แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1037 อย่าดูถูกอานุภาพของเสียงกรี๊ด

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1037 อย่าดูถูกอานุภาพของเสียงกรี๊ด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เร็วขนาดนี้เชียวหรอ?”

หลิงม่อรีบพุ่งตัวไปที่ขอบดาดฟ้า แล้วมองลงไปข้างล่าง

บนถนนมีอสุรกายนรกและซอมบี้ยืนเบียดเสียดเต็มไปหมด พวกมันสู้กันเอว พลางแข่งกันเบียดตัวเข้ามาในตัวอาคาร สัตว์ประหลาดบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าทางประตูถึงขั้นปีนป่ายตามผนังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คำนวณจากความสูงของอาคารหลังนี้แล้ว อย่างมากไม่กี่สิบวินาทีหลังจากนี้ กรงเล็บของสัตว์ประหลาดฝูงแรกก็จะมาปรากฏตรงหน้าตำแหน่งที่หลิงม่อยืนอยู่แล้ว…

“นี่มันจะมีเยอะเกินไปหรือเปล่า…” พวกมู่เฉินทยอยเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า หลังจากเห็นภาพที่ชวนขวัญหายนี้เข้า ทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียด ถ้าหากถูกสัตว์ประหลาดพวกนี้จับตัวได้…ถึงแม้เพียงหนึ่งวินาที สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญต่อจากนั้น ก็คือสัตว์ประหลาดที่แห่กันมาไม่ขาดสายเป็นร้อยเป็นพันตัว…และในสถานการณ์อย่างนั้น ก็ไม่มีใครมั่นใจว่าตัวเองจะยังรอดไปได้

“อย่ามัวแต่อึ้งอยู่เลย พวกเรารีบถอยเร็ว” หลิงม่อละสายตาออกมาทันที พลางบอกว่า “ปิดประตูดีหรือยัง? บันไดล่ะ!”

“จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว อย่างน้อยภายในห้าวินาทีหลังจากที่พวกมันขึ้นมาถึงชั้นบนสุด น่าจะยังไม่สามารถขึ้นมาบนดาดฟ้าได้” เย่ไคตอบ

“แค่นั้นก็พอแล้ว! เด็กโง่!” หลิงม่อหันไปมองเย่เลี่ยน

เย่เลี่ยนพยักหน้าอย่างรู้หน้าที่ เธอพาทุกคนวิ่งไปยังอีกฝั่งของดาดฟ้า หากมองลงไปข้างล่างจากตรงนี้ สามารถมองเห็นอาคารอีกหลังได้จริงๆ เพียงแต่ความสูงระหว่างอาคารสองหลังห่างกันเกือบสิบเมตร ความกว้างก็ห่างประมาณห้าเมตรขึ้นไป ถึงแม้สุดท้ายกระโดดถึงพื้นอย่างปลอดภัย แต่บริเวณที่สามารถกระโดดข้ามไปได้ก็มีแต่ตำแหน่งที่เป็นสามเหลี่ยมบนหลังคาเท่านั้น ในสถานการณ์อย่างนี้ หากคนธรรมดาต้องการกระโดดข้ามไป ต้องใช้ความกล้าไม่น้อย

ทว่าเมื่อมีสัตว์ประหลาดนับพันตัวล้อมอยู่รอบอาคาร ความกล้าดังกล่าวนี้ก็ไม่ต้องการเวลาในการเตรียมใจอีกแล้ว และหลังจากที่กระโดดข้ามไปที่หลังคานั้นแล้ว ก็จะสามารถวิ่งไปยังอาคารอีกหลังได้…อาคารที่อยู่ถัดไปล้วนเป็นบ้านเรือนที่อยู่ติดกัน ซึ่งระยะห่างไม่ได้เป็นปัญหากับทีมที่มีสมาชิกเป็นซอมบี้หรือผู้มีพลังพิเศษด้านศักยภาพร่างกายเลยแม้แต่น้อย

การที่เย่เลี่ยนเลือกทางเส้นนี้ สำหรับหลิงม่อและคนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อับจนหนทาง พูดได้ว่าเป็นทางรอดเดียวที่มีอยู่

ปัญหามีอยู่เพียงข้อเดียว…

ระหว่างสัตว์ประหลาดพวกนั้น กับพวกหลิงม่อ ใครที่จะเร็วกว่ากันแน่?

แต่ในเวลานี้ ทุกคนไม่อยากคิดถึงปัญหาข้อนั้น…สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือต้องทำให้ดีที่สุดทุกย่างก้าว ทำอย่างนี้พวกเขาถึงจะมีชีวิตรอดออกไปได้…

“พวกเราช่วยรับช่วงต่ออยู่ข้างล่างได้นะ” ซย่าน่าเปิดปาก

สวี่ซูหานพยักหน้า “ใช่ พวกนายกระโดดไปตามทางนั้นอย่างสุดความสามารถก็พอแล้ว”

จางซินเฉิงแบกเจ้าลิงผอมขึ้นหลัง บอกว่า “ฉันจะแบกเขาปีนลงไปเอง”

“ในเมื่อมีการรับช่วงต่อ งั้นก็กระโดดลงไปกันเองเถอะ!” เย่ไคบอก

“ดี! ทุกคนอย่ามัวเสียเวลาเลย ลุย!” อวี่เหวินซวนตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็พ่นไฟออกมา และ “บิน” ไปที่หลังคาที่อยู่ข้างล่างก่อนเป็นคนแรก ตามมาติดๆ จางซินเฉิงพลิกตัวเกาะขอบผนังดาดฟ้า จากนั้นก็ไต่ลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วราวกับตุ๊กแกตีนไว ขณะที่อยู่ห่างจากหลังคาช่วงหนึ่ง เขาพลันดีดตัวกระโดดออกไป และยื่นมือคว้ารั้วกั้นบนหลังคาด้วยมือข้างเดียว

พอเห็นทั้งสามคนต่างลงไปอย่างปลอดภัย พวกเย่ไคก็เริ่มกระโดดลงไปตาม เหล่าซอมบี้สาวท่าทางผ่อนคลายไร้ที่เปรียบ แม้แต่เฮยซือก็ยังกระโดดด้วยตัวเอง ทำเอาพวกคนที่กระโดดลงไปก่อนต่างพากันตกอกตกใจ

หลิงม่อกำลังเตรียมตัวจะกระโดดลงไป แต่กลับพบว่ากู่ซวงซวงยังคงยืนอยู่ที่เดิม และมองลงไปข้างล่างด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด ร่างกายสั่นเทาเบาๆ เมื่อกี้ทุกคนมวแต่รีบกระโดดลงไป กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ…

“เธอกลัวความสูงหรอ?” หลิงม่อถาม

“นะ…นิดหน่อย…มะ…เมื่อก่อน…ฉันไม่เคยนั่งเครื่องเล่นผาดโผนเลย” อยู่ๆ กู่ซวงซวงก็พูดนอกเรื่อง พอเห็นหลิงม่อไม่พูดอะไร เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะความกระอักกระอ่วน รีบยกมือโบกไปมา “จริงๆ นะ…ฉะ…ฉันไม่กล้ากระโดด…ขอโทษนะ…ฉัน…”

“ไม่เป็นไร” หลิงม่อตัดบท เขาเดินไปโอกบเธอไว้ในอ้อมอก กู่ซวงซวงเบิกตากว้าง ได้ยินเสียงคำถามจากหลิงม่อที่ดังอยู่บนหัว “เธอกรี๊ดดังไหม?”

“อะ…อะไรนะ?”

“ถ้าหากกลังความสูง เวลานั่งชิงช้าอยู่กลางอากาศ เธอน่าจะกรี๊ดออกมาสินะ?” หลิงม่อถาม

กู่ซวงซวงยังคงจมอยู่ในห้วงความเขินอาย เธอถามอย่างงุนงง “นั่ง…ชิงช้าอะไร?”

“ไม่เป็นไร เธอกรี๊ดออกมาให้สุดเสียงก็พอ เริ่มแล้วนะ!” หลิงม่อยังพูดไม่ทันจบ ก็พากู่ซวงซวงก้าวขึ้นไปเหยียบขอบดาดฟ้า และในขณะที่กู่ซวงซวงยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็พาเธอกระโดดไปข้างหน้าทันที

“กรี๊ดดดดดดดดด!”

กู่ซวงซวงตกใจจนหลับตาโดยอัตโนมัติ และกรี๊ดเสียงดังสุดชีวิต ชั่วขณะหนึ่ง ไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดที่กำลังปีนป่ายขึ้นมาเหล่านั้น แม้แต่เหล่าสัตว์ประหลาดและซอมบี้ที่อยู่บนถนน ก็ยังพากันเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

หลิงม่อพากู่ซวงซวงแกว่งไกวไปมากลางอากาศ ในขณะที่เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องอยู่อย่างนั้นไม่หยุด

“โครม!”

ทันใดนั้น หน้าต่างบานหนึ่งบนอาคารพลันแตกกระจาย สัตว์ประหลาดที่มีแต่ไอหมอกมืดปกคลุมทั่วตัวชะโงกร่างกายท่อนบนออกมาจากในนั้น และเปล่งเสียงคำรามใส่หลิงม่อกับกู่ซวงซวง “โฮกกก!”

“ฮ่าๆ…” ขณะนั้น หลิงม่อกับกู่ซวงซวงกำลังลอยกลับไปและผ่านหน้ามันไปพอดี ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเธอ หลิงม่อยกเท้าถีบหน้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างเต็มแรง แรงเหวี่ยงที่เกิดจากการแกว่งไกวไปมาหลายรอบทำให้มันถูกถีบกระเด็นออกไป และกระทแกเข้ากับสัตว์ประหลาดหลายตัวที่อยู่ข้างหลัง

ก่อนที่ทั้งสองจะลอยเข้าใกล้หน้าต่างบานนั้น ร่างกายของพวกเขาถูกกระชากลอยกลับไปที่หลังคาอาคารหลังนั้นทันที

“โฮกก โฮกกกก!”

สัตว์ประหลาดอีกหลายตัวชะโงกตัวออกมาจากหน้าต่าง ยื่นมือออกมาหมายจะไขว่คว้าตัวพวกขา…แต่ขณะที่พวกมันกำลังกวัดแกว่งกรงเล็บแหลมคม หลิงม่อกับกู่ซวงซวงได้ทิ้งเท้าลงบนหลังคาเรียบร้อยแล้ว

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องกรี๊ดแล้ว สัตว์ประหลาดพวกนั้นยอมแพ้ต่อบริสัทลอว์สันแล้วล่ะ” หลิงม่อยกมือตบไหล่กู่ซวงซวงที่กอดเขาแน่น พลางบอก

เขามาถึงได้ไม่นาน แต่กลับได้รับสายตาที่แฝงความนัยหลายคู่พร้อมกัน…หนึ่งในนั้นยังรวมถึงสวี่ซูหานอีกด้วย เพียงแต่ผู้ประกาศข่าวคนนี้พอสบตากับเขา ก็รีบหันหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กลับเป็นพวกเย่เลี่ยนที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลน แม้แต่อวี๋ซือหรานกับเฮยซือก็ยังไม่สนใจเรื่องนี้ ดูเหมือนขอเพียงไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน พวกเธอก็คงไม่นับว่าเป็น “คู่ต่อสู้ที่อันตราย” สินะ…ซย่าน่าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่พอเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเขา เธอก็อดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาไม่ได้ แถมยังเมินสายตาขอความช่วยเหลือของเขาอีก…

“ซย่าน่า!” หลิงม่อคำรามในใจ จากนั้นก็หันไปบอกกับกู่ซวงซวงอีกครั้งว่า “ตอนนี้โอเคแล้ว…”

ในที่สุดกู่ซวงซวงก็หยุดร้อง เธอค่อยๆ ปล่อยมือออก ลืมตาแล้วมองไปรอบตัว ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอกลับกระโดดเข้ามากอดเขาแน่น แล้วตะโกนเสียงดัง “มันส์สุดๆ ไปเลย!”

“หา?” ตอนแรกหลิงม่อเตรียมปลอบเธอเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอกลับโพล่งออกมาอย่างนี้

“มันส์มาก มันส์สุดๆ! เมื่อกี้พวกเราบินอยู่เหนือหัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นใช่ไหม! พวกมันกำลังมองมาที่พวกเราใช่ไหม! กรี๊ดดดด…”

หลิงม่อพยายามดิ้นอย่างอึดอัดสองสามที พลางเบิกตากว้างมองไปทางพวกมู่เฉิน

มู่เฉินส่ายหน้าเงียบๆ แล้วขยับปากให้เขาอ่าน “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ…นายจัดการเอาเองแล้วกัน…”

ทว่าหลังผ่านไปสองวินาที กู่ซวงซวงก็หน้าแดงแปร๊ดได้สติกลับมา เธอสะดุ้งสุดขีดปล่อยหลิงม่อออก แล้วพูดเสียงค่อย “ขอโทษที…”

“อะแฮ่ม…ออกเดินทางกันเถอะ” หลิงม่อกระแอมแห้งๆ หนึ่งที แล้วพูดขึ้น เขาเลื่อนสายตามองผ่านกู่ซวงซวงอย่างไม่ตั้งใจ กลับเห็นเธอแอบช้อนตามองตัวเองเงียบๆ ก็อดอึ้งงันไปชั่วขณะไม่ได้ ทว่าไม่นาน เขาก็รีบละสายตาออกไป จากนั้นก็ยกมือนวดหว่างคิ้วอย่างนึกปวดหัว…คราวหลังก่อนจะคิดแผนอย่างนี้ขึ้นมา ต้องรอบคอบให้มากกว่านี้…

เป็นไปตามที่หลิงม่อคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของกู่ซวงซวง สัตว์ประหลาดและซอมบี้พวกนั้นต่างหันมาสนใจอาคารหลังนั้นแทน ฉวยโอกาสตอนที่สัตว์ประหลาดบางส่วนปีนขึ้นมาถึงกลางอากาศ และสัตว์ประหลาดอีกส่วนมากเข้าไปในอาคารหลังนั้นแล้ว พวกหลิงม่อวิ่งไปยังดาดฟ้าของอาคารที่อยู่ติดกันอีกหลังอย่างรวดเร็ว…

ทว่าเนื่องจากเวลากระชั้นชิด คราวนี้พวกเขาไม่อาจใช้วิธีปิดกั้นทางเดินในตึกเพื่อสกัดสัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่ให้ขึ้นมาบนดาดฟ้าได้แล้ว ดังนั้นพวกหลิงม่อจึงกระโดดไปยังอาคารอีกหลังอย่างไม่หยุดพัก และบนดาดฟ้าที่พวกเขาเพิ่งวิ่งผ่านไป เหล่าสัตว์ประหลาดผลักประตูและพรั่งพรูออกมา กระจายตัวและเบียดเสียดกันอยู่เต็มดาดฟ้าในชั่วพริบตา ซ้ำพวกมันยังทยอยกันกระโดดข้ามไปยังดาดฟ้าข้างๆ อย่างรวดเร็ว…

ทว่าเหล่าสัตว์ประหลาดและซอมบี้ส่วนมากก็ยังคงถูกทิ้งไว้บนผนังตึกและในอาคารข้างหลัง ดังนั้นหากกระโดดข้ามดาดฟ้าอาคารไปเรื่อยๆ สัตว์ประหลาดที่วิ่งไล่ตามพวกหลิงม่อมาก็จะลดจำนวนลงเรื่อยๆ…

“หนีไปแล้วหรอ?” บนถนนที่อยู่ไกลออกไป ฝาท่อใบหนึ่งถูกเปิดออกเป็นช่องแคบๆ เผยให้เห็นดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งที่มองลอดออกมา “ไม่เป็นไร…ครั้งหน้า…พวกเราต้องได้เจอกันอีก”

หลังจากมองไปยังทิศที่พวกหลิงม่อหนีไปอีกครู่หนึ่ง ฝาม่อแผ่นนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนกลับที่เดิม และดวงตาคู่นั้น ก็ได้หายลับลงไปใต้ดิน…และภาพนี้สำหรับหลิงม่อ ความจริงมันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว…เพียงแต่ ครั้งที่แล้วเขาไม่รู้ และครั้ง เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน…

บนถนนที่อยู่ไกลออกไปอีกเส้น เงาร่างหนึ่งก็กำลังยืนอยู่บนอาคารรกร้างวังเวงเช่นกัน ดวงตาเหม่อลอยของเธอราวกับจับจ้องไปยังทิศเดียวเสมอ และบนใบหน้างามละเอียดราวตุ๊กตากับสองมือของเธอ กลับมีเลือดเลอะติดอยู่มากมาย…แต่ถึงแม้อย่างนั้น เธอในตอนนี้ก็ยังดูไม่น่ากลัวหรือมีพิษภัยอะไรอยู่ดี…

ทว่าด้านหลังเธอ ข้างในระเบียงที่เธอกำลังอยู่ ในห้องโถงทั้งห้อง…ศพของซอมบี้หลายสิบตัวกลับนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น และตรงท้ายทอยของศพเหล่านั้น ก็ล้วนแต่มีแผลเหวอะหวะทุกตัว…

เงาร่างนั้นนั่งอยู่บนรั้วระเบียง แกว่งสองเท้าไปมากลางอากาศ เธอเลียคราบเลือดบนนิ้ว พลางทอดมองออกไปในระดับสายตาของคอนโดที่สูงหลายสิบชั้น…สายตาของเธอราวกับมองทะลุเมืองร้างและทุ่งหญ้ารกชัฏที่อยู่ข้างล่าง ทอดมองออกไปยังที่ที่อยู่ไกลแสนไกล…

“หลิงม่อ…”

————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1037 อย่าดูถูกอานุภาพของเสียงกรี๊ด

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1037 อย่าดูถูกอานุภาพของเสียงกรี๊ด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เร็วขนาดนี้เชียวหรอ?”

หลิงม่อรีบพุ่งตัวไปที่ขอบดาดฟ้า แล้วมองลงไปข้างล่าง

บนถนนมีอสุรกายนรกและซอมบี้ยืนเบียดเสียดเต็มไปหมด พวกมันสู้กันเอว พลางแข่งกันเบียดตัวเข้ามาในตัวอาคาร สัตว์ประหลาดบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าทางประตูถึงขั้นปีนป่ายตามผนังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คำนวณจากความสูงของอาคารหลังนี้แล้ว อย่างมากไม่กี่สิบวินาทีหลังจากนี้ กรงเล็บของสัตว์ประหลาดฝูงแรกก็จะมาปรากฏตรงหน้าตำแหน่งที่หลิงม่อยืนอยู่แล้ว…

“นี่มันจะมีเยอะเกินไปหรือเปล่า…” พวกมู่เฉินทยอยเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า หลังจากเห็นภาพที่ชวนขวัญหายนี้เข้า ทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียด ถ้าหากถูกสัตว์ประหลาดพวกนี้จับตัวได้…ถึงแม้เพียงหนึ่งวินาที สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญต่อจากนั้น ก็คือสัตว์ประหลาดที่แห่กันมาไม่ขาดสายเป็นร้อยเป็นพันตัว…และในสถานการณ์อย่างนั้น ก็ไม่มีใครมั่นใจว่าตัวเองจะยังรอดไปได้

“อย่ามัวแต่อึ้งอยู่เลย พวกเรารีบถอยเร็ว” หลิงม่อละสายตาออกมาทันที พลางบอกว่า “ปิดประตูดีหรือยัง? บันไดล่ะ!”

“จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว อย่างน้อยภายในห้าวินาทีหลังจากที่พวกมันขึ้นมาถึงชั้นบนสุด น่าจะยังไม่สามารถขึ้นมาบนดาดฟ้าได้” เย่ไคตอบ

“แค่นั้นก็พอแล้ว! เด็กโง่!” หลิงม่อหันไปมองเย่เลี่ยน

เย่เลี่ยนพยักหน้าอย่างรู้หน้าที่ เธอพาทุกคนวิ่งไปยังอีกฝั่งของดาดฟ้า หากมองลงไปข้างล่างจากตรงนี้ สามารถมองเห็นอาคารอีกหลังได้จริงๆ เพียงแต่ความสูงระหว่างอาคารสองหลังห่างกันเกือบสิบเมตร ความกว้างก็ห่างประมาณห้าเมตรขึ้นไป ถึงแม้สุดท้ายกระโดดถึงพื้นอย่างปลอดภัย แต่บริเวณที่สามารถกระโดดข้ามไปได้ก็มีแต่ตำแหน่งที่เป็นสามเหลี่ยมบนหลังคาเท่านั้น ในสถานการณ์อย่างนี้ หากคนธรรมดาต้องการกระโดดข้ามไป ต้องใช้ความกล้าไม่น้อย

ทว่าเมื่อมีสัตว์ประหลาดนับพันตัวล้อมอยู่รอบอาคาร ความกล้าดังกล่าวนี้ก็ไม่ต้องการเวลาในการเตรียมใจอีกแล้ว และหลังจากที่กระโดดข้ามไปที่หลังคานั้นแล้ว ก็จะสามารถวิ่งไปยังอาคารอีกหลังได้…อาคารที่อยู่ถัดไปล้วนเป็นบ้านเรือนที่อยู่ติดกัน ซึ่งระยะห่างไม่ได้เป็นปัญหากับทีมที่มีสมาชิกเป็นซอมบี้หรือผู้มีพลังพิเศษด้านศักยภาพร่างกายเลยแม้แต่น้อย

การที่เย่เลี่ยนเลือกทางเส้นนี้ สำหรับหลิงม่อและคนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อับจนหนทาง พูดได้ว่าเป็นทางรอดเดียวที่มีอยู่

ปัญหามีอยู่เพียงข้อเดียว…

ระหว่างสัตว์ประหลาดพวกนั้น กับพวกหลิงม่อ ใครที่จะเร็วกว่ากันแน่?

แต่ในเวลานี้ ทุกคนไม่อยากคิดถึงปัญหาข้อนั้น…สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือต้องทำให้ดีที่สุดทุกย่างก้าว ทำอย่างนี้พวกเขาถึงจะมีชีวิตรอดออกไปได้…

“พวกเราช่วยรับช่วงต่ออยู่ข้างล่างได้นะ” ซย่าน่าเปิดปาก

สวี่ซูหานพยักหน้า “ใช่ พวกนายกระโดดไปตามทางนั้นอย่างสุดความสามารถก็พอแล้ว”

จางซินเฉิงแบกเจ้าลิงผอมขึ้นหลัง บอกว่า “ฉันจะแบกเขาปีนลงไปเอง”

“ในเมื่อมีการรับช่วงต่อ งั้นก็กระโดดลงไปกันเองเถอะ!” เย่ไคบอก

“ดี! ทุกคนอย่ามัวเสียเวลาเลย ลุย!” อวี่เหวินซวนตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็พ่นไฟออกมา และ “บิน” ไปที่หลังคาที่อยู่ข้างล่างก่อนเป็นคนแรก ตามมาติดๆ จางซินเฉิงพลิกตัวเกาะขอบผนังดาดฟ้า จากนั้นก็ไต่ลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วราวกับตุ๊กแกตีนไว ขณะที่อยู่ห่างจากหลังคาช่วงหนึ่ง เขาพลันดีดตัวกระโดดออกไป และยื่นมือคว้ารั้วกั้นบนหลังคาด้วยมือข้างเดียว

พอเห็นทั้งสามคนต่างลงไปอย่างปลอดภัย พวกเย่ไคก็เริ่มกระโดดลงไปตาม เหล่าซอมบี้สาวท่าทางผ่อนคลายไร้ที่เปรียบ แม้แต่เฮยซือก็ยังกระโดดด้วยตัวเอง ทำเอาพวกคนที่กระโดดลงไปก่อนต่างพากันตกอกตกใจ

หลิงม่อกำลังเตรียมตัวจะกระโดดลงไป แต่กลับพบว่ากู่ซวงซวงยังคงยืนอยู่ที่เดิม และมองลงไปข้างล่างด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด ร่างกายสั่นเทาเบาๆ เมื่อกี้ทุกคนมวแต่รีบกระโดดลงไป กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ…

“เธอกลัวความสูงหรอ?” หลิงม่อถาม

“นะ…นิดหน่อย…มะ…เมื่อก่อน…ฉันไม่เคยนั่งเครื่องเล่นผาดโผนเลย” อยู่ๆ กู่ซวงซวงก็พูดนอกเรื่อง พอเห็นหลิงม่อไม่พูดอะไร เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะความกระอักกระอ่วน รีบยกมือโบกไปมา “จริงๆ นะ…ฉะ…ฉันไม่กล้ากระโดด…ขอโทษนะ…ฉัน…”

“ไม่เป็นไร” หลิงม่อตัดบท เขาเดินไปโอกบเธอไว้ในอ้อมอก กู่ซวงซวงเบิกตากว้าง ได้ยินเสียงคำถามจากหลิงม่อที่ดังอยู่บนหัว “เธอกรี๊ดดังไหม?”

“อะ…อะไรนะ?”

“ถ้าหากกลังความสูง เวลานั่งชิงช้าอยู่กลางอากาศ เธอน่าจะกรี๊ดออกมาสินะ?” หลิงม่อถาม

กู่ซวงซวงยังคงจมอยู่ในห้วงความเขินอาย เธอถามอย่างงุนงง “นั่ง…ชิงช้าอะไร?”

“ไม่เป็นไร เธอกรี๊ดออกมาให้สุดเสียงก็พอ เริ่มแล้วนะ!” หลิงม่อยังพูดไม่ทันจบ ก็พากู่ซวงซวงก้าวขึ้นไปเหยียบขอบดาดฟ้า และในขณะที่กู่ซวงซวงยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็พาเธอกระโดดไปข้างหน้าทันที

“กรี๊ดดดดดดดดด!”

กู่ซวงซวงตกใจจนหลับตาโดยอัตโนมัติ และกรี๊ดเสียงดังสุดชีวิต ชั่วขณะหนึ่ง ไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดที่กำลังปีนป่ายขึ้นมาเหล่านั้น แม้แต่เหล่าสัตว์ประหลาดและซอมบี้ที่อยู่บนถนน ก็ยังพากันเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

หลิงม่อพากู่ซวงซวงแกว่งไกวไปมากลางอากาศ ในขณะที่เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องอยู่อย่างนั้นไม่หยุด

“โครม!”

ทันใดนั้น หน้าต่างบานหนึ่งบนอาคารพลันแตกกระจาย สัตว์ประหลาดที่มีแต่ไอหมอกมืดปกคลุมทั่วตัวชะโงกร่างกายท่อนบนออกมาจากในนั้น และเปล่งเสียงคำรามใส่หลิงม่อกับกู่ซวงซวง “โฮกกก!”

“ฮ่าๆ…” ขณะนั้น หลิงม่อกับกู่ซวงซวงกำลังลอยกลับไปและผ่านหน้ามันไปพอดี ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเธอ หลิงม่อยกเท้าถีบหน้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างเต็มแรง แรงเหวี่ยงที่เกิดจากการแกว่งไกวไปมาหลายรอบทำให้มันถูกถีบกระเด็นออกไป และกระทแกเข้ากับสัตว์ประหลาดหลายตัวที่อยู่ข้างหลัง

ก่อนที่ทั้งสองจะลอยเข้าใกล้หน้าต่างบานนั้น ร่างกายของพวกเขาถูกกระชากลอยกลับไปที่หลังคาอาคารหลังนั้นทันที

“โฮกก โฮกกกก!”

สัตว์ประหลาดอีกหลายตัวชะโงกตัวออกมาจากหน้าต่าง ยื่นมือออกมาหมายจะไขว่คว้าตัวพวกขา…แต่ขณะที่พวกมันกำลังกวัดแกว่งกรงเล็บแหลมคม หลิงม่อกับกู่ซวงซวงได้ทิ้งเท้าลงบนหลังคาเรียบร้อยแล้ว

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องกรี๊ดแล้ว สัตว์ประหลาดพวกนั้นยอมแพ้ต่อบริสัทลอว์สันแล้วล่ะ” หลิงม่อยกมือตบไหล่กู่ซวงซวงที่กอดเขาแน่น พลางบอก

เขามาถึงได้ไม่นาน แต่กลับได้รับสายตาที่แฝงความนัยหลายคู่พร้อมกัน…หนึ่งในนั้นยังรวมถึงสวี่ซูหานอีกด้วย เพียงแต่ผู้ประกาศข่าวคนนี้พอสบตากับเขา ก็รีบหันหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กลับเป็นพวกเย่เลี่ยนที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลน แม้แต่อวี๋ซือหรานกับเฮยซือก็ยังไม่สนใจเรื่องนี้ ดูเหมือนขอเพียงไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน พวกเธอก็คงไม่นับว่าเป็น “คู่ต่อสู้ที่อันตราย” สินะ…ซย่าน่าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่พอเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเขา เธอก็อดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาไม่ได้ แถมยังเมินสายตาขอความช่วยเหลือของเขาอีก…

“ซย่าน่า!” หลิงม่อคำรามในใจ จากนั้นก็หันไปบอกกับกู่ซวงซวงอีกครั้งว่า “ตอนนี้โอเคแล้ว…”

ในที่สุดกู่ซวงซวงก็หยุดร้อง เธอค่อยๆ ปล่อยมือออก ลืมตาแล้วมองไปรอบตัว ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอกลับกระโดดเข้ามากอดเขาแน่น แล้วตะโกนเสียงดัง “มันส์สุดๆ ไปเลย!”

“หา?” ตอนแรกหลิงม่อเตรียมปลอบเธอเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอกลับโพล่งออกมาอย่างนี้

“มันส์มาก มันส์สุดๆ! เมื่อกี้พวกเราบินอยู่เหนือหัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นใช่ไหม! พวกมันกำลังมองมาที่พวกเราใช่ไหม! กรี๊ดดดด…”

หลิงม่อพยายามดิ้นอย่างอึดอัดสองสามที พลางเบิกตากว้างมองไปทางพวกมู่เฉิน

มู่เฉินส่ายหน้าเงียบๆ แล้วขยับปากให้เขาอ่าน “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ…นายจัดการเอาเองแล้วกัน…”

ทว่าหลังผ่านไปสองวินาที กู่ซวงซวงก็หน้าแดงแปร๊ดได้สติกลับมา เธอสะดุ้งสุดขีดปล่อยหลิงม่อออก แล้วพูดเสียงค่อย “ขอโทษที…”

“อะแฮ่ม…ออกเดินทางกันเถอะ” หลิงม่อกระแอมแห้งๆ หนึ่งที แล้วพูดขึ้น เขาเลื่อนสายตามองผ่านกู่ซวงซวงอย่างไม่ตั้งใจ กลับเห็นเธอแอบช้อนตามองตัวเองเงียบๆ ก็อดอึ้งงันไปชั่วขณะไม่ได้ ทว่าไม่นาน เขาก็รีบละสายตาออกไป จากนั้นก็ยกมือนวดหว่างคิ้วอย่างนึกปวดหัว…คราวหลังก่อนจะคิดแผนอย่างนี้ขึ้นมา ต้องรอบคอบให้มากกว่านี้…

เป็นไปตามที่หลิงม่อคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของกู่ซวงซวง สัตว์ประหลาดและซอมบี้พวกนั้นต่างหันมาสนใจอาคารหลังนั้นแทน ฉวยโอกาสตอนที่สัตว์ประหลาดบางส่วนปีนขึ้นมาถึงกลางอากาศ และสัตว์ประหลาดอีกส่วนมากเข้าไปในอาคารหลังนั้นแล้ว พวกหลิงม่อวิ่งไปยังดาดฟ้าของอาคารที่อยู่ติดกันอีกหลังอย่างรวดเร็ว…

ทว่าเนื่องจากเวลากระชั้นชิด คราวนี้พวกเขาไม่อาจใช้วิธีปิดกั้นทางเดินในตึกเพื่อสกัดสัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่ให้ขึ้นมาบนดาดฟ้าได้แล้ว ดังนั้นพวกหลิงม่อจึงกระโดดไปยังอาคารอีกหลังอย่างไม่หยุดพัก และบนดาดฟ้าที่พวกเขาเพิ่งวิ่งผ่านไป เหล่าสัตว์ประหลาดผลักประตูและพรั่งพรูออกมา กระจายตัวและเบียดเสียดกันอยู่เต็มดาดฟ้าในชั่วพริบตา ซ้ำพวกมันยังทยอยกันกระโดดข้ามไปยังดาดฟ้าข้างๆ อย่างรวดเร็ว…

ทว่าเหล่าสัตว์ประหลาดและซอมบี้ส่วนมากก็ยังคงถูกทิ้งไว้บนผนังตึกและในอาคารข้างหลัง ดังนั้นหากกระโดดข้ามดาดฟ้าอาคารไปเรื่อยๆ สัตว์ประหลาดที่วิ่งไล่ตามพวกหลิงม่อมาก็จะลดจำนวนลงเรื่อยๆ…

“หนีไปแล้วหรอ?” บนถนนที่อยู่ไกลออกไป ฝาท่อใบหนึ่งถูกเปิดออกเป็นช่องแคบๆ เผยให้เห็นดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งที่มองลอดออกมา “ไม่เป็นไร…ครั้งหน้า…พวกเราต้องได้เจอกันอีก”

หลังจากมองไปยังทิศที่พวกหลิงม่อหนีไปอีกครู่หนึ่ง ฝาม่อแผ่นนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนกลับที่เดิม และดวงตาคู่นั้น ก็ได้หายลับลงไปใต้ดิน…และภาพนี้สำหรับหลิงม่อ ความจริงมันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว…เพียงแต่ ครั้งที่แล้วเขาไม่รู้ และครั้ง เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน…

บนถนนที่อยู่ไกลออกไปอีกเส้น เงาร่างหนึ่งก็กำลังยืนอยู่บนอาคารรกร้างวังเวงเช่นกัน ดวงตาเหม่อลอยของเธอราวกับจับจ้องไปยังทิศเดียวเสมอ และบนใบหน้างามละเอียดราวตุ๊กตากับสองมือของเธอ กลับมีเลือดเลอะติดอยู่มากมาย…แต่ถึงแม้อย่างนั้น เธอในตอนนี้ก็ยังดูไม่น่ากลัวหรือมีพิษภัยอะไรอยู่ดี…

ทว่าด้านหลังเธอ ข้างในระเบียงที่เธอกำลังอยู่ ในห้องโถงทั้งห้อง…ศพของซอมบี้หลายสิบตัวกลับนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น และตรงท้ายทอยของศพเหล่านั้น ก็ล้วนแต่มีแผลเหวอะหวะทุกตัว…

เงาร่างนั้นนั่งอยู่บนรั้วระเบียง แกว่งสองเท้าไปมากลางอากาศ เธอเลียคราบเลือดบนนิ้ว พลางทอดมองออกไปในระดับสายตาของคอนโดที่สูงหลายสิบชั้น…สายตาของเธอราวกับมองทะลุเมืองร้างและทุ่งหญ้ารกชัฏที่อยู่ข้างล่าง ทอดมองออกไปยังที่ที่อยู่ไกลแสนไกล…

“หลิงม่อ…”

————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+