แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1025 การโจมตีจากมนุษย์หนู

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1025 การโจมตีจากมนุษย์หนู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอได้ยินเสียงเย่ไค ขณะที่หลิงม่อกับคนอื่นๆ มองขึ้นไปข้างบน พวกเขากลับเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ

เงาดำขนาดมหึมายืนบังแสงสว่างที่สาดส่องลงมาจากข้างบน มันยืนอยู่ตรงนั้น มือซ้ายหิ้วศพไว้หนึ่งร่าง เลือดสดๆ ไหลลงไปตามขั้นบันไดไม่หยุด ดวงตาสีแดงโลหิตราวกับกำลังทอประกายคู่นั้นกวาดมองจากซ้ายไปขวา พิจารณาพวกหลิงม่อทีละคนๆ ที่น่าตกตะลึงมากที่สุดก็คือ ด้านหลังของมันยังมีแส้หนึ่งเส้นซึ่งกำลังสะบัดไปมาซ้ายขวา…

“นี่มันสัตว์กลายพันธุ์…หรือว่าสิ่งมีชีวิตใต้ดินกัน?” อวี่เหวินซวนกลืนน้ำลาย พูดเสียงเบา

“พวกพี่ไม่คิดว่าหางของมันดูคุ้นๆ บ้างหรอ?” ซย่าน่าพูดขึ้น

อยู่ๆ ก็เจออสุรกายอย่างนี้ ทกุคนต่างพากันนิ่งอึ้งไม่ไหวติงไปชั่วขณะ เห็นชัดว่า พลังต่อสู้ของมันไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าตัวนั้นจะเทียบได้อย่างแน่นอน แค่มันยืนอยู่ตรงนี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันได้ขนาดนี้แล้ว และในระหว่างที่สองฝ่ายมองหน้ากันเป็นเวลาสั้นๆ หลิงม่อยังค้นพบอย่างตื่นตะลึงอีกว่า ใบหน้าของมัน เหมือนจะไม่ใช่แค่ใบหน้ามนุษย์ธรรมดา…

“นี่มันเหมือน…” มู่เฉินเพิ่งจะอ้าปาก ทันใดนั้น อสุรกายตัวนั้นพลันก้าวถอยช้าๆ

มันจ้องพวกเขาเขม็ง สุดท้ายกระโจนหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว…

“แย่แล้ว” หลิงม่อสีหน้าตึงเครียดทันที อสุรกายตัวนี้จะต้องคอยลอบโจมตีพวกเขาในระหว่างการค้นหาต่อไปแน่นอน…และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสาเหตุที่มันมาเจอพวกเขาล่วงหน้า เพราะต้องการสร้างแรงกดดันให้พวกเขานั่นเอง…

ขณะเดียวกัน ณ ที่แห่งหนึ่งในอาคาร

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแกว่งแขนไปมา กระโดดกระเด้งไปมาอยู่ท่ามกลางห้องโถงที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น

“พี่สาว พี่สาวอยู่ที่ไหนเอ่ย?” มันตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ทว่าแค่รอยยิ้มชั่วร้ายของมัน ก็บ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่าเนื้อแท้ของมันไม่ได้น่ารักอย่างที่เห็นภายนอกแน่นอน…

เวลานี้ ด้านข้างของมัน ดวงตาข้างหนึ่งกำลังมองลอดช่องว่างเล็กๆ จับตามองมันเขม็ง

ขนตายาวเป็นแพของดวงตาข้างนี้กระเพื่อมไหวเบาๆ สายตาดูเลื่อนลอยเล็กน้อย พอเด็กผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านเสาต้นหนึ่งไป ดวงตาข้างนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น ขณะเดียวกันปากปืนดำทะมึนก็เริ่มเคลื่อนไหวตามอย่างช้าๆ ค่อยๆ ยกขึ้นและเล็งไปที่หัวของเด็กผู้หญิง…

“พี่สาว รีบออกมาเถอะน่า…” มันเดินวนเป็นวงกลมอยู่ที่เดิมหนึ่งรอบ จากนั้นก็เดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่ลืมมองซ้ายมองขวาไปด้วย “พี่ซ่อนตัวนานพอแล้ว ฉันเองก็นับเลขรอนานมากแล้วเหมือนกัน…คิกๆ พี่ว่าใช่ไหมล่ะ? วางใจแล้วเดินออกมาเถอะนะ ฉันไม่ทำอะไรพี่หรอก เกมใครฆ่าใครก่อนนั่นจบลงไปแล้ว…”

ขณะเดียวกัน นิ้วมือเรียวยาวนิ้วนั้นสอดวางเข้าไปในไกปืน และค่อยๆ กดลงช้าๆ

“เพราะว่า…”

ในตอนนั้นเอง เด็กผู้หญิงพลันหันขวับมา ดวงตาที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลันจ้องตรงมายังปากปืนกระบอก “พวกเราจะเล่นเกมใหม่กันไงล่ะ…”

“ปัง!”

ในเสี้ยววินาทีนั้น ประกายไฟพุ่งออกจากปากกระบอกปืน…

“ทุกคนได้ยินเสียงอะไรไหม?” อยู่ๆ หลี่ย่าหลินก็ถามขึ้น

“เสียงอะไร?” หลิงม่อรีบหันไปมองหน้าเธอ

“ไม่รู้สิ…เสียงเบามาก…” หลี่ย่าหลินบีบติ่งหูเบาๆ อย่างไม่ค่อยแน่ใจ บอกว่า “เหมือนว่าที่นี่จะส่งผลกระทบต่อการได้ยิน…หรืออาจเป็นเพราะเสียงมันเบามากอยู่แล้วก็ได้ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน…”

หลิงม่อเงยหน้ามองข้างบน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็บอกว่า “เย่เลี่ยนอยู่ข้างบน”

“หา? ถ้าอย่างนั้น…ร่างแม่ตัวนั้นก็อยู่ข้างบนด้วยน่ะสิ?” สวี่ซูหานชะงัก พูดขึ้น

สวบ—

ทันใดนั้น เงาดำเส้นหนึ่งพลันโฉบผ่านด้านหลังของกลุ่มคน

ในขณะที่พวกเขาหันหลังไปมอง เงาดำอีกเส้นพลันโฉบผ่านข้างหลังของพวกเขาในตอนนี้ไปอีกครั้ง

“สัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังตามพวกเรามาใช่ไหม?” เย่ไคยกมีดขึ้น พลางถาม

คนที่เหลือเองต่างก็พากันตื่นตระหนก ความรู้สึกนี้ไม่เหมือนแค่ถูกอะไรบางอย่างตามมา แต่มันยังทำให้ขนลุกขนพองเป็นระยะๆ ด้วย

“ไม่ใช่แค่ตัวนั้น…แต่เป็นพวกนั้น” ซย่าน่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“หมายความว่ายังไง?” มู่เฉินถาม

หลิงม่อเองก็กำลังมองไปรอบกาย ได้ยินเขาถามก็ตอบว่า “พลังจิตของฉันตามพวกมันไม่ทัน แต่แค่จำนวนอสุรกายที่บุกเข้ามาในขอบเขตพลังสัมผัสรู้ของฉัน ก็มีสองตัวแล้ว…”

“ใช่แล้ว ที่นี่มีสัตว์ประหลาดอยู่อย่างน้อยก็ห้าตัวขึ้นไป…พวกมันกำลังมองหาโอกาสอยู่รอบตัวพวกเรา” ซย่าน่าบอก

กู่ซวงซวงยกมือปิดปากทันที “โอกาสอะไรกัน…”

“ยังต้องให้บอกอีกหรอ…ก็ต้องเป็นโอกาสที่จะกินพวกเราน่ะสิ” อวี๋ซือหรานพูดแทรก

“พวกเรารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนให้เร็วที่สุด อย่าปลีกตัวออกจากกลุ่มเด็ดขาด” หลิงม่อบอก

แต่ในเสี้ยววินาทีที่พวกเขาหันหน้ากลับมา ทันใดนั้น เงาดำกลุ่มหนึ่งพลันลอยพุ่งมาจากจุดที่อยู่ไม่ไกล

การโจมตีชุดใหญ่พุ่งเข้าใส่เงาดำกลุ่มนั้นทันที ทว่าหลังจากของสิ่งนั้นร่วงลงบนพื้น พวกเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า มันคือศพที่อสุรกายตัวเมื่อกี้หิ้วไว้ และที่ทำให้พูดไม่ออกยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาเพิ่งจะมาเห็นชัดๆ ตอนนี้ ว่าศพนี้คือศพของ “เย่ไค” ตัวปลอม

พอเห็นศพถูกโจมตีจนมีสภาพอย่างนี้ กู่ซวงซวงรีบหันไปยันกำแพงทำท่าอาเจียนทันที เย่ไคจ้องศพนั้นแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียดสุดขีด “ที่พวกมันทำอย่างนี้เรียกว่าการเตือนหรือเปล่า? พวกมันไม่กินศพพวกนี้ เพราะต้องการกินพวกเราตัวจริง?”

เดิมทีกู่ซวงซวงอการดีขึ้นแล้วเพราะสวี่ซูหานช่วยปลอบ แต่พอได้ยินอย่างนั้นก็อดยกมือปิดปากอีกครั้งไม่ได้ จางซินเฉิงทำท่าเหมือนอยากพูดอะไร แต่กลับมีเงาดำอีกกลุ่มหนึ่งถูกขว้างเข้ามา และไถลลงกับผนังช้าๆ เสียก่อน…

“นี่มันฉัน…”

“ไม่มีเวลาพูดเรื่องนี้แล้ว…” อยู่ๆ หลิงม่อก็หน้าเคร่งเครียดขึ้นมา บอกว่า “พวกเราถูกล้อมไว้แล้ว…”

ศพแรกบีบให้พวกเขาถอยมาจนถึงตรงกลางของทางเดิน ศพที่สองทำให้พวกเขาเสียสมาธิ และกว่าพวกเขาจะได้สติ ปลายทางเดินทั้งสองข้างก็มีอสุรกายโผล่ขึ้นมาข้างละสองตัวแล้ว…

ในสถานการณ์ที่อสุรกายพวกนี้ไม่ได้หันหลังให้แสง ในที่สุดพวกเขาก็ได้มองเห็นรูปร่างของพวกมันอย่างชัดเจน ขนสีดำอันแข็งแรงทนทานที่งอกบนผิวหนัง หางยาวๆ ที่ไร้ซึ่งขน ฝ่าเท้าขนาดใหญ่และกรงเล็บอันแหลมคม ทว่าสิ่งที่ดึงดูกสายตา ยังคงเป็นใบหน้ามนุษย์ครึ่งซีกนั่น…ซีกบนเป็นมนุษย์ ส่วนซีกล่าง กลับมีปากที่ไม่มีริมฝีปากอยู่อันหนึ่ง รวมถึงเขี้ยวฟันอันแหลมคม…

“น่าเกลียดเกินไปแล้ว…นี่มัน…มนุษย์หนู?” ทุกคนเบิกตากว้าง ความจริงแล้ว นี่ต่างหากที่เป็นสัตว์ประหลาดใต้ดินที่แท้จริง เพียงแต่แขนาดพวกหลิงม่อก็ยังนึกไม่ถึงจุดนี้ ยิ่งนึกไม่ถึงว่าพวกมันกลับขึ้นมาบนดิน และซ่อนตัวอยู่บนนี้นานแล้ว และเหล่าสัตว์ประหลาดที่พวกเขาเจอใต้ดินพวกนั้น กลับเป็นเหมือนผลงานจากการทดลองมากมายที่ร่างแม่ตัวนั้นต้องการโชว์ให้พวกเขาเห็นมากกว่า สัตว์ประหลาดอย่างมนุษย์หนูต่างหาก ที่ดูเป็นชาวพื้นเมืองของสิ่งมีชีวิตใต้ดิน…

ไม่ว่าอย่างไร เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่จะสามารถอธิบายได้ด้วยการกลายพันธุ์หรือว่าการอาศัยอยู่ใต้ดินอย่างเดียวได้…หลิงม่อนึกถึงหลี่ย่าหลินทันที…สาเหตุที่นางพญางูตัวนี้มีลักษณะเด่นที่เหมือนกับงู เป็นเพราะเธอกลืนกินไวรัสนางพญาของงูกลายพันธุ์…และมนุษย์หนูพวกนั้นเอง ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสแล้วจริงๆ…

แต่สิ่งมีชีวิตอย่างหนูไม่สามารถสร้างก้อนเหนียวหนืดหรือไวรัสยางพญาขึ้นมาได้ และพอคิดดูดีๆ ในท่อน้ำทิ้งที่ควรมีหนูอยู่จำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นเลยซักตัว…

“อ้วก!”

ไม่นาน คนที่เหลือต่างก็ตระหนักเรื่องนี้ได้ พวกเขาสีหน้าย่ำแย่ทำท่าอยากอาเจียน ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินรวมถึงอวี๋ซือหรานที่เป็นซอมบี้ตัวจริงเสียงจริงกลับทำหน้าเรียบเฉย ทว่าพอเห็นทุกคนทำหน้าขยะแขยง พวกเธอจึงมองหน้ากัน แล้วยกมือปิดปาก

จี๊ดๆ—

มนุษย์หนูตัวหนึ่งเกาฝ่ามือไปมา ดวงตาสีแดงสะท้อนแววชั่วร้าย น้ำลายไหลย้อยออกจากซอกฟันของมันลงมาเป็นสาย ผ่านไปไม่นาน มันอ้าปาก เปล่งเสียงคำรามที่ได้ยินแล้วชวนปวดหัว

“ระวัง พวกมันจะโจมตีแล้ว…” มู่เฉินร้องเตือน

อสุรกายอย่างนี้แค่ตัวเดียวก็รับมือยากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่พวกมันมีกันถึงสี่ตัวและล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาอยู่อย่างนี้เลย…หลังจากที่มนุษย์หนูตัวนั้นคำรามเสียงต่ำ มันพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วที่…น่าทึ่งมาก! และในขณะเดียวกัน อีกสามตัวที่เหลือก็พากันพุ่งเข้ามาพร้อมๆ กัน…

“ตึงๆๆๆ!”

มู่เฉินรัวปืนสุดชีวิต ทว่ากระสุนของเขาเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับอสุรกายเหล่านี้ ขนดกดำชั้นนั้นเหมือนเสื้อเกราะกันกระสุนที่ไม่มีวันทะลุผ่านไปได้ ในด้านการต่อสู้ระยะประชิดก็มีแค่การโจมตีของพวกซย่าน่าเท่านั้นที่พอจะได้ผลอยู่บ้าง ส่วนคนอื่นๆ อย่าว่าแต่โจมตีเลย แม้แต่จะเข้าใกล้ก็ยังทำไม่ได้  ทำได้เพียงต่อสู้อย่างไร้แบบแผนเพื่อต้านทานพวกมันเอาไว้สุดชีวิต

“หัวหน้า ทำไงดี พวกเราถูกล้อมไว้หมดแล้ว…”

การที่เห็นหนูในร่างคนขนาดมหึมาพยายามพุ่งเข้ามาฉีกทึ้งร่างกายพวกเขาในระยะใกล้ขนาดนี้ แถมระยะห่างก็สั้นลงเรื่อยๆ จากสิบเมตร เหลือห้าเมตร…ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ ราวกับว่าอีกแค่หนึ่งวินาทีเดียว พวกเขาก็จะถูกอสุรกายพวกนี้ฉีกทึ้งจนกลายเป็นชิ้นๆ แล้ว

“ขอฉันคิดก่อน…” หลิงม่อบอก

พลังจิตโจมตี…ใช้ไม่ได้ผล อสุรกายพวกนี้มีแค่สัญชาตญาณอย่างเดียว ดวงแสงแห่งจิตไม่ถือว่ามีอยู่แต่แรกแล้ว เกรงว่านี่ก็อาจเป็นข้อเสียของพวกมันเ…พลังแข็งแกร่ง แต่ไม่มีศักยภาพในการวิวัฒนาการต่อ ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกมันมีกันไม่มากก็ได้…ทว่าจากที่หลิงม่อดู สาเหตุน่าจะเป็นเพราะจำนวนของหนูมีไม่มากพอมากกว่า

เพียงแต่ไม่คิดว่ามนุษย์หนูที่ไม่มีสติปัญญาพวกนี้ กลับใช้กับดักอย่างนี้เป็นด้วย…

“กรรร กรรรร!”

มนุษย์หนูตัวหนึ่งพอถูกซย่าน่าใช้เคียวดาบตบจนกระเด็นล้มลงบนพื้น มันก็ใช้แขนขาทั้งสี่ข้างยันพื้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง มันสะบัดหางมาข้างหน้า พุ่งมาทางหลิงม่อที่อยู่ใกล้ที่สุด…หากถูกหางของมันโจมตี ถึงไม่ตาย พลังชีวิตของหลิงม่อก็คงหายไปเกือบครึ่ง

“กรี๊ดด!” กู่ซวงซวงกรีดร้องเสียงแหลม

ในเสี้ยววินาทีที่มองดูหางของมันพุ่งเข้ามา ทันใดนั้น ตรงหน้าหลิงม่อพลันปรากฏภาพที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ฉากหลังมืดหม่น และดวงแสงแห่งจิตที่แปรเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าขึ้นมา…

ทั้งดวงแสงของของพวกเย่ไค…พวกซย่าน่า…มนุษย์หนูสามตัวที่อยู่ไกลออกไป รวมถึงอีกหนึ่งดวงที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ในตอนนั้นเอง หลิงม่อสังเกตเห็นดวงแสงที่ค่อนข้างใหญ่ดวงหนึ่ง มันอยู่ตรงทางเลี้ยวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก…

—————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1025 การโจมตีจากมนุษย์หนู

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1025 การโจมตีจากมนุษย์หนู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอได้ยินเสียงเย่ไค ขณะที่หลิงม่อกับคนอื่นๆ มองขึ้นไปข้างบน พวกเขากลับเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ

เงาดำขนาดมหึมายืนบังแสงสว่างที่สาดส่องลงมาจากข้างบน มันยืนอยู่ตรงนั้น มือซ้ายหิ้วศพไว้หนึ่งร่าง เลือดสดๆ ไหลลงไปตามขั้นบันไดไม่หยุด ดวงตาสีแดงโลหิตราวกับกำลังทอประกายคู่นั้นกวาดมองจากซ้ายไปขวา พิจารณาพวกหลิงม่อทีละคนๆ ที่น่าตกตะลึงมากที่สุดก็คือ ด้านหลังของมันยังมีแส้หนึ่งเส้นซึ่งกำลังสะบัดไปมาซ้ายขวา…

“นี่มันสัตว์กลายพันธุ์…หรือว่าสิ่งมีชีวิตใต้ดินกัน?” อวี่เหวินซวนกลืนน้ำลาย พูดเสียงเบา

“พวกพี่ไม่คิดว่าหางของมันดูคุ้นๆ บ้างหรอ?” ซย่าน่าพูดขึ้น

อยู่ๆ ก็เจออสุรกายอย่างนี้ ทกุคนต่างพากันนิ่งอึ้งไม่ไหวติงไปชั่วขณะ เห็นชัดว่า พลังต่อสู้ของมันไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าตัวนั้นจะเทียบได้อย่างแน่นอน แค่มันยืนอยู่ตรงนี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันได้ขนาดนี้แล้ว และในระหว่างที่สองฝ่ายมองหน้ากันเป็นเวลาสั้นๆ หลิงม่อยังค้นพบอย่างตื่นตะลึงอีกว่า ใบหน้าของมัน เหมือนจะไม่ใช่แค่ใบหน้ามนุษย์ธรรมดา…

“นี่มันเหมือน…” มู่เฉินเพิ่งจะอ้าปาก ทันใดนั้น อสุรกายตัวนั้นพลันก้าวถอยช้าๆ

มันจ้องพวกเขาเขม็ง สุดท้ายกระโจนหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว…

“แย่แล้ว” หลิงม่อสีหน้าตึงเครียดทันที อสุรกายตัวนี้จะต้องคอยลอบโจมตีพวกเขาในระหว่างการค้นหาต่อไปแน่นอน…และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสาเหตุที่มันมาเจอพวกเขาล่วงหน้า เพราะต้องการสร้างแรงกดดันให้พวกเขานั่นเอง…

ขณะเดียวกัน ณ ที่แห่งหนึ่งในอาคาร

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแกว่งแขนไปมา กระโดดกระเด้งไปมาอยู่ท่ามกลางห้องโถงที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น

“พี่สาว พี่สาวอยู่ที่ไหนเอ่ย?” มันตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ทว่าแค่รอยยิ้มชั่วร้ายของมัน ก็บ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่าเนื้อแท้ของมันไม่ได้น่ารักอย่างที่เห็นภายนอกแน่นอน…

เวลานี้ ด้านข้างของมัน ดวงตาข้างหนึ่งกำลังมองลอดช่องว่างเล็กๆ จับตามองมันเขม็ง

ขนตายาวเป็นแพของดวงตาข้างนี้กระเพื่อมไหวเบาๆ สายตาดูเลื่อนลอยเล็กน้อย พอเด็กผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านเสาต้นหนึ่งไป ดวงตาข้างนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น ขณะเดียวกันปากปืนดำทะมึนก็เริ่มเคลื่อนไหวตามอย่างช้าๆ ค่อยๆ ยกขึ้นและเล็งไปที่หัวของเด็กผู้หญิง…

“พี่สาว รีบออกมาเถอะน่า…” มันเดินวนเป็นวงกลมอยู่ที่เดิมหนึ่งรอบ จากนั้นก็เดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่ลืมมองซ้ายมองขวาไปด้วย “พี่ซ่อนตัวนานพอแล้ว ฉันเองก็นับเลขรอนานมากแล้วเหมือนกัน…คิกๆ พี่ว่าใช่ไหมล่ะ? วางใจแล้วเดินออกมาเถอะนะ ฉันไม่ทำอะไรพี่หรอก เกมใครฆ่าใครก่อนนั่นจบลงไปแล้ว…”

ขณะเดียวกัน นิ้วมือเรียวยาวนิ้วนั้นสอดวางเข้าไปในไกปืน และค่อยๆ กดลงช้าๆ

“เพราะว่า…”

ในตอนนั้นเอง เด็กผู้หญิงพลันหันขวับมา ดวงตาที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลันจ้องตรงมายังปากปืนกระบอก “พวกเราจะเล่นเกมใหม่กันไงล่ะ…”

“ปัง!”

ในเสี้ยววินาทีนั้น ประกายไฟพุ่งออกจากปากกระบอกปืน…

“ทุกคนได้ยินเสียงอะไรไหม?” อยู่ๆ หลี่ย่าหลินก็ถามขึ้น

“เสียงอะไร?” หลิงม่อรีบหันไปมองหน้าเธอ

“ไม่รู้สิ…เสียงเบามาก…” หลี่ย่าหลินบีบติ่งหูเบาๆ อย่างไม่ค่อยแน่ใจ บอกว่า “เหมือนว่าที่นี่จะส่งผลกระทบต่อการได้ยิน…หรืออาจเป็นเพราะเสียงมันเบามากอยู่แล้วก็ได้ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน…”

หลิงม่อเงยหน้ามองข้างบน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็บอกว่า “เย่เลี่ยนอยู่ข้างบน”

“หา? ถ้าอย่างนั้น…ร่างแม่ตัวนั้นก็อยู่ข้างบนด้วยน่ะสิ?” สวี่ซูหานชะงัก พูดขึ้น

สวบ—

ทันใดนั้น เงาดำเส้นหนึ่งพลันโฉบผ่านด้านหลังของกลุ่มคน

ในขณะที่พวกเขาหันหลังไปมอง เงาดำอีกเส้นพลันโฉบผ่านข้างหลังของพวกเขาในตอนนี้ไปอีกครั้ง

“สัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังตามพวกเรามาใช่ไหม?” เย่ไคยกมีดขึ้น พลางถาม

คนที่เหลือเองต่างก็พากันตื่นตระหนก ความรู้สึกนี้ไม่เหมือนแค่ถูกอะไรบางอย่างตามมา แต่มันยังทำให้ขนลุกขนพองเป็นระยะๆ ด้วย

“ไม่ใช่แค่ตัวนั้น…แต่เป็นพวกนั้น” ซย่าน่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“หมายความว่ายังไง?” มู่เฉินถาม

หลิงม่อเองก็กำลังมองไปรอบกาย ได้ยินเขาถามก็ตอบว่า “พลังจิตของฉันตามพวกมันไม่ทัน แต่แค่จำนวนอสุรกายที่บุกเข้ามาในขอบเขตพลังสัมผัสรู้ของฉัน ก็มีสองตัวแล้ว…”

“ใช่แล้ว ที่นี่มีสัตว์ประหลาดอยู่อย่างน้อยก็ห้าตัวขึ้นไป…พวกมันกำลังมองหาโอกาสอยู่รอบตัวพวกเรา” ซย่าน่าบอก

กู่ซวงซวงยกมือปิดปากทันที “โอกาสอะไรกัน…”

“ยังต้องให้บอกอีกหรอ…ก็ต้องเป็นโอกาสที่จะกินพวกเราน่ะสิ” อวี๋ซือหรานพูดแทรก

“พวกเรารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนให้เร็วที่สุด อย่าปลีกตัวออกจากกลุ่มเด็ดขาด” หลิงม่อบอก

แต่ในเสี้ยววินาทีที่พวกเขาหันหน้ากลับมา ทันใดนั้น เงาดำกลุ่มหนึ่งพลันลอยพุ่งมาจากจุดที่อยู่ไม่ไกล

การโจมตีชุดใหญ่พุ่งเข้าใส่เงาดำกลุ่มนั้นทันที ทว่าหลังจากของสิ่งนั้นร่วงลงบนพื้น พวกเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า มันคือศพที่อสุรกายตัวเมื่อกี้หิ้วไว้ และที่ทำให้พูดไม่ออกยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาเพิ่งจะมาเห็นชัดๆ ตอนนี้ ว่าศพนี้คือศพของ “เย่ไค” ตัวปลอม

พอเห็นศพถูกโจมตีจนมีสภาพอย่างนี้ กู่ซวงซวงรีบหันไปยันกำแพงทำท่าอาเจียนทันที เย่ไคจ้องศพนั้นแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียดสุดขีด “ที่พวกมันทำอย่างนี้เรียกว่าการเตือนหรือเปล่า? พวกมันไม่กินศพพวกนี้ เพราะต้องการกินพวกเราตัวจริง?”

เดิมทีกู่ซวงซวงอการดีขึ้นแล้วเพราะสวี่ซูหานช่วยปลอบ แต่พอได้ยินอย่างนั้นก็อดยกมือปิดปากอีกครั้งไม่ได้ จางซินเฉิงทำท่าเหมือนอยากพูดอะไร แต่กลับมีเงาดำอีกกลุ่มหนึ่งถูกขว้างเข้ามา และไถลลงกับผนังช้าๆ เสียก่อน…

“นี่มันฉัน…”

“ไม่มีเวลาพูดเรื่องนี้แล้ว…” อยู่ๆ หลิงม่อก็หน้าเคร่งเครียดขึ้นมา บอกว่า “พวกเราถูกล้อมไว้แล้ว…”

ศพแรกบีบให้พวกเขาถอยมาจนถึงตรงกลางของทางเดิน ศพที่สองทำให้พวกเขาเสียสมาธิ และกว่าพวกเขาจะได้สติ ปลายทางเดินทั้งสองข้างก็มีอสุรกายโผล่ขึ้นมาข้างละสองตัวแล้ว…

ในสถานการณ์ที่อสุรกายพวกนี้ไม่ได้หันหลังให้แสง ในที่สุดพวกเขาก็ได้มองเห็นรูปร่างของพวกมันอย่างชัดเจน ขนสีดำอันแข็งแรงทนทานที่งอกบนผิวหนัง หางยาวๆ ที่ไร้ซึ่งขน ฝ่าเท้าขนาดใหญ่และกรงเล็บอันแหลมคม ทว่าสิ่งที่ดึงดูกสายตา ยังคงเป็นใบหน้ามนุษย์ครึ่งซีกนั่น…ซีกบนเป็นมนุษย์ ส่วนซีกล่าง กลับมีปากที่ไม่มีริมฝีปากอยู่อันหนึ่ง รวมถึงเขี้ยวฟันอันแหลมคม…

“น่าเกลียดเกินไปแล้ว…นี่มัน…มนุษย์หนู?” ทุกคนเบิกตากว้าง ความจริงแล้ว นี่ต่างหากที่เป็นสัตว์ประหลาดใต้ดินที่แท้จริง เพียงแต่แขนาดพวกหลิงม่อก็ยังนึกไม่ถึงจุดนี้ ยิ่งนึกไม่ถึงว่าพวกมันกลับขึ้นมาบนดิน และซ่อนตัวอยู่บนนี้นานแล้ว และเหล่าสัตว์ประหลาดที่พวกเขาเจอใต้ดินพวกนั้น กลับเป็นเหมือนผลงานจากการทดลองมากมายที่ร่างแม่ตัวนั้นต้องการโชว์ให้พวกเขาเห็นมากกว่า สัตว์ประหลาดอย่างมนุษย์หนูต่างหาก ที่ดูเป็นชาวพื้นเมืองของสิ่งมีชีวิตใต้ดิน…

ไม่ว่าอย่างไร เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่จะสามารถอธิบายได้ด้วยการกลายพันธุ์หรือว่าการอาศัยอยู่ใต้ดินอย่างเดียวได้…หลิงม่อนึกถึงหลี่ย่าหลินทันที…สาเหตุที่นางพญางูตัวนี้มีลักษณะเด่นที่เหมือนกับงู เป็นเพราะเธอกลืนกินไวรัสนางพญาของงูกลายพันธุ์…และมนุษย์หนูพวกนั้นเอง ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสแล้วจริงๆ…

แต่สิ่งมีชีวิตอย่างหนูไม่สามารถสร้างก้อนเหนียวหนืดหรือไวรัสยางพญาขึ้นมาได้ และพอคิดดูดีๆ ในท่อน้ำทิ้งที่ควรมีหนูอยู่จำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นเลยซักตัว…

“อ้วก!”

ไม่นาน คนที่เหลือต่างก็ตระหนักเรื่องนี้ได้ พวกเขาสีหน้าย่ำแย่ทำท่าอยากอาเจียน ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินรวมถึงอวี๋ซือหรานที่เป็นซอมบี้ตัวจริงเสียงจริงกลับทำหน้าเรียบเฉย ทว่าพอเห็นทุกคนทำหน้าขยะแขยง พวกเธอจึงมองหน้ากัน แล้วยกมือปิดปาก

จี๊ดๆ—

มนุษย์หนูตัวหนึ่งเกาฝ่ามือไปมา ดวงตาสีแดงสะท้อนแววชั่วร้าย น้ำลายไหลย้อยออกจากซอกฟันของมันลงมาเป็นสาย ผ่านไปไม่นาน มันอ้าปาก เปล่งเสียงคำรามที่ได้ยินแล้วชวนปวดหัว

“ระวัง พวกมันจะโจมตีแล้ว…” มู่เฉินร้องเตือน

อสุรกายอย่างนี้แค่ตัวเดียวก็รับมือยากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่พวกมันมีกันถึงสี่ตัวและล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาอยู่อย่างนี้เลย…หลังจากที่มนุษย์หนูตัวนั้นคำรามเสียงต่ำ มันพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วที่…น่าทึ่งมาก! และในขณะเดียวกัน อีกสามตัวที่เหลือก็พากันพุ่งเข้ามาพร้อมๆ กัน…

“ตึงๆๆๆ!”

มู่เฉินรัวปืนสุดชีวิต ทว่ากระสุนของเขาเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับอสุรกายเหล่านี้ ขนดกดำชั้นนั้นเหมือนเสื้อเกราะกันกระสุนที่ไม่มีวันทะลุผ่านไปได้ ในด้านการต่อสู้ระยะประชิดก็มีแค่การโจมตีของพวกซย่าน่าเท่านั้นที่พอจะได้ผลอยู่บ้าง ส่วนคนอื่นๆ อย่าว่าแต่โจมตีเลย แม้แต่จะเข้าใกล้ก็ยังทำไม่ได้  ทำได้เพียงต่อสู้อย่างไร้แบบแผนเพื่อต้านทานพวกมันเอาไว้สุดชีวิต

“หัวหน้า ทำไงดี พวกเราถูกล้อมไว้หมดแล้ว…”

การที่เห็นหนูในร่างคนขนาดมหึมาพยายามพุ่งเข้ามาฉีกทึ้งร่างกายพวกเขาในระยะใกล้ขนาดนี้ แถมระยะห่างก็สั้นลงเรื่อยๆ จากสิบเมตร เหลือห้าเมตร…ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ ราวกับว่าอีกแค่หนึ่งวินาทีเดียว พวกเขาก็จะถูกอสุรกายพวกนี้ฉีกทึ้งจนกลายเป็นชิ้นๆ แล้ว

“ขอฉันคิดก่อน…” หลิงม่อบอก

พลังจิตโจมตี…ใช้ไม่ได้ผล อสุรกายพวกนี้มีแค่สัญชาตญาณอย่างเดียว ดวงแสงแห่งจิตไม่ถือว่ามีอยู่แต่แรกแล้ว เกรงว่านี่ก็อาจเป็นข้อเสียของพวกมันเ…พลังแข็งแกร่ง แต่ไม่มีศักยภาพในการวิวัฒนาการต่อ ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกมันมีกันไม่มากก็ได้…ทว่าจากที่หลิงม่อดู สาเหตุน่าจะเป็นเพราะจำนวนของหนูมีไม่มากพอมากกว่า

เพียงแต่ไม่คิดว่ามนุษย์หนูที่ไม่มีสติปัญญาพวกนี้ กลับใช้กับดักอย่างนี้เป็นด้วย…

“กรรร กรรรร!”

มนุษย์หนูตัวหนึ่งพอถูกซย่าน่าใช้เคียวดาบตบจนกระเด็นล้มลงบนพื้น มันก็ใช้แขนขาทั้งสี่ข้างยันพื้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง มันสะบัดหางมาข้างหน้า พุ่งมาทางหลิงม่อที่อยู่ใกล้ที่สุด…หากถูกหางของมันโจมตี ถึงไม่ตาย พลังชีวิตของหลิงม่อก็คงหายไปเกือบครึ่ง

“กรี๊ดด!” กู่ซวงซวงกรีดร้องเสียงแหลม

ในเสี้ยววินาทีที่มองดูหางของมันพุ่งเข้ามา ทันใดนั้น ตรงหน้าหลิงม่อพลันปรากฏภาพที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ฉากหลังมืดหม่น และดวงแสงแห่งจิตที่แปรเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าขึ้นมา…

ทั้งดวงแสงของของพวกเย่ไค…พวกซย่าน่า…มนุษย์หนูสามตัวที่อยู่ไกลออกไป รวมถึงอีกหนึ่งดวงที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ในตอนนั้นเอง หลิงม่อสังเกตเห็นดวงแสงที่ค่อนข้างใหญ่ดวงหนึ่ง มันอยู่ตรงทางเลี้ยวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก…

—————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+