แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1128 กรุณาอย่าลืมแนบคู่มือการใช้งานมาพร้อมกับแฟนสาว

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1128 กรุณาอย่าลืมแนบคู่มือการใช้งานมาพร้อมกับแฟนสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อมาถึงที่โกดังอาหาร หลิงม่อก็เก็บเจ้ามาสเตอร์บอลไว้ที่เดิม ไม่ว่าบทบาทที่แท้จริงของมันคืออะไร อย่างน้อยดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ครั้งนี้มันคงหลับไม่นาน ส่วนคำตอบ ถึงเวลาค่อยหาก็ยังไม่สายไป…

พอกระโดดลงจากหลังเสี่ยวป๋าย หลิงม่อก็ตบหัวมันเบาๆ ให้มันเฝ้าอยู่ข้างนอก ส่วนตัวเขาก็เดินเข้าไปในโกดัง

“ทุกคน ต้องขอโทษด้วยนะ…ที่ฉันให้พวกนายพักผ่อน เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น…แต่ว่า…จุดประสงค์อีกอย่าง ฉันกลับจำเป็นต้องปิดบังพวกนาย” หลิงม่อคิดในใจ

ความจริงแล้วเขายังไม่ได้บอกทุกเรื่องกับพวกมู่เฉิน อย่างเช่นเรื่องที่เขามาหาพวกเย่เลี่ยน แท้จริงแล้วไม่ใช่เพื่อมาดูพวกเธออย่างเดียว แต่เพื่อเรื่องที่สำคัญกว่านั้นมาก…

หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้มา บรรยากาศในโกดังอาหารผ่อนคลายกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่เทียบกับสถานที่ปกติทั่วไป ที่นี่ก็ยังคงวังเวงน่าขนลุกอยู่ดี เวลานี้ ทางเดินหลักที่ทอดสู่โกดังอาหารได้ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ใยแมงมุมเหล่านั้นที่บดบังการมอเห็นได้ถูกปัดกวาดไปไว้ด้านหนึ่ง พวกมันถูกวางกองทับกันเป็นชั้นๆ แลดูเหมือนแหทอดปลาสีขาวเทา

บนพื้นเต็มไปด้วยศพแมงมุม เดาว่าคงเป็นพวกเย่เลี่ยนที่จัดการพวกมันระหว่างทำความสะอาด เมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าในโกดังจะยังมีแมงมุมซ่อนอยู่ แต่ก็มีจำนวนไม่มากแล้ว ที่เหลือพวกเขาเพียงต้องทิ้งสัญญาณเตือนไว้ให้พวกที่มาขนย้ายอาหารก็พอแล้ว

“ซย่าน่า พวกเธอเริ่มไปถึงไหนกันแล้ว?” หลิงม่อเดินไปตามทาง พลางถามขึ้นผ่านสายสัมพันธ์ทางจิต

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของซย่าน่าก็ตอบกลับมาในสมองของเขา “พวกเราใกล้เสร็จกันแล้ว ก้อนเหนียวหนืดในสมองของซอมบี้พวกนั้น พวกเราควักออกมาหมดแล้ว อื่มม…ถึงแม้ว่าพวกมันเป็นผลงานสังเคราะห์ แต่ก้อนเหนียวหนืดของพวกมันก็ไม่ได้ต่างจากซอมบี้ทั่วไปมาก…”

หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามประโยค เธอพลันเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง ถามว่า “พี่หลิง พี่แน่ใจหรอว่าจะทำเรื่องแบบนั้นในเวลานี้จริงๆ? ฉันกังวลนิดๆ น่ะ…”

“อื่ม ฉันมั่นใจ…เดี๋ยวก่อน ทำไมคำพูดนี้มันแปลกๆ ล่ะ…ช่างเถอะ เข้าเรื่องกันต่อเลย…” หลิงม่อพูดต่อ “ฉันคิดว่าพวกเธอเองก็คงสัมผัสได้แล้วเหมือนกัน…ซอมบี้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเพวกนี้ แต่ละตัวล้วนกำลังขุดค้นหาศักยภาพในการวิวัฒนาการของตัวเอง และไม่ว่าพวกมันจะขุดค้นไปยังเส้นทางไหน หากพวกเราบังเอิญเจอพวกมันเข้า มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราจะกลายเป็นเหยื่ออันดับต้นๆ ของพวกมัน…ครั้งนี้เป็นฉัน แต่ถ้าหากครั้งหน้าเป็นพวกเธอล่ะ…”

ซย่าน่าเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงขานชื่อเขา “พี่หลิง…”

“ฉันไม่ได้คิดมาก พวกเธอทั้งสามคนเองต่างก็มีลักษณะพิเศษ เฮยซือกับอวี๋ซือหรานก็เหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ยังมี…” เดิมทีหลิงม่ออยากจะบอกว่ายังมีราชินีแมงมุมที่คอยจ้องจะเล่นงานเขาอีกตัว และเมื่อเทียบกับซอมบี้ร่างแม่ของที่นี่ ราชินีแมงมุมตัวนั้นรับมือยากกว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก เขาก็เลือกที่จะกลืนมันลงไป แล้วเปลี่ยนเป็นพูดว่า “สรุปว่า ทันทีที่อีกฝ่ายตัดสินว่าพวกเราอ่อนแอกว่ามัน พวกเราก็จะถูกโจมตีทันที ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้หมายถึงการต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่ตลอดเวลา แต่โดยส่วนตัวแล้ว ฉันก็ยังหวังว่าก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายในครั้งต่อไป จะสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้บ้าง…”

“อื่มม…”

หลิงม่อเงียบครู่หนึ่ง แต่กลับไม่เห็นซย่าน่าพูดอะไรอีก จึงได้เพียงหัวเราะขมขื่น บอกว่า “เธอคิดว่า…สำหรับซอมบี้ที่หมกมุ่นกับการต่อสู้และเข่นฆ่าโดยสัญชาตญาณแล้ว คำพูดของฉันเหมือนพวกอนุรักษ์นิยมที่น่าเบื่อหรือเปล่า? แต่…ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่อาจพูดเป็นอย่างอื่นได้ ฉัน…”

“ฉันรู้น่า” ซย่าน่าพูดแทรกเขา “พี่กลัวตายมาก เพราะพี่กลัวว่าถ้าพี่ตาย สายสัมพันธ์ทางจิตที่ขาดสะบั้นจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกฉันหรือเปล่า แล้วพี่ก็กลัวพวกฉันตาย เพราะถึงแม้พวกฉันจะไม่สนใจเรื่องนี้ แต่พี่ก็ยังสนใจมันอยู่ดี แถมยังสนใจมากๆ ด้วย…เรื่องพวกนี้ฉันรู้หมดนั่นล่ะ รุ่นพี่กับพี่เย่เลี่ยนเองก็คงไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร แต่พวกเธอก็รู้เหมือนกัน พี่รู้ดี ว่าพวกฉันโกหกไม่เป็น”

หลิงม่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ…ถึงแม้ว่าในน้ำเสียงของซย่าน่าไม่ได้แฝงไว้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง มุมปากของหลิงม่อกลับหยักยิ้มบางๆ และในตอนนี้เอง กลับมีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา—

“เอ๋ สนใจอะไรหรอ?”

“เชี่ย!” หลิงม่อสะดุ้งตกใจ กระทั่งคลื่นพลังจิตเกิดแปรปรวนไปชั่วขณะ “เฮยซือ! ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ! พฤติกรรมที่เข้าออกสมองคนอื่น แล้วก็แอบฟังคนอื่นคุยกันแบบนี้ จะหน้าไม่อายเกินไปแล้วนะ!”

“หน้าไม่อาย? มันคืออะไร? กินได้รึเปล่า?” เฮยซือถาม และก่อนที่หลิงม่อจะคลั่ง เธอก็หัวเราะคิกคัก แล้วบอกว่า “เอาน่าๆ อย่าเพิ่งรีบโกรธสิ ฉันก็แค่อยากถามว่า…ตอนที่พวกนายประชุมเรื่องน่าอายอย่างนี้กัน…”

“ไม่มีประชุมอะไรแบบนี้ทั้งนั้น”

“…ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่มี”

น้ำเสียงของเฮยซือพลันเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้านาย นายนี่ใจร้ายชะมัดเลย…”

“หื้ม? เฮยซือ…เป็นอะไรไปหรอ?”

“ใคร? ใครใจร้ายหรอ?”

ทันใดนั้น ก็มีอีกสองเสียงดังแทรกขึ้นมา หลิงม่อชะงักไปอีกครั้ง จากนั้นก็ถามอย่างเอือมระอา “แล้วเด็กโง่กับรุ่นพี่เข้ามาร่วมวงได้ยังไงอีกล่ะเนี่ย…”

“คิกๆ…” เฮยซือพูดอย่างได้ใจ “นายลืมไปแล้วหรอว่าฉันทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดพลังจิตได้ด้วย? แค่ให้พวกเธอเชื่อมต่อพร้อมกันแป๊บหนึ่ง เรื่องจิ๊บๆ อยู่แล้ว”

“งั้นหรอ? งั้นเชื่อมต่อกันได้นานเท่าไหร่?”

พอหลิงม่อถามอย่างนี้ เฮยซือก็หัวเราะแห้ง “ประมาณ…หนึ่งวิ…”

“แล้วนั่น…มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า!”

ขณะที่หลิงม่อตะคอก เขาได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในโกดังแล้ว และพอเขาเข้าไป ก็มองเห็นพวกเย่เลี่ยนที่ยืนเรียงกันเป็นแถว…รวมถึงเฮยซือและอวี๋ซือหราน…

“…เอาเถอะ ฉันยอมรับว่ามันยังมีประโยชน์อยู่บ้าง” หลังชะงักไปไม่ถึงหนึ่งวินาที หลิงม่อก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แล้วพูดขึ้น

“หาสถานที่ที่เหมาะสมได้หรือยัง?” หลิงม่อถาม

หลี่ย่าหลินเดินไปปิดประตูโกดัง จากนั้นก็เปิดไฟฉายกระบอกหนึ่งเดินนำหน้าหลิงม่อ “อื่ม อยู่ข้างหน้านี้แหละ พวกเราหาห้องเล็กๆ เจอห้องหนึ่ง เป็นห้องที่ถูกล้อมรอบด้วยห้องอื่นๆ ซึ่งมีแต่กระสอบข้าวสารเต็มห้อง สถานที่แบบนี้ เสียงต้องไม่เล็ดลอดออกไปแน่ เหมาะแก่การทำเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เป็นที่สุด…”

“ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้…แต่พอฟังพี่พูดอย่างนี้แล้วมันกลับสองแง่สองง่ามชอบกล…” หลิงม่อเดินตามอยู่ข้างหลัง แล้วบอก “สรุปว่า ฉันได้จัดเวลาที่ไม่แน่นอนไว้ช่วงหนึ่งแล้ว…เพราะฉันไม่รู้ว่าครั้งนี้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่…กระทั่งไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่…”

พอเขาพูดอย่างนี้ พวกเย่เลี่ยนก็อดหันไปสบตากันไม่ได้ ไม่นาน ซย่าน่าก็พูดขึ้นว่า “รับประกันไม่ได้ งั้นก็คงมีแต่พี่เย่เลี่ยนแล้วสินะ…ก้าวข้ามจากระดับราชาขึ้นไปอีกขั้น เดาว่าคงเป็นจุดวิกฤติที่ใหญ่พอสมควร ไม่รู้ว่าพี่หลิงสังเกตหรือเปล่า ซอมบี้ที่พวกเราเคยเจอ ล้วนแล้วแต่หยุดชะงักในก้าวนี้กันทั้งนั้น หรือไม่ก็เลือกที่จะกลายเป็นร่างแม่แทน แต่พี่เย่เลี่ยนไม่อาจกลายเป็นร่างแม่ได้ เธออาจเป็นซอมบี้เพียงหนึ่งเดียว…ที่วิวัฒนาการไปทีละขั้นๆ อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ…”

“ฉันรู้…” หลิงม่อพยักหน้า แล้วตอบ

“ส่วนฉันกับรุ่นพี่ พวกฉันไม่รู้ว่าหลังจากที่วิวัฒนาการไปอีกขั้น จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…แต่อย่างน้อย พวกฉันจะพยายามทำให้สำเร็จ เฮยซือกับอวี๋ซือหรานค่อนข้างพิเศษ…แต่เขาว่าคนโง่มักจะตายยาก” ซย่าน่าบอก

“นี่ ประโยคแรกๆ ยังฟังดูซาบซึ้งกินใจอยู่เลย ทำไมพอพูดถึงพวกฉันแล้วถึงกลายเป็นถากถางไปได้ล่ะ!” เฮยซือคัดค้านเสียงเบา

หลิงม่อกลับมองไปที่เย่เลี่ยน แล้วถามเสียงเบา “เด็กโง่ เธอคิดว่ายังไง?”

“ฉัน…ฉันแล้วแต่พี่…” เย่เลี่ยนก้มมองปลายเท้าตัวเอง แล้วตอบเสียงแผ่ว

หลิงม่อกลับอดเหลือบมองที่กระเป๋าเสื้อเธอไม่ได้…ยัยเด็กโง่คนนี้นี่ ทำไมถึงอ่านยากนักนะ? ตามคาดไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือซอมบี้ ผู้หญิงก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!

“ตอนที่พวกเธอกลายมาเป็นแฟนสาว ทำไมถึงไม่มีคู่มือการใช้งานให้อ่านบ้างนะ…” หลิงม่อคิดอย่างปวดหัว…ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ห้องเล็กๆ ห้องนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลิงม่อก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ข้างกายเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที…

ดูเหมือนคงจะเป็นอย่างที่ซย่าน่าบอก ถึงแม้ตอนนี้พวกเธอจะแสดงออกและมีการตอบสนองที่ต่างกัน แต่…พวกเธอทุกคนรู้ ว่าหลิงม่อให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขนาดไหน…และด้วยเหตุนี้พวกเธอก็จะจริงจังกับมันมากขึ้น…นี่ก็คือวิธีการแสดงออกว่าตัวเองใส่ใจของซอมบี้…

“ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงความคิดจริงๆ ของพวกเธอไม่ได้ แต่อย่างน้อยแค่พวกเธอเชื่อว่าฉันพึ่งพาได้ แค่นี้ก็พอแล้ว…” หลิงม่อคิดในใจ ถึงแม้วิธีคิดอย่างนี้จะดูเหมือนเป็นการปลอบใจตัวเอง แต่หลิงม่อก็อดอมยิ้มบางๆ ไม่ได้…

ขณะเดียวกัน ในโกดังอาหารอีกแห่ง

ชายคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อย่างร้อนรนอยู่ข้างหน้าต่าง

เขาคือหัวหน้าทีมของทีมนี้ และเวลานี้เขาก็กำลังรู้สึกกระวนกระวาย

พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ตามหลักแล้วยังไม่น่าจะมีอาการกระสับกระส่ายทนรอไม่ไหวขนาดนี้…และเรื่องที่ทำให้หัวหน้าทีมรู้สึกไม่สบายใจ ก็ไม่ใช่เรื่องนี้ ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เขากระวนกระวาย กระทั่งรู้สึกหวาดกลัว ก็คือสมาชิกทีมของเขา…

หลังจากที่ทำความสะอาดที่พัก สมาชิกทีมหลายคนก็เริ่มทยอย…มีอาการแปลกๆ ขึ้นมา เขาบอกไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน ทว่าบนตัวของคนพวกนี้ เขากลับมองเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยของใครคนหนึ่ง…

“ฮู่วว…” หัวหน้าทีมสูบบุหรี่เต็มปอด จากนั้นก็พ่นออกมาจนสุด “ฉันคิดมากไปเองล่ะมั้ง? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเอาแต่คิดเรื่องหลิงม่อ ก็เลยมีอาการเครียด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หมอนั่นจะมาถึงที่นี่ซักที…ใจหนึ่งก็อยากให้หมอนั่นรีบๆ มา จะได้สู้ให้จบๆ ไป แต่ลึกๆ อีกใจหนึ่งก็กลัว…การเป็นคนช่างสับสนและขัดแย้งจริงๆ…”

หัวหน้าทีมกำลังเยาะเย้ยตัวเอง แต่จู่ๆ เขาก็ก้มหน้ามองลงไปข้างล่างเหมือนสัมผัสได้ แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างล่างพอดี ผู้หญิงคนนั้นกำลังเงยหน้ามองเขา และบนใบหน้าไร้อารมณ์นั้น ราวกับมีกลิ่นอายที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเคลือบอยู่รางๆ…

“…” หัวหน้าทีมจ้องตาเธออยู่ครู่หนึ่ง พลันถอนหายใจยาวๆ โยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งลงไป แล้วหมุนกายเดินจากหน้าต่างไป ขณะเดียวกับที่หมุนกาย เขาก็พึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “ทำตัวแปลกๆ…ตอนนี้ฉันกลับหวังด้วยใจจริงว่าหลิงม่อจะรีบๆ มาซักที”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1128 กรุณาอย่าลืมแนบคู่มือการใช้งานมาพร้อมกับแฟนสาว

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1128 กรุณาอย่าลืมแนบคู่มือการใช้งานมาพร้อมกับแฟนสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อมาถึงที่โกดังอาหาร หลิงม่อก็เก็บเจ้ามาสเตอร์บอลไว้ที่เดิม ไม่ว่าบทบาทที่แท้จริงของมันคืออะไร อย่างน้อยดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ครั้งนี้มันคงหลับไม่นาน ส่วนคำตอบ ถึงเวลาค่อยหาก็ยังไม่สายไป…

พอกระโดดลงจากหลังเสี่ยวป๋าย หลิงม่อก็ตบหัวมันเบาๆ ให้มันเฝ้าอยู่ข้างนอก ส่วนตัวเขาก็เดินเข้าไปในโกดัง

“ทุกคน ต้องขอโทษด้วยนะ…ที่ฉันให้พวกนายพักผ่อน เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น…แต่ว่า…จุดประสงค์อีกอย่าง ฉันกลับจำเป็นต้องปิดบังพวกนาย” หลิงม่อคิดในใจ

ความจริงแล้วเขายังไม่ได้บอกทุกเรื่องกับพวกมู่เฉิน อย่างเช่นเรื่องที่เขามาหาพวกเย่เลี่ยน แท้จริงแล้วไม่ใช่เพื่อมาดูพวกเธออย่างเดียว แต่เพื่อเรื่องที่สำคัญกว่านั้นมาก…

หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้มา บรรยากาศในโกดังอาหารผ่อนคลายกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่เทียบกับสถานที่ปกติทั่วไป ที่นี่ก็ยังคงวังเวงน่าขนลุกอยู่ดี เวลานี้ ทางเดินหลักที่ทอดสู่โกดังอาหารได้ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ใยแมงมุมเหล่านั้นที่บดบังการมอเห็นได้ถูกปัดกวาดไปไว้ด้านหนึ่ง พวกมันถูกวางกองทับกันเป็นชั้นๆ แลดูเหมือนแหทอดปลาสีขาวเทา

บนพื้นเต็มไปด้วยศพแมงมุม เดาว่าคงเป็นพวกเย่เลี่ยนที่จัดการพวกมันระหว่างทำความสะอาด เมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าในโกดังจะยังมีแมงมุมซ่อนอยู่ แต่ก็มีจำนวนไม่มากแล้ว ที่เหลือพวกเขาเพียงต้องทิ้งสัญญาณเตือนไว้ให้พวกที่มาขนย้ายอาหารก็พอแล้ว

“ซย่าน่า พวกเธอเริ่มไปถึงไหนกันแล้ว?” หลิงม่อเดินไปตามทาง พลางถามขึ้นผ่านสายสัมพันธ์ทางจิต

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของซย่าน่าก็ตอบกลับมาในสมองของเขา “พวกเราใกล้เสร็จกันแล้ว ก้อนเหนียวหนืดในสมองของซอมบี้พวกนั้น พวกเราควักออกมาหมดแล้ว อื่มม…ถึงแม้ว่าพวกมันเป็นผลงานสังเคราะห์ แต่ก้อนเหนียวหนืดของพวกมันก็ไม่ได้ต่างจากซอมบี้ทั่วไปมาก…”

หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามประโยค เธอพลันเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง ถามว่า “พี่หลิง พี่แน่ใจหรอว่าจะทำเรื่องแบบนั้นในเวลานี้จริงๆ? ฉันกังวลนิดๆ น่ะ…”

“อื่ม ฉันมั่นใจ…เดี๋ยวก่อน ทำไมคำพูดนี้มันแปลกๆ ล่ะ…ช่างเถอะ เข้าเรื่องกันต่อเลย…” หลิงม่อพูดต่อ “ฉันคิดว่าพวกเธอเองก็คงสัมผัสได้แล้วเหมือนกัน…ซอมบี้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเพวกนี้ แต่ละตัวล้วนกำลังขุดค้นหาศักยภาพในการวิวัฒนาการของตัวเอง และไม่ว่าพวกมันจะขุดค้นไปยังเส้นทางไหน หากพวกเราบังเอิญเจอพวกมันเข้า มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราจะกลายเป็นเหยื่ออันดับต้นๆ ของพวกมัน…ครั้งนี้เป็นฉัน แต่ถ้าหากครั้งหน้าเป็นพวกเธอล่ะ…”

ซย่าน่าเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงขานชื่อเขา “พี่หลิง…”

“ฉันไม่ได้คิดมาก พวกเธอทั้งสามคนเองต่างก็มีลักษณะพิเศษ เฮยซือกับอวี๋ซือหรานก็เหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ยังมี…” เดิมทีหลิงม่ออยากจะบอกว่ายังมีราชินีแมงมุมที่คอยจ้องจะเล่นงานเขาอีกตัว และเมื่อเทียบกับซอมบี้ร่างแม่ของที่นี่ ราชินีแมงมุมตัวนั้นรับมือยากกว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก เขาก็เลือกที่จะกลืนมันลงไป แล้วเปลี่ยนเป็นพูดว่า “สรุปว่า ทันทีที่อีกฝ่ายตัดสินว่าพวกเราอ่อนแอกว่ามัน พวกเราก็จะถูกโจมตีทันที ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้หมายถึงการต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่ตลอดเวลา แต่โดยส่วนตัวแล้ว ฉันก็ยังหวังว่าก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายในครั้งต่อไป จะสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้บ้าง…”

“อื่มม…”

หลิงม่อเงียบครู่หนึ่ง แต่กลับไม่เห็นซย่าน่าพูดอะไรอีก จึงได้เพียงหัวเราะขมขื่น บอกว่า “เธอคิดว่า…สำหรับซอมบี้ที่หมกมุ่นกับการต่อสู้และเข่นฆ่าโดยสัญชาตญาณแล้ว คำพูดของฉันเหมือนพวกอนุรักษ์นิยมที่น่าเบื่อหรือเปล่า? แต่…ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่อาจพูดเป็นอย่างอื่นได้ ฉัน…”

“ฉันรู้น่า” ซย่าน่าพูดแทรกเขา “พี่กลัวตายมาก เพราะพี่กลัวว่าถ้าพี่ตาย สายสัมพันธ์ทางจิตที่ขาดสะบั้นจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกฉันหรือเปล่า แล้วพี่ก็กลัวพวกฉันตาย เพราะถึงแม้พวกฉันจะไม่สนใจเรื่องนี้ แต่พี่ก็ยังสนใจมันอยู่ดี แถมยังสนใจมากๆ ด้วย…เรื่องพวกนี้ฉันรู้หมดนั่นล่ะ รุ่นพี่กับพี่เย่เลี่ยนเองก็คงไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร แต่พวกเธอก็รู้เหมือนกัน พี่รู้ดี ว่าพวกฉันโกหกไม่เป็น”

หลิงม่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ…ถึงแม้ว่าในน้ำเสียงของซย่าน่าไม่ได้แฝงไว้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง มุมปากของหลิงม่อกลับหยักยิ้มบางๆ และในตอนนี้เอง กลับมีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา—

“เอ๋ สนใจอะไรหรอ?”

“เชี่ย!” หลิงม่อสะดุ้งตกใจ กระทั่งคลื่นพลังจิตเกิดแปรปรวนไปชั่วขณะ “เฮยซือ! ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ! พฤติกรรมที่เข้าออกสมองคนอื่น แล้วก็แอบฟังคนอื่นคุยกันแบบนี้ จะหน้าไม่อายเกินไปแล้วนะ!”

“หน้าไม่อาย? มันคืออะไร? กินได้รึเปล่า?” เฮยซือถาม และก่อนที่หลิงม่อจะคลั่ง เธอก็หัวเราะคิกคัก แล้วบอกว่า “เอาน่าๆ อย่าเพิ่งรีบโกรธสิ ฉันก็แค่อยากถามว่า…ตอนที่พวกนายประชุมเรื่องน่าอายอย่างนี้กัน…”

“ไม่มีประชุมอะไรแบบนี้ทั้งนั้น”

“…ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่มี”

น้ำเสียงของเฮยซือพลันเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้านาย นายนี่ใจร้ายชะมัดเลย…”

“หื้ม? เฮยซือ…เป็นอะไรไปหรอ?”

“ใคร? ใครใจร้ายหรอ?”

ทันใดนั้น ก็มีอีกสองเสียงดังแทรกขึ้นมา หลิงม่อชะงักไปอีกครั้ง จากนั้นก็ถามอย่างเอือมระอา “แล้วเด็กโง่กับรุ่นพี่เข้ามาร่วมวงได้ยังไงอีกล่ะเนี่ย…”

“คิกๆ…” เฮยซือพูดอย่างได้ใจ “นายลืมไปแล้วหรอว่าฉันทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดพลังจิตได้ด้วย? แค่ให้พวกเธอเชื่อมต่อพร้อมกันแป๊บหนึ่ง เรื่องจิ๊บๆ อยู่แล้ว”

“งั้นหรอ? งั้นเชื่อมต่อกันได้นานเท่าไหร่?”

พอหลิงม่อถามอย่างนี้ เฮยซือก็หัวเราะแห้ง “ประมาณ…หนึ่งวิ…”

“แล้วนั่น…มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า!”

ขณะที่หลิงม่อตะคอก เขาได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในโกดังแล้ว และพอเขาเข้าไป ก็มองเห็นพวกเย่เลี่ยนที่ยืนเรียงกันเป็นแถว…รวมถึงเฮยซือและอวี๋ซือหราน…

“…เอาเถอะ ฉันยอมรับว่ามันยังมีประโยชน์อยู่บ้าง” หลังชะงักไปไม่ถึงหนึ่งวินาที หลิงม่อก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แล้วพูดขึ้น

“หาสถานที่ที่เหมาะสมได้หรือยัง?” หลิงม่อถาม

หลี่ย่าหลินเดินไปปิดประตูโกดัง จากนั้นก็เปิดไฟฉายกระบอกหนึ่งเดินนำหน้าหลิงม่อ “อื่ม อยู่ข้างหน้านี้แหละ พวกเราหาห้องเล็กๆ เจอห้องหนึ่ง เป็นห้องที่ถูกล้อมรอบด้วยห้องอื่นๆ ซึ่งมีแต่กระสอบข้าวสารเต็มห้อง สถานที่แบบนี้ เสียงต้องไม่เล็ดลอดออกไปแน่ เหมาะแก่การทำเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เป็นที่สุด…”

“ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้…แต่พอฟังพี่พูดอย่างนี้แล้วมันกลับสองแง่สองง่ามชอบกล…” หลิงม่อเดินตามอยู่ข้างหลัง แล้วบอก “สรุปว่า ฉันได้จัดเวลาที่ไม่แน่นอนไว้ช่วงหนึ่งแล้ว…เพราะฉันไม่รู้ว่าครั้งนี้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่…กระทั่งไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่…”

พอเขาพูดอย่างนี้ พวกเย่เลี่ยนก็อดหันไปสบตากันไม่ได้ ไม่นาน ซย่าน่าก็พูดขึ้นว่า “รับประกันไม่ได้ งั้นก็คงมีแต่พี่เย่เลี่ยนแล้วสินะ…ก้าวข้ามจากระดับราชาขึ้นไปอีกขั้น เดาว่าคงเป็นจุดวิกฤติที่ใหญ่พอสมควร ไม่รู้ว่าพี่หลิงสังเกตหรือเปล่า ซอมบี้ที่พวกเราเคยเจอ ล้วนแล้วแต่หยุดชะงักในก้าวนี้กันทั้งนั้น หรือไม่ก็เลือกที่จะกลายเป็นร่างแม่แทน แต่พี่เย่เลี่ยนไม่อาจกลายเป็นร่างแม่ได้ เธออาจเป็นซอมบี้เพียงหนึ่งเดียว…ที่วิวัฒนาการไปทีละขั้นๆ อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ…”

“ฉันรู้…” หลิงม่อพยักหน้า แล้วตอบ

“ส่วนฉันกับรุ่นพี่ พวกฉันไม่รู้ว่าหลังจากที่วิวัฒนาการไปอีกขั้น จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…แต่อย่างน้อย พวกฉันจะพยายามทำให้สำเร็จ เฮยซือกับอวี๋ซือหรานค่อนข้างพิเศษ…แต่เขาว่าคนโง่มักจะตายยาก” ซย่าน่าบอก

“นี่ ประโยคแรกๆ ยังฟังดูซาบซึ้งกินใจอยู่เลย ทำไมพอพูดถึงพวกฉันแล้วถึงกลายเป็นถากถางไปได้ล่ะ!” เฮยซือคัดค้านเสียงเบา

หลิงม่อกลับมองไปที่เย่เลี่ยน แล้วถามเสียงเบา “เด็กโง่ เธอคิดว่ายังไง?”

“ฉัน…ฉันแล้วแต่พี่…” เย่เลี่ยนก้มมองปลายเท้าตัวเอง แล้วตอบเสียงแผ่ว

หลิงม่อกลับอดเหลือบมองที่กระเป๋าเสื้อเธอไม่ได้…ยัยเด็กโง่คนนี้นี่ ทำไมถึงอ่านยากนักนะ? ตามคาดไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือซอมบี้ ผู้หญิงก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!

“ตอนที่พวกเธอกลายมาเป็นแฟนสาว ทำไมถึงไม่มีคู่มือการใช้งานให้อ่านบ้างนะ…” หลิงม่อคิดอย่างปวดหัว…ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ห้องเล็กๆ ห้องนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลิงม่อก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ข้างกายเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที…

ดูเหมือนคงจะเป็นอย่างที่ซย่าน่าบอก ถึงแม้ตอนนี้พวกเธอจะแสดงออกและมีการตอบสนองที่ต่างกัน แต่…พวกเธอทุกคนรู้ ว่าหลิงม่อให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขนาดไหน…และด้วยเหตุนี้พวกเธอก็จะจริงจังกับมันมากขึ้น…นี่ก็คือวิธีการแสดงออกว่าตัวเองใส่ใจของซอมบี้…

“ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงความคิดจริงๆ ของพวกเธอไม่ได้ แต่อย่างน้อยแค่พวกเธอเชื่อว่าฉันพึ่งพาได้ แค่นี้ก็พอแล้ว…” หลิงม่อคิดในใจ ถึงแม้วิธีคิดอย่างนี้จะดูเหมือนเป็นการปลอบใจตัวเอง แต่หลิงม่อก็อดอมยิ้มบางๆ ไม่ได้…

ขณะเดียวกัน ในโกดังอาหารอีกแห่ง

ชายคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อย่างร้อนรนอยู่ข้างหน้าต่าง

เขาคือหัวหน้าทีมของทีมนี้ และเวลานี้เขาก็กำลังรู้สึกกระวนกระวาย

พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ตามหลักแล้วยังไม่น่าจะมีอาการกระสับกระส่ายทนรอไม่ไหวขนาดนี้…และเรื่องที่ทำให้หัวหน้าทีมรู้สึกไม่สบายใจ ก็ไม่ใช่เรื่องนี้ ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เขากระวนกระวาย กระทั่งรู้สึกหวาดกลัว ก็คือสมาชิกทีมของเขา…

หลังจากที่ทำความสะอาดที่พัก สมาชิกทีมหลายคนก็เริ่มทยอย…มีอาการแปลกๆ ขึ้นมา เขาบอกไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน ทว่าบนตัวของคนพวกนี้ เขากลับมองเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยของใครคนหนึ่ง…

“ฮู่วว…” หัวหน้าทีมสูบบุหรี่เต็มปอด จากนั้นก็พ่นออกมาจนสุด “ฉันคิดมากไปเองล่ะมั้ง? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเอาแต่คิดเรื่องหลิงม่อ ก็เลยมีอาการเครียด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หมอนั่นจะมาถึงที่นี่ซักที…ใจหนึ่งก็อยากให้หมอนั่นรีบๆ มา จะได้สู้ให้จบๆ ไป แต่ลึกๆ อีกใจหนึ่งก็กลัว…การเป็นคนช่างสับสนและขัดแย้งจริงๆ…”

หัวหน้าทีมกำลังเยาะเย้ยตัวเอง แต่จู่ๆ เขาก็ก้มหน้ามองลงไปข้างล่างเหมือนสัมผัสได้ แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างล่างพอดี ผู้หญิงคนนั้นกำลังเงยหน้ามองเขา และบนใบหน้าไร้อารมณ์นั้น ราวกับมีกลิ่นอายที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเคลือบอยู่รางๆ…

“…” หัวหน้าทีมจ้องตาเธออยู่ครู่หนึ่ง พลันถอนหายใจยาวๆ โยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งลงไป แล้วหมุนกายเดินจากหน้าต่างไป ขณะเดียวกับที่หมุนกาย เขาก็พึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “ทำตัวแปลกๆ…ตอนนี้ฉันกลับหวังด้วยใจจริงว่าหลิงม่อจะรีบๆ มาซักที”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1128 กรุณาอย่าลืมแนบคู่มือการใช้งานมาพร้อมกับแฟนสาว

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1128 กรุณาอย่าลืมแนบคู่มือการใช้งานมาพร้อมกับแฟนสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อมาถึงที่โกดังอาหาร หลิงม่อก็เก็บเจ้ามาสเตอร์บอลไว้ที่เดิม ไม่ว่าบทบาทที่แท้จริงของมันคืออะไร อย่างน้อยดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ครั้งนี้มันคงหลับไม่นาน ส่วนคำตอบ ถึงเวลาค่อยหาก็ยังไม่สายไป…

พอกระโดดลงจากหลังเสี่ยวป๋าย หลิงม่อก็ตบหัวมันเบาๆ ให้มันเฝ้าอยู่ข้างนอก ส่วนตัวเขาก็เดินเข้าไปในโกดัง

“ทุกคน ต้องขอโทษด้วยนะ…ที่ฉันให้พวกนายพักผ่อน เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น…แต่ว่า…จุดประสงค์อีกอย่าง ฉันกลับจำเป็นต้องปิดบังพวกนาย” หลิงม่อคิดในใจ

ความจริงแล้วเขายังไม่ได้บอกทุกเรื่องกับพวกมู่เฉิน อย่างเช่นเรื่องที่เขามาหาพวกเย่เลี่ยน แท้จริงแล้วไม่ใช่เพื่อมาดูพวกเธออย่างเดียว แต่เพื่อเรื่องที่สำคัญกว่านั้นมาก…

หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้มา บรรยากาศในโกดังอาหารผ่อนคลายกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่เทียบกับสถานที่ปกติทั่วไป ที่นี่ก็ยังคงวังเวงน่าขนลุกอยู่ดี เวลานี้ ทางเดินหลักที่ทอดสู่โกดังอาหารได้ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ใยแมงมุมเหล่านั้นที่บดบังการมอเห็นได้ถูกปัดกวาดไปไว้ด้านหนึ่ง พวกมันถูกวางกองทับกันเป็นชั้นๆ แลดูเหมือนแหทอดปลาสีขาวเทา

บนพื้นเต็มไปด้วยศพแมงมุม เดาว่าคงเป็นพวกเย่เลี่ยนที่จัดการพวกมันระหว่างทำความสะอาด เมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าในโกดังจะยังมีแมงมุมซ่อนอยู่ แต่ก็มีจำนวนไม่มากแล้ว ที่เหลือพวกเขาเพียงต้องทิ้งสัญญาณเตือนไว้ให้พวกที่มาขนย้ายอาหารก็พอแล้ว

“ซย่าน่า พวกเธอเริ่มไปถึงไหนกันแล้ว?” หลิงม่อเดินไปตามทาง พลางถามขึ้นผ่านสายสัมพันธ์ทางจิต

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของซย่าน่าก็ตอบกลับมาในสมองของเขา “พวกเราใกล้เสร็จกันแล้ว ก้อนเหนียวหนืดในสมองของซอมบี้พวกนั้น พวกเราควักออกมาหมดแล้ว อื่มม…ถึงแม้ว่าพวกมันเป็นผลงานสังเคราะห์ แต่ก้อนเหนียวหนืดของพวกมันก็ไม่ได้ต่างจากซอมบี้ทั่วไปมาก…”

หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามประโยค เธอพลันเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง ถามว่า “พี่หลิง พี่แน่ใจหรอว่าจะทำเรื่องแบบนั้นในเวลานี้จริงๆ? ฉันกังวลนิดๆ น่ะ…”

“อื่ม ฉันมั่นใจ…เดี๋ยวก่อน ทำไมคำพูดนี้มันแปลกๆ ล่ะ…ช่างเถอะ เข้าเรื่องกันต่อเลย…” หลิงม่อพูดต่อ “ฉันคิดว่าพวกเธอเองก็คงสัมผัสได้แล้วเหมือนกัน…ซอมบี้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเพวกนี้ แต่ละตัวล้วนกำลังขุดค้นหาศักยภาพในการวิวัฒนาการของตัวเอง และไม่ว่าพวกมันจะขุดค้นไปยังเส้นทางไหน หากพวกเราบังเอิญเจอพวกมันเข้า มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเราจะกลายเป็นเหยื่ออันดับต้นๆ ของพวกมัน…ครั้งนี้เป็นฉัน แต่ถ้าหากครั้งหน้าเป็นพวกเธอล่ะ…”

ซย่าน่าเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงขานชื่อเขา “พี่หลิง…”

“ฉันไม่ได้คิดมาก พวกเธอทั้งสามคนเองต่างก็มีลักษณะพิเศษ เฮยซือกับอวี๋ซือหรานก็เหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ยังมี…” เดิมทีหลิงม่ออยากจะบอกว่ายังมีราชินีแมงมุมที่คอยจ้องจะเล่นงานเขาอีกตัว และเมื่อเทียบกับซอมบี้ร่างแม่ของที่นี่ ราชินีแมงมุมตัวนั้นรับมือยากกว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก เขาก็เลือกที่จะกลืนมันลงไป แล้วเปลี่ยนเป็นพูดว่า “สรุปว่า ทันทีที่อีกฝ่ายตัดสินว่าพวกเราอ่อนแอกว่ามัน พวกเราก็จะถูกโจมตีทันที ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้หมายถึงการต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่ตลอดเวลา แต่โดยส่วนตัวแล้ว ฉันก็ยังหวังว่าก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายในครั้งต่อไป จะสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้บ้าง…”

“อื่มม…”

หลิงม่อเงียบครู่หนึ่ง แต่กลับไม่เห็นซย่าน่าพูดอะไรอีก จึงได้เพียงหัวเราะขมขื่น บอกว่า “เธอคิดว่า…สำหรับซอมบี้ที่หมกมุ่นกับการต่อสู้และเข่นฆ่าโดยสัญชาตญาณแล้ว คำพูดของฉันเหมือนพวกอนุรักษ์นิยมที่น่าเบื่อหรือเปล่า? แต่…ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่อาจพูดเป็นอย่างอื่นได้ ฉัน…”

“ฉันรู้น่า” ซย่าน่าพูดแทรกเขา “พี่กลัวตายมาก เพราะพี่กลัวว่าถ้าพี่ตาย สายสัมพันธ์ทางจิตที่ขาดสะบั้นจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกฉันหรือเปล่า แล้วพี่ก็กลัวพวกฉันตาย เพราะถึงแม้พวกฉันจะไม่สนใจเรื่องนี้ แต่พี่ก็ยังสนใจมันอยู่ดี แถมยังสนใจมากๆ ด้วย…เรื่องพวกนี้ฉันรู้หมดนั่นล่ะ รุ่นพี่กับพี่เย่เลี่ยนเองก็คงไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร แต่พวกเธอก็รู้เหมือนกัน พี่รู้ดี ว่าพวกฉันโกหกไม่เป็น”

หลิงม่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ…ถึงแม้ว่าในน้ำเสียงของซย่าน่าไม่ได้แฝงไว้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง มุมปากของหลิงม่อกลับหยักยิ้มบางๆ และในตอนนี้เอง กลับมีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา—

“เอ๋ สนใจอะไรหรอ?”

“เชี่ย!” หลิงม่อสะดุ้งตกใจ กระทั่งคลื่นพลังจิตเกิดแปรปรวนไปชั่วขณะ “เฮยซือ! ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ! พฤติกรรมที่เข้าออกสมองคนอื่น แล้วก็แอบฟังคนอื่นคุยกันแบบนี้ จะหน้าไม่อายเกินไปแล้วนะ!”

“หน้าไม่อาย? มันคืออะไร? กินได้รึเปล่า?” เฮยซือถาม และก่อนที่หลิงม่อจะคลั่ง เธอก็หัวเราะคิกคัก แล้วบอกว่า “เอาน่าๆ อย่าเพิ่งรีบโกรธสิ ฉันก็แค่อยากถามว่า…ตอนที่พวกนายประชุมเรื่องน่าอายอย่างนี้กัน…”

“ไม่มีประชุมอะไรแบบนี้ทั้งนั้น”

“…ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่มี”

น้ำเสียงของเฮยซือพลันเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้านาย นายนี่ใจร้ายชะมัดเลย…”

“หื้ม? เฮยซือ…เป็นอะไรไปหรอ?”

“ใคร? ใครใจร้ายหรอ?”

ทันใดนั้น ก็มีอีกสองเสียงดังแทรกขึ้นมา หลิงม่อชะงักไปอีกครั้ง จากนั้นก็ถามอย่างเอือมระอา “แล้วเด็กโง่กับรุ่นพี่เข้ามาร่วมวงได้ยังไงอีกล่ะเนี่ย…”

“คิกๆ…” เฮยซือพูดอย่างได้ใจ “นายลืมไปแล้วหรอว่าฉันทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดพลังจิตได้ด้วย? แค่ให้พวกเธอเชื่อมต่อพร้อมกันแป๊บหนึ่ง เรื่องจิ๊บๆ อยู่แล้ว”

“งั้นหรอ? งั้นเชื่อมต่อกันได้นานเท่าไหร่?”

พอหลิงม่อถามอย่างนี้ เฮยซือก็หัวเราะแห้ง “ประมาณ…หนึ่งวิ…”

“แล้วนั่น…มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า!”

ขณะที่หลิงม่อตะคอก เขาได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในโกดังแล้ว และพอเขาเข้าไป ก็มองเห็นพวกเย่เลี่ยนที่ยืนเรียงกันเป็นแถว…รวมถึงเฮยซือและอวี๋ซือหราน…

“…เอาเถอะ ฉันยอมรับว่ามันยังมีประโยชน์อยู่บ้าง” หลังชะงักไปไม่ถึงหนึ่งวินาที หลิงม่อก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แล้วพูดขึ้น

“หาสถานที่ที่เหมาะสมได้หรือยัง?” หลิงม่อถาม

หลี่ย่าหลินเดินไปปิดประตูโกดัง จากนั้นก็เปิดไฟฉายกระบอกหนึ่งเดินนำหน้าหลิงม่อ “อื่ม อยู่ข้างหน้านี้แหละ พวกเราหาห้องเล็กๆ เจอห้องหนึ่ง เป็นห้องที่ถูกล้อมรอบด้วยห้องอื่นๆ ซึ่งมีแต่กระสอบข้าวสารเต็มห้อง สถานที่แบบนี้ เสียงต้องไม่เล็ดลอดออกไปแน่ เหมาะแก่การทำเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เป็นที่สุด…”

“ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้…แต่พอฟังพี่พูดอย่างนี้แล้วมันกลับสองแง่สองง่ามชอบกล…” หลิงม่อเดินตามอยู่ข้างหลัง แล้วบอก “สรุปว่า ฉันได้จัดเวลาที่ไม่แน่นอนไว้ช่วงหนึ่งแล้ว…เพราะฉันไม่รู้ว่าครั้งนี้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่…กระทั่งไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่…”

พอเขาพูดอย่างนี้ พวกเย่เลี่ยนก็อดหันไปสบตากันไม่ได้ ไม่นาน ซย่าน่าก็พูดขึ้นว่า “รับประกันไม่ได้ งั้นก็คงมีแต่พี่เย่เลี่ยนแล้วสินะ…ก้าวข้ามจากระดับราชาขึ้นไปอีกขั้น เดาว่าคงเป็นจุดวิกฤติที่ใหญ่พอสมควร ไม่รู้ว่าพี่หลิงสังเกตหรือเปล่า ซอมบี้ที่พวกเราเคยเจอ ล้วนแล้วแต่หยุดชะงักในก้าวนี้กันทั้งนั้น หรือไม่ก็เลือกที่จะกลายเป็นร่างแม่แทน แต่พี่เย่เลี่ยนไม่อาจกลายเป็นร่างแม่ได้ เธออาจเป็นซอมบี้เพียงหนึ่งเดียว…ที่วิวัฒนาการไปทีละขั้นๆ อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ…”

“ฉันรู้…” หลิงม่อพยักหน้า แล้วตอบ

“ส่วนฉันกับรุ่นพี่ พวกฉันไม่รู้ว่าหลังจากที่วิวัฒนาการไปอีกขั้น จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…แต่อย่างน้อย พวกฉันจะพยายามทำให้สำเร็จ เฮยซือกับอวี๋ซือหรานค่อนข้างพิเศษ…แต่เขาว่าคนโง่มักจะตายยาก” ซย่าน่าบอก

“นี่ ประโยคแรกๆ ยังฟังดูซาบซึ้งกินใจอยู่เลย ทำไมพอพูดถึงพวกฉันแล้วถึงกลายเป็นถากถางไปได้ล่ะ!” เฮยซือคัดค้านเสียงเบา

หลิงม่อกลับมองไปที่เย่เลี่ยน แล้วถามเสียงเบา “เด็กโง่ เธอคิดว่ายังไง?”

“ฉัน…ฉันแล้วแต่พี่…” เย่เลี่ยนก้มมองปลายเท้าตัวเอง แล้วตอบเสียงแผ่ว

หลิงม่อกลับอดเหลือบมองที่กระเป๋าเสื้อเธอไม่ได้…ยัยเด็กโง่คนนี้นี่ ทำไมถึงอ่านยากนักนะ? ตามคาดไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือซอมบี้ ผู้หญิงก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!

“ตอนที่พวกเธอกลายมาเป็นแฟนสาว ทำไมถึงไม่มีคู่มือการใช้งานให้อ่านบ้างนะ…” หลิงม่อคิดอย่างปวดหัว…ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ห้องเล็กๆ ห้องนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลิงม่อก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ข้างกายเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที…

ดูเหมือนคงจะเป็นอย่างที่ซย่าน่าบอก ถึงแม้ตอนนี้พวกเธอจะแสดงออกและมีการตอบสนองที่ต่างกัน แต่…พวกเธอทุกคนรู้ ว่าหลิงม่อให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขนาดไหน…และด้วยเหตุนี้พวกเธอก็จะจริงจังกับมันมากขึ้น…นี่ก็คือวิธีการแสดงออกว่าตัวเองใส่ใจของซอมบี้…

“ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงความคิดจริงๆ ของพวกเธอไม่ได้ แต่อย่างน้อยแค่พวกเธอเชื่อว่าฉันพึ่งพาได้ แค่นี้ก็พอแล้ว…” หลิงม่อคิดในใจ ถึงแม้วิธีคิดอย่างนี้จะดูเหมือนเป็นการปลอบใจตัวเอง แต่หลิงม่อก็อดอมยิ้มบางๆ ไม่ได้…

ขณะเดียวกัน ในโกดังอาหารอีกแห่ง

ชายคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อย่างร้อนรนอยู่ข้างหน้าต่าง

เขาคือหัวหน้าทีมของทีมนี้ และเวลานี้เขาก็กำลังรู้สึกกระวนกระวาย

พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ตามหลักแล้วยังไม่น่าจะมีอาการกระสับกระส่ายทนรอไม่ไหวขนาดนี้…และเรื่องที่ทำให้หัวหน้าทีมรู้สึกไม่สบายใจ ก็ไม่ใช่เรื่องนี้ ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เขากระวนกระวาย กระทั่งรู้สึกหวาดกลัว ก็คือสมาชิกทีมของเขา…

หลังจากที่ทำความสะอาดที่พัก สมาชิกทีมหลายคนก็เริ่มทยอย…มีอาการแปลกๆ ขึ้นมา เขาบอกไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน ทว่าบนตัวของคนพวกนี้ เขากลับมองเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยของใครคนหนึ่ง…

“ฮู่วว…” หัวหน้าทีมสูบบุหรี่เต็มปอด จากนั้นก็พ่นออกมาจนสุด “ฉันคิดมากไปเองล่ะมั้ง? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเอาแต่คิดเรื่องหลิงม่อ ก็เลยมีอาการเครียด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หมอนั่นจะมาถึงที่นี่ซักที…ใจหนึ่งก็อยากให้หมอนั่นรีบๆ มา จะได้สู้ให้จบๆ ไป แต่ลึกๆ อีกใจหนึ่งก็กลัว…การเป็นคนช่างสับสนและขัดแย้งจริงๆ…”

หัวหน้าทีมกำลังเยาะเย้ยตัวเอง แต่จู่ๆ เขาก็ก้มหน้ามองลงไปข้างล่างเหมือนสัมผัสได้ แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างล่างพอดี ผู้หญิงคนนั้นกำลังเงยหน้ามองเขา และบนใบหน้าไร้อารมณ์นั้น ราวกับมีกลิ่นอายที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเคลือบอยู่รางๆ…

“…” หัวหน้าทีมจ้องตาเธออยู่ครู่หนึ่ง พลันถอนหายใจยาวๆ โยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งลงไป แล้วหมุนกายเดินจากหน้าต่างไป ขณะเดียวกับที่หมุนกาย เขาก็พึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “ทำตัวแปลกๆ…ตอนนี้ฉันกลับหวังด้วยใจจริงว่าหลิงม่อจะรีบๆ มาซักที”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+