว้กับพื้นแน่น และประโยคแรกที่เขาพูดกับ “หลิงม่อตัวปลอม” ก็คือ “เปลี่ยนกลับร่างเดิมซะ”

หลังจากพยายามดิ้นขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าก็ต้องทำตามที่เขาบอกอย่างช่วยไม่ได้…ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงจนกรามค้างของทุกคน ผิวหนังบนใบหน้าของมันหลุดลอกอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น และไม่มีผิวหนัง

ไม่รอให้สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าพูดอะไร หลิงม่อใช้มือกดหัวของมันแรงๆ ขณะเดียวกันก็พูดขึ้นโดยไม่หันไปมองว่า “พวกนายออกไปก่อน ให้ฉันจัดการมันเอง”

“แต่ว่า…”

“ไปกันเถอะๆ” อวี่เหวินซวนกับมู่เฉินเริ่มช่วยกันต้อนทุกคนออกจากห้อง หลังจากทุกคนออกไป ซย่าน่าก็ปิดประตู และยืนอยู่ข้างประตูกับหลี่ย่าหลิน ท่ามกลางความมืดมิด ทุกคนยืนมองหน้ากันอยู่หน้าประตู สายตาต่างฉายแววประหลาดใจ…

หนึ่งนาทีต่อมา หลิงม่อเปิดประตูห้องเดินออกมา

“สัตว์ประหลาดตัวนั้นล่ะ?” กู่ซวงซวงถามทันที

“ตายแล้ว” หลิงม่อนวดหว่างคิ้ว แล้วบอก

เจ้าลิงผอมที่ยืนอยู่หลังกลุ่มคนรู้สึกเหมือนหลิงม่อเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เขารีบหดตัวถอยหลัง หลบสายตาหลิงม่อ ปากก็พูดเสียงแผ่ว “ตายก็ดีแล้ว” จางซินเฉิงที่อยู่ข้างๆ มองเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก จากนั้นก็พยักหน้าบอกว่า “แน่นอน สัตว์ประหลาดตัวนั้นตายไปก็ดีที่สุดแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น…ถามได้ความอะไรบ้างไหม? รู้หรือยังว่าตอนนี้เย่เลี่ยนอยู่ที่ไหน?” มู่เฉินถาม

“เรื่องนั้นน่ะ…”

หลิงม่อหมายจะอ้าปากพูด แต่กลับได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากอีกฝั่งของทางเดินเสียก่อน “แกไม่รู้ เพราะต้องหาคำตอบจากฉันเท่านั้น ใช่ไหม?”

เหมียวเจ๋อเดินออกมาจากความมืด ร่างกายของเขาเหมือนจะซูบผอมลงกว่าเดิม ในขณะที่หัวของเขากลับดูใหญ่ขึ้น เหมือนกับที่หลิงม่อเคยบอก ร่างกายร่างนี้ของเขามี “ผลข้างเคียง” ที่ร้ายแรงอยู่…

“หึหึ…บังเอิญจริงๆ” หลิงม่อบอก

“แทนที่จะบอกว่าบังเอิญ…บอกว่าถูกจับตามองมาตลอดดีกว่ามั้ง” มู่เฉินมองไปรอบๆ พลางบอก

ไม่ใช่แค่มู่เฉิน คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเหมือนกัน จังหวะและสถานที่ที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ปรากฏตัว ผิดปกติเกินไปแล้ว…

“ต้องมีอะไรที่พวกเราไม่สังเกตเห็นแน่ๆ…ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้หลิงม่อเคยถามฉันว่ารู้สึกมีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า…ตอนนี้มาคิดดู ความรู้สึกอย่างนี้ เหมือนตอนที่พวกเราตามหาศัตรูทั่วทิศ จนสุดท้ายถูกล่อเข้ามาในเกมเกมนี้ไม่มีผิด…ความรู้สึกที่ถูกจับตามอง! ใช่แล้ว ความรู้สึกนี้แหละ…” ระหว่างที่อยู่ในเกม ความรู้สึกอย่างนี้ชัดเจนมาก

แต่ตอนนั้นมู่เฉินคิดว่าความรู้สึกนั่นเกิดจากการที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นซ่อนตัวและแอบดูพวกเขาอยู่ในตึกใกล้ๆ…ทว่าพอมาอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้แน่…มันซ่อนตัวได้ แต่ไม่มีทางตามพวกเขาได้ตลอดแน่ๆ…

“อีกอย่างฉันคิดว่า แกคงถามอะไรมาไม่ได้ซักอย่าง” เหมียวเจ๋อพูดอย่างมั่นใจ พอเห็นหลิงม่อไม่พูดอะไร เขาก็พูดอีกว่า “เบาะแสต่อไป…”

“ต้องบอกว่าแผนการต่อไปมากกว่าล่ะมั้ง” หลิงม่อพูดต่อ

“แกจับตามองพวกฉันด้วยวิธีไหนกันแน่? อย่างนี้ก็เรียกว่าเกมได้ด้วยหรอ?” มู่เฉินอดถามไม่ได้

เหมียวเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะอย่างมีลับลมคมใน “ถ้างั้นก็ได้ ต่อไป ขอเพียงพวกแกหาคำตอบนี้ได้ ฉันจะบอกตำแหน่งของผู้หญิงคนนั้นให้พวกแกรู้ เป็นไงล่ะ? พวกแกจะถามฉันก็ได้ เพื่อให้ได้เงื่อนงำ จากนั้นฉันก็จะตั้งคำถามกับพวกแกด้วยเหมือนกัน…วางใจ ความจริงในคำถามของฉันก็มีเบาะแสแฝงอยู่ด้วย เพียงแต่พวกแกจะต้องตอบคำถามให้ถูก ถ้าหากตอบผิด ฉันจะโจมตีพวกแกหนึ่งครั้ง…พวกแกจะป้องกันก็ได้ จะหลบก็ได้ แต่ฉันจะไม่บอกพวกแกว่าฉันจะเลือกโจมตีใคร”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน ผ่านไปครู่หนึ่งเย่ไคอ้าปากด่าลั่น “แม่ง เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”

ไม่ว่าการโจมตีจะเริ่มขึ้นจริงหรือไม่ แต่ทุกคนจะเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ทันทีที่มีคนหนึ่งก้าวถอย คนที่เหลือก็จะพากันก้าวถอยไปด้วย ถึงแม้สถานการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งถูกโจมตี คนอื่นๆ หากไม่ลอบดีใจโดยสัญชาตญาณ ก็อาจเกิดความรู้สึกละอายใจ…และคนที่ถูกโจมตี ก็อาจรู้สึกโกรธแค้นไปต่างๆ นานา…

กฎประเภทนี้ ไม่ต่างจากการทรมานและทดสอบจิตใจเลย…

“ได้ ฉันจะเล่นกับแกเอง” หลิงม่อกลับตอบออกไปในเวลานี้

“หัวหน้า…” คนที่เหลือต่างพยายามพากันห้าม

เหมียวเจ๋อกลับหัวเราะ บอกว่า “ดีเลย…”

“ฉันหมายถึง ให้ฉันเล่นกับแกคนเดียวก็พอ แกเปลี่ยนเกมนี้ให้มันซับซ้อนน้อยลงกว่านี้หน่อย…ถ้าหากฉันตอบผิด งั้นแกโจมตีฉันคนเดียวพอ” หลิงม่อพูดต่อ

“เดี๋ยวก่อน…” อวี่เหวินซวนและคนอื่นๆ ต่างพากันคัดค้าน

เหมียวเจ๋อกลับจ้องมองหลิงม่ออย่างสนอกสนใจ บอกว่า “แกอาจถูกฉันทรมานจนตายทั้งเป็นก็ได้นะ…”

“ไม่ต้องพูดมาก เริ่มเถอะ อ้อ บอกไว้ก่อน ในเมื่อเราต่างก็เป็นผู้มีพลังจิต…แกน่าจะรู้ว่าการโกหกไม่ได้ผลนะ” หลิงม่อบอก

“คิกๆ…แกนี่มันบ้าจริงๆ…ได้สิ แกถามมาสิ แต่แกมีโอกาสแค่สามครั้งเท่านั้น ครั้งแรกฉันจะหักมือทั้งสองข้างของแกซะ ครั้งที่สองฉันจะหักขาทั้งสองข้างของแก และครั้งที่สาม ฉันจะระเบิดหัวของแก” เหมียวเจ๋อบอก

หลิงม่อกลับทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร เขาตั้งคำถามในวินาทีถัดมาทันที “ ‘วิธี’ ที่แกใช้จับตามองพวกฉัน พวกฉันเคยเห็นมาก่อน ใช่ไหม?”

เหมียวเจ๋อครุ่นคิดครู่หนึ่ง พยักหน้า “ใช่…แกรู้ไหมว่าจะเห็นมันได้อย่างไร?”

ทุกคนต่างชะงักงัน จากนั้นก็ได้สติกลับมาพร้อมกับสีหน้าหวาดกลัว…ต้องบอกว่าในสถานการณ์อย่างนี้ หลิงม่อไม่สามารถโต้กลับได้ ถ้าหากเขาตอบผิด…มือทั้งสองข้างของเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย

“ตัวต่อตัว” หลิงม่อตอบ “ใบหน้าที่แท้จริงของมันเหนือความคาดหมายมากใช่ไหม?”

“ถือว่าใช่…” เหมียวเจ๋อช้อนตาขึ้น เหมือนประหลาดใจมาก “แกรู้ไหมว่าตอนนี้มันอยู่ไหน?”

“อยู่ใกล้ๆ พวกฉันนี่แหละ” คำตอบนี้ของหลิงม่อทำเอาทุกคนตกตะลึง พวกเขารีบมองไปรอบๆ ทันที แต่กลับไม่พบอะไร

สีหน้าของเหมียวเจ๋อตึงเครียดขึ้นมา เขามองหลิงม่อด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่…คำถามสุดท้ายของฉันก็คือ แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

“เดี๋ยวฉันจะบอกแกเอง” เพิ่งจะสิ้นเสียงพูดของหลิงม่อ เสียง “โครม” ก็ดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน

หลังจากที่ก้าวถอยอย่างรวดเร็วไปหลายก้าว เขาก็ลากเงาร่างของใครคนหนึ่งที่ถูกเกี่ยวขาจนล้มเข้ามา จากนั้นก็กดร่างใครคนนั้นไว้กับผนังแน่น

ขณะเดียวกัน เหมียวเจ๋อพบว่าข้างหลังเขามีเงาร่างสูงเพรียวยืนอยู่ ด้านข้างก็มีเด็กสาวถือเคียวดาบยืนมองเขาอย่างเย็นชาอยู่อีกคนหนึ่ง

ทุกคนตื่นตะลึง ท่ามกลางความเงียบงัน หลิงม่อผลักเงาร่างในมือออกไปตรงหน้าเหมียวเจ๋อ

เงาร่างนั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน จ้องหลิงม่อด้วยแววตาสับสน บอกว่า “หัวหน้า หัวหน้าทำอะไรน่ะ?”

หลิงม่อบอกว่า “แกก็คือ ‘เครื่องมือจับตามอง’ ที่พูดถึงนั่นไงล่ะ”

“หัวหน้าบ้าไปแล้วหรอ!” คนคนนั้นตะโกนเสียงดังลั่น

คนที่เหลือเองต่างก็พากันเบิกตากว้าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี…

“เหตุผลง่ายมาก ในบรรดาศพที่พวกเราเจอ ขาดของแกและของฉันไปพอดี และตอนนี้ ฉันก็ตามหาสัตว์ประหลาดที่แปลงร่างเป็นฉันเจอแล้ว แต่กลับยังตามหาของแกไม่เจอ…”

“แค่นี้เองหรอ? นี่มันไม่น่าขำเกินไปหรอ…” คนคนนั้นเช็ดคราบฝุ่นดำๆ บนใบหน้า แล้วพูดอย่างดูแคลนสุดๆ

“และสาเหตุที่พวกฉันหาแกไม่เจอ ก็เพราะว่าสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าที่แปลงร่างเป็นแก ก็คือตัวแกเอง” หลิงม่อบอก “อีกอย่างนี่เป็นแค่เงื่อนงำเล็กๆ เท่านั้น…เหตุผลที่แท้จริงก็คือ พวกฉันถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา และตรงนี้แหละ ที่มันมีช่องโหว่ที่ใหญ่มากอยู่”

ตอนอยู่บนถนน เขาถูก “ซอมบี้” ตัวนั้นจับตามอง ในบริษัทลอว์สัน เขาถูก “ปรสิต” ที่อยู่ในร่างของซอมบี้ตัวน้อยจับตามอง และในท่อน้ำทิ้งใต้ดิน เขาถูกสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าที่แปลงร่างเป็นอวี่เหวินซวนจับตามอง…หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่ายังไง ร่างแม่ตัวนั้นจำเป็นต้องใช้ “ตัวกลาง” จึงจะสามารถจับตามองเขาได้

และสิ่งที่พวกมู่เฉินเจอ ย่อมมีหลักเหตุผลเดียวกัน…ดังนั้นไม่ว่าการที่พวกเขาไปเจอผู้รอดชีวิตพวกนั้น หรือการที่พวกเขาถูกเล่นงานตลอดเวลาที่อยู่ในเกม ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะพวกเขาตกอยู่ภายใต้ “การจับตามอง” ของดวงตาคู่หนึ่ง…

“เรื่องนี้ ตอนที่ฉันพบว่าข้างกายพวกมู่เฉินไม่มีใครอยู่ด้วย ฉันก็เริ่มสงสัยแล้ว แต่ที่ทำให้ฉันมั่นใจในข้อสงสัยนี้ ก็คือตอนที่เจอลูกศรนั่น…” หลิงม่อพูดต่อ “ไม่ว่าร่างแม่ตัวนั้นจะแกร่งอีกแค่ไหน มันก็ไม่มีทางวิ่งเข้ามาวาดลูกศรนั่นโดยที่พวกฉันไม่รู้ตัว และหนีออกไปอย่างเงียบเชียบอย่างนั้นได้อย่างแน่นอน…และที่บังเอิญก็คือ แกเป็นคนเจอลูกศรนั่น ส่วนทำไมต้องวาดลูกศรนั้นขึ้นอย่างรีบร้อน ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะแกต้องการเริ่มแผนการใหม่อย่างกะทันหันสินะ…”

“เรื่องประจวบเหมาะยังมีอีกมาก…ถ้าลองคิดดูดีๆ เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับแผนการนี้ แกเป็นเจอ หรือไม่ก็เป็นคนพูดขึ้นก่อนทั้งนั้น…ซึ่งนี่เป็นคำอธิบายว่าทำไมพวกเราถึงถูกจูงจมูกอยู่ตลอด จนกระทั่งตอนที่ฉันเสนอแผนการใหม่ จากนั้นก็บังคับให้แกต้องคิดแผ่นใหม่ในตอนนี้ขึ้น…แกกลัวว่าฉันจะพูดอะไรออกมา ถึงได้ส่งเหมียวเจ๋อเข้ามาก่อกวนพวกฉัน ใช่ไหมล่ะ? ถ้าหากให้เวลาแกมากกว่านี้อีกซักหน่อย บางทีแกอาจวางแผนได้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ แต่สิ่งที่แกคิดไม่ถึงก็คือ ฉันเคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตามหา ‘หลิงม่อตัวปลอม’ จนเจอ หรือว่าเวลาในการซักถามมันก็ตาม”

หลิงม่อเงยหน้ามองเหมียวเจ๋อเล็กน้อย ถามว่า “เจ้าลิงผอมตัวจริงอยู่ที่ไหน?”

———————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1023 จริงกับปลอม

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1023 จริงกับปลอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตลอดเวลาที่อยู่ในท่อน้ำทิ้งใต้ดิน พวกหลิงม่อเคยเจอสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าแค่สองตัวเท่านั้น ตัวหนึ่งแปลงร่างเป็นอวี่เหวินซวน ส่วนอีกตัว ก็คือ “หลิงม่อ” ที่อยู่ตรงนี้นั่นเอง ส่วน “ศพ” เหล่านั้นที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ หลิงม่อคิดว่า พวกมันเหมือนหนูทดลองที่เกิดจากการทดลองที่ล้มเหลวมากกว่า สิ่งที่ร่างแม่ตัวนั้นทำ คือการใช้ประโยชน์จากพวกมันให้คุ้มค่าที่สุดเท่านั้น…

แม้ว่าสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าจะเก่งกาจเรื่องการแปลงร่าง แต่ด้านพลังต่อสู้ พวกมันกลับอ่อนแอยิ่งกว่ามนุษย์ประหลาดระดับธรรมดาด้วยซ้ำ หลิงม่อรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ถึงได้พูดคำพูดเหล่านั้นออกมาอย่างมั่นใจ

ภายใต้สายตาของทุกคน หลิงม่อนั่งยองๆ ลงตรงหน้าสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าตัวนั้น จากนั้นก็แผ่หนวดสัมผัสออกมาหนึ่งเส้น…ไม่กี่วินาทีต่อมา สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าตัวนั้นพลันเงยหน้าขึ้น หลังจากร้อง “ฮื่อ” มันก็ลืมตาขึ้น แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น หลิงม่อกลับใช้มือกดร่างมันไว้กับพื้นแน่น และประโยคแรกที่เขาพูดกับ “หลิงม่อตัวปลอม” ก็คือ “เปลี่ยนกลับร่างเดิมซะ”

หลังจากพยายามดิ้นขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าก็ต้องทำตามที่เขาบอกอย่างช่วยไม่ได้…ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงจนกรามค้างของทุกคน ผิวหนังบนใบหน้าของมันหลุดลอกอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น และไม่มีผิวหนัง

ไม่รอให้สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าพูดอะไร หลิงม่อใช้มือกดหัวของมันแรงๆ ขณะเดียวกันก็พูดขึ้นโดยไม่หันไปมองว่า “พวกนายออกไปก่อน ให้ฉันจัดการมันเอง”

“แต่ว่า…”

“ไปกันเถอะๆ” อวี่เหวินซวนกับมู่เฉินเริ่มช่วยกันต้อนทุกคนออกจากห้อง หลังจากทุกคนออกไป ซย่าน่าก็ปิดประตู และยืนอยู่ข้างประตูกับหลี่ย่าหลิน ท่ามกลางความมืดมิด ทุกคนยืนมองหน้ากันอยู่หน้าประตู สายตาต่างฉายแววประหลาดใจ…

หนึ่งนาทีต่อมา หลิงม่อเปิดประตูห้องเดินออกมา

“สัตว์ประหลาดตัวนั้นล่ะ?” กู่ซวงซวงถามทันที

“ตายแล้ว” หลิงม่อนวดหว่างคิ้ว แล้วบอก

เจ้าลิงผอมที่ยืนอยู่หลังกลุ่มคนรู้สึกเหมือนหลิงม่อเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เขารีบหดตัวถอยหลัง หลบสายตาหลิงม่อ ปากก็พูดเสียงแผ่ว “ตายก็ดีแล้ว” จางซินเฉิงที่อยู่ข้างๆ มองเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก จากนั้นก็พยักหน้าบอกว่า “แน่นอน สัตว์ประหลาดตัวนั้นตายไปก็ดีที่สุดแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น…ถามได้ความอะไรบ้างไหม? รู้หรือยังว่าตอนนี้เย่เลี่ยนอยู่ที่ไหน?” มู่เฉินถาม

“เรื่องนั้นน่ะ…”

หลิงม่อหมายจะอ้าปากพูด แต่กลับได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากอีกฝั่งของทางเดินเสียก่อน “แกไม่รู้ เพราะต้องหาคำตอบจากฉันเท่านั้น ใช่ไหม?”

เหมียวเจ๋อเดินออกมาจากความมืด ร่างกายของเขาเหมือนจะซูบผอมลงกว่าเดิม ในขณะที่หัวของเขากลับดูใหญ่ขึ้น เหมือนกับที่หลิงม่อเคยบอก ร่างกายร่างนี้ของเขามี “ผลข้างเคียง” ที่ร้ายแรงอยู่…

“หึหึ…บังเอิญจริงๆ” หลิงม่อบอก

“แทนที่จะบอกว่าบังเอิญ…บอกว่าถูกจับตามองมาตลอดดีกว่ามั้ง” มู่เฉินมองไปรอบๆ พลางบอก

ไม่ใช่แค่มู่เฉิน คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเหมือนกัน จังหวะและสถานที่ที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ปรากฏตัว ผิดปกติเกินไปแล้ว…

“ต้องมีอะไรที่พวกเราไม่สังเกตเห็นแน่ๆ…ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้หลิงม่อเคยถามฉันว่ารู้สึกมีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า…ตอนนี้มาคิดดู ความรู้สึกอย่างนี้ เหมือนตอนที่พวกเราตามหาศัตรูทั่วทิศ จนสุดท้ายถูกล่อเข้ามาในเกมเกมนี้ไม่มีผิด…ความรู้สึกที่ถูกจับตามอง! ใช่แล้ว ความรู้สึกนี้แหละ…” ระหว่างที่อยู่ในเกม ความรู้สึกอย่างนี้ชัดเจนมาก

แต่ตอนนั้นมู่เฉินคิดว่าความรู้สึกนั่นเกิดจากการที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นซ่อนตัวและแอบดูพวกเขาอยู่ในตึกใกล้ๆ…ทว่าพอมาอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้แน่…มันซ่อนตัวได้ แต่ไม่มีทางตามพวกเขาได้ตลอดแน่ๆ…

“อีกอย่างฉันคิดว่า แกคงถามอะไรมาไม่ได้ซักอย่าง” เหมียวเจ๋อพูดอย่างมั่นใจ พอเห็นหลิงม่อไม่พูดอะไร เขาก็พูดอีกว่า “เบาะแสต่อไป…”

“ต้องบอกว่าแผนการต่อไปมากกว่าล่ะมั้ง” หลิงม่อพูดต่อ

“แกจับตามองพวกฉันด้วยวิธีไหนกันแน่? อย่างนี้ก็เรียกว่าเกมได้ด้วยหรอ?” มู่เฉินอดถามไม่ได้

เหมียวเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะอย่างมีลับลมคมใน “ถ้างั้นก็ได้ ต่อไป ขอเพียงพวกแกหาคำตอบนี้ได้ ฉันจะบอกตำแหน่งของผู้หญิงคนนั้นให้พวกแกรู้ เป็นไงล่ะ? พวกแกจะถามฉันก็ได้ เพื่อให้ได้เงื่อนงำ จากนั้นฉันก็จะตั้งคำถามกับพวกแกด้วยเหมือนกัน…วางใจ ความจริงในคำถามของฉันก็มีเบาะแสแฝงอยู่ด้วย เพียงแต่พวกแกจะต้องตอบคำถามให้ถูก ถ้าหากตอบผิด ฉันจะโจมตีพวกแกหนึ่งครั้ง…พวกแกจะป้องกันก็ได้ จะหลบก็ได้ แต่ฉันจะไม่บอกพวกแกว่าฉันจะเลือกโจมตีใคร”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน ผ่านไปครู่หนึ่งเย่ไคอ้าปากด่าลั่น “แม่ง เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”

ไม่ว่าการโจมตีจะเริ่มขึ้นจริงหรือไม่ แต่ทุกคนจะเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ทันทีที่มีคนหนึ่งก้าวถอย คนที่เหลือก็จะพากันก้าวถอยไปด้วย ถึงแม้สถานการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งถูกโจมตี คนอื่นๆ หากไม่ลอบดีใจโดยสัญชาตญาณ ก็อาจเกิดความรู้สึกละอายใจ…และคนที่ถูกโจมตี ก็อาจรู้สึกโกรธแค้นไปต่างๆ นานา…

กฎประเภทนี้ ไม่ต่างจากการทรมานและทดสอบจิตใจเลย…

“ได้ ฉันจะเล่นกับแกเอง” หลิงม่อกลับตอบออกไปในเวลานี้

“หัวหน้า…” คนที่เหลือต่างพยายามพากันห้าม

เหมียวเจ๋อกลับหัวเราะ บอกว่า “ดีเลย…”

“ฉันหมายถึง ให้ฉันเล่นกับแกคนเดียวก็พอ แกเปลี่ยนเกมนี้ให้มันซับซ้อนน้อยลงกว่านี้หน่อย…ถ้าหากฉันตอบผิด งั้นแกโจมตีฉันคนเดียวพอ” หลิงม่อพูดต่อ

“เดี๋ยวก่อน…” อวี่เหวินซวนและคนอื่นๆ ต่างพากันคัดค้าน

เหมียวเจ๋อกลับจ้องมองหลิงม่ออย่างสนอกสนใจ บอกว่า “แกอาจถูกฉันทรมานจนตายทั้งเป็นก็ได้นะ…”

“ไม่ต้องพูดมาก เริ่มเถอะ อ้อ บอกไว้ก่อน ในเมื่อเราต่างก็เป็นผู้มีพลังจิต…แกน่าจะรู้ว่าการโกหกไม่ได้ผลนะ” หลิงม่อบอก

“คิกๆ…แกนี่มันบ้าจริงๆ…ได้สิ แกถามมาสิ แต่แกมีโอกาสแค่สามครั้งเท่านั้น ครั้งแรกฉันจะหักมือทั้งสองข้างของแกซะ ครั้งที่สองฉันจะหักขาทั้งสองข้างของแก และครั้งที่สาม ฉันจะระเบิดหัวของแก” เหมียวเจ๋อบอก

หลิงม่อกลับทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร เขาตั้งคำถามในวินาทีถัดมาทันที “ ‘วิธี’ ที่แกใช้จับตามองพวกฉัน พวกฉันเคยเห็นมาก่อน ใช่ไหม?”

เหมียวเจ๋อครุ่นคิดครู่หนึ่ง พยักหน้า “ใช่…แกรู้ไหมว่าจะเห็นมันได้อย่างไร?”

ทุกคนต่างชะงักงัน จากนั้นก็ได้สติกลับมาพร้อมกับสีหน้าหวาดกลัว…ต้องบอกว่าในสถานการณ์อย่างนี้ หลิงม่อไม่สามารถโต้กลับได้ ถ้าหากเขาตอบผิด…มือทั้งสองข้างของเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย

“ตัวต่อตัว” หลิงม่อตอบ “ใบหน้าที่แท้จริงของมันเหนือความคาดหมายมากใช่ไหม?”

“ถือว่าใช่…” เหมียวเจ๋อช้อนตาขึ้น เหมือนประหลาดใจมาก “แกรู้ไหมว่าตอนนี้มันอยู่ไหน?”

“อยู่ใกล้ๆ พวกฉันนี่แหละ” คำตอบนี้ของหลิงม่อทำเอาทุกคนตกตะลึง พวกเขารีบมองไปรอบๆ ทันที แต่กลับไม่พบอะไร

สีหน้าของเหมียวเจ๋อตึงเครียดขึ้นมา เขามองหลิงม่อด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่…คำถามสุดท้ายของฉันก็คือ แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

“เดี๋ยวฉันจะบอกแกเอง” เพิ่งจะสิ้นเสียงพูดของหลิงม่อ เสียง “โครม” ก็ดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน

หลังจากที่ก้าวถอยอย่างรวดเร็วไปหลายก้าว เขาก็ลากเงาร่างของใครคนหนึ่งที่ถูกเกี่ยวขาจนล้มเข้ามา จากนั้นก็กดร่างใครคนนั้นไว้กับผนังแน่น

ขณะเดียวกัน เหมียวเจ๋อพบว่าข้างหลังเขามีเงาร่างสูงเพรียวยืนอยู่ ด้านข้างก็มีเด็กสาวถือเคียวดาบยืนมองเขาอย่างเย็นชาอยู่อีกคนหนึ่ง

ทุกคนตื่นตะลึง ท่ามกลางความเงียบงัน หลิงม่อผลักเงาร่างในมือออกไปตรงหน้าเหมียวเจ๋อ

เงาร่างนั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน จ้องหลิงม่อด้วยแววตาสับสน บอกว่า “หัวหน้า หัวหน้าทำอะไรน่ะ?”

หลิงม่อบอกว่า “แกก็คือ ‘เครื่องมือจับตามอง’ ที่พูดถึงนั่นไงล่ะ”

“หัวหน้าบ้าไปแล้วหรอ!” คนคนนั้นตะโกนเสียงดังลั่น

คนที่เหลือเองต่างก็พากันเบิกตากว้าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี…

“เหตุผลง่ายมาก ในบรรดาศพที่พวกเราเจอ ขาดของแกและของฉันไปพอดี และตอนนี้ ฉันก็ตามหาสัตว์ประหลาดที่แปลงร่างเป็นฉันเจอแล้ว แต่กลับยังตามหาของแกไม่เจอ…”

“แค่นี้เองหรอ? นี่มันไม่น่าขำเกินไปหรอ…” คนคนนั้นเช็ดคราบฝุ่นดำๆ บนใบหน้า แล้วพูดอย่างดูแคลนสุดๆ

“และสาเหตุที่พวกฉันหาแกไม่เจอ ก็เพราะว่าสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าที่แปลงร่างเป็นแก ก็คือตัวแกเอง” หลิงม่อบอก “อีกอย่างนี่เป็นแค่เงื่อนงำเล็กๆ เท่านั้น…เหตุผลที่แท้จริงก็คือ พวกฉันถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา และตรงนี้แหละ ที่มันมีช่องโหว่ที่ใหญ่มากอยู่”

ตอนอยู่บนถนน เขาถูก “ซอมบี้” ตัวนั้นจับตามอง ในบริษัทลอว์สัน เขาถูก “ปรสิต” ที่อยู่ในร่างของซอมบี้ตัวน้อยจับตามอง และในท่อน้ำทิ้งใต้ดิน เขาถูกสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าที่แปลงร่างเป็นอวี่เหวินซวนจับตามอง…หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่ายังไง ร่างแม่ตัวนั้นจำเป็นต้องใช้ “ตัวกลาง” จึงจะสามารถจับตามองเขาได้

และสิ่งที่พวกมู่เฉินเจอ ย่อมมีหลักเหตุผลเดียวกัน…ดังนั้นไม่ว่าการที่พวกเขาไปเจอผู้รอดชีวิตพวกนั้น หรือการที่พวกเขาถูกเล่นงานตลอดเวลาที่อยู่ในเกม ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะพวกเขาตกอยู่ภายใต้ “การจับตามอง” ของดวงตาคู่หนึ่ง…

“เรื่องนี้ ตอนที่ฉันพบว่าข้างกายพวกมู่เฉินไม่มีใครอยู่ด้วย ฉันก็เริ่มสงสัยแล้ว แต่ที่ทำให้ฉันมั่นใจในข้อสงสัยนี้ ก็คือตอนที่เจอลูกศรนั่น…” หลิงม่อพูดต่อ “ไม่ว่าร่างแม่ตัวนั้นจะแกร่งอีกแค่ไหน มันก็ไม่มีทางวิ่งเข้ามาวาดลูกศรนั่นโดยที่พวกฉันไม่รู้ตัว และหนีออกไปอย่างเงียบเชียบอย่างนั้นได้อย่างแน่นอน…และที่บังเอิญก็คือ แกเป็นคนเจอลูกศรนั่น ส่วนทำไมต้องวาดลูกศรนั้นขึ้นอย่างรีบร้อน ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะแกต้องการเริ่มแผนการใหม่อย่างกะทันหันสินะ…”

“เรื่องประจวบเหมาะยังมีอีกมาก…ถ้าลองคิดดูดีๆ เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับแผนการนี้ แกเป็นเจอ หรือไม่ก็เป็นคนพูดขึ้นก่อนทั้งนั้น…ซึ่งนี่เป็นคำอธิบายว่าทำไมพวกเราถึงถูกจูงจมูกอยู่ตลอด จนกระทั่งตอนที่ฉันเสนอแผนการใหม่ จากนั้นก็บังคับให้แกต้องคิดแผ่นใหม่ในตอนนี้ขึ้น…แกกลัวว่าฉันจะพูดอะไรออกมา ถึงได้ส่งเหมียวเจ๋อเข้ามาก่อกวนพวกฉัน ใช่ไหมล่ะ? ถ้าหากให้เวลาแกมากกว่านี้อีกซักหน่อย บางทีแกอาจวางแผนได้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ แต่สิ่งที่แกคิดไม่ถึงก็คือ ฉันเคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตามหา ‘หลิงม่อตัวปลอม’ จนเจอ หรือว่าเวลาในการซักถามมันก็ตาม”

หลิงม่อเงยหน้ามองเหมียวเจ๋อเล็กน้อย ถามว่า “เจ้าลิงผอมตัวจริงอยู่ที่ไหน?”

———————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+