แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1042 มือลั่นสามร้อยที

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1042 มือลั่นสามร้อยที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เหอๆๆ…”

เสียงร้องของราชาตะขาบฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะอันเย็นเยียบ มันก้มหน้าจ้องหลิงม่อ น้ำลายไหลออกจากปากไม่ขาดสายด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้เจ้ามนุษย์ตัวเล็กนี่จะอดทนได้เก่งกว่าที่เห็น แต่ในสายตาของราชาตะขาบ หลิงม่อต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง…เทียบกับรูปร่างใหญ่โตของมัน เจ้ามนุษย์คนนี้ช่างบอบบางจนเหมือนไม่สามารถทนรับการโจมตีได้เลย

กลิ่นอายบนตัวของมนุษย์คนนี้…แล้วไหนจะยังพลังงานอันน่าทึ่งที่แผ่กระจายออกมาจากสมองของเขาอีก…สิ่งเหล่านี้ทำให้ราชาตะขาบตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว หนวดของมันถูไถกันไปมาเป็นช่วงๆ ราวกับว่ามันอดใจเริ่มมื้ออาหารไม่ไหวแล้ว ลิ้นยาวๆ ของมันพยายามแลบไปที่หัวของหลิงม่อ เขี้ยวฟันที่เหมือนตะขอเหล็กขยับไปมาในปากที่เต็มไปด้วยน้ำลาย เหมือนอยากเขมือบสมองหลิงม่อซะเดี๋ยวนั้น…

“เหอๆ…”

“เวรเอ๊ย…” หลิงม่อขมวดคิ้ว พยายามเบิกตาให้กว้างเข้าไว้ เพราะเหงื่อทำให้สายตาเขาพร่ามัว แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เขากลับไม่สามารถทำได้แม้แต่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ถึงแม้ร่างกายเขาไม่ได้กำลังต่อสู้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่พลังจิตกำลังถูกเผาผลาญอย่างบ้าคลั่ง ความสามารถในการควบคุมร่างกายของหลิงม่อก็ได้ลดลงตามไปด้วย ซึ่งก็หมายความว่า ทันทีที่พลังจิตถูกเผาผลาญจนหมด เขาก็จะกลายเป็นอาหารเลิศรสที่ไม่สามารถขยับเขยื้อน ทำได้แค่รอดูตัวเองถูกกินเท่านั้น…

และสิ่งที่ราชาตะขาบกำลังรอคอย ก็คือการมาถึงของช่วงเวลานั้นนั่นเอง…

“แย่ล่ะ…เผาผลาญเร็วเกินไปแล้ว…” หลิงม่อกระพริบตาสองสามครั้ง พยายามเพ่งมองไปที่ราชาตะขาบ “ที่แย่กว่าก็คือ ความเร็วและพลังงานของมันไม่เพียงไม่ลดลง แต่กลับแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ…แต่ว่า เราเองก็ไม่กล้าหยุดกลางคัน…”

ถ้าหากทำอย่างนั้นจริงๆ ไม่แน่ว่าตอนที่เขาคิดอยากพักหายใจ เขาคงตายไปแล้ว…

ความจริงแล้วเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกว่าตัวเองอาจตายได้ทุกเมื่อแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความรู้สึกอย่างนี้ก็รุนแรงขึ้น…หลิงม่อกระทั่งรู้สึกว่าสติของเขาเริ่มเลือนราง ภาพตรงหน้า และในสมอง ล้วนหลงเหลือเพียงสัตว์ประหลาดตัวนั้น รวมถึงพลังงานที่ไหลทะลักออกมาจากสมองอย่างต่อเนื่อง…

“ตึกตัก…ตึกตัก…”

เสียงหัวใจเต้นเหมือนค่อยๆ ไกลออกไป หลิงม่อรู้สึกว่าสายตาของเขาเริ่มกลายเป็นสีแดงอย่างช้าๆ…

“ยังยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน? หนึ่งนาที? ไม่สิ สามสิบวินาที?…ความเร็วในการสูญเสียพลังจิต ราวกับน้ำที่ทะลักออกจากเขื่อน…รู้สึกหนักหัวจัง ร่างกายล่ะ? ทำไมเราไม่รู้สึกถึงร่างกายแล้ว…น่าแปลก ทั้งที่สติเลือนรางแล้ว แต่ทำไม…กลับรู้สึกชัดเจนอย่างนี้…”

แม้แต่ราชาตะขาบตัวนี้ ก็ยังดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในครรลองสายตาของเขา…

ไม่ ไม่สิ…สิ่งที่ชัดเจนขึ้นไม่ใช่ตัวราชาตะขาบ แต่เป็นดวงแสงแห่งจิตของมัน รวมถึง…จุดแสงมากมายบนตัวของมัน…

“นั่นมันอะไรน่ะ? พลังจิตที่เกิดขึ้นหลังจากที่หัวไปงอกอยู่ที่จุดอื่นงั้นหรอ? หรือว่า…”

หลิงม่อพลันค้นพบว่า สายตาของเขามีมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ราชาตะขาบตัวนี้ รอบกายเขา กระทั้งด้านหลัง มีดวงแสงแห่งจิตอยู่จำนวนมาก รวมถึงจุดแสงอีกมากมายนับไม่ถ้วน…

“มันไม่ใช่พลังจิต…” บนตัวของพวกมู่เฉินก็มีจุดแสงอย่างนี้อยู่เหมือนกัน…

“นั่นมันอะไรน่ะ? พลังงาน? พลังงานที่ไม่ใช่พลังจิตงั้นหรอ?”

หลิงม่อครุ่นคิด…เขากระทั่งไม่สังเกตเห็นว่าการตอบสนองของราชาตะขาบเปลี่ยนไปแล้ว…และพวกเย่เลี่ยนที่อยู่ไม่ไกล ก็กำลังหาจังหวะหันหน้ามาทางเขา

โดยเฉพาะเฮยซือ…มันกำลังจ้องหลิงม่ออย่างตะลึงงัน จากนั้นก็คว้ามือไปกลางอากาศ ถึงแม้คว้าอะไรไม่ได้ แต่มันกลับทำหน้าเหมือนมองเห็นอะไรบางอย่าง…

“นี่มันอะไร…” ซย่าน่าเงยหน้า แล้วพึมพำ เงาร่างเลือนรางหนึ่งปรากฏทาบทับบนตัวเธอ ซึ่งก็คือร่างดวงจิตน่าน่านั่นเอง…แต่ในเวลาอย่างนี้ เธอกลับปรากฏตัวออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้…

“ไม่รู้…” เฮยซือพูดเสียงเบา มันรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ และอวี๋ซือหรานที่อยู่ห่างจากมันไม่ไกล ก็กำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับรู้สึกได้เช่นกัน

ท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ มีเพียงกู่ซวงซวงเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกัน…ตอนนี้เธอเบิกตากว้าง และกำลังมองขึ้นไปบนหัวตัวเองอย่างหวาดกลัว…

ข้างบนนั้นคือพายุลูกหนึ่ง ที่เกิดจากเส้นสายสีแดงเลือดมากมายนับไม่ถ้วนประสานกัน…มันกำลังกรีดหมุน และป่วนพล่านอย่างบ้าคลั่ง และสิ่งที่แผ่กระจายมาจากข้างในนั้นก็ไม่ใช่อะไรอย่างอื่น แต่เป็นแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวนั่นเอง

ราวกับว่าอยู่ๆ ข้างบนนั้นก็มีดวงตาขนาดมหึมาโผล่มา และมันก็กำลังจ้องเขม็งมาที่พวกเขา…มันไม่เพียงสามารถมองเห็นสีหน้าท่าทางทั้งหมดของเราได้ แต่ยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในสมอง และมองเห็นความคิดทั้งหมด ทั้งร่างกาย และทุกสิ่งทุกอย่างของเราได้ด้วย…

“นี่มัน…”

กู่ซวงซวงยกมือปิดปาก จากนั้นก็เลื่อนสายตามองไปที่หลิงม่อ…

พายุพลังจิตที่น่ากลัวอย่างนี้ กำลังหยุดอยู่เบื้องบนของหลิงม่อ…หนวดสัมผัสสีแดงเหล่านั้นสานตัวกันจนกลายเป็นพายุ สีแดงส่องประกายระยิบระยับ และเชื่อมต่อกับสมองของหลิงม่อโดยตรง

ขณะเดียวกัน สายตาของหลิงม่อได้แปรเปลี่ยนเป็นนเหม่อลอย…ใบหน้าของเขาซีดขาวจนผิดปกติ และยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เผชิญหน้ากับราชาตะขาบตัวนั้นด้วยสีหน้าท่าทางที่แปลกสุดๆ

ไม่ใช่หวาดกลัว แล้วก็ไม่ใช่เหยียดหยาม…

พูดให้ถูกต้องก็คือ เหมือนเขากำลังสังเกตการณ์ราชาตะขาบมากกว่า…มีแววตาแห่งความสงสัย รวมถึงตื่นเต้นปนอยู่ด้วย

ส่วนราชาตะขาบที่ยืนจ้องเขาน้ำลายไหลในตอนแรก กลับดูลนลานขึ้นมาในตอนนี้ มันเหมือนกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เอาแต่ร้อง “เหอๆ” ไม่หยุด หลังจากลนลานอยู่พักหนึ่ง มันก็แหงนหน้าขึ้น จากนั้นก็จู่โจมอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

ครั้งนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้ก่อนหน้านั้น ไม่ใช่แค่มัน แต่รวมถึงอสุรกายนรกเหล่านั้นด้วย อยู่ๆ พวกมันก็เริ่มพุ่งตัวเข้ามาโจมตีราวกับมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” จางซินเฉิงตะโกน คราวนี้อย่าว่าแต่ยิงลงไปข้างล่างเลย แค่อสุรกายที่กระโจนมาตรงหน้าพวกเขา ก็มีมากจนพวกเขารับมือไม่ทันแล้ว

“อดทนไว้ให้ได้!” ซย่าน่าตะโกนเสียงดัง พลางเหวี่ยงเคียวดาบโจมตี ฝั่งหลิงม่อเกิดเหตุพลิกผัน ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งไม่ควรประมาท…จะให้ดีต้องรีบฆ่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นถึงจะไปช่วยหลิงม่อได้…

สวี่ซูหานเหลือบมองไปยังทางที่หลิงม่อกับราชาตะขาบยืนอยู่ แล้วพูดเร็วๆ ว่า “หลิงม่อ นายกำลังทำอะไร…ตอนนี้ไม่ใช่เวลามายืนเหม่อนะ!”

เป็นอย่างนั้นจริงๆ…ในสายตาของคนรอบข้าง ท่าทางของหลิงม่อเหมือนกำลังยืนเหม่อจริงๆ และในความจริง ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร…สติ ร่างกาย สมอง…สามสิ่งนี้ราวกับได้แยกออกจากกัน…แต่ความคิดของเขาที่ไม่สามารถควบคุมได้ในตอนนี้ กลับชัดเจนยิ่งกว่าในเวลาปกติหลายเท่า…

“จุดแสงใหญ่ขึ้นแล้ว…” หลิงม่อกำลังจ้องไปที่ราชาตะขาบ พลางคิด

สำหรับเขาในตอนนี้ ราชาตะขาบที่กำลังลนลาน ไม่ได้ต่างอะไรจากจุดแสงจุดหนึ่งเลย…

“ร่างกายของมัน น่าจะโจมตีได้ยากสินะ?” หลิงม่อคิด พลางขยับนิ้วมือไปมา

เต๊ง!

สะเก็ดไฟพลันกระเด็นออกจากบนร่างกายของราชาตะขาบ สวี่ซูหานที่มองอยู่เกือบกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

“หลิงม่อ! นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่!”

“อื่ม ตามคาด…แล้ว…จุดแสงนั่นล่ะ?” หลิงม่อหันไปสนใจจุดแสงนั้นอีกครั้ง…เขากระทั่งไม่สังเกตเห็นว่าตอนนี้ตัวเองสามารถใช้หนวดสัมผัสได้แล้ว ในการต่อสู้เมื่อกี้ เขาทำได้เพียงเป็นฝ่ายป้องกันเท่านั้น…

“แปลกจัง ทั้งๆ ที่เผาผลาญเร็วกว่าเดิม แต่ทำไมไม่รู้สึกเวียนหัวแล้วล่ะ? ช่างเถอะ…ยังไงก็ลองนี่ก่อนแล้วกัน”

หลิงม่อพยายามกวัดแกว่งนิ้วมืออีกครั้ง

และเมื่อเขาดีดนิ้วชี้ออกไป แขนของราชาตะขาบก็สะบัดออกไปราวกับถูกดีด

ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสวี่ซูหาน มือข้างนั้นของราชาตะขาบสะบัดขึ้นไปบนหน้าตัวเอง จากนั้นก็ต่อยปากตัวเองจนเลือดกลบ

“ทำได้…ยังไง?” สวี่ซูหานยืนจ้องแผ่นหลังของหลิงม่อ…ไม่รู้ทำไม เธอสัมผัสได้ถึงบางอย่างแปลกๆ จากตัวเขา…ทั้งที่เขาหันหลังให้เธอ และกำลังยืนเหม่ออยู่อย่างนั้นแท้ๆ แต่สวี่ซูหานกลับรู้สึกว่า หลิงม่อกำลังมองเธออยู่…

พลั่ก!

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง

หมัดของราชาตะขาบต่อยลงบนหัวของหลิงม่ออย่างแม่นยำและรวดเร็วทุกครั้ง แต่สองครั้งนี้กลับพลาดเป้า กระทั่งต่อยกลับไปที่ร่างตัวเองด้วยซ้ำ

ไม่ว่าพลังป้องกันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางต้านทานพลังโจมตีของตัวเองได้…

“เหอๆ…”

ราชาตะขาบมึนงง มันเบิกตากว้างจ้องหลิงม่อ พลันอ้าปากกว้าง เปล่งเสียงคำรามน่าพรั่นพรึง “โฮกกกก!”

พลั่กๆๆๆๆ!

หลิงม่อกลับชูนิ้วมือขึ้นในเวลานี้ จากนั้นก็กวัดแกว่งซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว…

“ลองดูอีกทีแล้วกัน…” เขาพูดพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเหม่อๆ

—————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1042 มือลั่นสามร้อยที

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1042 มือลั่นสามร้อยที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เหอๆๆ…”

เสียงร้องของราชาตะขาบฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะอันเย็นเยียบ มันก้มหน้าจ้องหลิงม่อ น้ำลายไหลออกจากปากไม่ขาดสายด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้เจ้ามนุษย์ตัวเล็กนี่จะอดทนได้เก่งกว่าที่เห็น แต่ในสายตาของราชาตะขาบ หลิงม่อต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง…เทียบกับรูปร่างใหญ่โตของมัน เจ้ามนุษย์คนนี้ช่างบอบบางจนเหมือนไม่สามารถทนรับการโจมตีได้เลย

กลิ่นอายบนตัวของมนุษย์คนนี้…แล้วไหนจะยังพลังงานอันน่าทึ่งที่แผ่กระจายออกมาจากสมองของเขาอีก…สิ่งเหล่านี้ทำให้ราชาตะขาบตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว หนวดของมันถูไถกันไปมาเป็นช่วงๆ ราวกับว่ามันอดใจเริ่มมื้ออาหารไม่ไหวแล้ว ลิ้นยาวๆ ของมันพยายามแลบไปที่หัวของหลิงม่อ เขี้ยวฟันที่เหมือนตะขอเหล็กขยับไปมาในปากที่เต็มไปด้วยน้ำลาย เหมือนอยากเขมือบสมองหลิงม่อซะเดี๋ยวนั้น…

“เหอๆ…”

“เวรเอ๊ย…” หลิงม่อขมวดคิ้ว พยายามเบิกตาให้กว้างเข้าไว้ เพราะเหงื่อทำให้สายตาเขาพร่ามัว แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เขากลับไม่สามารถทำได้แม้แต่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ถึงแม้ร่างกายเขาไม่ได้กำลังต่อสู้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่พลังจิตกำลังถูกเผาผลาญอย่างบ้าคลั่ง ความสามารถในการควบคุมร่างกายของหลิงม่อก็ได้ลดลงตามไปด้วย ซึ่งก็หมายความว่า ทันทีที่พลังจิตถูกเผาผลาญจนหมด เขาก็จะกลายเป็นอาหารเลิศรสที่ไม่สามารถขยับเขยื้อน ทำได้แค่รอดูตัวเองถูกกินเท่านั้น…

และสิ่งที่ราชาตะขาบกำลังรอคอย ก็คือการมาถึงของช่วงเวลานั้นนั่นเอง…

“แย่ล่ะ…เผาผลาญเร็วเกินไปแล้ว…” หลิงม่อกระพริบตาสองสามครั้ง พยายามเพ่งมองไปที่ราชาตะขาบ “ที่แย่กว่าก็คือ ความเร็วและพลังงานของมันไม่เพียงไม่ลดลง แต่กลับแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ…แต่ว่า เราเองก็ไม่กล้าหยุดกลางคัน…”

ถ้าหากทำอย่างนั้นจริงๆ ไม่แน่ว่าตอนที่เขาคิดอยากพักหายใจ เขาคงตายไปแล้ว…

ความจริงแล้วเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกว่าตัวเองอาจตายได้ทุกเมื่อแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความรู้สึกอย่างนี้ก็รุนแรงขึ้น…หลิงม่อกระทั่งรู้สึกว่าสติของเขาเริ่มเลือนราง ภาพตรงหน้า และในสมอง ล้วนหลงเหลือเพียงสัตว์ประหลาดตัวนั้น รวมถึงพลังงานที่ไหลทะลักออกมาจากสมองอย่างต่อเนื่อง…

“ตึกตัก…ตึกตัก…”

เสียงหัวใจเต้นเหมือนค่อยๆ ไกลออกไป หลิงม่อรู้สึกว่าสายตาของเขาเริ่มกลายเป็นสีแดงอย่างช้าๆ…

“ยังยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน? หนึ่งนาที? ไม่สิ สามสิบวินาที?…ความเร็วในการสูญเสียพลังจิต ราวกับน้ำที่ทะลักออกจากเขื่อน…รู้สึกหนักหัวจัง ร่างกายล่ะ? ทำไมเราไม่รู้สึกถึงร่างกายแล้ว…น่าแปลก ทั้งที่สติเลือนรางแล้ว แต่ทำไม…กลับรู้สึกชัดเจนอย่างนี้…”

แม้แต่ราชาตะขาบตัวนี้ ก็ยังดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในครรลองสายตาของเขา…

ไม่ ไม่สิ…สิ่งที่ชัดเจนขึ้นไม่ใช่ตัวราชาตะขาบ แต่เป็นดวงแสงแห่งจิตของมัน รวมถึง…จุดแสงมากมายบนตัวของมัน…

“นั่นมันอะไรน่ะ? พลังจิตที่เกิดขึ้นหลังจากที่หัวไปงอกอยู่ที่จุดอื่นงั้นหรอ? หรือว่า…”

หลิงม่อพลันค้นพบว่า สายตาของเขามีมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ราชาตะขาบตัวนี้ รอบกายเขา กระทั้งด้านหลัง มีดวงแสงแห่งจิตอยู่จำนวนมาก รวมถึงจุดแสงอีกมากมายนับไม่ถ้วน…

“มันไม่ใช่พลังจิต…” บนตัวของพวกมู่เฉินก็มีจุดแสงอย่างนี้อยู่เหมือนกัน…

“นั่นมันอะไรน่ะ? พลังงาน? พลังงานที่ไม่ใช่พลังจิตงั้นหรอ?”

หลิงม่อครุ่นคิด…เขากระทั่งไม่สังเกตเห็นว่าการตอบสนองของราชาตะขาบเปลี่ยนไปแล้ว…และพวกเย่เลี่ยนที่อยู่ไม่ไกล ก็กำลังหาจังหวะหันหน้ามาทางเขา

โดยเฉพาะเฮยซือ…มันกำลังจ้องหลิงม่ออย่างตะลึงงัน จากนั้นก็คว้ามือไปกลางอากาศ ถึงแม้คว้าอะไรไม่ได้ แต่มันกลับทำหน้าเหมือนมองเห็นอะไรบางอย่าง…

“นี่มันอะไร…” ซย่าน่าเงยหน้า แล้วพึมพำ เงาร่างเลือนรางหนึ่งปรากฏทาบทับบนตัวเธอ ซึ่งก็คือร่างดวงจิตน่าน่านั่นเอง…แต่ในเวลาอย่างนี้ เธอกลับปรากฏตัวออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้…

“ไม่รู้…” เฮยซือพูดเสียงเบา มันรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ และอวี๋ซือหรานที่อยู่ห่างจากมันไม่ไกล ก็กำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับรู้สึกได้เช่นกัน

ท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ มีเพียงกู่ซวงซวงเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกัน…ตอนนี้เธอเบิกตากว้าง และกำลังมองขึ้นไปบนหัวตัวเองอย่างหวาดกลัว…

ข้างบนนั้นคือพายุลูกหนึ่ง ที่เกิดจากเส้นสายสีแดงเลือดมากมายนับไม่ถ้วนประสานกัน…มันกำลังกรีดหมุน และป่วนพล่านอย่างบ้าคลั่ง และสิ่งที่แผ่กระจายมาจากข้างในนั้นก็ไม่ใช่อะไรอย่างอื่น แต่เป็นแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวนั่นเอง

ราวกับว่าอยู่ๆ ข้างบนนั้นก็มีดวงตาขนาดมหึมาโผล่มา และมันก็กำลังจ้องเขม็งมาที่พวกเขา…มันไม่เพียงสามารถมองเห็นสีหน้าท่าทางทั้งหมดของเราได้ แต่ยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในสมอง และมองเห็นความคิดทั้งหมด ทั้งร่างกาย และทุกสิ่งทุกอย่างของเราได้ด้วย…

“นี่มัน…”

กู่ซวงซวงยกมือปิดปาก จากนั้นก็เลื่อนสายตามองไปที่หลิงม่อ…

พายุพลังจิตที่น่ากลัวอย่างนี้ กำลังหยุดอยู่เบื้องบนของหลิงม่อ…หนวดสัมผัสสีแดงเหล่านั้นสานตัวกันจนกลายเป็นพายุ สีแดงส่องประกายระยิบระยับ และเชื่อมต่อกับสมองของหลิงม่อโดยตรง

ขณะเดียวกัน สายตาของหลิงม่อได้แปรเปลี่ยนเป็นนเหม่อลอย…ใบหน้าของเขาซีดขาวจนผิดปกติ และยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เผชิญหน้ากับราชาตะขาบตัวนั้นด้วยสีหน้าท่าทางที่แปลกสุดๆ

ไม่ใช่หวาดกลัว แล้วก็ไม่ใช่เหยียดหยาม…

พูดให้ถูกต้องก็คือ เหมือนเขากำลังสังเกตการณ์ราชาตะขาบมากกว่า…มีแววตาแห่งความสงสัย รวมถึงตื่นเต้นปนอยู่ด้วย

ส่วนราชาตะขาบที่ยืนจ้องเขาน้ำลายไหลในตอนแรก กลับดูลนลานขึ้นมาในตอนนี้ มันเหมือนกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เอาแต่ร้อง “เหอๆ” ไม่หยุด หลังจากลนลานอยู่พักหนึ่ง มันก็แหงนหน้าขึ้น จากนั้นก็จู่โจมอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

ครั้งนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้ก่อนหน้านั้น ไม่ใช่แค่มัน แต่รวมถึงอสุรกายนรกเหล่านั้นด้วย อยู่ๆ พวกมันก็เริ่มพุ่งตัวเข้ามาโจมตีราวกับมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” จางซินเฉิงตะโกน คราวนี้อย่าว่าแต่ยิงลงไปข้างล่างเลย แค่อสุรกายที่กระโจนมาตรงหน้าพวกเขา ก็มีมากจนพวกเขารับมือไม่ทันแล้ว

“อดทนไว้ให้ได้!” ซย่าน่าตะโกนเสียงดัง พลางเหวี่ยงเคียวดาบโจมตี ฝั่งหลิงม่อเกิดเหตุพลิกผัน ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งไม่ควรประมาท…จะให้ดีต้องรีบฆ่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นถึงจะไปช่วยหลิงม่อได้…

สวี่ซูหานเหลือบมองไปยังทางที่หลิงม่อกับราชาตะขาบยืนอยู่ แล้วพูดเร็วๆ ว่า “หลิงม่อ นายกำลังทำอะไร…ตอนนี้ไม่ใช่เวลามายืนเหม่อนะ!”

เป็นอย่างนั้นจริงๆ…ในสายตาของคนรอบข้าง ท่าทางของหลิงม่อเหมือนกำลังยืนเหม่อจริงๆ และในความจริง ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร…สติ ร่างกาย สมอง…สามสิ่งนี้ราวกับได้แยกออกจากกัน…แต่ความคิดของเขาที่ไม่สามารถควบคุมได้ในตอนนี้ กลับชัดเจนยิ่งกว่าในเวลาปกติหลายเท่า…

“จุดแสงใหญ่ขึ้นแล้ว…” หลิงม่อกำลังจ้องไปที่ราชาตะขาบ พลางคิด

สำหรับเขาในตอนนี้ ราชาตะขาบที่กำลังลนลาน ไม่ได้ต่างอะไรจากจุดแสงจุดหนึ่งเลย…

“ร่างกายของมัน น่าจะโจมตีได้ยากสินะ?” หลิงม่อคิด พลางขยับนิ้วมือไปมา

เต๊ง!

สะเก็ดไฟพลันกระเด็นออกจากบนร่างกายของราชาตะขาบ สวี่ซูหานที่มองอยู่เกือบกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

“หลิงม่อ! นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่!”

“อื่ม ตามคาด…แล้ว…จุดแสงนั่นล่ะ?” หลิงม่อหันไปสนใจจุดแสงนั้นอีกครั้ง…เขากระทั่งไม่สังเกตเห็นว่าตอนนี้ตัวเองสามารถใช้หนวดสัมผัสได้แล้ว ในการต่อสู้เมื่อกี้ เขาทำได้เพียงเป็นฝ่ายป้องกันเท่านั้น…

“แปลกจัง ทั้งๆ ที่เผาผลาญเร็วกว่าเดิม แต่ทำไมไม่รู้สึกเวียนหัวแล้วล่ะ? ช่างเถอะ…ยังไงก็ลองนี่ก่อนแล้วกัน”

หลิงม่อพยายามกวัดแกว่งนิ้วมืออีกครั้ง

และเมื่อเขาดีดนิ้วชี้ออกไป แขนของราชาตะขาบก็สะบัดออกไปราวกับถูกดีด

ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสวี่ซูหาน มือข้างนั้นของราชาตะขาบสะบัดขึ้นไปบนหน้าตัวเอง จากนั้นก็ต่อยปากตัวเองจนเลือดกลบ

“ทำได้…ยังไง?” สวี่ซูหานยืนจ้องแผ่นหลังของหลิงม่อ…ไม่รู้ทำไม เธอสัมผัสได้ถึงบางอย่างแปลกๆ จากตัวเขา…ทั้งที่เขาหันหลังให้เธอ และกำลังยืนเหม่ออยู่อย่างนั้นแท้ๆ แต่สวี่ซูหานกลับรู้สึกว่า หลิงม่อกำลังมองเธออยู่…

พลั่ก!

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง

หมัดของราชาตะขาบต่อยลงบนหัวของหลิงม่ออย่างแม่นยำและรวดเร็วทุกครั้ง แต่สองครั้งนี้กลับพลาดเป้า กระทั่งต่อยกลับไปที่ร่างตัวเองด้วยซ้ำ

ไม่ว่าพลังป้องกันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางต้านทานพลังโจมตีของตัวเองได้…

“เหอๆ…”

ราชาตะขาบมึนงง มันเบิกตากว้างจ้องหลิงม่อ พลันอ้าปากกว้าง เปล่งเสียงคำรามน่าพรั่นพรึง “โฮกกกก!”

พลั่กๆๆๆๆ!

หลิงม่อกลับชูนิ้วมือขึ้นในเวลานี้ จากนั้นก็กวัดแกว่งซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว…

“ลองดูอีกทีแล้วกัน…” เขาพูดพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเหม่อๆ

—————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+