แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 740 มนุษย์เพศหญิงที่มีพลังต่อสู้สูง

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 740 มนุษย์เพศหญิงที่มีพลังต่อสู้สูง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แถวๆ นี้ยังไม่มีวี่แววของซอมบี้สุนัข เห็นชัดว่าพวกเย่เลี่ยนเดินเลี่ยงพวกมันได้สำเร็จ

ถึงแม้ซอมบี้สุนัขจะมีประสาทรับกลิ่นที่ร้ายกาจ แต่เหล่าซอมบี้สาว แถมยังมีเสี่ยวป๋ายอีกตัวก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ถึงแม้พวกเธอไม่สามารถสัมผัสได้ถึงซอมบี้สุนัขล่วงหน้าในระยะปลอดภัย แต่พวกเธอจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงมนุษย์ที่เป็นคนจูงซอมบี้สุนัขเลยหรือ? มีหลิงม่อคอยให้ข้อมูลสำคัญอย่างนี้ เรื่องเล็กๆ แค่นี้จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเธอเลยแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้พอเห็นพวกเธอเตรียมตัวลักลอบเข้าไปข้างใน หลิงม่อกลับอดกังวลใจไม่ได้

สาเหตุที่เขาให้พวกเธอเข้ามามีส่วนร่วมด้วย หนึ่ง เพราะตำแหน่งซุ่มยิงของนิพพานล้วนรวมอยู่ในบริเวณพื้นที่จุดศูนย์กลาง การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่รอบนอกจึงค่อนข้างหย่อนยาน สอง เพราะซอมบี้สุนัขได้ทำลายความเป็นไปได้ที่เขาจะควบคุมซอมบี้ธรรมดาให้ลักลอบเข้ามาได้

แต่เขารู้แค่สถานการณ์ข้างนอก ไม่รู้สถานการณ์ในตึกเลยนี่สิ…

“ใจเย็น ใจเย็น…ก่อนที่พวกเธอจะมาพวกเธอได้อัพเกรดพลังไปแล้ว ไม่มีปัญหาหรอก…”

หลิงม่อบอกตัวเองในใจ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง สามสาวซอมบี้กลับกำลังแหวกพงหญ้าและเดินออกมาอย่างตื่นเต้น

พวกเธอลัดเลาะไปตามแนวพุ่มหญ้า และเข้าใกล้อาคารแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

ประตูเหล็กด้านหน้าถูกล็อกไว้ อวี๋ซือหรานเดินเข้าไปอย่างสงสัย เธอมองลอดรั้วเหล็กเข้าไปข้างใน จากมุมที่เธออยู่มองเห็นเพียงทางเดินโล่งๆ รวมถึงประตูห้องที่ปิดสนิทบางส่วนเท่านั้น

ซอมบี้โลลิสูดจมูกฟุดฟิด เส้นไหมสีเงินเส้นหนึ่งยื่นออกมาจากต้นคอของเธอ จากนั้นก็มุดเข้าไปในช่องเล็กๆ นั้น

หลายวินาทีผ่านไป เธอหันกลับมาบอกเสียงเบาว่า “มีกลิ่นแปลกๆ อยู่เยอะมาก…”

จากนั้นก็หันไปมองแม่กุญแจที่ล็อกประตูบานนั้นไว้ ถามว่า “พวกเราจะเข้าไปยังไง?”

เธอพูดพร้อมยื่นมือไปจับแม่กุญแจ การกระทำนั้นทำให้หลิงม่อคิ้วกระตุกทันที

“เฮ้ย เข้าใจคำว่าลักลอบเข้าไปไหมเนี่ย นี่เธอคิดจะเข้าทางประตูหน้าโต้งๆ เลยรึไง!”

โชคดีที่ซย่าน่าห้ามเธอไว้ทัน “ตามฉันมา”

ด้านหลังอาคารเป็นป่ารกที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าหนาทึบ และพอเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบน ก็พบว่าหน้าต่างที่นี่ถูกติดเหล็กดัดไว้ทั้งหมด

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถพังข้าวของได้ พวกเธอจึงทำได้เพียงหาวิธีอื่นแทน

ไม่นาน ซย่าน่าก็เหลือบไปเห็นท่อระบายน้ำสีขาวท่อหนึ่ง “ทางนี้แหละ”

เธอเดินเข้าไปจับท่อระบายน้ำ แล้วทันใดนั้นเธอก็ดึงร่างกายตัวเองพุ่งขึ้นไป ในเสี้ยววินาทีที่กำลังจะดิ่งตกลงมา เธอก็ยกมือขึ้นไปจับท่อระบายน้ำด้านบนเพื่อส่งตัวเองขึ้นไปอีกครั้ง เหมือนเธอแค่ยื่นมือออกไปแตะท่อระบายน้ำเพียงชั่วขณะเท่านั้น และในระหว่างนี้ เธอก็หยุดชะงักไปเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ

ท่อระบายน้ำสั่นเล็กน้อย แต่ซย่าน่ากลับกระโดดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

เย่เลี่ยนกับอวี๋ซือหรานยืนเงยหน้ามองอยู่ข้างล่าง ในสายตาของพวกเธอ ซย่าน่ากำลังเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว เหมือนกำลังกระโดดเหยียบอากาศขึ้นไปอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่เป็นเรื่องที่ต้องใช้พละกำลังและความสามารถเหมือนกัน แต่พอเธอเป็นคนทำมันกลับดูคล่องแคล่วและว่องไวมาก

ความจริงด้วยความสามารถของพวกเธอ พวกเธอสามารถปีนขึ้นไปทางกำแพงด้วยมือเปล่าได้เลย แต่หากทำอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องยากที่จะเลี่ยงการทิ้งร่องรอยไว้

พอเห็นซย่าน่าใกล้จะปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุด อวี๋ซือหรานและเย่เลี่ยนก็มองตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มปีนตามขึ้นไปทีละคน

วิธีการปีนของอวี๋ซือหรานนั้นง่ายและตรงไปตรงมากว่ามาก เธอแผ่เส้นไหมสีเงินออกมาจากต้นคอ จากนั้นก็ดึงร่างตัวเองตามขึ้นไป…

ส่วนวิธีของเย่เลี่ยนนั้นคือกระโดดขึ้นไปเลยตรงๆ จากนั้นก็ใช้ปลายเท้ายันส่วนที่นูนออกมาของท่อระบายน้ำ เพื่อส่งตัวขึ้นไปข้างบน วิธีของเธอไม่มีช่วงหยุดพักเหมือนกัน ท่วงท่าก็งดงามหมดจด แต่การจะทำอย่างนั้นได้กลับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทั้งต้องมีการตัดสินใจที่แม่นยำ ต้องมีการตอบสนองที่ทันท่วงที รวมถึงการควบคุมพละกำลัง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญชาตญาณที่ฝังลึกอยู่ในกระดูก ไม่ใช่ว่าแค่ตั้งใจแล้วจะทำได้ง่ายๆ

ส่วนซอมบี้ระดับต่ำนั้น ความคิดของพวกมันค่อนข้างเป็นไปในแนวเดียว นอกเหนือจากว่าจะถูกกระตุ้นจากการล่าเหยื่อ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ยากจะกระตุ้นสัญชาตญาณทั้งหมดของพวกมันออกมาได้

เมื่อเย่เลี่ยนกับอวี๋ซือหรานกระโดดตามขึ้นมา ซย่าน่าก็เดินไปเปิดประตูดาดฟ้าเรียบร้อยแล้ว

เธอแค่หมุนกลอนประตูเบาๆ มันก็ดัง “แกร๊ก” ขึ้นมา และเปิดแง้มออกเป็นช่องเล็กๆ

ในทางเดินอันมืดมิดเส้นหนึ่ง แสงสว่างแยงตาของไฟฉายกำลังสาดไปทางซ้ายบ้างขวาบ้าง

ผู้ถือไฟฉายเป็นชายรูปร่างเตี้ยคนหนึ่ง เขากำลังเดินไปข้างหน้าช้าๆ พลางอ้าปากหาวหวอด “ห้าวว…”

ทันใดนั้น เสียง “ปัง” ก็ดังมาจากห้องทางด้านซ้าย ยิ่งอยู่ในทางเดินอาคารที่เงียบสงัดอย่างนี้ เสียงยิ่งดังก้องชัดเจนกว่าปกติ

ชายคนนี้ทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขายกเท้าเตะประตู “เอะอะอะไรวะ!”

“ปังๆๆ!”

แต่เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องออกมาจากข้างใน ขณะเดียวกันก็มีเสียงคำรามแหบต่ำดังผสมกันไป

ชายคนนี้สบถด่า “แม่เอ็ง” พลางยื่นมือไปทางปุ่มกดสีแดงข้างประตู แล้วออกแรงกดอย่างไม่สบอารมณ์

เสียง “ปัง” ดังออกมาจากในห้องอีกครั้ง แล้วไม่นานทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

“ไอ้พวกสัตว์ประหลาดดื้อด้าน แม่เอ็ง จู่ๆ ก็คลั่งขึ้นมาอีกแล้ว…” ชายคนนั้นถุยน้ำลาย จากนั้นก็อ้าปากหาวด้วยความง่วงอีกครั้ง แล้วเขาก็ส่องไฟฉายเดินจากไป

ขณะที่เขาเพิ่งเดินไปถึงบันไดที่ทอดลงชั้นล่าง ทันใดนั้น ณ ตำแหน่งที่เขาเพิ่งหยุดเมื่อกี้ กลับมีเงาร่างของใครคนหนึ่งพลิกตัวลงมาจากเพดาน…

อวี๋ซือหรานทิ้งตัวลงพื้นอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็หันไปส่งสัญญาณ “วี๊ดวิ้ว!”

ไม่นาน เงาร่างอีกสองเงาก็เดินออกมาจากเงามืดที่อยู่ห่างออกไป…

อวี๋ซือหรานยืนแนบหูกับประตูเพื่อฟังครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองรูกุญแจ

เส้นไหมสีเงินเส้นหนึ่งแผ่เข้าไปในรูนั้น ผ่านไปไม่กี่วินาที เมื่อเสียง “แกร๊ก” ดังขึ้น อวี๋ซือหรานก็ยื่นมือไปผลักประตูให้เปิดออก

ทั้งสามเดินตามกันเข้าไป และสิ่งแรกที่เห็น ก็คือโต๊ะและเก้าอี้มากมายวางระเกะระกะเต็มไปหมด

เย่เลี่ยนที่เดินรั้งท้ายสุดพลิกมือปิดประตูเบาๆ แล้วเธอก็มองพิจารณ์สภาพในห้องอย่างฉงน

“นี่มัน…ที่ไหน?” เย่เลี่ยนถาม

ซย่าน่าตอบเสียงเบาว่า “ไม่รู้ แต่น่าจะเป็นสถานที่สำคัญของอาคารแห่งนี้ ดูสิ มนุษย์คนเมื่อกี้ดูเหมือนป้าหอในความทรงจำของฉันมาก เมื่อกี้เขากำลังตรวจสอบห้องด้วย ห้องห้องนี้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ในนี้จะต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ…”

“อะไรคือป้าหออ่ะ?” อวี๋ซือหรานถามอย่างสงสัย

“โดยทั่วไปหมายถึงมนุษย์เพศหญิงที่ถึงวัยใกล้หมดประจำเดือน นิสัยดุดัน พูดจาเชือดเฉือน และมีพลังทำลายล้างสูงน่ะ พลังต่อสู้ของเธอน่ากลัวมากนะจะบอกให้ แค่คนเดียวก็สามารถจัดการเด็กสาวหลายร้อยคนได้ บางครั้งก็ยังสามารถจัดการกลุ่มมนุษย์เพศชายได้ด้วย นอกจากนี้มีความเป็นไปได้สูงที่เธออาจกลายเป็นประเด็นถูกด่าทอลับหลังบ่อยๆ” ซย่าน่าอธิบาย

“ไม่เพียงเท่านี้ เธอยังเก็บอาวุธไว้กับตัวมากมาย แถมอาวุธเหล่านี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เธอยึดมาจากเด็กสาวหลายๆ คนด้วย…น่าจะนะ” เห็นชัดว่าความทรงจำของซย่าน่าพอมาถึงจุดนี้ก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาแล้ว น้ำเสียงของเธอจึงเริ่มไม่แน่ใจ ทว่าหากเทียบกับน้ำเสียงที่เธอใช้เล่าเรื่องทั้งหมดในตอนแรก คำว่า “น่าจะ” สองคำนี้แทบจะมองข้ามไปได้เลย…

“หา? มนุษย์คนเมื่อกี้ดูอ่อนแอขนาดนั้น แต่กลับแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?” อวี๋ซือหรานตะลึง “แล้ว…ถ้าเทียบกับพวกเรา ใครเก่งกว่า?”

“ไม่รู้สิ…” ซย่าน่าพูดอย่างจริงจัง “แม้แต่มนุษย์ก็ยังไม่มีบันทึกการต่อกรกับป้าหอเลย…ถึงจะต่อกรด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้อยู่ดีนั่นแหละ…”

เย่เลี่ยนกลับพูดเสริมขึ้นมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “ถ้าอย่างนั้น…พวกเรา…พวกเราก็…ระวังตัวกันหน่อย”

หลิงม่อที่ได้ยินทำได้เพียงกลอกตาขาวเท่านั้น ถึงแม้จะมีความทรงจำมนุษย์เหมือนกัน แต่พอมันออกมาจากสมองของซอมบี้ ทำไมถึงได้ฟังดูแปลกขนาดนี้…

แต่การระวังตัวไว้ก่อนก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้ว่าพวกเธอจะเข้าใจผิดไปมากก็ตาม…

แสงสว่างในห้องน้อยมาก มีเพียงแสงสว่างอ่อนๆ จากท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา ทว่านั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของซอมบี้เลยแม้แต่น้อย

เวลาอย่างนี้ ข้อแตกต่างระหว่างซอมบี้ระดับสูงและซอมบี้ระดับต่ำก็ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน อาศัยมุมมองสายตาของหุ่นซอมบี้เหมือนกัน แต่ความสามารถในการมองเห็นของหุ่นซอมบี้ที่อยู่ในอาคารทดลองกลับไม่สามารถเทียบกับซย่าน่าได้เลย

ม่านสีแดงที่ปกคลุมการมองเห็นจางลงไปมาก และทุกสถานที่ที่สายตากวาดไปถึง ล้วนเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งฝุ่นละอองที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ยังสามารถมองเห็นได้รางๆ

“พี่ซย่าน่า ข้างในมีอะไรถูกขังอยู่หรอ?” พออวี๋ซือหรานได้ฟังเรื่องราวความน่ากลัวของ “ป้าหอ” เธอก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังขึ้นมาก แม้แต่เสียงพูดก็ยังพยายามลดให้เบาลงกว่าปกติ

“เด็กสาวผู้มีจิตต่อต้านอย่างแรงกล้า ซึ่งเหลือไม่กี่คนจากจำนวนหลายร้อยคน…” ซย่าน่าบอก

อวี๋ซือหรานเบิกตากว้าง พลางเธอสูดลมจนแก้มป่อง “ก็แค่มนุษย์ไม่กี่คนเองน่า…”

เห็นชัดว่าเธอให้กำลังใจตัวเองอยู่ เด็กสาวที่สามารถต่อกรกับป้าหอได้ ถึงจะอ่อนแอกว่า แต่ก็น่าจะจัดการได้ยากพอสมควร…

สามสาวซอมบี้ค่อยๆ เดินอ้อมโต๊ะเรียนที่กองรวมกันอยู่ จากนั้นก็หันไปมองตู้สองสามหลังที่อยู่ด้านหน้า

ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นห้องเรียนใหญ่ห้องหนึ่ง แต่ถูกแบ่งออกจากกันโดยใช้ตู้เหล่านั้นมากั้นไว้ ด้านนอกมีสิ่งของต่างๆ นานากองรวมกันไว้มากมาย ส่วนด้านในใช้เป็นที่กักขังสิ่งที่ส่งเสียงดังเมื่อกี้

บรรดาซอมบี้สาวมองหน้ากันเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ เดินแทรกเข้าไปในช่องเล็กๆ ระหว่างตู้พวกนั้นไปข้างหลัง

หลิงม่อรีบทำตัวกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าในนี้มีอะไรอยู่ ซอมบี้สุนัข? หรือซอมบี้สายพันธุ์ใหม่?

แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขามั่นใจได้ คือสิ่งที่ถูกขังไว้ในสถานที่อย่างนี้ จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทีมวิจัยสร้างสำเร็จแล้วอย่างแน่นอน…

“แกร๊ก…”

อวี๋ซือหรานเหยียบโดนเหล็กเส้นเส้นหนึ่งบนพื้น เธอรีบยกมือปิดปากตัวเองและเบิกตากว้าง

เธอระวังตัวแจเกินไป จนไม่สามารถสังเกตทุกอย่างรอบตัวได้ ทว่าถึงอย่างไรก็ยังเป็นซอมบี้ แม้จะเหยียบโดนสิ่งของ แต่เสียงที่เกิดขึ้นก็เป็นเสียงที่แผ่วเบามาก

“ใช้เท้าเหยียบ แต่ปิดปาก มันช่วยอะไรไหม…” หลิงม่อยกมือตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบ

เย่เลี่ยนกับซย่าน่าต่างพากันหันขวับมามองบนพื้น แล้วพวกเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า บนพื้นมีแต่เหล็กเส้นกระจายอยู่เต็มไปหมด…

นอกจากเหล็กเส้นที่หักงอเหล่านี้แล้ว ยังมีอีกหลายเส้นที่ถูกตอกติดไว้กับพื้น รูปร่างดูเหมือนกำไรข้อมือ โดยที่ปลายทั้งสองด้านถูกเชื่อมติดกับพื้นอย่างแน่นหนา

“อ้อ…ตรงเท้าของเจ้า 101 ก็มีสิ่งนี้เหมือนกัน…” หลิงม่อกลับไม่ได้แปลกใจ เพราะนี่เป็นวิธีที่ใช้กับซอมบี้ได้ผลดีจริงๆ

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด