แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกจะดันทุรังมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้…แต่แกจะมองไม่เห็นความหวังอะไรอีกต่อไป คนที่แกรู้จักจะตายจากไปทั้งหมด รวมถึงคนพวกนั้นที่อยู่กับแกด้วย ซอมบี้พวกนั้น ตอนนี้พวกเธอยังสื่อสารกับแกได้สินะ? หึหึ วางใจเถอะ อีกไม่นานพวกเธอจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว…เพื่อที่จะทำให้พวกเธอมีชีวิตต่อไป แกทำได้แค่ช่วยพวกเธอให้วิวัฒนาการไปเรื่อยๆ แต่การวิวัฒนาการกลับเป็นเหมือนเส้นทางสู่ความตายที่ไม่อาจหวนคืนสำหรับพวกแก…”

“ยิ่งพวกเธอแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่เหมือนมนุษย์ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น…แกคิดว่ามนุษย์ยักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลตัวหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกับมนุษย์ไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าชื่อของพวกมันมีคำว่ามนุษย์อยู่ด้วยก็ตาม? ไม่สิ นี่เป็นเพียงจินตนาการของมนุษย์ แกไม่เห็นหรอว่าหลังจากที่มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ พวกมันทำยังไงกับคนที่เคยเป็นเพื่อนในอดีต? แกน่าจะรู้ดีแก่ใจว่าพวกมันมองมนุษย์เป็นอะไร”

“แต่ถ้าหากว่าแกยอมมอบตัวเองให้ฉัน…ฉันก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งยิ่งกว่า ถึงแม้ในอนาคตอันใกล้เมื่อเหล่าปีศาจและตัวประหลาดลุกขึ้นมาผงาดโลดโผน พวกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง…แกสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แล้วฉันก็จะช่วยพวกเขาให้อยู่ต่อไป…อีกอย่างฉันเคยบอกแล้ว วิธีกลืนกินของฉันไม่เหมือนแก แกจะไม่ตาย…”

พูดถึงตรงนี้ “กู่ซวงซวง” ก็ยิ้มประหลาดให้เขา “ถ้าหากตอนนี้แกยังตัดสินใจไม่ได้ งั้น…ไม่รู้ว่านี่จะช่วยแกได้ไหม…”

เธอพลันยื่นมือออกมา จากนั้นก็แทงเข้าที่ท้องตัวเอง เมื่อสีหน้าเจ็บปวดเผยออกมา “กู่ซวงซวง” กลับหัวเราะเสียงดัง “เห็นหรือยัง? เธอตายแล้ว…เธอใกล้จะตายแล้ว…แต่ถึงเธอจะไม่ตายตอนนี้แล้วยังไงล่ะ? ช้าเร็วเธอก็ต้องลิ้มรสความเจ็บปวดที่แสนสาหัสกว่านี้…นี่ไม่ใช่แค่จุดจบของเธอคนเดียว และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแก…ถ้าหากว่าแกยอมแพ้ตอนนี้ ฉันก็จะหยุดทันที…”

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางคลองสายตาอันมืดมิด หลิงม่อพลันมองเห็นภาพหนึ่งทันใด…

เงาร่างดำทะมึนเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากทางเลี้ยว และปรากฏตัวอยู่ข้างหลังพวกเขา…

“เดี๋ยว…เฮยซือ รีบถอยเร็ว มันไม่ได้มองข้ามพวกเธอ มันกำลังจะโจมตีพวกเธอแล้ว! แต่ว่า อาศัยการตอบสนองของเฮยซือ คงไม่มีทางถูกซุ่มโจมตี…”

หลิงม่อเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเย่ไคหันกลับมาตะโกนบอก “ทุกคนดูนั่น ข้างหลังเหมือนมีคนอยู่!”

เดิมทีเฮยซือสังเกตถึงความผิดปกติข้างหลังได้ก่อนแล้ว ได้ยินจึงหันไปมอง…

แต่ในขณะที่พวกมู่เฉินกำลังหันไปมอง เฮยซือกลับเหมือนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบหันกลับมา และในตอนนี้เองที่หลิงม่อมองเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่เคลือบอยู่บนใบหน้าของเย่ไค…

“ไม่นะ…ไม่…”

“กรี๊ดดดดด!”

หลิงม่ออึ้งงัน “ถุง” ในมือพลันถูกบีบจนแตก

เมื่อเสียงกรีดร้องหนึ่งดังมา หลิงม่อก็พลันได้สติทันใด พอมองไปที่ “กู่ซวงซวง” อีกครั้ง เขากลับมองเห็นเงาของใครอีกคนอยู่ในดวงตาคู่นั้น…

“เป็นเธอ!” หลิงม่อตวาดลั่น พลันรีบหันไปมองข้างหลัง

ทว่า…ในทางเดินอันว่างเปล่า กลับไร้ซึ่งเงาของผู้ใด…

หลิงม่อใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง รีบหันหน้ากลับมา

แต่ครั้งนี้ แม้แต่ “กู่ซวงซวง” ก็หายไปด้วยเช่นกัน…

ทว่าเสียงกรีดร้องเมื่อกี้ เหมือนเป็นเสียงของเธอ…

“แฮ่ก…แฮ่ก…” หลิงม่อมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็หอบหายใจถี่ระรัว

แต่ในตอนนี้เอง เขาพลันค้นพบว่าในฝ่ามือของเขาได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว…

เดี๋ยวก่อน เหงื่อ?! เขาจะมีเหงื่อได้ยังไง?

หลิงม่อรีบก้มหน้ามองพิจารณาตัวเองทันที…นี่ไม่ใช่ร่างดวงจิต แต่เป็นร่างจริงของเขา!

กระทั่งแม้แต่บนพื้น…ก็ไม่มีร่างสลบไสลของเจ้าลิงผอมอยู่แล้ว…

ในทางเดินมีแต่ความมืดมิด ประตูห้องสองข้างทางเปิดแง้ม สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไม่ขาดสาย ส่งผลให้หลิงม่ออดรู้สึกขนลุกไม่ได้…ทันใดนั้นเขาหันไปมองด้านหลัง แล้วก็ค้นพบอย่างตกตะลึงว่าตัวเองยืนอยู่ตรงทางเข้าของอาคารหอพัก! ประตูบานนั้น กลับอยู่แค่ข้างหลังเขา…

อย่าว่าแต่ชั้นสองเลย เขายังไม่เคยเดินขึ้นบันไดไปเลยด้วยซ้ำ…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะควบคุมหุ่นดวงจิตไปหากู่ซวงซวง หรือช่วยชีวิตเจ้าลิงผอมเลย…

“นี่มันอะไรกัน?” หลิงม่อพูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตื่นจากความสับสนวุ่นวาย…

นี่คือ…การสะกดจิต…

นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเหยียบเข้ามาในอาคารก่อสร้างหลังนี้ เขาก็ได้ตกอยู่ในการโจมตีทางจิตของอีกฝ่าย ซึ่งก็คือการสะกดจิตนั่นเอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระหว่างนั้น ล้วนดำเนินอยู่ในสมองของเขา…และการปรากฏตัวครั้งแล้วครั้งเล่าของอีกฝ่าย จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือสะกดจิตจิตตานุภาพของเขา…

และพอวิธีนี้ไม่ได้ผล อีกฝ่ายก็เริ่มสะกดจิต “ความฝัน” ของเขา…เพียงแต่สิ่งที่อีกฝ่ายคิดไม่ถึงก็คือ หลิงม่อไม่เพียงมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการอยู่รอดมาโดยตลอด แต่จะยังคงเป็นอย่างนั้นไปตลอด…ในขณะที่ทีมของเขาใกล้เผชิญหน้ากับความตาย เขาไม่ได้สิ้นหวัง แต่กลับกำ “ระเบิด” ในมือแน่นจนมันแตก และเหล่าดวงแสงพลังจิตเล็กๆ ที่หลิงม่อรวบรวมไว้ ก็คือแผนสำรองที่หลิงม่อเตรียมไว้ให้ตัวเองในจิตใต้สำนึกส่วนลึก และเป็นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดของ “ความฝัน”…

เมื่อ “ระเบิด” ปะทุ การสะกดจิตของซอมบี้ร่างแม่ก็ล้มเหลว…

“เท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมมันถึงได้พูดจาเหลวไหลไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจังได้…แต่ในคำพูดเหล่านั้นของมัน น่าจะมีประโยคหนึ่งที่เป็นความจริง นั่นก็คือวิธีการกลืนกินของมัน ต่างจากวิธีของเราโดยสิ้นเชิง…เราสามารถกลืนกินได้ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายไร้หนทางขัดขืน แต่มันกลับต้องรอโอกาส มีเพียงตอนที่เราเกิดความมุ่งมั่นอยากมีชีวิตรอด มันถึงสามารถฉวยโอกาสแทรกซึมเข้ามาได้…ใช่แล้ว เพราะอย่างนี้มันถึงไม่เคยลงมือโดยตรง! นี่สินะที่เขาเรียกว่าฆ่าคนไม่ทิ้งร่องรอย!

การแสดงของกู่ซวงซวง…ภาพที่เจ้าลิงผอมเกือบตายต่อหน้าต่อตาเขา…รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดหลังจากนั้น…ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน! และสาเหตุที่หลิงม่อสามารถแสดงพฤติกรรมต่อต้านต่างๆ ใน “ความฝัน” ได้ กระทั่งช่วยชีวิตเจ้าลิงผอม และทำลายแผนบางส่วนของอีกฝ่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…

พลังจิตของเขานั้นแข็งแกร่ง จิตตานุภาพแก่กล้า นี่ต่างหากคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้แผนการของอีกฝ่ายล้มเหลว…และสาเหตุที่เจ้าลิงผอมและกู่ซวงซวงถูก “จับตัวไป” เป็นไปได้มากว่าอาจถูกสะกดจิต…แม้แต่สัญลักษณ์เหล่านั้นที่กู่ซวงซวงทิ้งไว้บนพื้น ล้วนเป็นไปได้ว่าเธอวาดขึ้นในขณะถูกสะกดจิต

“หลงคิดว่าแกไม่มีตัวช่วยมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะทำแบบนี้ได้ด้วย…แต่มีเรื่องหนึ่งที่แกไม่รู้ คือเหตุผลที่แกใช้เกลี้ยกล่อมฉัน กลับเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฉันอยากยืนหยัดต่อไปจนถึงที่สุด…ดังนั้น จิตใต้สำนึกของฉัน ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด…”

เหล่าซอมบี้ที่ “อาจทิ้งเขาไป เมื่อวิวัฒนาการสูงขึ้นเรื่อยๆ” คือเหตุผลที่ทำให้เขาพยายามมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด…และเรื่องนี้…

“เหลวไหลทั้งเพ! ตอนนี้แม้แต่เอวของฉันก็กำลังวิวัฒนาการ ยังต้องกังวลว่าจะกำราบพวกเธอไม่ได้อีกหรอ?!” ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลิงม่อไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลแบบนี้แม้แต่น้อย! มีเพียงต้องวิวัฒนาการต่อไป…ถึงจะมีโอกาสฟื้นตัว…

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่หลังจากตื่นจากการสะกดจิต หลิงม่อยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง

เวลานี้ ด้านหลังของเขามีเสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่หลิง เป็นยังไงบ้าง สำรวจไปถึงไหนแล้ว?”

“อ๊ะ!”

หลิงม่อรีบหันกลับไป ปรากฏว่าเกือบชนสามสาวซอมบี้ที่กำลังชะโงกหน้าเข้ามาจ้องเขาอย่างสงสัย…

พวกซย่าน่าชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เห็นชัดๆ ว่าเมื่อกี้พวกเธอกำลังจ้องและสูดดมแผ่นหลังกับท้ายทอยของเขา…พอหลิงม่อหันไป พวกเธอกลับไม่คิดจะปิดบัง ซ้ำยังทำตาโต จ้องหลิงม่อตอบตรงๆ…

“ฮู่ว…”

พี่เป็นอะไรไป?” เย่เลี่ยนถาม

“ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลยล่ะ หรือว่าอาการปวดเอวกำเริบงั้นหรอ? ฉันช่วยนวดให้ไหม?” หลี่ย่าหลินคาดเดา ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปที่เอวของหลิงม่ออย่างไม่เกรงใจ “ได้ยินมาว่าสำหรับผู้ชาย ตรงนี้คือสวิตช์สารพัดประโยชน์ หากมีเรื่องไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกดสวิตช์นี้…”

“เดี๋ยวก่อนนะรุ่นพี่…ฉันว่า เหมือนพี่เขาจะถูกพวกเราทำให้ตกใจซะแล้ว…” ซย่าน่าพูดตรงที่สุด

มือของหลี่ย่าหลินชะงักกลางอากาศ “เรื่องนี้…สวิตช์ก็ช่วยไม่ได้หรอ?”

“นั่นมันไม่ใช่สวิตช์อะไรทั้งนั้น! อีกอย่างซย่าน่า…”

หลิงม่อกลอกตาขาว…ยัยเด็กคนนี้อะไรก็ดีทั้งนั้น เสียแต่ตรงที่ชอบพูดเรื่องจริงตรงเกินไป!

“คือว่า…ฉันไปสำรวจนานแค่ไหนแล้ว?” หลิงม่อถามคำถามประหลาด

“เมื่อกี้…”

“แค่แป๊บเดียว?”

“สามวิ” ซย่าน่าตอบอย่างชัดเจน

และในตอนนี้ เสียงของพวกมู่เฉินก็ดังมาจากที่ไม่ไกล…

“หัวหน้า ไม่เป็นไรใช่ไหม พอมาถึงที่นี่อยู่ๆ ก็ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พวกเราเรียกเท่าไหร่ก็ไม่หยุด แถมยังวิ่งไม่เหยียบเบรกมาจนถึงที่นี่…เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” คนที่จะถามแบบนี้ได้ ก็คงมีแต่มู่เฉินเท่านั้น ทว่าคนอื่นแม้ไม่พูดอะไร แต่กลับวิ่งมายืนรายล้อม และมองเขาอย่างเป็นห่วง

พอเห็นภาพนี้ หลิงม่อก็อดสบถในใจไม่ได้…ซอมบี้สาวสามตัวนี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆ! โดยเฉพาะรุ่นพี่…เธอโยงเรื่องที่เขาวิ่งเข้ามาในประตูอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้สามวินาที ว่าป็นเพราะอาการปวดเอวกำเริบได้ยังไง! นี่มันไม่เกี่ยวกันเลยซักนิดนะ!

แต่ว่า…พอคิดถึงท่าทางของพวกเธอตอนชะโงกหน้ามาหาเขา หลิงม่อก็อดยิ้มบางๆ ไม่ได้…

มนุษย์และซอมบี้พวกนี้ พวกเขาเพียงมีวิธีการแสดงออกถึงความห่วงใยที่ต่างกันเท่านั้น…และมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นบอกว่าพวกเธอจะมองเขาเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ถึงแม้เขาเป็นเหยื่อ แต่ก็เป็นเหยื่อที่พิเศษกว่าเหยื่อทั่วไป และสิ่งที่พวกเธอต้องการล่าจากเขา ก็มีเพียงสวิตช์ของเขาเท่านั้น…

หรือบางครั้งบางคราวก็หมกหมุ่นกับเนื้อของเขาเล็กน้อย…

“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร…” หลิงม่อยิ้มขมขื่น แล้วบอก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขาไม่คิดจะเล่าออกมาทั้งหมด…

ทว่าไม่นาน สีหน้าของหลิงม่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แต่ว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะเป็นในเร็วๆ นี้แหละ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกจะดันทุรังมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้…แต่แกจะมองไม่เห็นความหวังอะไรอีกต่อไป คนที่แกรู้จักจะตายจากไปทั้งหมด รวมถึงคนพวกนั้นที่อยู่กับแกด้วย ซอมบี้พวกนั้น ตอนนี้พวกเธอยังสื่อสารกับแกได้สินะ? หึหึ วางใจเถอะ อีกไม่นานพวกเธอจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว…เพื่อที่จะทำให้พวกเธอมีชีวิตต่อไป แกทำได้แค่ช่วยพวกเธอให้วิวัฒนาการไปเรื่อยๆ แต่การวิวัฒนาการกลับเป็นเหมือนเส้นทางสู่ความตายที่ไม่อาจหวนคืนสำหรับพวกแก…”

“ยิ่งพวกเธอแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่เหมือนมนุษย์ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น…แกคิดว่ามนุษย์ยักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลตัวหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกับมนุษย์ไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าชื่อของพวกมันมีคำว่ามนุษย์อยู่ด้วยก็ตาม? ไม่สิ นี่เป็นเพียงจินตนาการของมนุษย์ แกไม่เห็นหรอว่าหลังจากที่มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ พวกมันทำยังไงกับคนที่เคยเป็นเพื่อนในอดีต? แกน่าจะรู้ดีแก่ใจว่าพวกมันมองมนุษย์เป็นอะไร”

“แต่ถ้าหากว่าแกยอมมอบตัวเองให้ฉัน…ฉันก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งยิ่งกว่า ถึงแม้ในอนาคตอันใกล้เมื่อเหล่าปีศาจและตัวประหลาดลุกขึ้นมาผงาดโลดโผน พวกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง…แกสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แล้วฉันก็จะช่วยพวกเขาให้อยู่ต่อไป…อีกอย่างฉันเคยบอกแล้ว วิธีกลืนกินของฉันไม่เหมือนแก แกจะไม่ตาย…”

พูดถึงตรงนี้ “กู่ซวงซวง” ก็ยิ้มประหลาดให้เขา “ถ้าหากตอนนี้แกยังตัดสินใจไม่ได้ งั้น…ไม่รู้ว่านี่จะช่วยแกได้ไหม…”

เธอพลันยื่นมือออกมา จากนั้นก็แทงเข้าที่ท้องตัวเอง เมื่อสีหน้าเจ็บปวดเผยออกมา “กู่ซวงซวง” กลับหัวเราะเสียงดัง “เห็นหรือยัง? เธอตายแล้ว…เธอใกล้จะตายแล้ว…แต่ถึงเธอจะไม่ตายตอนนี้แล้วยังไงล่ะ? ช้าเร็วเธอก็ต้องลิ้มรสความเจ็บปวดที่แสนสาหัสกว่านี้…นี่ไม่ใช่แค่จุดจบของเธอคนเดียว และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแก…ถ้าหากว่าแกยอมแพ้ตอนนี้ ฉันก็จะหยุดทันที…”

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางคลองสายตาอันมืดมิด หลิงม่อพลันมองเห็นภาพหนึ่งทันใด…

เงาร่างดำทะมึนเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากทางเลี้ยว และปรากฏตัวอยู่ข้างหลังพวกเขา…

“เดี๋ยว…เฮยซือ รีบถอยเร็ว มันไม่ได้มองข้ามพวกเธอ มันกำลังจะโจมตีพวกเธอแล้ว! แต่ว่า อาศัยการตอบสนองของเฮยซือ คงไม่มีทางถูกซุ่มโจมตี…”

หลิงม่อเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเย่ไคหันกลับมาตะโกนบอก “ทุกคนดูนั่น ข้างหลังเหมือนมีคนอยู่!”

เดิมทีเฮยซือสังเกตถึงความผิดปกติข้างหลังได้ก่อนแล้ว ได้ยินจึงหันไปมอง…

แต่ในขณะที่พวกมู่เฉินกำลังหันไปมอง เฮยซือกลับเหมือนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบหันกลับมา และในตอนนี้เองที่หลิงม่อมองเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่เคลือบอยู่บนใบหน้าของเย่ไค…

“ไม่นะ…ไม่…”

“กรี๊ดดดดด!”

หลิงม่ออึ้งงัน “ถุง” ในมือพลันถูกบีบจนแตก

เมื่อเสียงกรีดร้องหนึ่งดังมา หลิงม่อก็พลันได้สติทันใด พอมองไปที่ “กู่ซวงซวง” อีกครั้ง เขากลับมองเห็นเงาของใครอีกคนอยู่ในดวงตาคู่นั้น…

“เป็นเธอ!” หลิงม่อตวาดลั่น พลันรีบหันไปมองข้างหลัง

ทว่า…ในทางเดินอันว่างเปล่า กลับไร้ซึ่งเงาของผู้ใด…

หลิงม่อใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง รีบหันหน้ากลับมา

แต่ครั้งนี้ แม้แต่ “กู่ซวงซวง” ก็หายไปด้วยเช่นกัน…

ทว่าเสียงกรีดร้องเมื่อกี้ เหมือนเป็นเสียงของเธอ…

“แฮ่ก…แฮ่ก…” หลิงม่อมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็หอบหายใจถี่ระรัว

แต่ในตอนนี้เอง เขาพลันค้นพบว่าในฝ่ามือของเขาได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว…

เดี๋ยวก่อน เหงื่อ?! เขาจะมีเหงื่อได้ยังไง?

หลิงม่อรีบก้มหน้ามองพิจารณาตัวเองทันที…นี่ไม่ใช่ร่างดวงจิต แต่เป็นร่างจริงของเขา!

กระทั่งแม้แต่บนพื้น…ก็ไม่มีร่างสลบไสลของเจ้าลิงผอมอยู่แล้ว…

ในทางเดินมีแต่ความมืดมิด ประตูห้องสองข้างทางเปิดแง้ม สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไม่ขาดสาย ส่งผลให้หลิงม่ออดรู้สึกขนลุกไม่ได้…ทันใดนั้นเขาหันไปมองด้านหลัง แล้วก็ค้นพบอย่างตกตะลึงว่าตัวเองยืนอยู่ตรงทางเข้าของอาคารหอพัก! ประตูบานนั้น กลับอยู่แค่ข้างหลังเขา…

อย่าว่าแต่ชั้นสองเลย เขายังไม่เคยเดินขึ้นบันไดไปเลยด้วยซ้ำ…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะควบคุมหุ่นดวงจิตไปหากู่ซวงซวง หรือช่วยชีวิตเจ้าลิงผอมเลย…

“นี่มันอะไรกัน?” หลิงม่อพูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตื่นจากความสับสนวุ่นวาย…

นี่คือ…การสะกดจิต…

นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเหยียบเข้ามาในอาคารก่อสร้างหลังนี้ เขาก็ได้ตกอยู่ในการโจมตีทางจิตของอีกฝ่าย ซึ่งก็คือการสะกดจิตนั่นเอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระหว่างนั้น ล้วนดำเนินอยู่ในสมองของเขา…และการปรากฏตัวครั้งแล้วครั้งเล่าของอีกฝ่าย จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือสะกดจิตจิตตานุภาพของเขา…

และพอวิธีนี้ไม่ได้ผล อีกฝ่ายก็เริ่มสะกดจิต “ความฝัน” ของเขา…เพียงแต่สิ่งที่อีกฝ่ายคิดไม่ถึงก็คือ หลิงม่อไม่เพียงมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการอยู่รอดมาโดยตลอด แต่จะยังคงเป็นอย่างนั้นไปตลอด…ในขณะที่ทีมของเขาใกล้เผชิญหน้ากับความตาย เขาไม่ได้สิ้นหวัง แต่กลับกำ “ระเบิด” ในมือแน่นจนมันแตก และเหล่าดวงแสงพลังจิตเล็กๆ ที่หลิงม่อรวบรวมไว้ ก็คือแผนสำรองที่หลิงม่อเตรียมไว้ให้ตัวเองในจิตใต้สำนึกส่วนลึก และเป็นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดของ “ความฝัน”…

เมื่อ “ระเบิด” ปะทุ การสะกดจิตของซอมบี้ร่างแม่ก็ล้มเหลว…

“เท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมมันถึงได้พูดจาเหลวไหลไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจังได้…แต่ในคำพูดเหล่านั้นของมัน น่าจะมีประโยคหนึ่งที่เป็นความจริง นั่นก็คือวิธีการกลืนกินของมัน ต่างจากวิธีของเราโดยสิ้นเชิง…เราสามารถกลืนกินได้ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายไร้หนทางขัดขืน แต่มันกลับต้องรอโอกาส มีเพียงตอนที่เราเกิดความมุ่งมั่นอยากมีชีวิตรอด มันถึงสามารถฉวยโอกาสแทรกซึมเข้ามาได้…ใช่แล้ว เพราะอย่างนี้มันถึงไม่เคยลงมือโดยตรง! นี่สินะที่เขาเรียกว่าฆ่าคนไม่ทิ้งร่องรอย!

การแสดงของกู่ซวงซวง…ภาพที่เจ้าลิงผอมเกือบตายต่อหน้าต่อตาเขา…รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดหลังจากนั้น…ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน! และสาเหตุที่หลิงม่อสามารถแสดงพฤติกรรมต่อต้านต่างๆ ใน “ความฝัน” ได้ กระทั่งช่วยชีวิตเจ้าลิงผอม และทำลายแผนบางส่วนของอีกฝ่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…

พลังจิตของเขานั้นแข็งแกร่ง จิตตานุภาพแก่กล้า นี่ต่างหากคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้แผนการของอีกฝ่ายล้มเหลว…และสาเหตุที่เจ้าลิงผอมและกู่ซวงซวงถูก “จับตัวไป” เป็นไปได้มากว่าอาจถูกสะกดจิต…แม้แต่สัญลักษณ์เหล่านั้นที่กู่ซวงซวงทิ้งไว้บนพื้น ล้วนเป็นไปได้ว่าเธอวาดขึ้นในขณะถูกสะกดจิต

“หลงคิดว่าแกไม่มีตัวช่วยมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะทำแบบนี้ได้ด้วย…แต่มีเรื่องหนึ่งที่แกไม่รู้ คือเหตุผลที่แกใช้เกลี้ยกล่อมฉัน กลับเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฉันอยากยืนหยัดต่อไปจนถึงที่สุด…ดังนั้น จิตใต้สำนึกของฉัน ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด…”

เหล่าซอมบี้ที่ “อาจทิ้งเขาไป เมื่อวิวัฒนาการสูงขึ้นเรื่อยๆ” คือเหตุผลที่ทำให้เขาพยายามมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด…และเรื่องนี้…

“เหลวไหลทั้งเพ! ตอนนี้แม้แต่เอวของฉันก็กำลังวิวัฒนาการ ยังต้องกังวลว่าจะกำราบพวกเธอไม่ได้อีกหรอ?!” ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลิงม่อไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลแบบนี้แม้แต่น้อย! มีเพียงต้องวิวัฒนาการต่อไป…ถึงจะมีโอกาสฟื้นตัว…

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่หลังจากตื่นจากการสะกดจิต หลิงม่อยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง

เวลานี้ ด้านหลังของเขามีเสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่หลิง เป็นยังไงบ้าง สำรวจไปถึงไหนแล้ว?”

“อ๊ะ!”

หลิงม่อรีบหันกลับไป ปรากฏว่าเกือบชนสามสาวซอมบี้ที่กำลังชะโงกหน้าเข้ามาจ้องเขาอย่างสงสัย…

พวกซย่าน่าชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เห็นชัดๆ ว่าเมื่อกี้พวกเธอกำลังจ้องและสูดดมแผ่นหลังกับท้ายทอยของเขา…พอหลิงม่อหันไป พวกเธอกลับไม่คิดจะปิดบัง ซ้ำยังทำตาโต จ้องหลิงม่อตอบตรงๆ…

“ฮู่ว…”

พี่เป็นอะไรไป?” เย่เลี่ยนถาม

“ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลยล่ะ หรือว่าอาการปวดเอวกำเริบงั้นหรอ? ฉันช่วยนวดให้ไหม?” หลี่ย่าหลินคาดเดา ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปที่เอวของหลิงม่ออย่างไม่เกรงใจ “ได้ยินมาว่าสำหรับผู้ชาย ตรงนี้คือสวิตช์สารพัดประโยชน์ หากมีเรื่องไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกดสวิตช์นี้…”

“เดี๋ยวก่อนนะรุ่นพี่…ฉันว่า เหมือนพี่เขาจะถูกพวกเราทำให้ตกใจซะแล้ว…” ซย่าน่าพูดตรงที่สุด

มือของหลี่ย่าหลินชะงักกลางอากาศ “เรื่องนี้…สวิตช์ก็ช่วยไม่ได้หรอ?”

“นั่นมันไม่ใช่สวิตช์อะไรทั้งนั้น! อีกอย่างซย่าน่า…”

หลิงม่อกลอกตาขาว…ยัยเด็กคนนี้อะไรก็ดีทั้งนั้น เสียแต่ตรงที่ชอบพูดเรื่องจริงตรงเกินไป!

“คือว่า…ฉันไปสำรวจนานแค่ไหนแล้ว?” หลิงม่อถามคำถามประหลาด

“เมื่อกี้…”

“แค่แป๊บเดียว?”

“สามวิ” ซย่าน่าตอบอย่างชัดเจน

และในตอนนี้ เสียงของพวกมู่เฉินก็ดังมาจากที่ไม่ไกล…

“หัวหน้า ไม่เป็นไรใช่ไหม พอมาถึงที่นี่อยู่ๆ ก็ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พวกเราเรียกเท่าไหร่ก็ไม่หยุด แถมยังวิ่งไม่เหยียบเบรกมาจนถึงที่นี่…เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” คนที่จะถามแบบนี้ได้ ก็คงมีแต่มู่เฉินเท่านั้น ทว่าคนอื่นแม้ไม่พูดอะไร แต่กลับวิ่งมายืนรายล้อม และมองเขาอย่างเป็นห่วง

พอเห็นภาพนี้ หลิงม่อก็อดสบถในใจไม่ได้…ซอมบี้สาวสามตัวนี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆ! โดยเฉพาะรุ่นพี่…เธอโยงเรื่องที่เขาวิ่งเข้ามาในประตูอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้สามวินาที ว่าป็นเพราะอาการปวดเอวกำเริบได้ยังไง! นี่มันไม่เกี่ยวกันเลยซักนิดนะ!

แต่ว่า…พอคิดถึงท่าทางของพวกเธอตอนชะโงกหน้ามาหาเขา หลิงม่อก็อดยิ้มบางๆ ไม่ได้…

มนุษย์และซอมบี้พวกนี้ พวกเขาเพียงมีวิธีการแสดงออกถึงความห่วงใยที่ต่างกันเท่านั้น…และมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นบอกว่าพวกเธอจะมองเขาเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ถึงแม้เขาเป็นเหยื่อ แต่ก็เป็นเหยื่อที่พิเศษกว่าเหยื่อทั่วไป และสิ่งที่พวกเธอต้องการล่าจากเขา ก็มีเพียงสวิตช์ของเขาเท่านั้น…

หรือบางครั้งบางคราวก็หมกหมุ่นกับเนื้อของเขาเล็กน้อย…

“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร…” หลิงม่อยิ้มขมขื่น แล้วบอก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขาไม่คิดจะเล่าออกมาทั้งหมด…

ทว่าไม่นาน สีหน้าของหลิงม่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แต่ว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะเป็นในเร็วๆ นี้แหละ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกจะดันทุรังมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้…แต่แกจะมองไม่เห็นความหวังอะไรอีกต่อไป คนที่แกรู้จักจะตายจากไปทั้งหมด รวมถึงคนพวกนั้นที่อยู่กับแกด้วย ซอมบี้พวกนั้น ตอนนี้พวกเธอยังสื่อสารกับแกได้สินะ? หึหึ วางใจเถอะ อีกไม่นานพวกเธอจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว…เพื่อที่จะทำให้พวกเธอมีชีวิตต่อไป แกทำได้แค่ช่วยพวกเธอให้วิวัฒนาการไปเรื่อยๆ แต่การวิวัฒนาการกลับเป็นเหมือนเส้นทางสู่ความตายที่ไม่อาจหวนคืนสำหรับพวกแก…”

“ยิ่งพวกเธอแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่เหมือนมนุษย์ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น…แกคิดว่ามนุษย์ยักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลตัวหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกับมนุษย์ไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าชื่อของพวกมันมีคำว่ามนุษย์อยู่ด้วยก็ตาม? ไม่สิ นี่เป็นเพียงจินตนาการของมนุษย์ แกไม่เห็นหรอว่าหลังจากที่มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ พวกมันทำยังไงกับคนที่เคยเป็นเพื่อนในอดีต? แกน่าจะรู้ดีแก่ใจว่าพวกมันมองมนุษย์เป็นอะไร”

“แต่ถ้าหากว่าแกยอมมอบตัวเองให้ฉัน…ฉันก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งยิ่งกว่า ถึงแม้ในอนาคตอันใกล้เมื่อเหล่าปีศาจและตัวประหลาดลุกขึ้นมาผงาดโลดโผน พวกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง…แกสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แล้วฉันก็จะช่วยพวกเขาให้อยู่ต่อไป…อีกอย่างฉันเคยบอกแล้ว วิธีกลืนกินของฉันไม่เหมือนแก แกจะไม่ตาย…”

พูดถึงตรงนี้ “กู่ซวงซวง” ก็ยิ้มประหลาดให้เขา “ถ้าหากตอนนี้แกยังตัดสินใจไม่ได้ งั้น…ไม่รู้ว่านี่จะช่วยแกได้ไหม…”

เธอพลันยื่นมือออกมา จากนั้นก็แทงเข้าที่ท้องตัวเอง เมื่อสีหน้าเจ็บปวดเผยออกมา “กู่ซวงซวง” กลับหัวเราะเสียงดัง “เห็นหรือยัง? เธอตายแล้ว…เธอใกล้จะตายแล้ว…แต่ถึงเธอจะไม่ตายตอนนี้แล้วยังไงล่ะ? ช้าเร็วเธอก็ต้องลิ้มรสความเจ็บปวดที่แสนสาหัสกว่านี้…นี่ไม่ใช่แค่จุดจบของเธอคนเดียว และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแก…ถ้าหากว่าแกยอมแพ้ตอนนี้ ฉันก็จะหยุดทันที…”

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางคลองสายตาอันมืดมิด หลิงม่อพลันมองเห็นภาพหนึ่งทันใด…

เงาร่างดำทะมึนเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากทางเลี้ยว และปรากฏตัวอยู่ข้างหลังพวกเขา…

“เดี๋ยว…เฮยซือ รีบถอยเร็ว มันไม่ได้มองข้ามพวกเธอ มันกำลังจะโจมตีพวกเธอแล้ว! แต่ว่า อาศัยการตอบสนองของเฮยซือ คงไม่มีทางถูกซุ่มโจมตี…”

หลิงม่อเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเย่ไคหันกลับมาตะโกนบอก “ทุกคนดูนั่น ข้างหลังเหมือนมีคนอยู่!”

เดิมทีเฮยซือสังเกตถึงความผิดปกติข้างหลังได้ก่อนแล้ว ได้ยินจึงหันไปมอง…

แต่ในขณะที่พวกมู่เฉินกำลังหันไปมอง เฮยซือกลับเหมือนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบหันกลับมา และในตอนนี้เองที่หลิงม่อมองเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่เคลือบอยู่บนใบหน้าของเย่ไค…

“ไม่นะ…ไม่…”

“กรี๊ดดดดด!”

หลิงม่ออึ้งงัน “ถุง” ในมือพลันถูกบีบจนแตก

เมื่อเสียงกรีดร้องหนึ่งดังมา หลิงม่อก็พลันได้สติทันใด พอมองไปที่ “กู่ซวงซวง” อีกครั้ง เขากลับมองเห็นเงาของใครอีกคนอยู่ในดวงตาคู่นั้น…

“เป็นเธอ!” หลิงม่อตวาดลั่น พลันรีบหันไปมองข้างหลัง

ทว่า…ในทางเดินอันว่างเปล่า กลับไร้ซึ่งเงาของผู้ใด…

หลิงม่อใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง รีบหันหน้ากลับมา

แต่ครั้งนี้ แม้แต่ “กู่ซวงซวง” ก็หายไปด้วยเช่นกัน…

ทว่าเสียงกรีดร้องเมื่อกี้ เหมือนเป็นเสียงของเธอ…

“แฮ่ก…แฮ่ก…” หลิงม่อมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็หอบหายใจถี่ระรัว

แต่ในตอนนี้เอง เขาพลันค้นพบว่าในฝ่ามือของเขาได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว…

เดี๋ยวก่อน เหงื่อ?! เขาจะมีเหงื่อได้ยังไง?

หลิงม่อรีบก้มหน้ามองพิจารณาตัวเองทันที…นี่ไม่ใช่ร่างดวงจิต แต่เป็นร่างจริงของเขา!

กระทั่งแม้แต่บนพื้น…ก็ไม่มีร่างสลบไสลของเจ้าลิงผอมอยู่แล้ว…

ในทางเดินมีแต่ความมืดมิด ประตูห้องสองข้างทางเปิดแง้ม สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไม่ขาดสาย ส่งผลให้หลิงม่ออดรู้สึกขนลุกไม่ได้…ทันใดนั้นเขาหันไปมองด้านหลัง แล้วก็ค้นพบอย่างตกตะลึงว่าตัวเองยืนอยู่ตรงทางเข้าของอาคารหอพัก! ประตูบานนั้น กลับอยู่แค่ข้างหลังเขา…

อย่าว่าแต่ชั้นสองเลย เขายังไม่เคยเดินขึ้นบันไดไปเลยด้วยซ้ำ…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะควบคุมหุ่นดวงจิตไปหากู่ซวงซวง หรือช่วยชีวิตเจ้าลิงผอมเลย…

“นี่มันอะไรกัน?” หลิงม่อพูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตื่นจากความสับสนวุ่นวาย…

นี่คือ…การสะกดจิต…

นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเหยียบเข้ามาในอาคารก่อสร้างหลังนี้ เขาก็ได้ตกอยู่ในการโจมตีทางจิตของอีกฝ่าย ซึ่งก็คือการสะกดจิตนั่นเอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระหว่างนั้น ล้วนดำเนินอยู่ในสมองของเขา…และการปรากฏตัวครั้งแล้วครั้งเล่าของอีกฝ่าย จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือสะกดจิตจิตตานุภาพของเขา…

และพอวิธีนี้ไม่ได้ผล อีกฝ่ายก็เริ่มสะกดจิต “ความฝัน” ของเขา…เพียงแต่สิ่งที่อีกฝ่ายคิดไม่ถึงก็คือ หลิงม่อไม่เพียงมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการอยู่รอดมาโดยตลอด แต่จะยังคงเป็นอย่างนั้นไปตลอด…ในขณะที่ทีมของเขาใกล้เผชิญหน้ากับความตาย เขาไม่ได้สิ้นหวัง แต่กลับกำ “ระเบิด” ในมือแน่นจนมันแตก และเหล่าดวงแสงพลังจิตเล็กๆ ที่หลิงม่อรวบรวมไว้ ก็คือแผนสำรองที่หลิงม่อเตรียมไว้ให้ตัวเองในจิตใต้สำนึกส่วนลึก และเป็นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดของ “ความฝัน”…

เมื่อ “ระเบิด” ปะทุ การสะกดจิตของซอมบี้ร่างแม่ก็ล้มเหลว…

“เท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมมันถึงได้พูดจาเหลวไหลไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจังได้…แต่ในคำพูดเหล่านั้นของมัน น่าจะมีประโยคหนึ่งที่เป็นความจริง นั่นก็คือวิธีการกลืนกินของมัน ต่างจากวิธีของเราโดยสิ้นเชิง…เราสามารถกลืนกินได้ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายไร้หนทางขัดขืน แต่มันกลับต้องรอโอกาส มีเพียงตอนที่เราเกิดความมุ่งมั่นอยากมีชีวิตรอด มันถึงสามารถฉวยโอกาสแทรกซึมเข้ามาได้…ใช่แล้ว เพราะอย่างนี้มันถึงไม่เคยลงมือโดยตรง! นี่สินะที่เขาเรียกว่าฆ่าคนไม่ทิ้งร่องรอย!

การแสดงของกู่ซวงซวง…ภาพที่เจ้าลิงผอมเกือบตายต่อหน้าต่อตาเขา…รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดหลังจากนั้น…ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน! และสาเหตุที่หลิงม่อสามารถแสดงพฤติกรรมต่อต้านต่างๆ ใน “ความฝัน” ได้ กระทั่งช่วยชีวิตเจ้าลิงผอม และทำลายแผนบางส่วนของอีกฝ่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…

พลังจิตของเขานั้นแข็งแกร่ง จิตตานุภาพแก่กล้า นี่ต่างหากคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้แผนการของอีกฝ่ายล้มเหลว…และสาเหตุที่เจ้าลิงผอมและกู่ซวงซวงถูก “จับตัวไป” เป็นไปได้มากว่าอาจถูกสะกดจิต…แม้แต่สัญลักษณ์เหล่านั้นที่กู่ซวงซวงทิ้งไว้บนพื้น ล้วนเป็นไปได้ว่าเธอวาดขึ้นในขณะถูกสะกดจิต

“หลงคิดว่าแกไม่มีตัวช่วยมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะทำแบบนี้ได้ด้วย…แต่มีเรื่องหนึ่งที่แกไม่รู้ คือเหตุผลที่แกใช้เกลี้ยกล่อมฉัน กลับเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฉันอยากยืนหยัดต่อไปจนถึงที่สุด…ดังนั้น จิตใต้สำนึกของฉัน ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด…”

เหล่าซอมบี้ที่ “อาจทิ้งเขาไป เมื่อวิวัฒนาการสูงขึ้นเรื่อยๆ” คือเหตุผลที่ทำให้เขาพยายามมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด…และเรื่องนี้…

“เหลวไหลทั้งเพ! ตอนนี้แม้แต่เอวของฉันก็กำลังวิวัฒนาการ ยังต้องกังวลว่าจะกำราบพวกเธอไม่ได้อีกหรอ?!” ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลิงม่อไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลแบบนี้แม้แต่น้อย! มีเพียงต้องวิวัฒนาการต่อไป…ถึงจะมีโอกาสฟื้นตัว…

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่หลังจากตื่นจากการสะกดจิต หลิงม่อยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง

เวลานี้ ด้านหลังของเขามีเสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่หลิง เป็นยังไงบ้าง สำรวจไปถึงไหนแล้ว?”

“อ๊ะ!”

หลิงม่อรีบหันกลับไป ปรากฏว่าเกือบชนสามสาวซอมบี้ที่กำลังชะโงกหน้าเข้ามาจ้องเขาอย่างสงสัย…

พวกซย่าน่าชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เห็นชัดๆ ว่าเมื่อกี้พวกเธอกำลังจ้องและสูดดมแผ่นหลังกับท้ายทอยของเขา…พอหลิงม่อหันไป พวกเธอกลับไม่คิดจะปิดบัง ซ้ำยังทำตาโต จ้องหลิงม่อตอบตรงๆ…

“ฮู่ว…”

พี่เป็นอะไรไป?” เย่เลี่ยนถาม

“ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลยล่ะ หรือว่าอาการปวดเอวกำเริบงั้นหรอ? ฉันช่วยนวดให้ไหม?” หลี่ย่าหลินคาดเดา ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปที่เอวของหลิงม่ออย่างไม่เกรงใจ “ได้ยินมาว่าสำหรับผู้ชาย ตรงนี้คือสวิตช์สารพัดประโยชน์ หากมีเรื่องไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกดสวิตช์นี้…”

“เดี๋ยวก่อนนะรุ่นพี่…ฉันว่า เหมือนพี่เขาจะถูกพวกเราทำให้ตกใจซะแล้ว…” ซย่าน่าพูดตรงที่สุด

มือของหลี่ย่าหลินชะงักกลางอากาศ “เรื่องนี้…สวิตช์ก็ช่วยไม่ได้หรอ?”

“นั่นมันไม่ใช่สวิตช์อะไรทั้งนั้น! อีกอย่างซย่าน่า…”

หลิงม่อกลอกตาขาว…ยัยเด็กคนนี้อะไรก็ดีทั้งนั้น เสียแต่ตรงที่ชอบพูดเรื่องจริงตรงเกินไป!

“คือว่า…ฉันไปสำรวจนานแค่ไหนแล้ว?” หลิงม่อถามคำถามประหลาด

“เมื่อกี้…”

“แค่แป๊บเดียว?”

“สามวิ” ซย่าน่าตอบอย่างชัดเจน

และในตอนนี้ เสียงของพวกมู่เฉินก็ดังมาจากที่ไม่ไกล…

“หัวหน้า ไม่เป็นไรใช่ไหม พอมาถึงที่นี่อยู่ๆ ก็ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พวกเราเรียกเท่าไหร่ก็ไม่หยุด แถมยังวิ่งไม่เหยียบเบรกมาจนถึงที่นี่…เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” คนที่จะถามแบบนี้ได้ ก็คงมีแต่มู่เฉินเท่านั้น ทว่าคนอื่นแม้ไม่พูดอะไร แต่กลับวิ่งมายืนรายล้อม และมองเขาอย่างเป็นห่วง

พอเห็นภาพนี้ หลิงม่อก็อดสบถในใจไม่ได้…ซอมบี้สาวสามตัวนี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆ! โดยเฉพาะรุ่นพี่…เธอโยงเรื่องที่เขาวิ่งเข้ามาในประตูอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้สามวินาที ว่าป็นเพราะอาการปวดเอวกำเริบได้ยังไง! นี่มันไม่เกี่ยวกันเลยซักนิดนะ!

แต่ว่า…พอคิดถึงท่าทางของพวกเธอตอนชะโงกหน้ามาหาเขา หลิงม่อก็อดยิ้มบางๆ ไม่ได้…

มนุษย์และซอมบี้พวกนี้ พวกเขาเพียงมีวิธีการแสดงออกถึงความห่วงใยที่ต่างกันเท่านั้น…และมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นบอกว่าพวกเธอจะมองเขาเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ถึงแม้เขาเป็นเหยื่อ แต่ก็เป็นเหยื่อที่พิเศษกว่าเหยื่อทั่วไป และสิ่งที่พวกเธอต้องการล่าจากเขา ก็มีเพียงสวิตช์ของเขาเท่านั้น…

หรือบางครั้งบางคราวก็หมกหมุ่นกับเนื้อของเขาเล็กน้อย…

“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร…” หลิงม่อยิ้มขมขื่น แล้วบอก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขาไม่คิดจะเล่าออกมาทั้งหมด…

ทว่าไม่นาน สีหน้าของหลิงม่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แต่ว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะเป็นในเร็วๆ นี้แหละ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1118 สวิตช์สารพัดประโยชน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แกจะดันทุรังมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้…แต่แกจะมองไม่เห็นความหวังอะไรอีกต่อไป คนที่แกรู้จักจะตายจากไปทั้งหมด รวมถึงคนพวกนั้นที่อยู่กับแกด้วย ซอมบี้พวกนั้น ตอนนี้พวกเธอยังสื่อสารกับแกได้สินะ? หึหึ วางใจเถอะ อีกไม่นานพวกเธอจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว…เพื่อที่จะทำให้พวกเธอมีชีวิตต่อไป แกทำได้แค่ช่วยพวกเธอให้วิวัฒนาการไปเรื่อยๆ แต่การวิวัฒนาการกลับเป็นเหมือนเส้นทางสู่ความตายที่ไม่อาจหวนคืนสำหรับพวกแก…”

“ยิ่งพวกเธอแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่เหมือนมนุษย์ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น…แกคิดว่ามนุษย์ยักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลตัวหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกับมนุษย์ไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าชื่อของพวกมันมีคำว่ามนุษย์อยู่ด้วยก็ตาม? ไม่สิ นี่เป็นเพียงจินตนาการของมนุษย์ แกไม่เห็นหรอว่าหลังจากที่มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ พวกมันทำยังไงกับคนที่เคยเป็นเพื่อนในอดีต? แกน่าจะรู้ดีแก่ใจว่าพวกมันมองมนุษย์เป็นอะไร”

“แต่ถ้าหากว่าแกยอมมอบตัวเองให้ฉัน…ฉันก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งยิ่งกว่า ถึงแม้ในอนาคตอันใกล้เมื่อเหล่าปีศาจและตัวประหลาดลุกขึ้นมาผงาดโลดโผน พวกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง…แกสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แล้วฉันก็จะช่วยพวกเขาให้อยู่ต่อไป…อีกอย่างฉันเคยบอกแล้ว วิธีกลืนกินของฉันไม่เหมือนแก แกจะไม่ตาย…”

พูดถึงตรงนี้ “กู่ซวงซวง” ก็ยิ้มประหลาดให้เขา “ถ้าหากตอนนี้แกยังตัดสินใจไม่ได้ งั้น…ไม่รู้ว่านี่จะช่วยแกได้ไหม…”

เธอพลันยื่นมือออกมา จากนั้นก็แทงเข้าที่ท้องตัวเอง เมื่อสีหน้าเจ็บปวดเผยออกมา “กู่ซวงซวง” กลับหัวเราะเสียงดัง “เห็นหรือยัง? เธอตายแล้ว…เธอใกล้จะตายแล้ว…แต่ถึงเธอจะไม่ตายตอนนี้แล้วยังไงล่ะ? ช้าเร็วเธอก็ต้องลิ้มรสความเจ็บปวดที่แสนสาหัสกว่านี้…นี่ไม่ใช่แค่จุดจบของเธอคนเดียว และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแก…ถ้าหากว่าแกยอมแพ้ตอนนี้ ฉันก็จะหยุดทันที…”

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางคลองสายตาอันมืดมิด หลิงม่อพลันมองเห็นภาพหนึ่งทันใด…

เงาร่างดำทะมึนเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากทางเลี้ยว และปรากฏตัวอยู่ข้างหลังพวกเขา…

“เดี๋ยว…เฮยซือ รีบถอยเร็ว มันไม่ได้มองข้ามพวกเธอ มันกำลังจะโจมตีพวกเธอแล้ว! แต่ว่า อาศัยการตอบสนองของเฮยซือ คงไม่มีทางถูกซุ่มโจมตี…”

หลิงม่อเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเย่ไคหันกลับมาตะโกนบอก “ทุกคนดูนั่น ข้างหลังเหมือนมีคนอยู่!”

เดิมทีเฮยซือสังเกตถึงความผิดปกติข้างหลังได้ก่อนแล้ว ได้ยินจึงหันไปมอง…

แต่ในขณะที่พวกมู่เฉินกำลังหันไปมอง เฮยซือกลับเหมือนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบหันกลับมา และในตอนนี้เองที่หลิงม่อมองเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่เคลือบอยู่บนใบหน้าของเย่ไค…

“ไม่นะ…ไม่…”

“กรี๊ดดดดด!”

หลิงม่ออึ้งงัน “ถุง” ในมือพลันถูกบีบจนแตก

เมื่อเสียงกรีดร้องหนึ่งดังมา หลิงม่อก็พลันได้สติทันใด พอมองไปที่ “กู่ซวงซวง” อีกครั้ง เขากลับมองเห็นเงาของใครอีกคนอยู่ในดวงตาคู่นั้น…

“เป็นเธอ!” หลิงม่อตวาดลั่น พลันรีบหันไปมองข้างหลัง

ทว่า…ในทางเดินอันว่างเปล่า กลับไร้ซึ่งเงาของผู้ใด…

หลิงม่อใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง รีบหันหน้ากลับมา

แต่ครั้งนี้ แม้แต่ “กู่ซวงซวง” ก็หายไปด้วยเช่นกัน…

ทว่าเสียงกรีดร้องเมื่อกี้ เหมือนเป็นเสียงของเธอ…

“แฮ่ก…แฮ่ก…” หลิงม่อมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็หอบหายใจถี่ระรัว

แต่ในตอนนี้เอง เขาพลันค้นพบว่าในฝ่ามือของเขาได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว…

เดี๋ยวก่อน เหงื่อ?! เขาจะมีเหงื่อได้ยังไง?

หลิงม่อรีบก้มหน้ามองพิจารณาตัวเองทันที…นี่ไม่ใช่ร่างดวงจิต แต่เป็นร่างจริงของเขา!

กระทั่งแม้แต่บนพื้น…ก็ไม่มีร่างสลบไสลของเจ้าลิงผอมอยู่แล้ว…

ในทางเดินมีแต่ความมืดมิด ประตูห้องสองข้างทางเปิดแง้ม สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไม่ขาดสาย ส่งผลให้หลิงม่ออดรู้สึกขนลุกไม่ได้…ทันใดนั้นเขาหันไปมองด้านหลัง แล้วก็ค้นพบอย่างตกตะลึงว่าตัวเองยืนอยู่ตรงทางเข้าของอาคารหอพัก! ประตูบานนั้น กลับอยู่แค่ข้างหลังเขา…

อย่าว่าแต่ชั้นสองเลย เขายังไม่เคยเดินขึ้นบันไดไปเลยด้วยซ้ำ…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะควบคุมหุ่นดวงจิตไปหากู่ซวงซวง หรือช่วยชีวิตเจ้าลิงผอมเลย…

“นี่มันอะไรกัน?” หลิงม่อพูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตื่นจากความสับสนวุ่นวาย…

นี่คือ…การสะกดจิต…

นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเหยียบเข้ามาในอาคารก่อสร้างหลังนี้ เขาก็ได้ตกอยู่ในการโจมตีทางจิตของอีกฝ่าย ซึ่งก็คือการสะกดจิตนั่นเอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระหว่างนั้น ล้วนดำเนินอยู่ในสมองของเขา…และการปรากฏตัวครั้งแล้วครั้งเล่าของอีกฝ่าย จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือสะกดจิตจิตตานุภาพของเขา…

และพอวิธีนี้ไม่ได้ผล อีกฝ่ายก็เริ่มสะกดจิต “ความฝัน” ของเขา…เพียงแต่สิ่งที่อีกฝ่ายคิดไม่ถึงก็คือ หลิงม่อไม่เพียงมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการอยู่รอดมาโดยตลอด แต่จะยังคงเป็นอย่างนั้นไปตลอด…ในขณะที่ทีมของเขาใกล้เผชิญหน้ากับความตาย เขาไม่ได้สิ้นหวัง แต่กลับกำ “ระเบิด” ในมือแน่นจนมันแตก และเหล่าดวงแสงพลังจิตเล็กๆ ที่หลิงม่อรวบรวมไว้ ก็คือแผนสำรองที่หลิงม่อเตรียมไว้ให้ตัวเองในจิตใต้สำนึกส่วนลึก และเป็นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดของ “ความฝัน”…

เมื่อ “ระเบิด” ปะทุ การสะกดจิตของซอมบี้ร่างแม่ก็ล้มเหลว…

“เท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมมันถึงได้พูดจาเหลวไหลไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจังได้…แต่ในคำพูดเหล่านั้นของมัน น่าจะมีประโยคหนึ่งที่เป็นความจริง นั่นก็คือวิธีการกลืนกินของมัน ต่างจากวิธีของเราโดยสิ้นเชิง…เราสามารถกลืนกินได้ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายไร้หนทางขัดขืน แต่มันกลับต้องรอโอกาส มีเพียงตอนที่เราเกิดความมุ่งมั่นอยากมีชีวิตรอด มันถึงสามารถฉวยโอกาสแทรกซึมเข้ามาได้…ใช่แล้ว เพราะอย่างนี้มันถึงไม่เคยลงมือโดยตรง! นี่สินะที่เขาเรียกว่าฆ่าคนไม่ทิ้งร่องรอย!

การแสดงของกู่ซวงซวง…ภาพที่เจ้าลิงผอมเกือบตายต่อหน้าต่อตาเขา…รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดหลังจากนั้น…ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน! และสาเหตุที่หลิงม่อสามารถแสดงพฤติกรรมต่อต้านต่างๆ ใน “ความฝัน” ได้ กระทั่งช่วยชีวิตเจ้าลิงผอม และทำลายแผนบางส่วนของอีกฝ่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…

พลังจิตของเขานั้นแข็งแกร่ง จิตตานุภาพแก่กล้า นี่ต่างหากคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้แผนการของอีกฝ่ายล้มเหลว…และสาเหตุที่เจ้าลิงผอมและกู่ซวงซวงถูก “จับตัวไป” เป็นไปได้มากว่าอาจถูกสะกดจิต…แม้แต่สัญลักษณ์เหล่านั้นที่กู่ซวงซวงทิ้งไว้บนพื้น ล้วนเป็นไปได้ว่าเธอวาดขึ้นในขณะถูกสะกดจิต

“หลงคิดว่าแกไม่มีตัวช่วยมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะทำแบบนี้ได้ด้วย…แต่มีเรื่องหนึ่งที่แกไม่รู้ คือเหตุผลที่แกใช้เกลี้ยกล่อมฉัน กลับเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฉันอยากยืนหยัดต่อไปจนถึงที่สุด…ดังนั้น จิตใต้สำนึกของฉัน ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด…”

เหล่าซอมบี้ที่ “อาจทิ้งเขาไป เมื่อวิวัฒนาการสูงขึ้นเรื่อยๆ” คือเหตุผลที่ทำให้เขาพยายามมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด…และเรื่องนี้…

“เหลวไหลทั้งเพ! ตอนนี้แม้แต่เอวของฉันก็กำลังวิวัฒนาการ ยังต้องกังวลว่าจะกำราบพวกเธอไม่ได้อีกหรอ?!” ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลิงม่อไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลแบบนี้แม้แต่น้อย! มีเพียงต้องวิวัฒนาการต่อไป…ถึงจะมีโอกาสฟื้นตัว…

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่หลังจากตื่นจากการสะกดจิต หลิงม่อยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง

เวลานี้ ด้านหลังของเขามีเสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่หลิง เป็นยังไงบ้าง สำรวจไปถึงไหนแล้ว?”

“อ๊ะ!”

หลิงม่อรีบหันกลับไป ปรากฏว่าเกือบชนสามสาวซอมบี้ที่กำลังชะโงกหน้าเข้ามาจ้องเขาอย่างสงสัย…

พวกซย่าน่าชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เห็นชัดๆ ว่าเมื่อกี้พวกเธอกำลังจ้องและสูดดมแผ่นหลังกับท้ายทอยของเขา…พอหลิงม่อหันไป พวกเธอกลับไม่คิดจะปิดบัง ซ้ำยังทำตาโต จ้องหลิงม่อตอบตรงๆ…

“ฮู่ว…”

พี่เป็นอะไรไป?” เย่เลี่ยนถาม

“ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลยล่ะ หรือว่าอาการปวดเอวกำเริบงั้นหรอ? ฉันช่วยนวดให้ไหม?” หลี่ย่าหลินคาดเดา ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปที่เอวของหลิงม่ออย่างไม่เกรงใจ “ได้ยินมาว่าสำหรับผู้ชาย ตรงนี้คือสวิตช์สารพัดประโยชน์ หากมีเรื่องไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกดสวิตช์นี้…”

“เดี๋ยวก่อนนะรุ่นพี่…ฉันว่า เหมือนพี่เขาจะถูกพวกเราทำให้ตกใจซะแล้ว…” ซย่าน่าพูดตรงที่สุด

มือของหลี่ย่าหลินชะงักกลางอากาศ “เรื่องนี้…สวิตช์ก็ช่วยไม่ได้หรอ?”

“นั่นมันไม่ใช่สวิตช์อะไรทั้งนั้น! อีกอย่างซย่าน่า…”

หลิงม่อกลอกตาขาว…ยัยเด็กคนนี้อะไรก็ดีทั้งนั้น เสียแต่ตรงที่ชอบพูดเรื่องจริงตรงเกินไป!

“คือว่า…ฉันไปสำรวจนานแค่ไหนแล้ว?” หลิงม่อถามคำถามประหลาด

“เมื่อกี้…”

“แค่แป๊บเดียว?”

“สามวิ” ซย่าน่าตอบอย่างชัดเจน

และในตอนนี้ เสียงของพวกมู่เฉินก็ดังมาจากที่ไม่ไกล…

“หัวหน้า ไม่เป็นไรใช่ไหม พอมาถึงที่นี่อยู่ๆ ก็ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พวกเราเรียกเท่าไหร่ก็ไม่หยุด แถมยังวิ่งไม่เหยียบเบรกมาจนถึงที่นี่…เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” คนที่จะถามแบบนี้ได้ ก็คงมีแต่มู่เฉินเท่านั้น ทว่าคนอื่นแม้ไม่พูดอะไร แต่กลับวิ่งมายืนรายล้อม และมองเขาอย่างเป็นห่วง

พอเห็นภาพนี้ หลิงม่อก็อดสบถในใจไม่ได้…ซอมบี้สาวสามตัวนี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆ! โดยเฉพาะรุ่นพี่…เธอโยงเรื่องที่เขาวิ่งเข้ามาในประตูอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้สามวินาที ว่าป็นเพราะอาการปวดเอวกำเริบได้ยังไง! นี่มันไม่เกี่ยวกันเลยซักนิดนะ!

แต่ว่า…พอคิดถึงท่าทางของพวกเธอตอนชะโงกหน้ามาหาเขา หลิงม่อก็อดยิ้มบางๆ ไม่ได้…

มนุษย์และซอมบี้พวกนี้ พวกเขาเพียงมีวิธีการแสดงออกถึงความห่วงใยที่ต่างกันเท่านั้น…และมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นบอกว่าพวกเธอจะมองเขาเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ถึงแม้เขาเป็นเหยื่อ แต่ก็เป็นเหยื่อที่พิเศษกว่าเหยื่อทั่วไป และสิ่งที่พวกเธอต้องการล่าจากเขา ก็มีเพียงสวิตช์ของเขาเท่านั้น…

หรือบางครั้งบางคราวก็หมกหมุ่นกับเนื้อของเขาเล็กน้อย…

“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร…” หลิงม่อยิ้มขมขื่น แล้วบอก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขาไม่คิดจะเล่าออกมาทั้งหมด…

ทว่าไม่นาน สีหน้าของหลิงม่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แต่ว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะเป็นในเร็วๆ นี้แหละ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+