แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 631 ชีวิตคนเราก็เหมือนชุดเครื่องชา ที่เต็มไปด้วยแก้วชา

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 631 ชีวิตคนเราก็เหมือนชุดเครื่องชา ที่เต็มไปด้วยแก้วชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 631 ชีวิตคนเราก็เหมือนชุดเครื่องชา ที่เต็มไปด้วยแก้วชา

(แก้วชา ในภาษาจีน พ้องเสียงกับคำว่าความทุกข์)

หลังจากตกตะลึง หลิงม่อก็รีบปรับเปลี่ยนการต่อสู้

เขารีบเปลี่ยนจากโจมตีเป็นตั้งรับทันที สองสาวซอมบี้เองก็เปลี่ยนจากโจมตีอย่างต่อเนื่องเป็นก่อกวนทุกรูปแบบแทน

การต่อสู้อันดุเดือดเมื่อครู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นลงอย่างรวดเร็ว มู่เฉินเห็นเพียงสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังถูกคนสามคนจูงจมูก ให้วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่แถวๆ สี่แยกนั่น

“ทำอะไรกันน่ะ?” มู่เฉินไม่เข้าใจ เปลวเพลิงกำลังลามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาถ่วงเวลานะ…

ซย่าน่าจับตามองรอบๆ อย่างระมัดระวัง แล้วตอบว่า “รอดูไปเถอะ มันทนได้ไม่นานหรอก”

“หมายความว่าไง?” มู่เฉินยังคงงุนงง

ซย่าน่าเหลือบมองเขาด้วยหางตาเหมือนมองคนโง่ แล้วบอกว่า “นายก็ไม่ได้บาดเจ็บที่สมองซักหน่อยนี่…ช่างเถอะ ฉันบอกนายก็ได้ นายไม่รู้สึกหรอว่ามันร้ายกาจกว่าเมื่อกี้มาก?”

“รู้สึกสิ…” มู่เฉินน้ำตานองหน้า ถึงเขาจะไม่เข้าใจจริงๆ แต่ก็ไม่เห็นถึงขั้นต้องเริ่มอธิบายจากเรื่องที่เห็นชัดขนาดนี้ก็ได้นี่

“แล้วนายคิดว่ามันปกติไหม?” ซย่าน่าพูดกับเขาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายเต็มทน

มู่เฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเหมือนเข้าใจกระจ่างแล้ว “อ้อ…อย่างนี้นี่เอง”

สัตว์ประหลาดตัวนี้จู่ๆ ก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา เห็นชัดว่าเป็นเพราะมันถูกความเจ็บปวดกระตุ้น จนทำให้มันตกอยู่ในสภาวะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

และภายใต้สภาวะนี้ พละกำลังที่มันต้องเผาผลาญก็มากขึ้นกว่าปกติหลายเท่า

พวกหลิงม่อสังเกตเห็นจุดนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่เพียงไม่สู้กับมันโดยตรง แต่กลับเลือกใช้วิธี “จูงจมูกหมา” และกระตุ้นมันอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้มันคลุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม

“ชั่วร้ายจริงๆ…” มู่เฉินพึมพำ แต่ก็เหลือบไปเห็นสายตาเย็นชาของซย่าน่าที่มองเขาพอดี

เขาใจเต้น “ตึกตัก” รีบฉีกยิ้มแล้วบอกว่า “ความจริงฉันกำลังชมเขาน่ะ…ไม่น่าล่ะพวกเธอมีกันแค่ไม่กี่คนก็ยังอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ประสบการณ์ในการต่อสู้ของพวกเธอนี่ยอดเยี่ยมสุดๆ”

“สัตว์ที่ถูกเลี้ยงมาในกรงอย่างไรก็สู้สัตว์ป่าไม่ได้” ซย่าน่าตอบ

“มึนเลย…” ตอนแรกมู่เฉินคิดจะเถียง แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ เขาหันไปมองสวี่ซูหานที่นั่งเหม่อพิงกำแพงโดยไม่พูดไม่จา แล้วหันกลับมามองตัวเอง

“ถูกเลี้ยงในกรงหรอ…เหมือนจะใช่จริงๆ ด้วยแฮะ ทำงาน รับรางวัล กลับกรง…” มู่เฉินคิดอย่างขมขื่น

จะว่าไป สมาชิกของนิพพานแทบจะเป็นอย่างนี้เหมือนกันทั้งหมด

ระดับและตำแหน่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การได้รับการถูกปฏิบัติที่ไม่เหมือนกัน ได้มอบแรงขับเคลื่อนในการออกไปเสี่ยงชีวิตให้พวกเขาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งความจริงแล้ว นี่เป็นเพียงการนำเลือดเนื้อของทุกคนมารวมกันไว้ที่เดียว จากนั้นก็ให้คนบางกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าได้กลืนกินก็เท่านั้น

เหล่าคนที่ถูกกลืนกิน ก็พยายามสุดชีวิตที่จะหันกลับมาเป็นหนึ่งในคนที่จะไปกลืนกินคนอื่นต่อ

เมื่อเป็นอย่างนี้ จะยังมีมิตรและสหายที่แท้จริงอยู่อีกหรือ?

ความจริงในสายตาของคนที่อยู่ตำแหน่งค่อนข้างต่ำ คนที่อยู่ตำแหน่งสูงอาจเป็นแค่ก้อนหินขวางทางก็เป็นได้

อย่างเช่นซย่าจื้อ เขามองมู่เฉินเป็นแค่ก้อนหินขวางทางเท่านั้น…

และในสายตาของคนตำแหน่งสูง เหล่าสมาชิกระดับล่างที่กำลังไล่ตามหลังมาติดๆ ไม่ใช่ภัยอันตรายที่แฝงตัวอยู่หรอกหรือ?

กลไกการแข่งขันอย่างนี้ส่งเสริมให้นิพพานขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ภัยแฝงและความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ในนั้น มู่เฉินสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านั้นแล้ว…

พอคิดอย่างนี้ จู่ๆ เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นต่อการทรยศของซย่าจื้อมากขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว

เขาไม่ได้ทรยศ แค่มีชีวิตที่น่าสมเพชเกินไปเท่านั้น ก็เหมือนกับตัวเองในสมัยก่อน…

ขณะเดียวกันนั้น พวกหลิงม่อและสัตว์ประหลาดตัวนั้นยังคงวิ่งวนไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง

สัตว์ประหลาดที่สูญเสียสติปัญญาย่อมมองแผนการของหลิงม่อไม่ออก มันเหมือนลูกข่างที่ถูกพวกหลิงม่อปั่นจนหัวหมุน

การเผาผลาญพลังกายอย่างรวดเร็วกลับกระตุ้นให้มันเดือดพล่าน ทว่าคลั่งก็ส่วนคลั่ง การเคลื่อนไหวของมันกลับค่อยๆ ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

กลับเป็นเฉินเล่อที่เอาแต่ผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนฟองสบู่ในร่างคนแต่ก็ถูกตีจนแตกทุกครั้งที่โผล่หน้าออกมา เขาเริ่มทนนิ่งดูดายไม่ไหวแล้ว

เขาปรากฏกายออกมาอีกครั้ง ข้างหลังของสัตว์ประหลาดตัวนั้นพอดี

อาศัยวิธีนี้ เขาสามารถเพิ่มเวลาให้ตัวเองได้อีกนิด

“วีดวิ้ว!”

แต่เขาเพิ่งจะผิวปากได้ครั้งเดียว หนวดสัมผัสของหลิงม่อก็พุ่งตรงมาถึงแล้ว

เฉินเล่อโกรธสุดๆ แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรหลิงม่อซึ่งมีพลังตอบสนองทางจิตที่รวดเร็วได้

ทว่าเสียงผิวปากของเขาก็ได้ผลอยู่บ้างเหมือนกัน ทันใดนั้น สัตว์ประหลาดคำรามเสียงดังลั่น พลันกระโดดขึ้นสูง

หลิงม่อรับรู้ได้ถึงอันตรายทันที เขายังไม่ทันถอยหลัง สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

“เร็วมาก!”

นึกว่าอาการคลุ้มคลั่งเมื่อกี้คือขีดจำกัดสูงสุดของสัตว์ประหลาดตัวนี้แล้วเสียอีก แต่ดูจากตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิดซะแล้ว

ทว่าแม้ร่างกายเขาจะถอยหลังไม่ทัน แต่ตาข่ายหนวดสัมผัสทางจิตกลับถูกกางขวางไว้ข้างหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

หลิงม่อยังไม่ทันมองเห็นเงาร่างของสัตว์ประหลาดตัวนี้ชัดๆ การโจมตีของมันก็พุ่งเข้ามาถึงก่อนแล้ว

ขาทั้งสองข้างของมันเหมือนติดไขลานที่ถูกไขแล้ว มันจู่โจมหลิงม่อด้วยลูกเตะความถี่สูงอย่างต่อเนื่อง

แค่เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวินาที หลิงม่อก็รู้สึกเหมือนพลังจิตของตัวเองกำลังแห้งเหือดไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำรั่ว

ในตอนนั้นเอง หลี่ย่าหลินและเย่เลี่ยนก็ตามมาทันในที่สุด อาศัยการตอบสนองทางกายอันรวดเร็วของพวกเธอ จะให้ต้านทานสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้ซักครู่หนึ่งคงไม่มีปัญหา…

หลิงม่อเพิ่งจะพ่นลมหายใจโล่งอก ฝ่าเท้าอันหนักหน่วงที่อยู่ตรงหน้าก็พลันหายวับไปกับตา ไม่นานลมแรงสายหนึ่งก็พัดเข้ามาจากด้านหลัง

“นี่ก็เร็วเกินไปแล้วมั้ง!”

ไม่มีการสะดุดเกิดขึ้นขณะที่มันเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย หรือหากพูดตรงๆ ก็คือ—ไม่มีที่ติ!

สัตว์ประหลาดตัวนี้เปลี่ยนทิศทางอย่างต่อเนื่อง มันทั้งหลบเลี่ยงการโจมตีจากหลี่ย่าหลินและเย่เลี่ยน ขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันให้หลิงม่ออย่างมหาศาล

หลิงม่อเองก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกโจมตีอย่างเดียวเร็วขนาดนี้

ถึงแม้เขาจะไม่มีบาดแผลเพิ่มขึ้นจำนวนมากเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนั้น แต่พลังจิตถูกเผาผลาญไปมากขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดี…

“ไม่สิ มันคลุ้มคลั่งมากไปกว่าเดิมไม่ได้แล้วแท้ๆ เป็นเพราะอะไรกันแน่? แล้วเสียงผิวปากนั่นอีก…”

หลิงม่อขมวดคิ้วแน่น เขามองหาโอกาสผละตัวออกจากการโจมตี พลางวิเคราะห์สถานการณ์ไปด้วย

ไม่รู้ทำไม เขามีความคิดที่บ้าคลั่งมากความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง…

แต่พอนึกถึงสภาพของสัตว์ประหลาดตัวนั้นแล้ว หลิงม่อก็อดส่ายหน้าในใจไม่ได้

เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง…

“วูบ!”

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ด้านหลังเย่เลี่ยนก็มีเงาร่างของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

ประกายดาบวาววับราวงูพิษแทงตรงไปยังแผ่นหลังของเย่เลี่ยน และสิ่งที่ปรากฏขึ้นพร้อมกันคือรอยยิ้มเยือกเย็นของเฉินเล่อ

ในมุมมองของเขา เด็กสาวที่ดูเอ๋อๆ คนนี้น่าจะเป็นคนที่เขื่องช้าที่สุดแล้ว

แถมตอนนี้เธอก็กำลังสนใจหลิงม่อกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นอยู่ จะทันสังเกตเห็นตัวเองที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวราวภูตผีได้อย่างไร?

กว่าเธอจะรู้ตัว มีดในมือของเฉินเล่อก็คงแทงเข้าไปสุดขั้วหัวใจของเธอแล้ว…

พอคิดว่าเลือดอุ่นๆ กำลังจะกระเซ็นใส่ใบหน้าตัวเอง สายตาของเฉินเล่อก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“แกปกป้องพวกเธออยู่ไม่ใช่หรอ? ฉันจะฆ่าพวกเธอต่อหน้าแกให้หมดก่อน ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่แกทำให้ฉันโกรธมากไป แล้วก็อวดเก่งเกินไป!”

“เคร้ง!”

ประกายดาบสายหนึ่งพุ่งเฉียดแผ่นหลังของเย่เลี่ยนไป และปะทะเข้ากับคมดาบของเฉินเล่อ

เฉินเล่อยังไม่ทันได้ตั้งตัว ประกายดาบนั้นก็ปัดมีดของเขาออกไป และชั่วพริบตาเดียวประกายดาบรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวก็ฟาดฟันลงมายังศีรษะของเขา

เฉินเล่อตะลึง พลันรีบโฉบกายถอยหลัง

เด็กสาวผมยาวฟันอากาศ แต่เธอกลับไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เธอรีบพลิกตัวดาบให้หันข้าง จากนั้นก็หมุนกายคว้างอย่างสง่างาม พาคมดาบพุ่งขวางเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

“ชิบหายแล้ว…”

เฉินเล่อหลบหลีกอย่างทุลักทุเล อีกนิดเดียวเขาก็จะลงไปกลิ้งกับพื้นแล้ว

“นายคิดว่าฉันไม่มีตัวตนหรอ?” ซย่าน่ายิ้มเย็นชา พลางพุ่งเข้าไปพร้อมคมดาบอีกครั้ง

“สีหน้าของผู้หญิงคนนี้โรคจิตกว่าฉันซะอีก!” เฉินเล่อเพิ่งจะยืนตัวตรง ก็เห็นคมดาบฟาดลงมายังศีรษะตัวเองแล้ว

“หลิงม่อให้ฉันจับตามองนายอยู่ตลอด” ซย่าน่าพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก

“เธอปกป้องเจ้าพวกนั้นอยู่ไม่ใช่หรอ!” เฉินเล่อถอยกรูด พลางคำราม

“เข้าใจคำว่าลำดับความสำคัญไหม?” ซย่าน่ากลอกตาขาวใส่เขา

ครั้งนี้เฉินเล่อยังไม่ทันหลบ ด้านหลังก็มีเงาร่างของใครบางคนปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

พอประกายดาบสว่างวาบ เขาก็หายตัวไปในพริบตา

“จิ๊…” ซย่าน่าลดเคียวดาบลง พลางมองซ้ายมองขวา และจากนั้นก็ถอยไปยืนอยู่ด้านหน้ามู่เฉินและสวี่ซูหานอีกครั้ง

ส่วนมู่เฉินที่หน้าซีดเผือดก็ค่อยๆ ลดมีดลงอย่างงงๆ หลังครุ่นคิด เขาก็ยกมีดขึ้นอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้

นึกแล้วเชียวความรู้สึกที่เหมือนถูกปกป้องนี่ต้องคิดไปเองแน่ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าภาพจินตนาการดีๆ จะถูกทำลายเร็วขนาดนี้…

“ทำไมรู้สึกเหมือนพวกฉันเป็นตัวช่วยในการลอบโจมตีให้เธอล่ะ? อย่างเมื่อกี้เฉินเล่อไม่คิดเลยว่าเธอจะลงมือ…”

พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา จู่ๆ มู่เฉินก็รู้สึกว่า ชีวิตตัวเองนั้นเต็มไปด้วยเรื่องน่าเศร้ามากมาย…

การลอบโจมตีของเฉินเล่อตกอยู่ในสายตาของหลิงม่อเช่นกัน ขณะที่สายตาของเขาเย็นชากว่าเดิม ในใจกลับกำลังคำนวณ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง…เราเริ่มเข้าใจลักษณะเด่นของความสามารถพิเศษของเขาแล้ว อยากเล่นบทคนล่องหน? คอยดูเถอะ ฉันจะลากตัวแกออกมาให้ได้!”

และตอนนี้ ภายใต้การร่วมมือของเย่เลี่ยนกับหลิงม่อ สัตว์ประหลาดที่คลุ้มคลั่งไปแล้วก็เผยช่องโหว่ให้เห็นในที่สุด

เสี้ยววินาทีที่กำลังจะเปลี่ยนทิศทาง ร่างกายของมันถูกเย่เลี่ยงขวางไว้ได้ชั่วขณะ…

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด