แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกทำเหมือนกำลังหลอกถามข้อมูลจากฉัน แต่ความจริงกลับกำลังถ่วงเวลา อาศัยวิธีพูดแบบกวนประสาททำให้ฉันไขว้เขว…ตามคาด ฉันดูถูกมนุษย์มากไปจริงๆ ทีแรกคิดว่าถ้าเปิดเผยเรื่องการแยกร่างของฉันให้แกรู้ อาจทำให้แกตาสว่างมองสถานการณ์ออก ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก…” ซอมบี้ร่างแม่พูดเสียงเย็นชา สายตาอดเหลือบมองไปที่ด้านหลังของหุ่นดวงจิตไม่ได้ ณ สุดทางเดิน ด้านหลังประตูเหล็กที่เปิดแง้มไว้บานนั้น คือบันไดหนีไฟของอาคารหอพักแห่งนี้…

ในตอนนี้เอง หลิงม่อพลันควบคุมร่างดวงจิตให้เคลื่อนไหว…

“เธอคิดว่านั่นเรียกว่าเจ้าเล่ห์แล้วหรอ? คงเพราะเธอยังไม่รู้จุดประสงค์ต่อไปของฉันสินะ…” เมื่อเสียงหัวเราะเย็นชาหนึ่งดังขึ้น เงาร่างของหุ่นดวงจิตไหววูบ และเลือนหายไปจากที่เดิมในพริบตา แต่เสียงหัวเราะของเขายังคงดังก้องอยู่ข้างหูซอมบี้ร่างแม่ “ฉันจะบอกให้ว่าการยึดครองร่างกายมนุษย์มีข้อเสียอะไรบ้าง…อย่างในตอนนี้ เธอจับต้องตัวฉันไม่ได้ไงล่ะ…”

ซอมบี้ร่างแม่ชะงัก จากนั้นก็ก้มมองใต้เท้าของตัวเองอย่างเดือดดาล “แก เจ้ามนุษย์สมควรตาย เจ้ามนุษย์จอมอวดดี!” เธอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ชั้นล่าง แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ร่างดวงจิตตัวนั้นก็รีบวิ่งพุ่งไปที่บันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว

“คิดจะบีบฉันให้เข้าไปในนั้นงั้นหรอ?” ซอมบี้ร่างแม่เงยหน้าที่ก้มมองเท้าไปที่ประตูเหล็กบานนั้น…เมื่อกี้ในระหว่างที่เธอสนทนากับร่างดวงจิต “สิ่ง” ที่ถูกส่งไปสู้กับทีมร่างจริงของหลิงม่อ ก็ถูกพวกหลิงม่อต้อนจนมุม…และเพราะอย่างนี้ เธอจึงได้สติ และเปิดโปงแผนเจ้าเล่ห์ของหลิงม่อได้ แต่เรื่องที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ มนุษย์ผู้นี้เจ้าเล่ห์กว่าที่เธอเห็นมาก ถึงแม้เธอเปิดโปงแผนการเขาได้ ทว่าสิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นอีกแผนการที่ซ้อนอยู่ สุดท้ายเธอก็ถูกเจ้ามนุษย์คนนี้ฉวยโอกาสจนได้…

“ดีมาก…ฉันไม่ได้เจอเหยื่อที่น่าสนใจแบบนี้มานานแล้ว…แกอยากเล่นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเล่นเป็นเพื่อนแกเอง…แกจะบีบให้ฉันสู้กับร่างจริงและร่างดวงจิตของแกพร้อมกัน? ไม่มีปัญหา แต่ว่า ทำอย่างนี้แล้วแกจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบงั้นหรอ? ถ้าหากว่าแกคิดอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็คงต้องเสียใจกับแกด้วยนะเจ้ามนุษย์…อีกอย่าง แกคิดจริงๆ หรอว่าฉันจะปล่อยเพื่อนของแกไปง่ายๆ? ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยสนใจพลังจิตของพวกเขา แต่ฉันก็รู้ ว่าเมื่อมนุษย์ได้รับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส พวกเขาจะเสียสติไปอย่างง่ายดาย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ…”

สีหน้าของหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาเริ่มมีจุดสีแดงผุดขึ้นมา เธอจ้องเขม็งไปที่ประตูเหล็ก และพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้อง เธอรีบยกมือจับกลอนประตู ท่ามกลางเสียงเสียดแทงแก้วหูดัง “แอ๊ด” ประตูห้องค่อยๆ ถูกผลักเปิด…

“เร็วเข้า! รีบพาพวกเขาไปจากที่นี่!”

“ระวังตัวด้วย…”

“ถ้าหากว่ามีใครโดนจับตัวไปอีก จะกลายเป็นตัวถ่วงให้หัวหน้าได้!”

บนบันได พวกมู่เฉินกำลังประคองร่างไร้สติของกู่ซวงซวงและเจ้าลิงผอมวิ่งลงบันไดไปอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าในตอนที่พวกเขาใกล้จะลงไปถึงชั้นหนึ่ง หลี่ย่าหลินกลับชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นาน สวี่ซูหานก็เงยหน้าขึ้นอย่างแตกตื่น พลางกวาดตามองรอบด้านอย่างระแวดระวัง…

“เป็นอะไรไป?” อวี่เหวินซวนที่มีหน้าที่ระวังหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอทันที จึงรีบถาม

หลี่ย่าหลินกระพริบตาปริบๆ ขยับหูเบาๆ หนึ่งที เหมือนกำลังเงี่ยหูฟังบางอย่าง เธอเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “เหมือนฉัน…จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

“ฉันก็เหมือนกัน…” สวี่ซูหานพูดเสริมจากอีกด้าน “มันไม่ได้ชัดมาก แต่ว่ามีเสียงบางอย่างกำลังดังจริงๆ…น่าแปลก ทำไมถึงจับแหล่งกำเนิดเสียงไม่ได้ล่ะ…”

ปฏิกิริยาแปลกๆ ของพวกเธอดึงดูดความสนใจของทุกคน ทั้งหมดค่อยๆ ชะลอฝีเท้า และหันไปมองพวกเธอ ทันใดนั้น สีหน้างุนงงของหลี่ย่าหลินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในเสี้ยววินาที กระทั่งดวงตาก็กลายเป็นสีแดงจางๆ เล็กน้อย

ในเวลาเดียวกับที่สีหน้าของสวี่ซูหานกลายเป็นหวาดกลัว หลี่ย่าหลินก็หันไปมองทุกคนแล้วบอกว่า “รีบไปเร็วเข้า…”

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ไคตระหนก ถามขึ้น

อวี่เหวินซวนกลับรู้สึกลนลานขึ้นมาทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่น “รีบไปเร็วเข้าสิ! ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่ทันแล้วนะ! เร็วเข้า…”

แต่ในตอนนี้เอง เสียง “โครม” กลับดังมาจากข้างหลังอวี่เหวินซวน มู่เฉินกับเย่ไคที่ยังไม่ทันหมุนตัวออกวิ่งมองเห็นภาพนั้นพร้อมกัน ภาพที่ผนังแตกร้าว และคลื่นสีดำจำนวนมหาศาลพุ่งไปที่ร่างของอวี่เหวินซวน…ดูจากขนาดของพวกมัน คาดว่าพวกมันคงถาโถมใส่อวี่เหวินซวนจนมิดภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที …

“เฟิ่งจื่อ!” มู่เฉินตวาดเรียก

และในเสี้ยววินาทีที่ได้ยินเสียงเรียก อวี่เหวินซวนก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้า ทว่าเทียบกับเงาดำพวกนั้นแล้ว ความเร็วของเขากลับช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่ในตอนนี้เอง เปลวไฟสายหนึ่งกลับพุ่งออกมาจากก้นของเขา มันไม่เพียงทำให้เขาเร็วขึ้นมากกว่าสิบเท่า แต่ยังเผาร่างเหล่าแมงมุมที่อยู่ใกล้ๆ ที่สุดกระจายเป็นวงกว้างด้วย…

“เชี่ย! แม่เอ็งๆๆ เกือบตายแล้วไง!” ขณะที่ทิ้งตัวลงบนขั้นบันได อวี่เหวินซวนกลิ้งลงไปอีกสองตลบเพราะเบรกไม่อยู่ ขณะเดียวกัน ปากก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปด้วย ในตอนที่เขาตะเกียกตะกายยันตัวขึ้น เสียงหวีดร้องหนึ่งกลับดังขึ้น ตามมาด้วยเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏตัวข้างๆ เขา เสียงแหวกอากาศ “สวบ” ดังมา เงาสีดำที่ถูกโจมตีจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ พลันร่วงลงมาจากเหนือหัว

อวี่เหวินซวนยกมือกุมหัวโดยสัญชาตญาณ พอเขาเงยหน้า ก็เห็นหลี่ย่าหลินยืนอยู่ข้างตัวเอง เด็กสาวคนนี้ที่เมื่อกี้ยังลนลานแตกตื่น เวลานี้รอบตัวกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายอำมหิต และกลิ่นอายนี้ของเธอ เสมือนกำลังปะทะกับแรงกดดันของแมงมุมพวกนั้น

ศพแมงมุมบนพื้นที่ตัวเล็กที่สุดมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ตัวใหญ่สุดมีขนาดเท่ากับหัวคน แมงมุมพวกนี้ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็น “หมาเฝ้าประตู” ที่แมงมุมหัวคนตัวนั้นซ่อนไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะระดับความดุร้ายหรือเรื่องพลังต่อสู้ ล้วนเหนือกว่าแมงมุมธรรมดาที่พวกเขาเคยเจอก่อนหน้านี้ พวกมันปรากฏตัวในเวลานี้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าแพราะอะไร…

“รีบพาพวกเขาหนีไป!” หลี่ย่าหลินพูดโดยไม่หันมามอง

“แต่ว่า…”

สวี่ซูหานหมายจะพูดบางอย่าง แต่ก็เห็นหลี่ย่าหลินเหลือบมองเธอด้วยหางตา สายตาคมปลาบราวกับอสรพิษนั้น ทำให้เธอรู้สึกขาอ่อนชั่วชณะ คำพูดโน้มน้าวที่มาถึงริมฝีปากกลับถูกกลืนลงคอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

นี่หรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของซอมบี้…ไม่สิ นี่คงเป็นแค่จุดเริ่มต้นสินะ…

“ทุกคนรีบไปเร็ว! พวกเรายังถ่วงเวลาได้อีกเดี๋ยว!” สวี่ซูหานหันไปหาทุกคน พลันตะโกนบอก

“ไปทุกคนเลยหรอ!” อวี่เหวินซวนมองหลี่ย่าหลินด้วยสายตาลึกซึ้ง ไม่นานก็รีบลุกขึ้นยืน และวิ่งพุ่งไปทางพวกมู่เฉิน เวลาแบบนี้ หากเขาอยู่ต่อก็รังแต่จะเป็นภาระให้เธอ…และเรื่องนี้ ก็เพิ่งถูกพิสูจน์ไปเมื่อกี้…

“ถูกช่วยไว้อีกแล้ว…ถูกช่วยโดยไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว…” อวี่เหวินซวนกระชากร่างเจ้าลิงผอมขึ้นมา และเหวี่ยงขึ้นหลัง จากนั้นก็วิ่งพุ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง “ไปเร็ว! จะไม่ทันแล้วนะ!”

เวลานี้ เสียง “แคร่กๆ” ดังมาอีกครั้ง นอกจากพื้น เพดานบนหัวและผนังด้านข้างก็กำลังแตกร้าวด้วยเช่นกัน…และทันทีที่พวกมันพังลงมา บันไดทั้งเส้นก็จะถูกปกคลุมจนมิดโดยแมงมุมพวกนี้…

ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นฝังพวกมันไว้ที่นี่ เห็นชัดว่าเพื่อจะกำจัดพวกเขาทุกคนในคราวเดียวไม่ให้รอดไปได้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ เห็นชัดว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่จะทำให้พวกเขามีพื้นที่ดิ้นรนขัดขืนน้อยลง และตกสู่สภาวะสับสนวุ่นวายได้ง่ายๆ ถ้าหากว่าไม่มีหลี่ย่าหลินคอยควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคงทันทีในตอนแรกแล้วล่ะก็…

ขณะที่ทุกคนหนี หลี่ย่าหลินและสวี่ซูหานกำลังขัดขวางแมงมุมพวกนี้ไว้อย่างสุดชีวิต และเมื่อจำนวนของแมงมุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวี่ซูหานก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของหลี่ย่าหลิน ดวงตาของเธอ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนสี…

“เธอกันตรงนี้ไว้!” หลี่ย่าหลินพลันตะโกนบอก และรีบพุ่งตัวไปยังผนังที่ใกล้จะถล่มลงมาพวกนั้น ยกเท้าขึ้นเตอะออกไปเต็มแรง ท่ามกลางเสียง “โครมๆๆ” แผ่นปูนขนาดใหญ่และเศษฝุ่นมากมายร่วงลงมาพร้อมกับศพแมงมุมที่ปะปนอยู่ในนั้น

“เธอสัมผัสรู้ถึงตำแหน่งของแมงมุมได้งั้นหรือ…” สวี่ซูหานเพิ่งจะไขว้เขว ก็เห็นแมงมุมสิบกว่าตัวพุ่งเข้ามา เธอตกใจหวีดร้องเสียงแหลม ผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็ลั่นไกปืนออกไป เธอถอยหลังด้วยความเร็วสูง หลบการโจมตีจากแมงมุมพวกนั้นไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ซ้ำกระสุนยี่สิบกว่านัดที่เธอยิงหลังจากนั้น ก็ตรงเป้าทุกนัก…

“พวกเราทำได้…พวกเราสามารถขัดขวางพวกมันได้แน่…” สวี่ซูหานหอบหายใจระรัว มือข้างที่เล็งปืนสั่นเทาเล็กน้อย

ถึงแม้เรื่องระดับวิวัฒนาการของเธอจะสู้หลี่ย่าหลินไม่ได้ แต่อย่างน้อย…เธอก็กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อ…

“ฉันยังตามหาเป้าหมายของชีวิตหลังจากกลายพันธุ์ไม่เจอไม่ใช่หรอ? บางทีการที่ฉันสามารถต่อสู้ได้ดีขึ้น อาจเป็นเป้าหมายนั้นก็ได้…บางที…”

ขณะเดียวกัน ณ บันไดหนีไฟ

เวลานี้ฝั่งทีมร่างจริงของหลิงม่อใกล้จะขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้ว…

ด้านหน้าของพวกเขา เงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซ ทันใดนั้น เขาพลันหยุดนิ่ง และค่อยๆ หันกลับมาโดยที่ยืนพิงราวบันไดอยู่ ดวงตาสีแดงเลือดแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งระคนเย็นชาคู่หนึ่ง จ้องมาที่พวกเขาซึ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ…หรือถ้าจะพูดให้ถูก คือจ้องมองมาที่หลิงม่อ

ซอมบี้ตัวนี้ คือศัตรูที่พวกหลิงม่อปะทะเข้าอย่างกะทันหันขณะที่เดินขึ้นบันไดหนีไฟ…และตอนที่พวกเขาเริ่มประมือกับซอมบี้ตัวนี้ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเสี่ยวเฮย…

ตามแผนเดิมของหลิงม่อ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นควรมุ่งหน้ามาหาร่างจริงของเขาโดยตรง แต่ไม่คิดเลยว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะมีความคิดแบบเดียวกับเขา…

ทว่าที่สำคัญก็คือ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นประเมินพลังต่อสู้ของพวกหลิงม่อต่ำไป…

ซอมบี้เหยื่อล่อตัวนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง รวมถึงพลังจิตที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน…ตามแผนของซอมบี้ร่างแม่ ใช้พลังจิตต่อกรกับซอมบี้สองตัวนั้น ส่วนร่างกายใช้ต่อกรกับหลิงม่อ ทำอย่างนี้แม้ไม่อาจกำจัดพวกเขาทั้งสามคนได้ในคราวเดียว แต่อย่างน้อยก็ต้องบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้ว ยังมีเงาร่างที่สามแฝงตัวอยู่ท่ามกลางซอมบี้สาวสองตัวนี้…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกทำเหมือนกำลังหลอกถามข้อมูลจากฉัน แต่ความจริงกลับกำลังถ่วงเวลา อาศัยวิธีพูดแบบกวนประสาททำให้ฉันไขว้เขว…ตามคาด ฉันดูถูกมนุษย์มากไปจริงๆ ทีแรกคิดว่าถ้าเปิดเผยเรื่องการแยกร่างของฉันให้แกรู้ อาจทำให้แกตาสว่างมองสถานการณ์ออก ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก…” ซอมบี้ร่างแม่พูดเสียงเย็นชา สายตาอดเหลือบมองไปที่ด้านหลังของหุ่นดวงจิตไม่ได้ ณ สุดทางเดิน ด้านหลังประตูเหล็กที่เปิดแง้มไว้บานนั้น คือบันไดหนีไฟของอาคารหอพักแห่งนี้…

ในตอนนี้เอง หลิงม่อพลันควบคุมร่างดวงจิตให้เคลื่อนไหว…

“เธอคิดว่านั่นเรียกว่าเจ้าเล่ห์แล้วหรอ? คงเพราะเธอยังไม่รู้จุดประสงค์ต่อไปของฉันสินะ…” เมื่อเสียงหัวเราะเย็นชาหนึ่งดังขึ้น เงาร่างของหุ่นดวงจิตไหววูบ และเลือนหายไปจากที่เดิมในพริบตา แต่เสียงหัวเราะของเขายังคงดังก้องอยู่ข้างหูซอมบี้ร่างแม่ “ฉันจะบอกให้ว่าการยึดครองร่างกายมนุษย์มีข้อเสียอะไรบ้าง…อย่างในตอนนี้ เธอจับต้องตัวฉันไม่ได้ไงล่ะ…”

ซอมบี้ร่างแม่ชะงัก จากนั้นก็ก้มมองใต้เท้าของตัวเองอย่างเดือดดาล “แก เจ้ามนุษย์สมควรตาย เจ้ามนุษย์จอมอวดดี!” เธอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ชั้นล่าง แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ร่างดวงจิตตัวนั้นก็รีบวิ่งพุ่งไปที่บันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว

“คิดจะบีบฉันให้เข้าไปในนั้นงั้นหรอ?” ซอมบี้ร่างแม่เงยหน้าที่ก้มมองเท้าไปที่ประตูเหล็กบานนั้น…เมื่อกี้ในระหว่างที่เธอสนทนากับร่างดวงจิต “สิ่ง” ที่ถูกส่งไปสู้กับทีมร่างจริงของหลิงม่อ ก็ถูกพวกหลิงม่อต้อนจนมุม…และเพราะอย่างนี้ เธอจึงได้สติ และเปิดโปงแผนเจ้าเล่ห์ของหลิงม่อได้ แต่เรื่องที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ มนุษย์ผู้นี้เจ้าเล่ห์กว่าที่เธอเห็นมาก ถึงแม้เธอเปิดโปงแผนการเขาได้ ทว่าสิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นอีกแผนการที่ซ้อนอยู่ สุดท้ายเธอก็ถูกเจ้ามนุษย์คนนี้ฉวยโอกาสจนได้…

“ดีมาก…ฉันไม่ได้เจอเหยื่อที่น่าสนใจแบบนี้มานานแล้ว…แกอยากเล่นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเล่นเป็นเพื่อนแกเอง…แกจะบีบให้ฉันสู้กับร่างจริงและร่างดวงจิตของแกพร้อมกัน? ไม่มีปัญหา แต่ว่า ทำอย่างนี้แล้วแกจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบงั้นหรอ? ถ้าหากว่าแกคิดอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็คงต้องเสียใจกับแกด้วยนะเจ้ามนุษย์…อีกอย่าง แกคิดจริงๆ หรอว่าฉันจะปล่อยเพื่อนของแกไปง่ายๆ? ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยสนใจพลังจิตของพวกเขา แต่ฉันก็รู้ ว่าเมื่อมนุษย์ได้รับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส พวกเขาจะเสียสติไปอย่างง่ายดาย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ…”

สีหน้าของหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาเริ่มมีจุดสีแดงผุดขึ้นมา เธอจ้องเขม็งไปที่ประตูเหล็ก และพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้อง เธอรีบยกมือจับกลอนประตู ท่ามกลางเสียงเสียดแทงแก้วหูดัง “แอ๊ด” ประตูห้องค่อยๆ ถูกผลักเปิด…

“เร็วเข้า! รีบพาพวกเขาไปจากที่นี่!”

“ระวังตัวด้วย…”

“ถ้าหากว่ามีใครโดนจับตัวไปอีก จะกลายเป็นตัวถ่วงให้หัวหน้าได้!”

บนบันได พวกมู่เฉินกำลังประคองร่างไร้สติของกู่ซวงซวงและเจ้าลิงผอมวิ่งลงบันไดไปอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าในตอนที่พวกเขาใกล้จะลงไปถึงชั้นหนึ่ง หลี่ย่าหลินกลับชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นาน สวี่ซูหานก็เงยหน้าขึ้นอย่างแตกตื่น พลางกวาดตามองรอบด้านอย่างระแวดระวัง…

“เป็นอะไรไป?” อวี่เหวินซวนที่มีหน้าที่ระวังหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอทันที จึงรีบถาม

หลี่ย่าหลินกระพริบตาปริบๆ ขยับหูเบาๆ หนึ่งที เหมือนกำลังเงี่ยหูฟังบางอย่าง เธอเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “เหมือนฉัน…จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

“ฉันก็เหมือนกัน…” สวี่ซูหานพูดเสริมจากอีกด้าน “มันไม่ได้ชัดมาก แต่ว่ามีเสียงบางอย่างกำลังดังจริงๆ…น่าแปลก ทำไมถึงจับแหล่งกำเนิดเสียงไม่ได้ล่ะ…”

ปฏิกิริยาแปลกๆ ของพวกเธอดึงดูดความสนใจของทุกคน ทั้งหมดค่อยๆ ชะลอฝีเท้า และหันไปมองพวกเธอ ทันใดนั้น สีหน้างุนงงของหลี่ย่าหลินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในเสี้ยววินาที กระทั่งดวงตาก็กลายเป็นสีแดงจางๆ เล็กน้อย

ในเวลาเดียวกับที่สีหน้าของสวี่ซูหานกลายเป็นหวาดกลัว หลี่ย่าหลินก็หันไปมองทุกคนแล้วบอกว่า “รีบไปเร็วเข้า…”

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ไคตระหนก ถามขึ้น

อวี่เหวินซวนกลับรู้สึกลนลานขึ้นมาทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่น “รีบไปเร็วเข้าสิ! ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่ทันแล้วนะ! เร็วเข้า…”

แต่ในตอนนี้เอง เสียง “โครม” กลับดังมาจากข้างหลังอวี่เหวินซวน มู่เฉินกับเย่ไคที่ยังไม่ทันหมุนตัวออกวิ่งมองเห็นภาพนั้นพร้อมกัน ภาพที่ผนังแตกร้าว และคลื่นสีดำจำนวนมหาศาลพุ่งไปที่ร่างของอวี่เหวินซวน…ดูจากขนาดของพวกมัน คาดว่าพวกมันคงถาโถมใส่อวี่เหวินซวนจนมิดภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที …

“เฟิ่งจื่อ!” มู่เฉินตวาดเรียก

และในเสี้ยววินาทีที่ได้ยินเสียงเรียก อวี่เหวินซวนก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้า ทว่าเทียบกับเงาดำพวกนั้นแล้ว ความเร็วของเขากลับช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่ในตอนนี้เอง เปลวไฟสายหนึ่งกลับพุ่งออกมาจากก้นของเขา มันไม่เพียงทำให้เขาเร็วขึ้นมากกว่าสิบเท่า แต่ยังเผาร่างเหล่าแมงมุมที่อยู่ใกล้ๆ ที่สุดกระจายเป็นวงกว้างด้วย…

“เชี่ย! แม่เอ็งๆๆ เกือบตายแล้วไง!” ขณะที่ทิ้งตัวลงบนขั้นบันได อวี่เหวินซวนกลิ้งลงไปอีกสองตลบเพราะเบรกไม่อยู่ ขณะเดียวกัน ปากก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปด้วย ในตอนที่เขาตะเกียกตะกายยันตัวขึ้น เสียงหวีดร้องหนึ่งกลับดังขึ้น ตามมาด้วยเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏตัวข้างๆ เขา เสียงแหวกอากาศ “สวบ” ดังมา เงาสีดำที่ถูกโจมตีจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ พลันร่วงลงมาจากเหนือหัว

อวี่เหวินซวนยกมือกุมหัวโดยสัญชาตญาณ พอเขาเงยหน้า ก็เห็นหลี่ย่าหลินยืนอยู่ข้างตัวเอง เด็กสาวคนนี้ที่เมื่อกี้ยังลนลานแตกตื่น เวลานี้รอบตัวกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายอำมหิต และกลิ่นอายนี้ของเธอ เสมือนกำลังปะทะกับแรงกดดันของแมงมุมพวกนั้น

ศพแมงมุมบนพื้นที่ตัวเล็กที่สุดมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ตัวใหญ่สุดมีขนาดเท่ากับหัวคน แมงมุมพวกนี้ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็น “หมาเฝ้าประตู” ที่แมงมุมหัวคนตัวนั้นซ่อนไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะระดับความดุร้ายหรือเรื่องพลังต่อสู้ ล้วนเหนือกว่าแมงมุมธรรมดาที่พวกเขาเคยเจอก่อนหน้านี้ พวกมันปรากฏตัวในเวลานี้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าแพราะอะไร…

“รีบพาพวกเขาหนีไป!” หลี่ย่าหลินพูดโดยไม่หันมามอง

“แต่ว่า…”

สวี่ซูหานหมายจะพูดบางอย่าง แต่ก็เห็นหลี่ย่าหลินเหลือบมองเธอด้วยหางตา สายตาคมปลาบราวกับอสรพิษนั้น ทำให้เธอรู้สึกขาอ่อนชั่วชณะ คำพูดโน้มน้าวที่มาถึงริมฝีปากกลับถูกกลืนลงคอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

นี่หรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของซอมบี้…ไม่สิ นี่คงเป็นแค่จุดเริ่มต้นสินะ…

“ทุกคนรีบไปเร็ว! พวกเรายังถ่วงเวลาได้อีกเดี๋ยว!” สวี่ซูหานหันไปหาทุกคน พลันตะโกนบอก

“ไปทุกคนเลยหรอ!” อวี่เหวินซวนมองหลี่ย่าหลินด้วยสายตาลึกซึ้ง ไม่นานก็รีบลุกขึ้นยืน และวิ่งพุ่งไปทางพวกมู่เฉิน เวลาแบบนี้ หากเขาอยู่ต่อก็รังแต่จะเป็นภาระให้เธอ…และเรื่องนี้ ก็เพิ่งถูกพิสูจน์ไปเมื่อกี้…

“ถูกช่วยไว้อีกแล้ว…ถูกช่วยโดยไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว…” อวี่เหวินซวนกระชากร่างเจ้าลิงผอมขึ้นมา และเหวี่ยงขึ้นหลัง จากนั้นก็วิ่งพุ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง “ไปเร็ว! จะไม่ทันแล้วนะ!”

เวลานี้ เสียง “แคร่กๆ” ดังมาอีกครั้ง นอกจากพื้น เพดานบนหัวและผนังด้านข้างก็กำลังแตกร้าวด้วยเช่นกัน…และทันทีที่พวกมันพังลงมา บันไดทั้งเส้นก็จะถูกปกคลุมจนมิดโดยแมงมุมพวกนี้…

ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นฝังพวกมันไว้ที่นี่ เห็นชัดว่าเพื่อจะกำจัดพวกเขาทุกคนในคราวเดียวไม่ให้รอดไปได้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ เห็นชัดว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่จะทำให้พวกเขามีพื้นที่ดิ้นรนขัดขืนน้อยลง และตกสู่สภาวะสับสนวุ่นวายได้ง่ายๆ ถ้าหากว่าไม่มีหลี่ย่าหลินคอยควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคงทันทีในตอนแรกแล้วล่ะก็…

ขณะที่ทุกคนหนี หลี่ย่าหลินและสวี่ซูหานกำลังขัดขวางแมงมุมพวกนี้ไว้อย่างสุดชีวิต และเมื่อจำนวนของแมงมุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวี่ซูหานก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของหลี่ย่าหลิน ดวงตาของเธอ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนสี…

“เธอกันตรงนี้ไว้!” หลี่ย่าหลินพลันตะโกนบอก และรีบพุ่งตัวไปยังผนังที่ใกล้จะถล่มลงมาพวกนั้น ยกเท้าขึ้นเตอะออกไปเต็มแรง ท่ามกลางเสียง “โครมๆๆ” แผ่นปูนขนาดใหญ่และเศษฝุ่นมากมายร่วงลงมาพร้อมกับศพแมงมุมที่ปะปนอยู่ในนั้น

“เธอสัมผัสรู้ถึงตำแหน่งของแมงมุมได้งั้นหรือ…” สวี่ซูหานเพิ่งจะไขว้เขว ก็เห็นแมงมุมสิบกว่าตัวพุ่งเข้ามา เธอตกใจหวีดร้องเสียงแหลม ผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็ลั่นไกปืนออกไป เธอถอยหลังด้วยความเร็วสูง หลบการโจมตีจากแมงมุมพวกนั้นไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ซ้ำกระสุนยี่สิบกว่านัดที่เธอยิงหลังจากนั้น ก็ตรงเป้าทุกนัก…

“พวกเราทำได้…พวกเราสามารถขัดขวางพวกมันได้แน่…” สวี่ซูหานหอบหายใจระรัว มือข้างที่เล็งปืนสั่นเทาเล็กน้อย

ถึงแม้เรื่องระดับวิวัฒนาการของเธอจะสู้หลี่ย่าหลินไม่ได้ แต่อย่างน้อย…เธอก็กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อ…

“ฉันยังตามหาเป้าหมายของชีวิตหลังจากกลายพันธุ์ไม่เจอไม่ใช่หรอ? บางทีการที่ฉันสามารถต่อสู้ได้ดีขึ้น อาจเป็นเป้าหมายนั้นก็ได้…บางที…”

ขณะเดียวกัน ณ บันไดหนีไฟ

เวลานี้ฝั่งทีมร่างจริงของหลิงม่อใกล้จะขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้ว…

ด้านหน้าของพวกเขา เงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซ ทันใดนั้น เขาพลันหยุดนิ่ง และค่อยๆ หันกลับมาโดยที่ยืนพิงราวบันไดอยู่ ดวงตาสีแดงเลือดแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งระคนเย็นชาคู่หนึ่ง จ้องมาที่พวกเขาซึ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ…หรือถ้าจะพูดให้ถูก คือจ้องมองมาที่หลิงม่อ

ซอมบี้ตัวนี้ คือศัตรูที่พวกหลิงม่อปะทะเข้าอย่างกะทันหันขณะที่เดินขึ้นบันไดหนีไฟ…และตอนที่พวกเขาเริ่มประมือกับซอมบี้ตัวนี้ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเสี่ยวเฮย…

ตามแผนเดิมของหลิงม่อ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นควรมุ่งหน้ามาหาร่างจริงของเขาโดยตรง แต่ไม่คิดเลยว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะมีความคิดแบบเดียวกับเขา…

ทว่าที่สำคัญก็คือ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นประเมินพลังต่อสู้ของพวกหลิงม่อต่ำไป…

ซอมบี้เหยื่อล่อตัวนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง รวมถึงพลังจิตที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน…ตามแผนของซอมบี้ร่างแม่ ใช้พลังจิตต่อกรกับซอมบี้สองตัวนั้น ส่วนร่างกายใช้ต่อกรกับหลิงม่อ ทำอย่างนี้แม้ไม่อาจกำจัดพวกเขาทั้งสามคนได้ในคราวเดียว แต่อย่างน้อยก็ต้องบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้ว ยังมีเงาร่างที่สามแฝงตัวอยู่ท่ามกลางซอมบี้สาวสองตัวนี้…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกทำเหมือนกำลังหลอกถามข้อมูลจากฉัน แต่ความจริงกลับกำลังถ่วงเวลา อาศัยวิธีพูดแบบกวนประสาททำให้ฉันไขว้เขว…ตามคาด ฉันดูถูกมนุษย์มากไปจริงๆ ทีแรกคิดว่าถ้าเปิดเผยเรื่องการแยกร่างของฉันให้แกรู้ อาจทำให้แกตาสว่างมองสถานการณ์ออก ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก…” ซอมบี้ร่างแม่พูดเสียงเย็นชา สายตาอดเหลือบมองไปที่ด้านหลังของหุ่นดวงจิตไม่ได้ ณ สุดทางเดิน ด้านหลังประตูเหล็กที่เปิดแง้มไว้บานนั้น คือบันไดหนีไฟของอาคารหอพักแห่งนี้…

ในตอนนี้เอง หลิงม่อพลันควบคุมร่างดวงจิตให้เคลื่อนไหว…

“เธอคิดว่านั่นเรียกว่าเจ้าเล่ห์แล้วหรอ? คงเพราะเธอยังไม่รู้จุดประสงค์ต่อไปของฉันสินะ…” เมื่อเสียงหัวเราะเย็นชาหนึ่งดังขึ้น เงาร่างของหุ่นดวงจิตไหววูบ และเลือนหายไปจากที่เดิมในพริบตา แต่เสียงหัวเราะของเขายังคงดังก้องอยู่ข้างหูซอมบี้ร่างแม่ “ฉันจะบอกให้ว่าการยึดครองร่างกายมนุษย์มีข้อเสียอะไรบ้าง…อย่างในตอนนี้ เธอจับต้องตัวฉันไม่ได้ไงล่ะ…”

ซอมบี้ร่างแม่ชะงัก จากนั้นก็ก้มมองใต้เท้าของตัวเองอย่างเดือดดาล “แก เจ้ามนุษย์สมควรตาย เจ้ามนุษย์จอมอวดดี!” เธอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ชั้นล่าง แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ร่างดวงจิตตัวนั้นก็รีบวิ่งพุ่งไปที่บันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว

“คิดจะบีบฉันให้เข้าไปในนั้นงั้นหรอ?” ซอมบี้ร่างแม่เงยหน้าที่ก้มมองเท้าไปที่ประตูเหล็กบานนั้น…เมื่อกี้ในระหว่างที่เธอสนทนากับร่างดวงจิต “สิ่ง” ที่ถูกส่งไปสู้กับทีมร่างจริงของหลิงม่อ ก็ถูกพวกหลิงม่อต้อนจนมุม…และเพราะอย่างนี้ เธอจึงได้สติ และเปิดโปงแผนเจ้าเล่ห์ของหลิงม่อได้ แต่เรื่องที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ มนุษย์ผู้นี้เจ้าเล่ห์กว่าที่เธอเห็นมาก ถึงแม้เธอเปิดโปงแผนการเขาได้ ทว่าสิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นอีกแผนการที่ซ้อนอยู่ สุดท้ายเธอก็ถูกเจ้ามนุษย์คนนี้ฉวยโอกาสจนได้…

“ดีมาก…ฉันไม่ได้เจอเหยื่อที่น่าสนใจแบบนี้มานานแล้ว…แกอยากเล่นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเล่นเป็นเพื่อนแกเอง…แกจะบีบให้ฉันสู้กับร่างจริงและร่างดวงจิตของแกพร้อมกัน? ไม่มีปัญหา แต่ว่า ทำอย่างนี้แล้วแกจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบงั้นหรอ? ถ้าหากว่าแกคิดอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็คงต้องเสียใจกับแกด้วยนะเจ้ามนุษย์…อีกอย่าง แกคิดจริงๆ หรอว่าฉันจะปล่อยเพื่อนของแกไปง่ายๆ? ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยสนใจพลังจิตของพวกเขา แต่ฉันก็รู้ ว่าเมื่อมนุษย์ได้รับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส พวกเขาจะเสียสติไปอย่างง่ายดาย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ…”

สีหน้าของหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาเริ่มมีจุดสีแดงผุดขึ้นมา เธอจ้องเขม็งไปที่ประตูเหล็ก และพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้อง เธอรีบยกมือจับกลอนประตู ท่ามกลางเสียงเสียดแทงแก้วหูดัง “แอ๊ด” ประตูห้องค่อยๆ ถูกผลักเปิด…

“เร็วเข้า! รีบพาพวกเขาไปจากที่นี่!”

“ระวังตัวด้วย…”

“ถ้าหากว่ามีใครโดนจับตัวไปอีก จะกลายเป็นตัวถ่วงให้หัวหน้าได้!”

บนบันได พวกมู่เฉินกำลังประคองร่างไร้สติของกู่ซวงซวงและเจ้าลิงผอมวิ่งลงบันไดไปอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าในตอนที่พวกเขาใกล้จะลงไปถึงชั้นหนึ่ง หลี่ย่าหลินกลับชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นาน สวี่ซูหานก็เงยหน้าขึ้นอย่างแตกตื่น พลางกวาดตามองรอบด้านอย่างระแวดระวัง…

“เป็นอะไรไป?” อวี่เหวินซวนที่มีหน้าที่ระวังหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอทันที จึงรีบถาม

หลี่ย่าหลินกระพริบตาปริบๆ ขยับหูเบาๆ หนึ่งที เหมือนกำลังเงี่ยหูฟังบางอย่าง เธอเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “เหมือนฉัน…จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

“ฉันก็เหมือนกัน…” สวี่ซูหานพูดเสริมจากอีกด้าน “มันไม่ได้ชัดมาก แต่ว่ามีเสียงบางอย่างกำลังดังจริงๆ…น่าแปลก ทำไมถึงจับแหล่งกำเนิดเสียงไม่ได้ล่ะ…”

ปฏิกิริยาแปลกๆ ของพวกเธอดึงดูดความสนใจของทุกคน ทั้งหมดค่อยๆ ชะลอฝีเท้า และหันไปมองพวกเธอ ทันใดนั้น สีหน้างุนงงของหลี่ย่าหลินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในเสี้ยววินาที กระทั่งดวงตาก็กลายเป็นสีแดงจางๆ เล็กน้อย

ในเวลาเดียวกับที่สีหน้าของสวี่ซูหานกลายเป็นหวาดกลัว หลี่ย่าหลินก็หันไปมองทุกคนแล้วบอกว่า “รีบไปเร็วเข้า…”

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ไคตระหนก ถามขึ้น

อวี่เหวินซวนกลับรู้สึกลนลานขึ้นมาทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่น “รีบไปเร็วเข้าสิ! ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่ทันแล้วนะ! เร็วเข้า…”

แต่ในตอนนี้เอง เสียง “โครม” กลับดังมาจากข้างหลังอวี่เหวินซวน มู่เฉินกับเย่ไคที่ยังไม่ทันหมุนตัวออกวิ่งมองเห็นภาพนั้นพร้อมกัน ภาพที่ผนังแตกร้าว และคลื่นสีดำจำนวนมหาศาลพุ่งไปที่ร่างของอวี่เหวินซวน…ดูจากขนาดของพวกมัน คาดว่าพวกมันคงถาโถมใส่อวี่เหวินซวนจนมิดภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที …

“เฟิ่งจื่อ!” มู่เฉินตวาดเรียก

และในเสี้ยววินาทีที่ได้ยินเสียงเรียก อวี่เหวินซวนก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้า ทว่าเทียบกับเงาดำพวกนั้นแล้ว ความเร็วของเขากลับช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่ในตอนนี้เอง เปลวไฟสายหนึ่งกลับพุ่งออกมาจากก้นของเขา มันไม่เพียงทำให้เขาเร็วขึ้นมากกว่าสิบเท่า แต่ยังเผาร่างเหล่าแมงมุมที่อยู่ใกล้ๆ ที่สุดกระจายเป็นวงกว้างด้วย…

“เชี่ย! แม่เอ็งๆๆ เกือบตายแล้วไง!” ขณะที่ทิ้งตัวลงบนขั้นบันได อวี่เหวินซวนกลิ้งลงไปอีกสองตลบเพราะเบรกไม่อยู่ ขณะเดียวกัน ปากก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปด้วย ในตอนที่เขาตะเกียกตะกายยันตัวขึ้น เสียงหวีดร้องหนึ่งกลับดังขึ้น ตามมาด้วยเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏตัวข้างๆ เขา เสียงแหวกอากาศ “สวบ” ดังมา เงาสีดำที่ถูกโจมตีจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ พลันร่วงลงมาจากเหนือหัว

อวี่เหวินซวนยกมือกุมหัวโดยสัญชาตญาณ พอเขาเงยหน้า ก็เห็นหลี่ย่าหลินยืนอยู่ข้างตัวเอง เด็กสาวคนนี้ที่เมื่อกี้ยังลนลานแตกตื่น เวลานี้รอบตัวกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายอำมหิต และกลิ่นอายนี้ของเธอ เสมือนกำลังปะทะกับแรงกดดันของแมงมุมพวกนั้น

ศพแมงมุมบนพื้นที่ตัวเล็กที่สุดมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ตัวใหญ่สุดมีขนาดเท่ากับหัวคน แมงมุมพวกนี้ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็น “หมาเฝ้าประตู” ที่แมงมุมหัวคนตัวนั้นซ่อนไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะระดับความดุร้ายหรือเรื่องพลังต่อสู้ ล้วนเหนือกว่าแมงมุมธรรมดาที่พวกเขาเคยเจอก่อนหน้านี้ พวกมันปรากฏตัวในเวลานี้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าแพราะอะไร…

“รีบพาพวกเขาหนีไป!” หลี่ย่าหลินพูดโดยไม่หันมามอง

“แต่ว่า…”

สวี่ซูหานหมายจะพูดบางอย่าง แต่ก็เห็นหลี่ย่าหลินเหลือบมองเธอด้วยหางตา สายตาคมปลาบราวกับอสรพิษนั้น ทำให้เธอรู้สึกขาอ่อนชั่วชณะ คำพูดโน้มน้าวที่มาถึงริมฝีปากกลับถูกกลืนลงคอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

นี่หรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของซอมบี้…ไม่สิ นี่คงเป็นแค่จุดเริ่มต้นสินะ…

“ทุกคนรีบไปเร็ว! พวกเรายังถ่วงเวลาได้อีกเดี๋ยว!” สวี่ซูหานหันไปหาทุกคน พลันตะโกนบอก

“ไปทุกคนเลยหรอ!” อวี่เหวินซวนมองหลี่ย่าหลินด้วยสายตาลึกซึ้ง ไม่นานก็รีบลุกขึ้นยืน และวิ่งพุ่งไปทางพวกมู่เฉิน เวลาแบบนี้ หากเขาอยู่ต่อก็รังแต่จะเป็นภาระให้เธอ…และเรื่องนี้ ก็เพิ่งถูกพิสูจน์ไปเมื่อกี้…

“ถูกช่วยไว้อีกแล้ว…ถูกช่วยโดยไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว…” อวี่เหวินซวนกระชากร่างเจ้าลิงผอมขึ้นมา และเหวี่ยงขึ้นหลัง จากนั้นก็วิ่งพุ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง “ไปเร็ว! จะไม่ทันแล้วนะ!”

เวลานี้ เสียง “แคร่กๆ” ดังมาอีกครั้ง นอกจากพื้น เพดานบนหัวและผนังด้านข้างก็กำลังแตกร้าวด้วยเช่นกัน…และทันทีที่พวกมันพังลงมา บันไดทั้งเส้นก็จะถูกปกคลุมจนมิดโดยแมงมุมพวกนี้…

ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นฝังพวกมันไว้ที่นี่ เห็นชัดว่าเพื่อจะกำจัดพวกเขาทุกคนในคราวเดียวไม่ให้รอดไปได้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ เห็นชัดว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่จะทำให้พวกเขามีพื้นที่ดิ้นรนขัดขืนน้อยลง และตกสู่สภาวะสับสนวุ่นวายได้ง่ายๆ ถ้าหากว่าไม่มีหลี่ย่าหลินคอยควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคงทันทีในตอนแรกแล้วล่ะก็…

ขณะที่ทุกคนหนี หลี่ย่าหลินและสวี่ซูหานกำลังขัดขวางแมงมุมพวกนี้ไว้อย่างสุดชีวิต และเมื่อจำนวนของแมงมุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวี่ซูหานก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของหลี่ย่าหลิน ดวงตาของเธอ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนสี…

“เธอกันตรงนี้ไว้!” หลี่ย่าหลินพลันตะโกนบอก และรีบพุ่งตัวไปยังผนังที่ใกล้จะถล่มลงมาพวกนั้น ยกเท้าขึ้นเตอะออกไปเต็มแรง ท่ามกลางเสียง “โครมๆๆ” แผ่นปูนขนาดใหญ่และเศษฝุ่นมากมายร่วงลงมาพร้อมกับศพแมงมุมที่ปะปนอยู่ในนั้น

“เธอสัมผัสรู้ถึงตำแหน่งของแมงมุมได้งั้นหรือ…” สวี่ซูหานเพิ่งจะไขว้เขว ก็เห็นแมงมุมสิบกว่าตัวพุ่งเข้ามา เธอตกใจหวีดร้องเสียงแหลม ผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็ลั่นไกปืนออกไป เธอถอยหลังด้วยความเร็วสูง หลบการโจมตีจากแมงมุมพวกนั้นไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ซ้ำกระสุนยี่สิบกว่านัดที่เธอยิงหลังจากนั้น ก็ตรงเป้าทุกนัก…

“พวกเราทำได้…พวกเราสามารถขัดขวางพวกมันได้แน่…” สวี่ซูหานหอบหายใจระรัว มือข้างที่เล็งปืนสั่นเทาเล็กน้อย

ถึงแม้เรื่องระดับวิวัฒนาการของเธอจะสู้หลี่ย่าหลินไม่ได้ แต่อย่างน้อย…เธอก็กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อ…

“ฉันยังตามหาเป้าหมายของชีวิตหลังจากกลายพันธุ์ไม่เจอไม่ใช่หรอ? บางทีการที่ฉันสามารถต่อสู้ได้ดีขึ้น อาจเป็นเป้าหมายนั้นก็ได้…บางที…”

ขณะเดียวกัน ณ บันไดหนีไฟ

เวลานี้ฝั่งทีมร่างจริงของหลิงม่อใกล้จะขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้ว…

ด้านหน้าของพวกเขา เงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซ ทันใดนั้น เขาพลันหยุดนิ่ง และค่อยๆ หันกลับมาโดยที่ยืนพิงราวบันไดอยู่ ดวงตาสีแดงเลือดแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งระคนเย็นชาคู่หนึ่ง จ้องมาที่พวกเขาซึ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ…หรือถ้าจะพูดให้ถูก คือจ้องมองมาที่หลิงม่อ

ซอมบี้ตัวนี้ คือศัตรูที่พวกหลิงม่อปะทะเข้าอย่างกะทันหันขณะที่เดินขึ้นบันไดหนีไฟ…และตอนที่พวกเขาเริ่มประมือกับซอมบี้ตัวนี้ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเสี่ยวเฮย…

ตามแผนเดิมของหลิงม่อ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นควรมุ่งหน้ามาหาร่างจริงของเขาโดยตรง แต่ไม่คิดเลยว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะมีความคิดแบบเดียวกับเขา…

ทว่าที่สำคัญก็คือ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นประเมินพลังต่อสู้ของพวกหลิงม่อต่ำไป…

ซอมบี้เหยื่อล่อตัวนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง รวมถึงพลังจิตที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน…ตามแผนของซอมบี้ร่างแม่ ใช้พลังจิตต่อกรกับซอมบี้สองตัวนั้น ส่วนร่างกายใช้ต่อกรกับหลิงม่อ ทำอย่างนี้แม้ไม่อาจกำจัดพวกเขาทั้งสามคนได้ในคราวเดียว แต่อย่างน้อยก็ต้องบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้ว ยังมีเงาร่างที่สามแฝงตัวอยู่ท่ามกลางซอมบี้สาวสองตัวนี้…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1123 บุคคลที่สามที่เธอไม่รู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกทำเหมือนกำลังหลอกถามข้อมูลจากฉัน แต่ความจริงกลับกำลังถ่วงเวลา อาศัยวิธีพูดแบบกวนประสาททำให้ฉันไขว้เขว…ตามคาด ฉันดูถูกมนุษย์มากไปจริงๆ ทีแรกคิดว่าถ้าเปิดเผยเรื่องการแยกร่างของฉันให้แกรู้ อาจทำให้แกตาสว่างมองสถานการณ์ออก ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก…” ซอมบี้ร่างแม่พูดเสียงเย็นชา สายตาอดเหลือบมองไปที่ด้านหลังของหุ่นดวงจิตไม่ได้ ณ สุดทางเดิน ด้านหลังประตูเหล็กที่เปิดแง้มไว้บานนั้น คือบันไดหนีไฟของอาคารหอพักแห่งนี้…

ในตอนนี้เอง หลิงม่อพลันควบคุมร่างดวงจิตให้เคลื่อนไหว…

“เธอคิดว่านั่นเรียกว่าเจ้าเล่ห์แล้วหรอ? คงเพราะเธอยังไม่รู้จุดประสงค์ต่อไปของฉันสินะ…” เมื่อเสียงหัวเราะเย็นชาหนึ่งดังขึ้น เงาร่างของหุ่นดวงจิตไหววูบ และเลือนหายไปจากที่เดิมในพริบตา แต่เสียงหัวเราะของเขายังคงดังก้องอยู่ข้างหูซอมบี้ร่างแม่ “ฉันจะบอกให้ว่าการยึดครองร่างกายมนุษย์มีข้อเสียอะไรบ้าง…อย่างในตอนนี้ เธอจับต้องตัวฉันไม่ได้ไงล่ะ…”

ซอมบี้ร่างแม่ชะงัก จากนั้นก็ก้มมองใต้เท้าของตัวเองอย่างเดือดดาล “แก เจ้ามนุษย์สมควรตาย เจ้ามนุษย์จอมอวดดี!” เธอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ชั้นล่าง แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ร่างดวงจิตตัวนั้นก็รีบวิ่งพุ่งไปที่บันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว

“คิดจะบีบฉันให้เข้าไปในนั้นงั้นหรอ?” ซอมบี้ร่างแม่เงยหน้าที่ก้มมองเท้าไปที่ประตูเหล็กบานนั้น…เมื่อกี้ในระหว่างที่เธอสนทนากับร่างดวงจิต “สิ่ง” ที่ถูกส่งไปสู้กับทีมร่างจริงของหลิงม่อ ก็ถูกพวกหลิงม่อต้อนจนมุม…และเพราะอย่างนี้ เธอจึงได้สติ และเปิดโปงแผนเจ้าเล่ห์ของหลิงม่อได้ แต่เรื่องที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ มนุษย์ผู้นี้เจ้าเล่ห์กว่าที่เธอเห็นมาก ถึงแม้เธอเปิดโปงแผนการเขาได้ ทว่าสิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นอีกแผนการที่ซ้อนอยู่ สุดท้ายเธอก็ถูกเจ้ามนุษย์คนนี้ฉวยโอกาสจนได้…

“ดีมาก…ฉันไม่ได้เจอเหยื่อที่น่าสนใจแบบนี้มานานแล้ว…แกอยากเล่นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเล่นเป็นเพื่อนแกเอง…แกจะบีบให้ฉันสู้กับร่างจริงและร่างดวงจิตของแกพร้อมกัน? ไม่มีปัญหา แต่ว่า ทำอย่างนี้แล้วแกจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบงั้นหรอ? ถ้าหากว่าแกคิดอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็คงต้องเสียใจกับแกด้วยนะเจ้ามนุษย์…อีกอย่าง แกคิดจริงๆ หรอว่าฉันจะปล่อยเพื่อนของแกไปง่ายๆ? ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยสนใจพลังจิตของพวกเขา แต่ฉันก็รู้ ว่าเมื่อมนุษย์ได้รับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส พวกเขาจะเสียสติไปอย่างง่ายดาย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ…”

สีหน้าของหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาเริ่มมีจุดสีแดงผุดขึ้นมา เธอจ้องเขม็งไปที่ประตูเหล็ก และพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้อง เธอรีบยกมือจับกลอนประตู ท่ามกลางเสียงเสียดแทงแก้วหูดัง “แอ๊ด” ประตูห้องค่อยๆ ถูกผลักเปิด…

“เร็วเข้า! รีบพาพวกเขาไปจากที่นี่!”

“ระวังตัวด้วย…”

“ถ้าหากว่ามีใครโดนจับตัวไปอีก จะกลายเป็นตัวถ่วงให้หัวหน้าได้!”

บนบันได พวกมู่เฉินกำลังประคองร่างไร้สติของกู่ซวงซวงและเจ้าลิงผอมวิ่งลงบันไดไปอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าในตอนที่พวกเขาใกล้จะลงไปถึงชั้นหนึ่ง หลี่ย่าหลินกลับชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นาน สวี่ซูหานก็เงยหน้าขึ้นอย่างแตกตื่น พลางกวาดตามองรอบด้านอย่างระแวดระวัง…

“เป็นอะไรไป?” อวี่เหวินซวนที่มีหน้าที่ระวังหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอทันที จึงรีบถาม

หลี่ย่าหลินกระพริบตาปริบๆ ขยับหูเบาๆ หนึ่งที เหมือนกำลังเงี่ยหูฟังบางอย่าง เธอเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “เหมือนฉัน…จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

“ฉันก็เหมือนกัน…” สวี่ซูหานพูดเสริมจากอีกด้าน “มันไม่ได้ชัดมาก แต่ว่ามีเสียงบางอย่างกำลังดังจริงๆ…น่าแปลก ทำไมถึงจับแหล่งกำเนิดเสียงไม่ได้ล่ะ…”

ปฏิกิริยาแปลกๆ ของพวกเธอดึงดูดความสนใจของทุกคน ทั้งหมดค่อยๆ ชะลอฝีเท้า และหันไปมองพวกเธอ ทันใดนั้น สีหน้างุนงงของหลี่ย่าหลินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในเสี้ยววินาที กระทั่งดวงตาก็กลายเป็นสีแดงจางๆ เล็กน้อย

ในเวลาเดียวกับที่สีหน้าของสวี่ซูหานกลายเป็นหวาดกลัว หลี่ย่าหลินก็หันไปมองทุกคนแล้วบอกว่า “รีบไปเร็วเข้า…”

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ไคตระหนก ถามขึ้น

อวี่เหวินซวนกลับรู้สึกลนลานขึ้นมาทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่น “รีบไปเร็วเข้าสิ! ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่ทันแล้วนะ! เร็วเข้า…”

แต่ในตอนนี้เอง เสียง “โครม” กลับดังมาจากข้างหลังอวี่เหวินซวน มู่เฉินกับเย่ไคที่ยังไม่ทันหมุนตัวออกวิ่งมองเห็นภาพนั้นพร้อมกัน ภาพที่ผนังแตกร้าว และคลื่นสีดำจำนวนมหาศาลพุ่งไปที่ร่างของอวี่เหวินซวน…ดูจากขนาดของพวกมัน คาดว่าพวกมันคงถาโถมใส่อวี่เหวินซวนจนมิดภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที …

“เฟิ่งจื่อ!” มู่เฉินตวาดเรียก

และในเสี้ยววินาทีที่ได้ยินเสียงเรียก อวี่เหวินซวนก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้า ทว่าเทียบกับเงาดำพวกนั้นแล้ว ความเร็วของเขากลับช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่ในตอนนี้เอง เปลวไฟสายหนึ่งกลับพุ่งออกมาจากก้นของเขา มันไม่เพียงทำให้เขาเร็วขึ้นมากกว่าสิบเท่า แต่ยังเผาร่างเหล่าแมงมุมที่อยู่ใกล้ๆ ที่สุดกระจายเป็นวงกว้างด้วย…

“เชี่ย! แม่เอ็งๆๆ เกือบตายแล้วไง!” ขณะที่ทิ้งตัวลงบนขั้นบันได อวี่เหวินซวนกลิ้งลงไปอีกสองตลบเพราะเบรกไม่อยู่ ขณะเดียวกัน ปากก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปด้วย ในตอนที่เขาตะเกียกตะกายยันตัวขึ้น เสียงหวีดร้องหนึ่งกลับดังขึ้น ตามมาด้วยเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏตัวข้างๆ เขา เสียงแหวกอากาศ “สวบ” ดังมา เงาสีดำที่ถูกโจมตีจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ พลันร่วงลงมาจากเหนือหัว

อวี่เหวินซวนยกมือกุมหัวโดยสัญชาตญาณ พอเขาเงยหน้า ก็เห็นหลี่ย่าหลินยืนอยู่ข้างตัวเอง เด็กสาวคนนี้ที่เมื่อกี้ยังลนลานแตกตื่น เวลานี้รอบตัวกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายอำมหิต และกลิ่นอายนี้ของเธอ เสมือนกำลังปะทะกับแรงกดดันของแมงมุมพวกนั้น

ศพแมงมุมบนพื้นที่ตัวเล็กที่สุดมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ตัวใหญ่สุดมีขนาดเท่ากับหัวคน แมงมุมพวกนี้ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็น “หมาเฝ้าประตู” ที่แมงมุมหัวคนตัวนั้นซ่อนไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะระดับความดุร้ายหรือเรื่องพลังต่อสู้ ล้วนเหนือกว่าแมงมุมธรรมดาที่พวกเขาเคยเจอก่อนหน้านี้ พวกมันปรากฏตัวในเวลานี้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าแพราะอะไร…

“รีบพาพวกเขาหนีไป!” หลี่ย่าหลินพูดโดยไม่หันมามอง

“แต่ว่า…”

สวี่ซูหานหมายจะพูดบางอย่าง แต่ก็เห็นหลี่ย่าหลินเหลือบมองเธอด้วยหางตา สายตาคมปลาบราวกับอสรพิษนั้น ทำให้เธอรู้สึกขาอ่อนชั่วชณะ คำพูดโน้มน้าวที่มาถึงริมฝีปากกลับถูกกลืนลงคอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

นี่หรือคือโฉมหน้าที่แท้จริงของซอมบี้…ไม่สิ นี่คงเป็นแค่จุดเริ่มต้นสินะ…

“ทุกคนรีบไปเร็ว! พวกเรายังถ่วงเวลาได้อีกเดี๋ยว!” สวี่ซูหานหันไปหาทุกคน พลันตะโกนบอก

“ไปทุกคนเลยหรอ!” อวี่เหวินซวนมองหลี่ย่าหลินด้วยสายตาลึกซึ้ง ไม่นานก็รีบลุกขึ้นยืน และวิ่งพุ่งไปทางพวกมู่เฉิน เวลาแบบนี้ หากเขาอยู่ต่อก็รังแต่จะเป็นภาระให้เธอ…และเรื่องนี้ ก็เพิ่งถูกพิสูจน์ไปเมื่อกี้…

“ถูกช่วยไว้อีกแล้ว…ถูกช่วยโดยไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว…” อวี่เหวินซวนกระชากร่างเจ้าลิงผอมขึ้นมา และเหวี่ยงขึ้นหลัง จากนั้นก็วิ่งพุ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง “ไปเร็ว! จะไม่ทันแล้วนะ!”

เวลานี้ เสียง “แคร่กๆ” ดังมาอีกครั้ง นอกจากพื้น เพดานบนหัวและผนังด้านข้างก็กำลังแตกร้าวด้วยเช่นกัน…และทันทีที่พวกมันพังลงมา บันไดทั้งเส้นก็จะถูกปกคลุมจนมิดโดยแมงมุมพวกนี้…

ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นฝังพวกมันไว้ที่นี่ เห็นชัดว่าเพื่อจะกำจัดพวกเขาทุกคนในคราวเดียวไม่ให้รอดไปได้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ เห็นชัดว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่จะทำให้พวกเขามีพื้นที่ดิ้นรนขัดขืนน้อยลง และตกสู่สภาวะสับสนวุ่นวายได้ง่ายๆ ถ้าหากว่าไม่มีหลี่ย่าหลินคอยควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคงทันทีในตอนแรกแล้วล่ะก็…

ขณะที่ทุกคนหนี หลี่ย่าหลินและสวี่ซูหานกำลังขัดขวางแมงมุมพวกนี้ไว้อย่างสุดชีวิต และเมื่อจำนวนของแมงมุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวี่ซูหานก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของหลี่ย่าหลิน ดวงตาของเธอ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนสี…

“เธอกันตรงนี้ไว้!” หลี่ย่าหลินพลันตะโกนบอก และรีบพุ่งตัวไปยังผนังที่ใกล้จะถล่มลงมาพวกนั้น ยกเท้าขึ้นเตอะออกไปเต็มแรง ท่ามกลางเสียง “โครมๆๆ” แผ่นปูนขนาดใหญ่และเศษฝุ่นมากมายร่วงลงมาพร้อมกับศพแมงมุมที่ปะปนอยู่ในนั้น

“เธอสัมผัสรู้ถึงตำแหน่งของแมงมุมได้งั้นหรือ…” สวี่ซูหานเพิ่งจะไขว้เขว ก็เห็นแมงมุมสิบกว่าตัวพุ่งเข้ามา เธอตกใจหวีดร้องเสียงแหลม ผงะถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็ลั่นไกปืนออกไป เธอถอยหลังด้วยความเร็วสูง หลบการโจมตีจากแมงมุมพวกนั้นไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ซ้ำกระสุนยี่สิบกว่านัดที่เธอยิงหลังจากนั้น ก็ตรงเป้าทุกนัก…

“พวกเราทำได้…พวกเราสามารถขัดขวางพวกมันได้แน่…” สวี่ซูหานหอบหายใจระรัว มือข้างที่เล็งปืนสั่นเทาเล็กน้อย

ถึงแม้เรื่องระดับวิวัฒนาการของเธอจะสู้หลี่ย่าหลินไม่ได้ แต่อย่างน้อย…เธอก็กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อ…

“ฉันยังตามหาเป้าหมายของชีวิตหลังจากกลายพันธุ์ไม่เจอไม่ใช่หรอ? บางทีการที่ฉันสามารถต่อสู้ได้ดีขึ้น อาจเป็นเป้าหมายนั้นก็ได้…บางที…”

ขณะเดียวกัน ณ บันไดหนีไฟ

เวลานี้ฝั่งทีมร่างจริงของหลิงม่อใกล้จะขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้ว…

ด้านหน้าของพวกเขา เงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซ ทันใดนั้น เขาพลันหยุดนิ่ง และค่อยๆ หันกลับมาโดยที่ยืนพิงราวบันไดอยู่ ดวงตาสีแดงเลือดแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งระคนเย็นชาคู่หนึ่ง จ้องมาที่พวกเขาซึ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ…หรือถ้าจะพูดให้ถูก คือจ้องมองมาที่หลิงม่อ

ซอมบี้ตัวนี้ คือศัตรูที่พวกหลิงม่อปะทะเข้าอย่างกะทันหันขณะที่เดินขึ้นบันไดหนีไฟ…และตอนที่พวกเขาเริ่มประมือกับซอมบี้ตัวนี้ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเสี่ยวเฮย…

ตามแผนเดิมของหลิงม่อ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นควรมุ่งหน้ามาหาร่างจริงของเขาโดยตรง แต่ไม่คิดเลยว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะมีความคิดแบบเดียวกับเขา…

ทว่าที่สำคัญก็คือ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นประเมินพลังต่อสู้ของพวกหลิงม่อต่ำไป…

ซอมบี้เหยื่อล่อตัวนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง รวมถึงพลังจิตที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน…ตามแผนของซอมบี้ร่างแม่ ใช้พลังจิตต่อกรกับซอมบี้สองตัวนั้น ส่วนร่างกายใช้ต่อกรกับหลิงม่อ ทำอย่างนี้แม้ไม่อาจกำจัดพวกเขาทั้งสามคนได้ในคราวเดียว แต่อย่างน้อยก็ต้องบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้ว ยังมีเงาร่างที่สามแฝงตัวอยู่ท่ามกลางซอมบี้สาวสองตัวนี้…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+