แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1069 นักฆ่ายามราตรี

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1069 นักฆ่ายามราตรี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลายวินาทีต่อมา ทันใดนั้น เหล่าร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้พลันหยุดเคลื่อนไหว…

ขณะเดียวกัน เหล่าแมงมุมที่กรูกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ก็หยุดชะงักไปทันทีเช่นกัน

และพวกมันก็ไม่คิดจะซ่อนตัวอีกครั้ง เพียงแค่หยุดอยู่ห่างจากกำแพงเพลิงและล้อมอาคารโรงงานแห่งนี้ไว้เงียบๆ เท่านั้น มองลอดประกายเพลิงที่ลุกไหวโชติช่วง มองเห็นระลอกคลื่นสีดำเบียดแน่น รวมถึงจุดแสงสีแดงที่ประระยิบระยับเป็นครั้งคราว…

ในโรงงานที่อยู่ๆ ทุกสิ่งก็เงียบสงัดกะทันหัน ชั่วขณะหนึ่งได้ยินเพียงเสียงศพแมงมุมถูกแผดเผาในเปลวเพลิง รวมถึงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของทุกคน

“แม่เอ็ง…ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงไม่ขยับแล้วล่ะ?”

เย่ไคถือมีดไว้ด้วยแขนที่เริ่มเหน็บชา พลางถามขึ้นด้วยสภาพเหงื่อโชกหน้า

มู่เฉินที่อยู่อีกด้านก็มองออกไปนอกกำแพงเพลิงอย่างสงสัย ปากก็พึมพำว่า “ไม่ร็สิ…บอกตามตรง ตอนนี้สมองฉันขาวโพลนไปหมดแล้ว…”

“ไม่ต้องห่วงหรอก สมองนายมันขาวโพลนมาแต่แรกอยู่แล้ว…” เฮยซือยังคงพูดเสียงเจื้อยแจ้ว

หลังถูกยัยเปี๊ยกสบประมาทอย่างนี้ มู่เฉินกับเย่ไคถึงค่อยได้สติกลับคืนมา เมื่อกี้ถ้าหากไม่ใช่หลิงม่อ เกรงว่าด่านป้องกันนี้คงแตกพ่ายไปแล้ว และศพที่ร่วงอยู่ข้างเท้าของเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนี้ ก็มีมากจนน่าทึ่ง เมื่อเทียบกับพวกเขา “สัตว์ประหลาด” ตัวเล็กหนึ่งตัวใหญ่หนึ่ง กลับดูผ่อนคลายกว่าพวกเขามาก …

อีกทั้ง พวกเขาเพิ่งจะรอดพ้นมาจากสถานการณ์เสี่ยงชีวิต แต่ยัยตัวเล็กนี่กลับดูผ่อนคลายถึงขนาดนี้…

มู่เฉินเลียริมฝีปาก แล้วสบตากับเย่ไคชั่วขณะ…

ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ สินะ…

“ใช่สิ พวกมันคงไม่ได้คิดจะกระโจนเข้ามาพร้อมกันทีเดียวหรอกนะ?” อยู่ๆ อวี่เหวินซนก็เปลี่ยนเรื่อง ถามขึ้นทันที

พอเขาเปลี่ยนเรื่อง มู่เฉินกระดกคิ้วและได้สติกลับมาอีกครั้ง รีบถอนสายตากลับไป และพูดอย่างเห็นด้วย “จะ…จริงด้วย…ดูท่าทางของพวกมัน ไม่เหมือนคิดจะถอยทัพเลยซักนิด ชิท สัตว์ประหลาดตัวเล็กพวกนี้ก็โหดร้ายพอกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อย่างอื่น ถึงจะเห็นพวกเดียวกันตายมากแค่ไหนก็ไม่มีทางยอมทิ้งอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปง่ายๆ…”

พอคำนี้หลุดออกไป มู่เฉินก็อยากจะตบปากตัวเองแรงๆ ซักครั้ง…ถึงเขาจะไม่หันไปมองเฮยซือ เขาก็รู้ว่ายัยเปี๊ยกต้องกำลังจ้องหน้าเขาเขม็งอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจกำลังเลียปากด้วยสีหน้าน่ากลัวอยู่ก็เป็นได้…

แต่พอเขาแอบเหลือบมองอย่างลุกลี้ลุกลน ก็พบว่ายัยเปี๊ยกที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าสังสัยกลับไม่ได้สนใจเขาเลย…แต่พอมองเลยเฮยซือไป คนที่อยู่ตรงนั้นคือ…หลิงม่อ!

“ถึงจะโล่งอกเบาๆ…แต่ทำไมรู้สึกอัปยศอย่างนี้ล่ะ…” มู่เฉินคิดอย่างสับสน

“ฮู่ว…ก็อาจเป็นไปได้…” หลิงม่อกลับปาดเหงื่อ แล้วพูดขึ้น

พอเขาพูดคำนี้ออกไป มู่เฉินและเย่ไคก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที

“แต่ว่าพวกเราฆ่าแมงมุมไปเยอะขนาดนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เลย” หลิงม่อบอก

เฮยซือเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย และหรี่ตากลมโต พูดเสียงใสว่า “อย่างน้อยก็บรรลุเป้าหมายไปสองข้อแล้ว หนึ่งคือก่อกวนแผนการของพวกมัน ค่อยๆ ปรับสถานการณ์ให้สูสีกัน สองคือ…ทำให้พวกมันกลัว”

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…” เย่ไคพลันกระจ่าง…ก็จริง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้กำแพงเพลิง หรือลักษณะภูมิประเทศก็ตาม อาศัยแค่พวกเขาสี่คนก็สามารถต้านทานฝูงแมงมุมระลอกแรกได้แล้ว แค่เรื่องนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว และสาเหตุที่หลิงม่อใช้ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดในช่วงท้ายสุด เกรงว่าเขาก็คงใคร่ครวญมาตั้งแต่แรกแล้ว…หากทำอย่างนี้ทั้งสามารถทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว แล้วยังสามารถทำให้สมาชิกในทีมต่อสู้ได้นานขึ้นด้วย…อยู่กับคนที่มีความคิดรอบคอบอย่างนี้ แน่นอนย่อมต้องเผชิญหน้ากับอันตรายไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันอัตรารอดชีวิตก็มากขึ้นเช่นกัน

อีกทั้งนอกจากหลิงม่อจะมองการณ์ไกลแล้ว เมื่อกี้เขายังแสดงให้เห็นถึงพลังความสามารถที่ประหลาดและแข็งแกร่งอย่างนั้น…พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เย่ไคก็ลอบทำน้ำตาเช็ดหัวเข่า…แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่เขาจะสู้หลิงม่อได้กันเล่า!

เวลานี้ หลิงม่อจ้องไปนอกแนวกำแพงเพลิง ในใจพลางหวนนึกถึงสภาวะของตัวเองเมื่อกี้ เมื่อกี้เขาไม่ได้เพียงทำสองเรื่องในเวลาเดียวกัน เกรงว่าจะทำเป็นสิบเรื่องพร้อมกันด้วยซ้ำ…ดูท่าว่าการกลายพันธุ์ครั้งนี้นอกจากจะทำให้เขาสร้างร่างดวงจิตขึ้นมาได้หนึ่งตัวแล้ว ยังทำให้เขาสามารถควบคุมหุ่นซอมบี้ได้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

พอลองนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์อย่างนี้ได้ อาจเป็นเพราะหลังจากที่เสี่ยวเฮยแยกตัวออกมาอย่างอิสระ เขาก็เหมือนกับมีดวงแสงแห่งจิตแยกออกมาอีกหนึ่งดวง ภายใต้การใช้งานดวงแสงสองดวงพร้อมกัน จึงทำให้การตอบสนองต่อการออกคำสั่งในสมองรวมถึงการใช้พลังพิเศษรวดเร็วขึ้นหลายเท่า แต่หากอยากให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ กลับต้องให้เสี่ยวเฮยวิวัฒนาการต่อไปถึงจะได้…ถ้าหากเวลานี้เสี่ยวเฮยเป็นร่างสมบูรณ์ ไม่แน่ว่า…เขาคนเดียวก็อาจต้านทานได้นานถึงขนาดนี้…

“เรื่องที่ยังไม่มีคำตอบอย่างนี้อย่าเพิ่งไปคิดเลยดีกว่า ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องที่อยู่ตรงหน้า…แต่จะว่าไปแล้ว ทำไมพอถึงเวลาต่อสู้ หัวใจถึงได้ตื่นเต้นขึ้นมาง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ…” หลิงม่อยกมือทาบหน้าอกเงียบๆ…เพียงแต่พอนิ้วมือแตะถูกหน้าอกเล็กน้อย เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนทันที อีกทั้งเสียงหัวใจเต้น “ตึกตักๆ” ก็ดังก้องอยู่ในสมองของเขา

ความรู้สึกอย่างนี้ เหมือนกับว่าหัวใจมีเสียงของตัวมันเอง และมันก็กำลังค่อยๆ ถูกปลุกตื่นอยู่ในตัวของหลิงม่อ…

เขาเหลือบมองแมงมุมตัวเล็กพวกนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็พลันนึกถึงเจ้าตัวใหญ่นั่น…เพียงแต่สิ่งที่ต่างจากบลัดมาเธอร์คือ “แมงมุม” ที่เรียกได้ว่าเป็น “ราชินี” เหมือนกันตัวนั้น โดยเนื้อแท้แล้วยังเป็นซอมบี้กลายพันธุ์อยู่…

“ตกลงว่านี่ใช่สัญญาณแห่งความตายไหมเนี่ย…” หลิงม่อนึกปวดหัว…ทว่าดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เวลาที่หัวใจเขามีอาการอย่างนี้ กลับทำให้เขาสามารถรวบรวมพลังจิตได้ดีขึ้น แต่ถึงแม้จะยังไม่เผยผลข้างเคียงถึงชีวิตให้เห็น แต่พอเห็นว่า “ตราประทับ” นี้ยากควบคุมขึ้นเรื่อยๆ หลิงม่อก็อดกลัวไม่ได้ และการจะกำจัดสิ่งน่าสงสัยที่แฝงอยู่ในตัวอย่างนี้ออกไป เกรงว่าคงมีเพียงวิธีเดียว คือต้องตามหาผุ้ริเริ่มนั่นเอง…

“หัวหน้า! พวกมันขยับแล้ว!”

จางซินเฉิงตะโกนเสียงดังลงมาจากบนหลังคา ทำให้พวกหลิงม่อที่เพิ่งจะหายใจเป็นปกติยืนเกร็งทันที

เวลานี้ แมงมุมจำนวนมากได้ล้อมเข้ามาจากอีกสามทิศ ทีมสังเกตการณ์เองก็ถูกบีบให้ถอยกลับเข้ามาในอาคารโรงงาน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกหลิงม่อถูกแมงมุมพวกนี้โจมตีจากบนหลังคา จางซินเฉิงยังคงยืนหยัดยืนป้องกันอยู่บนหลังคา อาศัยความคล่องแคล่วของร่างกายถ่วงเวลาออกไปให้ได้นานที่สุด เวลานี้ สวี่ซูหานกระโดดขึ้นไป หนึ่งคนหนึ่งซอมบี้จึงฝืนควบคุมสถานการณ์บนหลังคาได้ชั่วคราวแล้ว ทว่าไม่ช้าก็นาน พวกมันต้องฝ่าวงล้อมเข้ามาได้สำเร็จในที่สุดแน่นอน

ไม่เพียงเท่านี้ กำแพงเพลิงก็ค่อยๆ ดับมอดแล้ว นอกจากอีกสามด้านที่ตั้งใจเพิ่มเชื้อเพลิงเป็นพิเศษ กำแพงเพลิงด้านหน้าเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ นั่นทำให้ทุกคนเริ่มกดดันขึ้นมาอีกครั้ง

แต่แมงมุมพวกนั้น กลับเลือกที่จะเคลื่อนไหวในเวลานี้…

“แม่เอ็ง…ยังไม่จบใช่ไหม…” เย่ไคปาดเหงื่อแรงๆ พลางก่นด่า

แต่ที่ทำให้ทุกคนผิดคาดก็คือ ถึงแม้ว่าเหล่าแมงมุมพวกนั้นจะกำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แต่กลับไม่มีท่าทีจะพุ่งเข้ามาโจมตีโดยตรง

หลังความโกลาหลผ่านไป พวกมันกลับค่อยๆ แหวกทางออก…

ขณะที่ทุกคนอึ้งปากอ้าตาค้าง เฮยซือกลับขมวดคิ้ว ตะโกนเสียงดัง “แย่แล้ว! พวกมันกำลังจับตัวกันเป็นก้อน!”

“จับตัวกันเป็นก้อน?” พวกมู่เฉินต่างพากันตกใจ รีบหรี่ตามองออกไปทันที

ถึงแม้สายตาของทุกคนจะไม่ได้ดีเท่าเฮยซือ แต่พวกเขาก็ค่อยๆ เห็นชัดขึ้น…เฮยซือพูดถูก บนลายกว้างในโรงงาน แมงมุมพวกนั้นกำลังจับตัวกันเป็นลูกบอลเล็กๆ มากมาย…และลูกบอลเหล่านั้นก็กลิ้งไปรวมกันอีกที กลายเป็นบอลที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น…สุดท้ายด้านหลังกำแพงเพลิง พลันปรากฏลูกบอลแบบเดียวกันเกือบสามสิบลูกเลยทีเดียว…

“เชี่ย! นั่นมันอะไรวะ!” อวี่เหวินซวนเองก็ร้องออกมาอย่างตกตะลึง

แค่วัดด้วยสายตาเส้นผ่าศูนย์กลางของ “ลูกบอล” เหล่านี้ก็ประมาณหนึ่งเมตรแล้ว ดูท่าคงรวมแมงมุมที่อยู่รอบๆ เข้าด้วยกันหมดแล้ว…อีกทั้งพวกมันอาจดูเหมือนเป็นลูกบอลสีดำ แต่ภายใต้ประกายเพลิงที่ทอดส่อง บนลูกบอลเหล่านั้นกลับเห็นร่องรอยของเหล่าแมงมุมพวกนั้นที่กำลังไต่ขยับอย่างรวดเร็ว…พวกมันจดจ้องมายังพวกเขา ผ่านเปลวเพลิงบางๆ ชั้นนั้น…

ภาพนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างขนลุกด้วยความหวาดกลัว…

“จะ…ใจเย็นหน่อย…” มู่เฉินพูดเสียงเบาอย่างไม่อาจควบคุม เขาพูดว่า “คิดในแง่ดี…อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ได้รวมตัวกันเป็นบอลลูกใหญ่ลูกเดียวนี่…”

“กะ…ก็จริง…” เย่ไคลอบกลืนน้ำลาย พยักหน้าบอก

หลิงม่อกลับพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่อยาก แต่เป็นเพราะคนที่ควบคุมพวกมันอยู่ไม่ได้มีแค่คนเดียวต่างหาก…หรือพูดให้ถูกก็คือ ความจริงแล้วพวกมันกำลังถูกแมงมุมตัวใหญ่พวกนั้นควบคุมอยู่…”

“งั้นถ้าพวกเราหาแมงมุมตัวใหญ่พวกนั้นเจอ…”

มู่เฉินเพิ่งจะคิดอย่างโลกสวยได้ประโยคเดียว ก็ถูกเฮยซือตัดบทอย่างไร้เยื้อใย “จะหายังไง? เยอะขนาดนั้น”

“อื่ม แทนที่จะหาแมงมุม…สู้ตามหาคนที่ควบคุมแมงมุมใหญ่พวกนั้นกับแมงมุมตัวผู้ไม่ดีกว่าหรอ…” หลิงม่อพูดเสียงเย็นชา

“หัวหน้าหมายถึง…แต่ว่าเรายังไม่เห็นเงาคนพวกนั้นเลยเหมือนกันนี่…” มู่เฉิน

หลิงม่อไม่พูดอะไร…เขารอไม้ตายของอีกฝ่ายมาโดยตลอด เพราะมีแค่โอกาสนี้เท่านั้น แผนสำรองของเขาถึงจะใช้ได้ผล…

บนถนน ร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้เหล่านั้นเพิ่งจะหายเหนื่อยล้าได้ชั่วอึดใจ…

บนถนนอันกว้างใหญ่และเคว้งคว้าง เหลือเพียงพวกเขายืนอยู่กลุ่มเดียว

หนึ่งในกลุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น พลางอ้าปากสบถคำหยาบ “เชี่ย…ตั้งแต่ที่ซอมบี้ในเมืองนี้ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเหนื่อยแทบตายขนาดนี้ ถูกดูดเลือดครั้งนี้ ไม่รู้อายุขัยจะลดลงไปอีกกี่ปี”

“เอาเป็นว่าคนพวกนั้นก็ถูกล้อมตายอยู่ที่นี่แล้ว อีกเดี๋ยวพอจับได้ ก็ค่อยๆ ทรมานพวกมัน!” ชายอีกคนพูดขึ้น

หนึ่งในกลุ่มแค่นเสียงไม่พอใจ บอกว่า “เป็นเพราะเจ้าลู่เหรินโง่เง่าแท้ๆ…ถ้าฉันเป็นมัน จะแอบปล่อยแมงมุมตัวใหญ่เข้าไปตัวหนึ่ง ฉวยโอกาสตอนที่พวกนั้นหลับกัดทีละคนๆ ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยพิษใส่อาหารของพวกมัน ไร้ประโยชน์จริงๆ ตัวเองทำงานไม่ดีกลับทำให้พวกเราต้องพลอยเหนื่อย…”

“คิกๆ แกนี่จิตใจโหดเหี้ยมไม่เบาเลยนะ…ดูไม่ออกจริงๆ…” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย

ดูออกได้ไม่ยาก ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ พวกเขาผ่อนคลายไม่น้อย…

มีบางคนถึงขนาดล้วงบุหรี่ออกมา เดินไปหยุดข้างรถยนต์คันหนึ่ง ยืนพิงแล้วจุดบุหรี่…

แต่เมื่อเสียงไฟแช็กดัง “แช็ก” ท่ามกลางประกายไฟ เลือดสดๆ สายหนึ่งพลันกระจายอาบไปทั่วตัวรถ…

—————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1069 นักฆ่ายามราตรี

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1069 นักฆ่ายามราตรี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลายวินาทีต่อมา ทันใดนั้น เหล่าร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้พลันหยุดเคลื่อนไหว…

ขณะเดียวกัน เหล่าแมงมุมที่กรูกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ก็หยุดชะงักไปทันทีเช่นกัน

และพวกมันก็ไม่คิดจะซ่อนตัวอีกครั้ง เพียงแค่หยุดอยู่ห่างจากกำแพงเพลิงและล้อมอาคารโรงงานแห่งนี้ไว้เงียบๆ เท่านั้น มองลอดประกายเพลิงที่ลุกไหวโชติช่วง มองเห็นระลอกคลื่นสีดำเบียดแน่น รวมถึงจุดแสงสีแดงที่ประระยิบระยับเป็นครั้งคราว…

ในโรงงานที่อยู่ๆ ทุกสิ่งก็เงียบสงัดกะทันหัน ชั่วขณะหนึ่งได้ยินเพียงเสียงศพแมงมุมถูกแผดเผาในเปลวเพลิง รวมถึงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของทุกคน

“แม่เอ็ง…ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงไม่ขยับแล้วล่ะ?”

เย่ไคถือมีดไว้ด้วยแขนที่เริ่มเหน็บชา พลางถามขึ้นด้วยสภาพเหงื่อโชกหน้า

มู่เฉินที่อยู่อีกด้านก็มองออกไปนอกกำแพงเพลิงอย่างสงสัย ปากก็พึมพำว่า “ไม่ร็สิ…บอกตามตรง ตอนนี้สมองฉันขาวโพลนไปหมดแล้ว…”

“ไม่ต้องห่วงหรอก สมองนายมันขาวโพลนมาแต่แรกอยู่แล้ว…” เฮยซือยังคงพูดเสียงเจื้อยแจ้ว

หลังถูกยัยเปี๊ยกสบประมาทอย่างนี้ มู่เฉินกับเย่ไคถึงค่อยได้สติกลับคืนมา เมื่อกี้ถ้าหากไม่ใช่หลิงม่อ เกรงว่าด่านป้องกันนี้คงแตกพ่ายไปแล้ว และศพที่ร่วงอยู่ข้างเท้าของเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนี้ ก็มีมากจนน่าทึ่ง เมื่อเทียบกับพวกเขา “สัตว์ประหลาด” ตัวเล็กหนึ่งตัวใหญ่หนึ่ง กลับดูผ่อนคลายกว่าพวกเขามาก …

อีกทั้ง พวกเขาเพิ่งจะรอดพ้นมาจากสถานการณ์เสี่ยงชีวิต แต่ยัยตัวเล็กนี่กลับดูผ่อนคลายถึงขนาดนี้…

มู่เฉินเลียริมฝีปาก แล้วสบตากับเย่ไคชั่วขณะ…

ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ สินะ…

“ใช่สิ พวกมันคงไม่ได้คิดจะกระโจนเข้ามาพร้อมกันทีเดียวหรอกนะ?” อยู่ๆ อวี่เหวินซนก็เปลี่ยนเรื่อง ถามขึ้นทันที

พอเขาเปลี่ยนเรื่อง มู่เฉินกระดกคิ้วและได้สติกลับมาอีกครั้ง รีบถอนสายตากลับไป และพูดอย่างเห็นด้วย “จะ…จริงด้วย…ดูท่าทางของพวกมัน ไม่เหมือนคิดจะถอยทัพเลยซักนิด ชิท สัตว์ประหลาดตัวเล็กพวกนี้ก็โหดร้ายพอกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อย่างอื่น ถึงจะเห็นพวกเดียวกันตายมากแค่ไหนก็ไม่มีทางยอมทิ้งอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปง่ายๆ…”

พอคำนี้หลุดออกไป มู่เฉินก็อยากจะตบปากตัวเองแรงๆ ซักครั้ง…ถึงเขาจะไม่หันไปมองเฮยซือ เขาก็รู้ว่ายัยเปี๊ยกต้องกำลังจ้องหน้าเขาเขม็งอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจกำลังเลียปากด้วยสีหน้าน่ากลัวอยู่ก็เป็นได้…

แต่พอเขาแอบเหลือบมองอย่างลุกลี้ลุกลน ก็พบว่ายัยเปี๊ยกที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าสังสัยกลับไม่ได้สนใจเขาเลย…แต่พอมองเลยเฮยซือไป คนที่อยู่ตรงนั้นคือ…หลิงม่อ!

“ถึงจะโล่งอกเบาๆ…แต่ทำไมรู้สึกอัปยศอย่างนี้ล่ะ…” มู่เฉินคิดอย่างสับสน

“ฮู่ว…ก็อาจเป็นไปได้…” หลิงม่อกลับปาดเหงื่อ แล้วพูดขึ้น

พอเขาพูดคำนี้ออกไป มู่เฉินและเย่ไคก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที

“แต่ว่าพวกเราฆ่าแมงมุมไปเยอะขนาดนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เลย” หลิงม่อบอก

เฮยซือเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย และหรี่ตากลมโต พูดเสียงใสว่า “อย่างน้อยก็บรรลุเป้าหมายไปสองข้อแล้ว หนึ่งคือก่อกวนแผนการของพวกมัน ค่อยๆ ปรับสถานการณ์ให้สูสีกัน สองคือ…ทำให้พวกมันกลัว”

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…” เย่ไคพลันกระจ่าง…ก็จริง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้กำแพงเพลิง หรือลักษณะภูมิประเทศก็ตาม อาศัยแค่พวกเขาสี่คนก็สามารถต้านทานฝูงแมงมุมระลอกแรกได้แล้ว แค่เรื่องนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว และสาเหตุที่หลิงม่อใช้ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดในช่วงท้ายสุด เกรงว่าเขาก็คงใคร่ครวญมาตั้งแต่แรกแล้ว…หากทำอย่างนี้ทั้งสามารถทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว แล้วยังสามารถทำให้สมาชิกในทีมต่อสู้ได้นานขึ้นด้วย…อยู่กับคนที่มีความคิดรอบคอบอย่างนี้ แน่นอนย่อมต้องเผชิญหน้ากับอันตรายไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันอัตรารอดชีวิตก็มากขึ้นเช่นกัน

อีกทั้งนอกจากหลิงม่อจะมองการณ์ไกลแล้ว เมื่อกี้เขายังแสดงให้เห็นถึงพลังความสามารถที่ประหลาดและแข็งแกร่งอย่างนั้น…พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เย่ไคก็ลอบทำน้ำตาเช็ดหัวเข่า…แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่เขาจะสู้หลิงม่อได้กันเล่า!

เวลานี้ หลิงม่อจ้องไปนอกแนวกำแพงเพลิง ในใจพลางหวนนึกถึงสภาวะของตัวเองเมื่อกี้ เมื่อกี้เขาไม่ได้เพียงทำสองเรื่องในเวลาเดียวกัน เกรงว่าจะทำเป็นสิบเรื่องพร้อมกันด้วยซ้ำ…ดูท่าว่าการกลายพันธุ์ครั้งนี้นอกจากจะทำให้เขาสร้างร่างดวงจิตขึ้นมาได้หนึ่งตัวแล้ว ยังทำให้เขาสามารถควบคุมหุ่นซอมบี้ได้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

พอลองนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์อย่างนี้ได้ อาจเป็นเพราะหลังจากที่เสี่ยวเฮยแยกตัวออกมาอย่างอิสระ เขาก็เหมือนกับมีดวงแสงแห่งจิตแยกออกมาอีกหนึ่งดวง ภายใต้การใช้งานดวงแสงสองดวงพร้อมกัน จึงทำให้การตอบสนองต่อการออกคำสั่งในสมองรวมถึงการใช้พลังพิเศษรวดเร็วขึ้นหลายเท่า แต่หากอยากให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ กลับต้องให้เสี่ยวเฮยวิวัฒนาการต่อไปถึงจะได้…ถ้าหากเวลานี้เสี่ยวเฮยเป็นร่างสมบูรณ์ ไม่แน่ว่า…เขาคนเดียวก็อาจต้านทานได้นานถึงขนาดนี้…

“เรื่องที่ยังไม่มีคำตอบอย่างนี้อย่าเพิ่งไปคิดเลยดีกว่า ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องที่อยู่ตรงหน้า…แต่จะว่าไปแล้ว ทำไมพอถึงเวลาต่อสู้ หัวใจถึงได้ตื่นเต้นขึ้นมาง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ…” หลิงม่อยกมือทาบหน้าอกเงียบๆ…เพียงแต่พอนิ้วมือแตะถูกหน้าอกเล็กน้อย เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนทันที อีกทั้งเสียงหัวใจเต้น “ตึกตักๆ” ก็ดังก้องอยู่ในสมองของเขา

ความรู้สึกอย่างนี้ เหมือนกับว่าหัวใจมีเสียงของตัวมันเอง และมันก็กำลังค่อยๆ ถูกปลุกตื่นอยู่ในตัวของหลิงม่อ…

เขาเหลือบมองแมงมุมตัวเล็กพวกนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็พลันนึกถึงเจ้าตัวใหญ่นั่น…เพียงแต่สิ่งที่ต่างจากบลัดมาเธอร์คือ “แมงมุม” ที่เรียกได้ว่าเป็น “ราชินี” เหมือนกันตัวนั้น โดยเนื้อแท้แล้วยังเป็นซอมบี้กลายพันธุ์อยู่…

“ตกลงว่านี่ใช่สัญญาณแห่งความตายไหมเนี่ย…” หลิงม่อนึกปวดหัว…ทว่าดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เวลาที่หัวใจเขามีอาการอย่างนี้ กลับทำให้เขาสามารถรวบรวมพลังจิตได้ดีขึ้น แต่ถึงแม้จะยังไม่เผยผลข้างเคียงถึงชีวิตให้เห็น แต่พอเห็นว่า “ตราประทับ” นี้ยากควบคุมขึ้นเรื่อยๆ หลิงม่อก็อดกลัวไม่ได้ และการจะกำจัดสิ่งน่าสงสัยที่แฝงอยู่ในตัวอย่างนี้ออกไป เกรงว่าคงมีเพียงวิธีเดียว คือต้องตามหาผุ้ริเริ่มนั่นเอง…

“หัวหน้า! พวกมันขยับแล้ว!”

จางซินเฉิงตะโกนเสียงดังลงมาจากบนหลังคา ทำให้พวกหลิงม่อที่เพิ่งจะหายใจเป็นปกติยืนเกร็งทันที

เวลานี้ แมงมุมจำนวนมากได้ล้อมเข้ามาจากอีกสามทิศ ทีมสังเกตการณ์เองก็ถูกบีบให้ถอยกลับเข้ามาในอาคารโรงงาน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกหลิงม่อถูกแมงมุมพวกนี้โจมตีจากบนหลังคา จางซินเฉิงยังคงยืนหยัดยืนป้องกันอยู่บนหลังคา อาศัยความคล่องแคล่วของร่างกายถ่วงเวลาออกไปให้ได้นานที่สุด เวลานี้ สวี่ซูหานกระโดดขึ้นไป หนึ่งคนหนึ่งซอมบี้จึงฝืนควบคุมสถานการณ์บนหลังคาได้ชั่วคราวแล้ว ทว่าไม่ช้าก็นาน พวกมันต้องฝ่าวงล้อมเข้ามาได้สำเร็จในที่สุดแน่นอน

ไม่เพียงเท่านี้ กำแพงเพลิงก็ค่อยๆ ดับมอดแล้ว นอกจากอีกสามด้านที่ตั้งใจเพิ่มเชื้อเพลิงเป็นพิเศษ กำแพงเพลิงด้านหน้าเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ นั่นทำให้ทุกคนเริ่มกดดันขึ้นมาอีกครั้ง

แต่แมงมุมพวกนั้น กลับเลือกที่จะเคลื่อนไหวในเวลานี้…

“แม่เอ็ง…ยังไม่จบใช่ไหม…” เย่ไคปาดเหงื่อแรงๆ พลางก่นด่า

แต่ที่ทำให้ทุกคนผิดคาดก็คือ ถึงแม้ว่าเหล่าแมงมุมพวกนั้นจะกำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แต่กลับไม่มีท่าทีจะพุ่งเข้ามาโจมตีโดยตรง

หลังความโกลาหลผ่านไป พวกมันกลับค่อยๆ แหวกทางออก…

ขณะที่ทุกคนอึ้งปากอ้าตาค้าง เฮยซือกลับขมวดคิ้ว ตะโกนเสียงดัง “แย่แล้ว! พวกมันกำลังจับตัวกันเป็นก้อน!”

“จับตัวกันเป็นก้อน?” พวกมู่เฉินต่างพากันตกใจ รีบหรี่ตามองออกไปทันที

ถึงแม้สายตาของทุกคนจะไม่ได้ดีเท่าเฮยซือ แต่พวกเขาก็ค่อยๆ เห็นชัดขึ้น…เฮยซือพูดถูก บนลายกว้างในโรงงาน แมงมุมพวกนั้นกำลังจับตัวกันเป็นลูกบอลเล็กๆ มากมาย…และลูกบอลเหล่านั้นก็กลิ้งไปรวมกันอีกที กลายเป็นบอลที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น…สุดท้ายด้านหลังกำแพงเพลิง พลันปรากฏลูกบอลแบบเดียวกันเกือบสามสิบลูกเลยทีเดียว…

“เชี่ย! นั่นมันอะไรวะ!” อวี่เหวินซวนเองก็ร้องออกมาอย่างตกตะลึง

แค่วัดด้วยสายตาเส้นผ่าศูนย์กลางของ “ลูกบอล” เหล่านี้ก็ประมาณหนึ่งเมตรแล้ว ดูท่าคงรวมแมงมุมที่อยู่รอบๆ เข้าด้วยกันหมดแล้ว…อีกทั้งพวกมันอาจดูเหมือนเป็นลูกบอลสีดำ แต่ภายใต้ประกายเพลิงที่ทอดส่อง บนลูกบอลเหล่านั้นกลับเห็นร่องรอยของเหล่าแมงมุมพวกนั้นที่กำลังไต่ขยับอย่างรวดเร็ว…พวกมันจดจ้องมายังพวกเขา ผ่านเปลวเพลิงบางๆ ชั้นนั้น…

ภาพนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างขนลุกด้วยความหวาดกลัว…

“จะ…ใจเย็นหน่อย…” มู่เฉินพูดเสียงเบาอย่างไม่อาจควบคุม เขาพูดว่า “คิดในแง่ดี…อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ได้รวมตัวกันเป็นบอลลูกใหญ่ลูกเดียวนี่…”

“กะ…ก็จริง…” เย่ไคลอบกลืนน้ำลาย พยักหน้าบอก

หลิงม่อกลับพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่อยาก แต่เป็นเพราะคนที่ควบคุมพวกมันอยู่ไม่ได้มีแค่คนเดียวต่างหาก…หรือพูดให้ถูกก็คือ ความจริงแล้วพวกมันกำลังถูกแมงมุมตัวใหญ่พวกนั้นควบคุมอยู่…”

“งั้นถ้าพวกเราหาแมงมุมตัวใหญ่พวกนั้นเจอ…”

มู่เฉินเพิ่งจะคิดอย่างโลกสวยได้ประโยคเดียว ก็ถูกเฮยซือตัดบทอย่างไร้เยื้อใย “จะหายังไง? เยอะขนาดนั้น”

“อื่ม แทนที่จะหาแมงมุม…สู้ตามหาคนที่ควบคุมแมงมุมใหญ่พวกนั้นกับแมงมุมตัวผู้ไม่ดีกว่าหรอ…” หลิงม่อพูดเสียงเย็นชา

“หัวหน้าหมายถึง…แต่ว่าเรายังไม่เห็นเงาคนพวกนั้นเลยเหมือนกันนี่…” มู่เฉิน

หลิงม่อไม่พูดอะไร…เขารอไม้ตายของอีกฝ่ายมาโดยตลอด เพราะมีแค่โอกาสนี้เท่านั้น แผนสำรองของเขาถึงจะใช้ได้ผล…

บนถนน ร่างปรสิตแมงมุมตัวผู้เหล่านั้นเพิ่งจะหายเหนื่อยล้าได้ชั่วอึดใจ…

บนถนนอันกว้างใหญ่และเคว้งคว้าง เหลือเพียงพวกเขายืนอยู่กลุ่มเดียว

หนึ่งในกลุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น พลางอ้าปากสบถคำหยาบ “เชี่ย…ตั้งแต่ที่ซอมบี้ในเมืองนี้ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเหนื่อยแทบตายขนาดนี้ ถูกดูดเลือดครั้งนี้ ไม่รู้อายุขัยจะลดลงไปอีกกี่ปี”

“เอาเป็นว่าคนพวกนั้นก็ถูกล้อมตายอยู่ที่นี่แล้ว อีกเดี๋ยวพอจับได้ ก็ค่อยๆ ทรมานพวกมัน!” ชายอีกคนพูดขึ้น

หนึ่งในกลุ่มแค่นเสียงไม่พอใจ บอกว่า “เป็นเพราะเจ้าลู่เหรินโง่เง่าแท้ๆ…ถ้าฉันเป็นมัน จะแอบปล่อยแมงมุมตัวใหญ่เข้าไปตัวหนึ่ง ฉวยโอกาสตอนที่พวกนั้นหลับกัดทีละคนๆ ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยพิษใส่อาหารของพวกมัน ไร้ประโยชน์จริงๆ ตัวเองทำงานไม่ดีกลับทำให้พวกเราต้องพลอยเหนื่อย…”

“คิกๆ แกนี่จิตใจโหดเหี้ยมไม่เบาเลยนะ…ดูไม่ออกจริงๆ…” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย

ดูออกได้ไม่ยาก ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ พวกเขาผ่อนคลายไม่น้อย…

มีบางคนถึงขนาดล้วงบุหรี่ออกมา เดินไปหยุดข้างรถยนต์คันหนึ่ง ยืนพิงแล้วจุดบุหรี่…

แต่เมื่อเสียงไฟแช็กดัง “แช็ก” ท่ามกลางประกายไฟ เลือดสดๆ สายหนึ่งพลันกระจายอาบไปทั่วตัวรถ…

—————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+