แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1054 อะไรที่ชอบจินตนาการส่งเดชมักน่ากลัวกว่าเสมอ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1054 อะไรที่ชอบจินตนาการส่งเดชมักน่ากลัวกว่าเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใกล้พลบค่ำ ในโรงงานยังคงเงียบงันไร้เสียง…ดูผิวเผิน ก็เหมือนทุกอย่างเป็นปกติดี

เย่ไคกับจางซินเฉิงยังคงยืนเฝ้าอยู่ที่ลานจอดรถ ส่วนพวกกู่ซวงซวงก็ได้ไปรวมตัวกันอยู่บนลานกว้างเล็กๆ หน้าอาคารโรงงาน พวกอวี่เหวินซวนกำลังสังเกตรอบข้างอย่างระแวดระวัง พลางลอบมองไปทางอาคารเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปเป็นระยะ

“ทุกคนฟังให้ดี” มู่เฉินนั่งยองๆ ลงกลางวงล้อม พูดเสียงเบา “ถึงแม้ตอนนี้พวกเรากำลังสวมบทเป็นทีมช่วยเหลือที่กำลังตามหาจางเส่ออยู่…แต่ว่าทุกคนห้ามเข้าออกอาคารโรงงานสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน และส่งผลกระทบต่อการดำเนินแผนการ นอกจากนี้…เฮยซืออาจได้รับสัญญาณที่ถูกส่งมาจากหัวหน้าทุกเมื่อ ดังนั้นพวกเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ตลอดเวลา…”

เมื่อสิ้นเสียงพูดของเขา ทุกคนก็หันไปมองเฮยซือที่นั่งพิงอยู่ตรงมุมกำแพง ตอนนี้ยัยหมาตัวกะเปี๊ยกสวมใส่เสื้อผ้าลำลองที่เช้าชุดกัน แล้วยังใส่หมวกบาเร่ต์ และยัดผมยาวๆ เข้าไปข้างในจนหมด

ไม่ไกลจากเธอ เจ้าลิงผอมที่ไม่ได้สตินอนอยู่ตรงนั้น รวมถึงอวี่เหวินซวนที่กำลังเฝ้าเขาอยู่

พอรับรู้ถึงสายตาทุกคน เฮยซือยกมือดันหมวกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กอดอกแค่นเสียงพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “ถ้าได้รับสัญญาณเมื่อไหร่ ฉันจะบอกเอง…” เท่านั้นไม่พอ มันยังบ่นพึมพำอย่างเจ็บใจ “ชิ ก็แค่ตัวเล็กลงนิดหน่อยเอง ไม่คิดเลยว่าจะใช้ฉันเป็นวิทยุสื่อสารแบบนี้…รู้จักไหมคำว่าเสียของน่ะ! พวกชอบดูถูกคนที่อยู่ต่ำกว่า…”

“เหมือนว่าเสี่ยวเฮยซือจะอยากเข้าร่วมทีมซุ่มโจมตีมากเลยนะ…แต่ว่าหลิงม่อบอกไว้แล้วไม่ใช่หรอ ว่าคนเยอะจะทำให้ถูกเห็นได้ง่าย พวกเราต้องเปิดทางให้สัตว์ประหลาดพวกนั้นลอบโจมตีเรานะ…” สวี่ซูหานที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินเธอบ่นรางๆ จึงอดยิ้มเจื่อนและปลอบใจมันไม่ได้ เธอมองออกนานแล้วว่านี่ไม่ใช่เด็กผู้หญิงทั่วไป แต่ถ้าแยกแยะจากกลิ่น ก็ไม่เหมือนซอมบี้อีก…ข้างกายหลิงม่อ มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์จริงๆ…

“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ด้วยพลังความสามารถของฉัน ไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว…เรียกใครเสี่ยวเฮยซือน่ะ!”

“หา อ้อ ขอโทษที เธอไม่ชอบหรอ? ถ้างั้น เสี่ยวซือซือ?”

“ตัดคำว่า ‘เสี่ยว’ ทิ้งไปเลย! จริงๆ เลย…มนุษย์ชอบคิดไปเองว่าถ้าเรียกสัตว์เลี้ยงว่าเจ้าแมวน้อย เจ้าหมาน้อย แล้วสัตว์เลี้ยงจะมองพวกเขาด้วยหน้าตาใสซื่อ…แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงของเธอเป็นสุนัขนักล่า การเรียกแบบนี้ก็เท่ากับดูถูกศักดิ์ศรีของพวกเขา! จำไว้ด้วย! หมาก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน!” เฮยซือพูดอย่างขุ่นเคือง (คำว่าเสี่ยว แปลว่า เล็ก หรือน้อย มักใช้เรียกนำหน้าชื่อเด็ก หรือสิ่งที่น่าเอ็นดู)

สวี่ซูหานหางตากระตุกยิกๆ พูดเสียงเบาว่า “ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าฉันคงต้อง…ขอโทษเธอจริงๆ…”

“ในเมื่อเธอขอโทษ ก็ช่างมันเถอะ…แต่ได้ยินมาว่าเธอชอบแอบดักฟังคนอื่นไม่ใช่หรอ? ว่ายังไงล่ะ มีอะไรน่าสนใจให้ฉันฟังบ้างไหม?” เฮยซือถูฝ่ามือไปมา ดวงหน้าเอิบอิ่มอ่อนเยาว์ของมันพลันปรากฏรอยยิ้มประหลาด

“เธอพูดให้ฉันดูเหมือนโรคจิตได้หน้าตาเฉยเลยนะ…อีกอย่างทำเป็นบอกว่ายกโทษให้ฉัน แต่ที่จริงถือโอกาสต่อรองอยู่สินะ…” สวี่ซูหานพลันรู้ตัวว่าเธอเลือกคู่สนทนาผิดเสียแล้ว…

นี่มันไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว! ไม่ว่าจะสายพันธุ์หรือนิสัย…ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว!

“ตาหลิงม่อบ้านั่น…ข้างกายมีแต่ซอมบี้กับสิ่งมีชีวิตประหลาดๆ อย่างนี้ก็แล้วไป แต่ทำไมแต่ละตัวถึงได้มีนิสัยที่พิสดารอย่างนี้ล่ะ! คนเรามักดึงดูดพวกเดียวกันสินะ!

“คงไม่ใช่ว่า…เรื่องที่เธอแอบดักฟังมีแต่ความลับที่บอกใครไม่ได้หรอกนะ…”

“ใช่ที่ไหนเล่า!”

…………

“ฮะ…ฮะ…”

ในอาคารเล็กหลังเดิม หลิงม่ออ้าปากกว้าง จากนั้นก็ยกมือขยี้จมูกสองสามที ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในห้องพักเก่าของเจ้าลิงผอม และซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินก็ซุ่มตัวอยู่ในนี้กับเขาด้วย หน้าต่างของห้องถูกเปิดแง้มไว้ แสงสว่างในห้องมืดสลัว

ได้ยินเสียง ซย่าน่าหันมามองเขา แล้วถาม “เป็นอะไรไป ยังนอนไม่อิ่มหรอ? ไหนบอกว่ากลายพันธุ์เสร็จแล้วไม่ใช่หรอ? ถึงแม้จะแค่ขั้นแรก…”

“เปล่าๆ…แค่อยากจามนิดหน่อยน่ะ…” หลิงม่อสูดลมหายใจลึกๆ แล้วตอบ

“ต้องมีคนกำลังสาปแช่งนายอยู่แน่ๆ” หลี่ย่าหลินพูดแทรก

“เป็นซอมบี้ก็เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ? ไหนจะเรื่องสาปแช่งอีก? ทำไมถึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนั้น!” หลิงม่อบ่นพึมพำสองสามคำ จากนั้นก็เดินไปข้างประตู ชะโงกหน้ามองออกไปข้างนอก ทางเดินยังคงเงียบงัน ไม่มีทั้งเสียง และเงาใดๆ ปรากฏ…

“เพราะว่ามีคนอยากให้พี่ตายเยอะไง…แน่นอนว่าบางคนก็คิดถึงพี่แทบตายเหมือนกัน” ซย่าน่ายื่นหน้าเข้ามาด้วย ขณะทเดียวกันก็พูดอย่างจริงจัง “แค่ที่ฉันรู้ก็มีหลายคนแล้วนะ…อย่างเช่นเหล่าหลัน…”

“ทำไมต้องเอาตาเฒ่ามายกตัวอย่างด้วย…พวกเธอสองคนให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ…”

หลิงม่อยกมือตบหัวเธอเบาๆ ขณะเดียวกันก็หันไปถามข้างหลังว่า “รุ่นพี่ ฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

หลี่ย่าหลินกำลังยืนชิดขอบหน้าต่าง หลับตาสนิทเพื่อใช้พลังสัมผัสรู้สถานการณ์ข้างนอก “ทุกอย่างปกติดี เปลี่ยน!”

“รับทราบ จะว่าไปแล้วเธอสอนพี่เขาพูดแบบนี้ใช่ไหม…” หลิงม่อตบหัวซย่าน่าอย่างหมั่นเขี้ยวอีกครั้ง

“ดูนั่นสิ พี่เย่เลี่ยนจะมาแล้ว” อยู่ๆ ซย่าน่าก็พูดขึ้น

แอ๊ดดด~~~

ประตูห้องที่อยู่อีกฝั่งของทางเดินค่อยๆ เปิดออก จากนั้นเงาร่างของเย่เลี่ยนก็ปรากฏตัวที่หน้าห้อง

หลิงม่อกระพริบตาหนึ่งครั้ง มุมมองสายตาก็ถูกสับเปลี่ยนไปทางนั้น — ทว่าเขาไม่ได้สับเปลี่ยนมุมมองสายตาไปที่เย่เลี่ยน แต่สับเปลี่ยนไปที่เงาซึ่งนอนอยู่บนเตียงแทน…

เย่เลี่ยนกำลังตรวจสอบครั้งสุดท้ายอยู่ เธอกวาดมองจากซ้ายไปขวาหนึ่งรอบ จากนั้นก็หันไปมองบนเตียงอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน มุมมองสายตาของหลิงม่อก็ได้สับเปลี่ยนไปที่เธอ

“ทำแบบนี้…จะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ…”

เย่เลี่ยนมองเงาบนเตียง แล้วพูดเสียงเบาอย่างสงสัย ถึงแม้เธอรับหน้าที่จัดฉากห้องนี้…แต่หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เธอก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี…

“ไม่เป็นไรหรอก…” หลิงม่อกลับบอกอย่างนี้ ตั้งแต่แรกที่เสนอแผนการนี้ เขาก็คิดไอเดียนี้ไว้แล้ว…

เงาคนที่พวกเขากำลังจ้องอยู่นั่น…ความจริงแล้ว คือหมอนที่ถูกสวมทับไว้ด้วยเสื้อผ้าของหลิงม่อ จากนั้นก็จัดฉากให้นอนอยู่ใต้ผ้าห่ม…

แต่ใน “มุมมองสายตา” ที่สามของหลิงม่อ เขายังมองเห็นาภพที่ต่างออกไปอีกแบบด้วย…

เงาเลือนรางที่ราวกับผุดขึ้นมาจากพื้นห้อง…เวลานี้ได้ขดตัวเป็นวงกลม และซ่อนตัวอยู่ในหมอนแล้ว

เมื่อเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะด้านพลังจิตสัมผัสรู้ หรือประสาทรับกลิ่น หมอนใบนั้นก็สามารถหลอกอีกฝ่ายได้แน่นอน…

ส่วนเสียง…ถ้าหากประสาทรับเสียงของอีกฝ่ายยอดเยี่ยมถึงขั้นได้ยินเสียงหายใจ ถ้าอย่างนั้นการซุ่มโจมตีของพวกเขาก็คงไร้ความหมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณารายละเอียดนี้

“พี่หลิง ที่พี่บอกว่าจะเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย หมายถึงอย่างนั้นหรอ?” ซย่าน่าถามเสียงเบา

“หรอ? ฉันเคยพูดอย่างนั้นหรอ?” หลิงม่อย้อนถาม

“คำพูดแบบนั้นมีใครพูดออกมาตรงๆ บ้างล่ะ…แต่พี่เอาแต่ทำหน้าขึงขัง ทุกคนก็ต้องเข้าใจอย่างนั้นอยู่แล้วสิ” ซย่าน่าบอก “โลกของผู้ใหญ่น่ากลัวจริงๆ…”

“น่ากลัวตรงไหน? เธอที่ชอบจินตนาการส่งเดชต่างหากที่น่ากลัวกว่า…”

“ถ้างั้นแล้วพี่เอามือมาวางไว้ที่ก้นฉันทำไม?”

“ตบเล่น”

ปัง!

เย่เลี่ยนปิดประตูห้องแล้ว จากนั้นเธอก็ค่อยๆ เดินมาทางพวกหลิงม่อ…ในมือเธอถือแก้วไว้ใบหนึ่ง ดูท่าทางเหมือนคนที่ตั้งใจจะเอาน้ำมาให้…ในด้านรายละเอียดยิบย่อย ซอมบี้สาวเหล่านี้กลับคิดวางแผนได้อย่างรอบคอบจนน่าประหลาดใจ…

“เธอคิดว่าพวกมันจะมีสติปัญญาสูงถึงขนาดนี้เลยหรอ?” หลิงม่อถาม

“ไม่รู้สิ…แต่ระวังไว้ก่อนไม่เสียหาย พี่ก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรอ? เหลือก็แต่ไม่ไปฉี่ใส่ในห้องนั้นแล้วนี่…” ซย่าน่าบอก

“มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทิ้งกลิ่นไว้ด้วยวิธีนั้นซักหน่อย…ถ้าในสมองมีความรู้มากเกินไปก็จัดระเบียบหน่อยเถอะ” หลิงม่อบอก

สิบวินาทีต่อมา เย่เลี่ยนเปิดประตูห้องเข้ามา

จำนวนคนในห้องเพิ่มเป็นสี่ทันที ซึ่งนั่นมากกว่าที่พวกเขาปรึกษากันไว้หนึ่งคน

แต่ความจริงหลังจากที่หลิงม่อเดินไปที่ข้างเตียง สำหรับผู้ลอบโจมตี พวกมันเพียงต้องระวังซอมบี้สามตัวที่กระจายตัวกันอยู่ในแต่ละมุมของห้องก็พอ…

“เอาล่ะ…กับดักเตรียมพร้อมแล้ว…”

หลิงม่อหลับตา ท่ามกลางความมืดมิด ดวงแสงแห่งจิตหลายดวงและจุดแสงอีกมากมายก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น…

“ทางนี้มีสี่ ในห้องนั้นมีหนึ่ง…ตรงรั้วด้านซ้ายหนึ่ง ที่รั้วด้านขวาอีกหนึ่ง…ลานจอดรถสอง อาคารโรงงานอีกหก…เหยื่อล่อที่อยู่ตัวคนเดียวเตรียมพร้อมสำหรับพวกแกแล้ว…”

เขาพลันลืมตา แล้วพูดเสียงเบา “มาเลย!”

—————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1054 อะไรที่ชอบจินตนาการส่งเดชมักน่ากลัวกว่าเสมอ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1054 อะไรที่ชอบจินตนาการส่งเดชมักน่ากลัวกว่าเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใกล้พลบค่ำ ในโรงงานยังคงเงียบงันไร้เสียง…ดูผิวเผิน ก็เหมือนทุกอย่างเป็นปกติดี

เย่ไคกับจางซินเฉิงยังคงยืนเฝ้าอยู่ที่ลานจอดรถ ส่วนพวกกู่ซวงซวงก็ได้ไปรวมตัวกันอยู่บนลานกว้างเล็กๆ หน้าอาคารโรงงาน พวกอวี่เหวินซวนกำลังสังเกตรอบข้างอย่างระแวดระวัง พลางลอบมองไปทางอาคารเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปเป็นระยะ

“ทุกคนฟังให้ดี” มู่เฉินนั่งยองๆ ลงกลางวงล้อม พูดเสียงเบา “ถึงแม้ตอนนี้พวกเรากำลังสวมบทเป็นทีมช่วยเหลือที่กำลังตามหาจางเส่ออยู่…แต่ว่าทุกคนห้ามเข้าออกอาคารโรงงานสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน และส่งผลกระทบต่อการดำเนินแผนการ นอกจากนี้…เฮยซืออาจได้รับสัญญาณที่ถูกส่งมาจากหัวหน้าทุกเมื่อ ดังนั้นพวกเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ตลอดเวลา…”

เมื่อสิ้นเสียงพูดของเขา ทุกคนก็หันไปมองเฮยซือที่นั่งพิงอยู่ตรงมุมกำแพง ตอนนี้ยัยหมาตัวกะเปี๊ยกสวมใส่เสื้อผ้าลำลองที่เช้าชุดกัน แล้วยังใส่หมวกบาเร่ต์ และยัดผมยาวๆ เข้าไปข้างในจนหมด

ไม่ไกลจากเธอ เจ้าลิงผอมที่ไม่ได้สตินอนอยู่ตรงนั้น รวมถึงอวี่เหวินซวนที่กำลังเฝ้าเขาอยู่

พอรับรู้ถึงสายตาทุกคน เฮยซือยกมือดันหมวกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กอดอกแค่นเสียงพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “ถ้าได้รับสัญญาณเมื่อไหร่ ฉันจะบอกเอง…” เท่านั้นไม่พอ มันยังบ่นพึมพำอย่างเจ็บใจ “ชิ ก็แค่ตัวเล็กลงนิดหน่อยเอง ไม่คิดเลยว่าจะใช้ฉันเป็นวิทยุสื่อสารแบบนี้…รู้จักไหมคำว่าเสียของน่ะ! พวกชอบดูถูกคนที่อยู่ต่ำกว่า…”

“เหมือนว่าเสี่ยวเฮยซือจะอยากเข้าร่วมทีมซุ่มโจมตีมากเลยนะ…แต่ว่าหลิงม่อบอกไว้แล้วไม่ใช่หรอ ว่าคนเยอะจะทำให้ถูกเห็นได้ง่าย พวกเราต้องเปิดทางให้สัตว์ประหลาดพวกนั้นลอบโจมตีเรานะ…” สวี่ซูหานที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินเธอบ่นรางๆ จึงอดยิ้มเจื่อนและปลอบใจมันไม่ได้ เธอมองออกนานแล้วว่านี่ไม่ใช่เด็กผู้หญิงทั่วไป แต่ถ้าแยกแยะจากกลิ่น ก็ไม่เหมือนซอมบี้อีก…ข้างกายหลิงม่อ มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์จริงๆ…

“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ด้วยพลังความสามารถของฉัน ไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว…เรียกใครเสี่ยวเฮยซือน่ะ!”

“หา อ้อ ขอโทษที เธอไม่ชอบหรอ? ถ้างั้น เสี่ยวซือซือ?”

“ตัดคำว่า ‘เสี่ยว’ ทิ้งไปเลย! จริงๆ เลย…มนุษย์ชอบคิดไปเองว่าถ้าเรียกสัตว์เลี้ยงว่าเจ้าแมวน้อย เจ้าหมาน้อย แล้วสัตว์เลี้ยงจะมองพวกเขาด้วยหน้าตาใสซื่อ…แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงของเธอเป็นสุนัขนักล่า การเรียกแบบนี้ก็เท่ากับดูถูกศักดิ์ศรีของพวกเขา! จำไว้ด้วย! หมาก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน!” เฮยซือพูดอย่างขุ่นเคือง (คำว่าเสี่ยว แปลว่า เล็ก หรือน้อย มักใช้เรียกนำหน้าชื่อเด็ก หรือสิ่งที่น่าเอ็นดู)

สวี่ซูหานหางตากระตุกยิกๆ พูดเสียงเบาว่า “ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าฉันคงต้อง…ขอโทษเธอจริงๆ…”

“ในเมื่อเธอขอโทษ ก็ช่างมันเถอะ…แต่ได้ยินมาว่าเธอชอบแอบดักฟังคนอื่นไม่ใช่หรอ? ว่ายังไงล่ะ มีอะไรน่าสนใจให้ฉันฟังบ้างไหม?” เฮยซือถูฝ่ามือไปมา ดวงหน้าเอิบอิ่มอ่อนเยาว์ของมันพลันปรากฏรอยยิ้มประหลาด

“เธอพูดให้ฉันดูเหมือนโรคจิตได้หน้าตาเฉยเลยนะ…อีกอย่างทำเป็นบอกว่ายกโทษให้ฉัน แต่ที่จริงถือโอกาสต่อรองอยู่สินะ…” สวี่ซูหานพลันรู้ตัวว่าเธอเลือกคู่สนทนาผิดเสียแล้ว…

นี่มันไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว! ไม่ว่าจะสายพันธุ์หรือนิสัย…ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว!

“ตาหลิงม่อบ้านั่น…ข้างกายมีแต่ซอมบี้กับสิ่งมีชีวิตประหลาดๆ อย่างนี้ก็แล้วไป แต่ทำไมแต่ละตัวถึงได้มีนิสัยที่พิสดารอย่างนี้ล่ะ! คนเรามักดึงดูดพวกเดียวกันสินะ!

“คงไม่ใช่ว่า…เรื่องที่เธอแอบดักฟังมีแต่ความลับที่บอกใครไม่ได้หรอกนะ…”

“ใช่ที่ไหนเล่า!”

…………

“ฮะ…ฮะ…”

ในอาคารเล็กหลังเดิม หลิงม่ออ้าปากกว้าง จากนั้นก็ยกมือขยี้จมูกสองสามที ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในห้องพักเก่าของเจ้าลิงผอม และซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินก็ซุ่มตัวอยู่ในนี้กับเขาด้วย หน้าต่างของห้องถูกเปิดแง้มไว้ แสงสว่างในห้องมืดสลัว

ได้ยินเสียง ซย่าน่าหันมามองเขา แล้วถาม “เป็นอะไรไป ยังนอนไม่อิ่มหรอ? ไหนบอกว่ากลายพันธุ์เสร็จแล้วไม่ใช่หรอ? ถึงแม้จะแค่ขั้นแรก…”

“เปล่าๆ…แค่อยากจามนิดหน่อยน่ะ…” หลิงม่อสูดลมหายใจลึกๆ แล้วตอบ

“ต้องมีคนกำลังสาปแช่งนายอยู่แน่ๆ” หลี่ย่าหลินพูดแทรก

“เป็นซอมบี้ก็เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ? ไหนจะเรื่องสาปแช่งอีก? ทำไมถึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนั้น!” หลิงม่อบ่นพึมพำสองสามคำ จากนั้นก็เดินไปข้างประตู ชะโงกหน้ามองออกไปข้างนอก ทางเดินยังคงเงียบงัน ไม่มีทั้งเสียง และเงาใดๆ ปรากฏ…

“เพราะว่ามีคนอยากให้พี่ตายเยอะไง…แน่นอนว่าบางคนก็คิดถึงพี่แทบตายเหมือนกัน” ซย่าน่ายื่นหน้าเข้ามาด้วย ขณะทเดียวกันก็พูดอย่างจริงจัง “แค่ที่ฉันรู้ก็มีหลายคนแล้วนะ…อย่างเช่นเหล่าหลัน…”

“ทำไมต้องเอาตาเฒ่ามายกตัวอย่างด้วย…พวกเธอสองคนให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ…”

หลิงม่อยกมือตบหัวเธอเบาๆ ขณะเดียวกันก็หันไปถามข้างหลังว่า “รุ่นพี่ ฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

หลี่ย่าหลินกำลังยืนชิดขอบหน้าต่าง หลับตาสนิทเพื่อใช้พลังสัมผัสรู้สถานการณ์ข้างนอก “ทุกอย่างปกติดี เปลี่ยน!”

“รับทราบ จะว่าไปแล้วเธอสอนพี่เขาพูดแบบนี้ใช่ไหม…” หลิงม่อตบหัวซย่าน่าอย่างหมั่นเขี้ยวอีกครั้ง

“ดูนั่นสิ พี่เย่เลี่ยนจะมาแล้ว” อยู่ๆ ซย่าน่าก็พูดขึ้น

แอ๊ดดด~~~

ประตูห้องที่อยู่อีกฝั่งของทางเดินค่อยๆ เปิดออก จากนั้นเงาร่างของเย่เลี่ยนก็ปรากฏตัวที่หน้าห้อง

หลิงม่อกระพริบตาหนึ่งครั้ง มุมมองสายตาก็ถูกสับเปลี่ยนไปทางนั้น — ทว่าเขาไม่ได้สับเปลี่ยนมุมมองสายตาไปที่เย่เลี่ยน แต่สับเปลี่ยนไปที่เงาซึ่งนอนอยู่บนเตียงแทน…

เย่เลี่ยนกำลังตรวจสอบครั้งสุดท้ายอยู่ เธอกวาดมองจากซ้ายไปขวาหนึ่งรอบ จากนั้นก็หันไปมองบนเตียงอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน มุมมองสายตาของหลิงม่อก็ได้สับเปลี่ยนไปที่เธอ

“ทำแบบนี้…จะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ…”

เย่เลี่ยนมองเงาบนเตียง แล้วพูดเสียงเบาอย่างสงสัย ถึงแม้เธอรับหน้าที่จัดฉากห้องนี้…แต่หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เธอก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี…

“ไม่เป็นไรหรอก…” หลิงม่อกลับบอกอย่างนี้ ตั้งแต่แรกที่เสนอแผนการนี้ เขาก็คิดไอเดียนี้ไว้แล้ว…

เงาคนที่พวกเขากำลังจ้องอยู่นั่น…ความจริงแล้ว คือหมอนที่ถูกสวมทับไว้ด้วยเสื้อผ้าของหลิงม่อ จากนั้นก็จัดฉากให้นอนอยู่ใต้ผ้าห่ม…

แต่ใน “มุมมองสายตา” ที่สามของหลิงม่อ เขายังมองเห็นาภพที่ต่างออกไปอีกแบบด้วย…

เงาเลือนรางที่ราวกับผุดขึ้นมาจากพื้นห้อง…เวลานี้ได้ขดตัวเป็นวงกลม และซ่อนตัวอยู่ในหมอนแล้ว

เมื่อเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะด้านพลังจิตสัมผัสรู้ หรือประสาทรับกลิ่น หมอนใบนั้นก็สามารถหลอกอีกฝ่ายได้แน่นอน…

ส่วนเสียง…ถ้าหากประสาทรับเสียงของอีกฝ่ายยอดเยี่ยมถึงขั้นได้ยินเสียงหายใจ ถ้าอย่างนั้นการซุ่มโจมตีของพวกเขาก็คงไร้ความหมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณารายละเอียดนี้

“พี่หลิง ที่พี่บอกว่าจะเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย หมายถึงอย่างนั้นหรอ?” ซย่าน่าถามเสียงเบา

“หรอ? ฉันเคยพูดอย่างนั้นหรอ?” หลิงม่อย้อนถาม

“คำพูดแบบนั้นมีใครพูดออกมาตรงๆ บ้างล่ะ…แต่พี่เอาแต่ทำหน้าขึงขัง ทุกคนก็ต้องเข้าใจอย่างนั้นอยู่แล้วสิ” ซย่าน่าบอก “โลกของผู้ใหญ่น่ากลัวจริงๆ…”

“น่ากลัวตรงไหน? เธอที่ชอบจินตนาการส่งเดชต่างหากที่น่ากลัวกว่า…”

“ถ้างั้นแล้วพี่เอามือมาวางไว้ที่ก้นฉันทำไม?”

“ตบเล่น”

ปัง!

เย่เลี่ยนปิดประตูห้องแล้ว จากนั้นเธอก็ค่อยๆ เดินมาทางพวกหลิงม่อ…ในมือเธอถือแก้วไว้ใบหนึ่ง ดูท่าทางเหมือนคนที่ตั้งใจจะเอาน้ำมาให้…ในด้านรายละเอียดยิบย่อย ซอมบี้สาวเหล่านี้กลับคิดวางแผนได้อย่างรอบคอบจนน่าประหลาดใจ…

“เธอคิดว่าพวกมันจะมีสติปัญญาสูงถึงขนาดนี้เลยหรอ?” หลิงม่อถาม

“ไม่รู้สิ…แต่ระวังไว้ก่อนไม่เสียหาย พี่ก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรอ? เหลือก็แต่ไม่ไปฉี่ใส่ในห้องนั้นแล้วนี่…” ซย่าน่าบอก

“มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทิ้งกลิ่นไว้ด้วยวิธีนั้นซักหน่อย…ถ้าในสมองมีความรู้มากเกินไปก็จัดระเบียบหน่อยเถอะ” หลิงม่อบอก

สิบวินาทีต่อมา เย่เลี่ยนเปิดประตูห้องเข้ามา

จำนวนคนในห้องเพิ่มเป็นสี่ทันที ซึ่งนั่นมากกว่าที่พวกเขาปรึกษากันไว้หนึ่งคน

แต่ความจริงหลังจากที่หลิงม่อเดินไปที่ข้างเตียง สำหรับผู้ลอบโจมตี พวกมันเพียงต้องระวังซอมบี้สามตัวที่กระจายตัวกันอยู่ในแต่ละมุมของห้องก็พอ…

“เอาล่ะ…กับดักเตรียมพร้อมแล้ว…”

หลิงม่อหลับตา ท่ามกลางความมืดมิด ดวงแสงแห่งจิตหลายดวงและจุดแสงอีกมากมายก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น…

“ทางนี้มีสี่ ในห้องนั้นมีหนึ่ง…ตรงรั้วด้านซ้ายหนึ่ง ที่รั้วด้านขวาอีกหนึ่ง…ลานจอดรถสอง อาคารโรงงานอีกหก…เหยื่อล่อที่อยู่ตัวคนเดียวเตรียมพร้อมสำหรับพวกแกแล้ว…”

เขาพลันลืมตา แล้วพูดเสียงเบา “มาเลย!”

—————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+