แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1134 จุดสำคัญ!

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1134 จุดสำคัญ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใช่แล้ว!

เพราะถ้าหากว่าเป็นซอมบี้ธรรมดา พวกมันจะไม่มีทางสงสัยในตัวเองแน่นอน!

แต่ในไดอารี่ของเย่เลี่ยน…

เธอกลับวิเคราะห์ความแตกต่างของตัวเธอในตอนนี้และตอนที่ยังเป็นมนุษย์จากทุกด้าน…

แค่เรื่องนี้ก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้ว!

“ดีเหลือเกิน…นี่มันดีเหลือเกิน!

หลิงม่อตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร เขาดึงมือเย่เลี่ยนมาแล้วถามว่า “เด็กโง่ มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันล่ะ?”

“น่าจะ…ตั้งแต่ที่ฉัน…ก้าวข้ามถึงระดับราชา…” เย่เลี่ยนกลับตอบเสียงเบา “ตอนแรก…ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร…ก็เลย…”

“เอาเถอะๆ ถ้าอย่างนั้น…เธอรู้ไหมว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?” หลิงม่อตั้งคำถามที่เป็นประเด็นสำคัญ

ใช่แล้ว นี่ต่างหากล่ะที่เป็นเรื่องสำคัญ…

ถ้าหากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และนำไปประกอบกับเบาะแสที่เขาได้มาทั้งหมด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจสามารถ…

ตามเย่เลี่ยนคนเดิมกลับมาได้ในทันที!

ทว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าซอมบี้เย่เลี่ยนคนนี้จะหายไป…

ความจริง จากเรื่องของสวี่ซูหาน หลิงม่อก็เดาได้รางๆ แล้ว…ถึงแม้จะรื้อฟื้นอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์กลับมาได้ แต่เย่เลี่ยนก็ไม่มีทางกลับไปเป็นคนเก่าได้อย่างสมบูรณ์ ความเป็นไปได้ที่มากกว่า คือเธออาจมีทั้งความเป็นมนุษย์…และซอมบี้อยู่ในร่างเดียวกัน…

“เกิดขึ้นได้ยังไง…” เย่เลี่ยนมองหน้าหลิงม่อ “ก็เหมือนกับที่บอกเมื่อกี้…ตอนแรก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร…ฉันแค่ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ…และเริ่มสังเกตความแตกต่างระหว่างพี่กับพวกฉัน…”

หลิงม่ออึ้งงัน สมองพลางผุดภาพที่เกิดขึ้นในอดีต…

เป็นอย่างที่เธอบอกจริงๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เย่เลี่ยนเอาแต่แอบมองพวกเขาอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ…

และเขาก็เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่าที่แท้ซอมบี้สาวตัวนี้กำลังสังเกตการณ์พวกเขาอยู่นี่เอง…

“ยิ่งเห็นความแตกต่างมากขึ้น…ฉันก็อดสงสัยไม่ได้…เพราะอะไร ถึงได้เกิดความแตกต่างพวกนั้นขึ้นมาล่ะ? ฉันนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเป็นมนุษย์…แล้วรู้สึกว่า ถ้าหากเป็นฉันในตอนนั้น อาจจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ก็ได้…ดังนั้น ฉันเลยพยายามหวนนึกถึงสิ่งที่เคยบันทึก และเขียนมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง…” เย่เลี่ยนบอก

ที่แท้เรื่องราวพวกนั้น…เป็นไดอารี่จริงๆ ด้วย!

“ไม่ ฉันไม่ได้แค่หวนนึกถึงไดอารี่…แต่ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเนื้อหาที่บันทึกไว้ด้วย…แต่ว่า…ตอนที่หวนนึกถึง ฉันกลับไม่อาจเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกตอนที่กำลังเขียนไดอารี่ได้เลย…ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองในตอนนั้นถึงได้คิดแบบนั้น…และเรื่องที่ทำให้ฉันไม่เข้าใจ…ก็มีมากมาย มีมากมายเหลือเกิน…” เย่เลี่ยนบอก

ฟังมาถึงตรงนี้ หัวใจของหลิงม่อพลันบีบรัด มือของเขาที่กุมมือเย่เลี่ยนอยู่กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร…”

เย่เลี่ยนยังคงมองหน้าหลิงม่อ แล้วพูดเสียงนุ่มนวล “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันเข้าใจ…นั่นคือ…พี่หวังว่าฉันจะเข้าใจเรื่องพวกนี้…ถ้าหากฉันยังไม่เข้าใจต่อไปเรื่อยๆ บางทีนั่นอาจหมายความว่า…เย่เลี่ยนคนเดิมจะเหลือไว้แค่ในความทรงจำ…ใช่ไหม?”

หลิงม่อไม่พูดอะไร…

ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขากลับเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา

“ยัยโง่…”

ที่เธอพูดอย่างนี้ได้ นั่นก็หมายความว่า…เธอเริ่มเข้าใจตัวเองแล้วไม่ใช่หรือไง…

และตั้งแต่วินาทีที่เห็นลายมือของเธอ หลิงม่อก็รู้เรื่องนี้แล้ว…

เย่เลี่ยนในตอนนี้อาจยังตามหาตัวเองในตอนที่เป็นมนุษย์ไม่เจอ…แต่เธอกลับไม่ได้ทิ้งสิ่งเหล่านั้นในยามที่ยังเป็นมนุษย์ไปจนหมด…

เชื้อไวรัส ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเธอไปจนหมดสิ้น…

และนี่ ก็คือความหวัง!

“ตัวฉันเอง…ก็รู้…ว่าบางทีถ้าวันหนึ่งฉันเข้าใจ…ฉันก็จะรู้…ว่าความหมายในการมีชีวิตอยู่ของพวกฉัน…คืออะไรกันแน่…เรื่องนี้ มนุษย์อาจไม่มีทางเข้าใจ ซอมบี้เองก็อาจไม่มีวันเข้าใจ…แต่ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์ และซอมบี้ในเวลาเดียวกัน…” เย่เลี่ยนพยายามอธิบายอย่างยากลำบาก

“ยังมีอีกเรื่อง…ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่แน่ใจ แต่เมื่อกี้ ฉันสัมผัสรู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว…ดังนั้น พี่หลิง เรื่องที่ฉันจะบอกพี่…ก็คือ ระหว่างที่ฉันกำลังสงสัยเรื่องพวกนี้ สมองของฉัน เหมือนมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกำลังเกิดขึ้นช้าๆ…”

“พรึ่บ!”

หลิงม่อลุกพรวดทันที

เปลี่ยนแปลง!

ถึงแม้เป็นเพียงคำธรรมดาคำหนึ่ง แต่ความหมายแฝงของมันนั้นมากมายเหลือเกิน!

“การเปลี่ยนแปลงแบบไหน?” หลิงม่อถามอย่างร้อนใจ

เย่เลี่ยนหลับตา เธอสูดหายใจเบาๆ พลางตอบว่า “ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง…มันเหมือนกับ…ตอนที่พยายามสำรวจและขุดค้นเรื่องราวในสมอง…ก็ค่อยๆ สัมผัสถูกเยื่อหุ้มบางๆ ชั้นหนึ่งเข้า…ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าอีกฝั่งของเยื่อหุ้มนั้นเป็นอะไร…”

มันก็คือ…อารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์!

หลิงม่อหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง

ถ้าหากเมื่อกี้มีเพียงความหวัง…งั้นตอนนี้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือเส้นทางสู่ความหวังนั้น!

ขอเพียงเดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดหมายในที่สุด!

แม้ว่าตอนนี้มีเพียงเย่เลี่ยนคนเดียวที่มีปรากฏการณ์แบบนี้ แต่นี่กลับเป็นการนำทางให้กับซย่าน่าและรุ่นพี่ในอนาคต

สิ่งที่พวกเขาต้องการ มีเพียงความสำเร็จครั้งเดียว!

ไม่ได้การ…ต้องใจเย็นไว้ก่อน ใจเย็นๆ…

หลังจากบอกเรื่องนี้กับเขา ในแววตาของเย่เลี่ยน ก็ปรากฏความสับสนคล้ายไม่รู้จะทำเช่นไรดีขึ้นมา…

ใช่แล้ว เธอไม่ได้กำลังรายงายความคืบหน้า…แต่เธอกำลังร้องขอความช่วยเหลือ

เรื่องแบบนี้ ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเย่เลี่ยนในตอนนี้…

และคนที่จะช่วยเธอได้ก็มีเพียงหลิงม่อคนเดียวเท่านั้น…

“ฮู่ว…”

หลังจากสูดหายใจลึกๆ หลายครั้ง ในที่สุดหลิงม่อก็ใจเย็นลง เขากุมมือเย่เลี่ยนไว้แน่น แล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่า “วางใจเถอะ…มีฉันอยู่ทั้งคน”

เย่เลี่ยนเผลอยิ้มออกมาบางๆ

ความสับสนในแววตาเลือนหายไป แทนที่ด้วยการพยักหน้าแรงๆ หนึ่งครั้ง “อื้ม!”

“เอาล่ะ เด็กโง่ เธอต้องบอกฉันอย่างละเอียด…การก้าวข้ามครั้งนี้ของเธอ เยื้อหุ้มชั้นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไหม?” หลิงม่อถาม

เย่เลี่ยนกัดเม้มริมฝีปาก “การเปลี่ยนแปลง…ฉันให้พี่เห็นหมดแล้ว…เยื้อหุ้มชั้นนั้น…ก็ถูกจู่โจมไปด้วย…แต่ว่า…พี่น่าจะรู้แล้วว่า…การก้าวข้ามครั้งนี้…ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ…ถึงแม้ฉันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นข้างใน…แต่มันช้ามาก…”

“ดังนั้น…เวลาในการวิวัฒนาการของฉัน จะไม่แน่นอน…บางทีอาจจบอย่างรวดเร็ว แต่บางทีอาจดำเนินไปเรื่อยๆ…ในช่วงนี้ ฉันจะอยู่ในระหว่างวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ…” เย่เลี่ยนบอก จากนั้นก็พลันก้มหน้าลง พูดด้วยเสียงที่เบายิ่งกว่าเดิม “คงจะ…นำปัญหาวุ่นวายมาให้ไม่น้อย…”

หลิงม่อชะงักงัน ไม่นานก็ตระหนักได้

เป็นอย่างนั้นจริงๆ ระหว่างวิวัฒนาการคงควบคุมกลิ่นอายของเย่เลี่ยนเอาไว้ไม่ได้อีก…

ทว่าก่อนจะวิวัฒนาการ ตัวเย่เลี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

พอลองนึกถึงพฤติกรรมของเธอหลังจากวิวัฒนาการ ไม่แน่อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ควรทำอย่างไรดี…

ดังนั้น หลิงม่อจึงต้องเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้

คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็ยิ้มอีกครั้ง แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

“อื้ม…” เย่เลี่ยนมองหน้าเขานิ่ง ไม่นานก็พยักหน้า

“ถ้ากลัวความวุ่นวายคงไม่เสียเวลามีชีวิตมาจนถึงตอนนี้หรอก แต่เรื่องสำคัญในตอนนี้ ก็คือเยื้อหุ้มชั้นนั้นของเธอ…จากข้อมูลที่มีในตอนนี้ เธอค้นพบเยื่อหุ้มชั้นนี้เพราะตั้งคำถามกับตัวเองมาเป็นเวลานาน และการก้าวข้ามก็จะส่งผลกระทบต่อมัน แต่เธอกลับเริ่มมีความคิดแบบนี้ หลังจากที่ก้าวข้ามมาเป็นซอมบี้ราชา…” หลิงม่อเรียบเรียงเรื่องที่เกิดรอบหนึ่ง จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็พลันกระจ่าง “ฉันเข้าใจแล้ว! ฉันรู้แล้วว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นหลังจาก้าวข้ามเป็นซอมบี้ราชา!”

“เพราะก่อนจะเป็นซอมบี้ราชา ซอมบี้อาจไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดกลับมาได้ แต่นับจากก้าวข้ามเป็นซอมบี้ราชา กลับสามารถฟื้นความทรงจำกลับมาได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ สติปัญญาก็จะพัฒนาขึ้นในระดับหนึ่งเช่นกัน คำว่า ‘ระดับหนึ่ง’ นี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ขอเพียงสามารถคิดในรูปแบบความคิดที่ปกติ ก็น่าจะถือว่าได้มาตรฐานแล้ว พอถึงตอนนี้ ซอมบี้จึงจะเกิดกระบวนการเรียนรู้ตัวเอง…หรือพูดอีกอย่างก็คือ หลังจากกลายเป็นร่างแม่ ก็อาจมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ด้วย” มาตรฐานระดับสติปัญญาที่หลิงม่อพูดถึง เขาสรุปโดยมีเย่เลี่ยนและซอมบี้ร่างแม่สายพลังจิตตัวนั้นเป็นตัวอย่าง

“เย่เลี่ยนอยู่กับเรา เลยเริ่มจากการสังเกตความแตกต่างของเรากับซอมบี้ ส่วนซอมบี้ตัวอื่น พวกมันกลับมีความคิดแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ลักษณะเด่นที่พวกมันมีร่วมกันก็คือ พวกมันไม่ได้มีเพียงความหิวโหยอย่างเดียวอีกต่อไป…แต่พวกมันจะเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้น…กระทั่งสุดท้ายความคิดเหล่านี้จะสั่งสมกันจนถึงจุดจุดหนึ่ง…นั่นก็คือ ตัวเองเป็นตัวอะไรกันแน่ และตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง…เทียบกับความคิดของมนุษย์แล้วมันอาจแตกต่าง แต่ก็มีจุดคล้ายกันอยู่เช่นกัน แตกต่างที่มนุษย์มักมีความคิดด้านนี้ในแง่ของการวางแผนและตั้งเป้าหมายในชีวิต ในขณะที่ซอมบี้ไม่มีความคิดเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นปัญหาที่พวกมันครุ่นคิดจึงเป็นปัญหาเชิงพื้นฐาน”

“บางทีนี่อาจเป็น…จุดสำคัญที่สุดในการวิวัฒนาการของซอมบี้ก็ได้…แล้วก็เป็นจุดพื้นฐานที่สุดด้วย พอถึงเวลานี้ ซอมบี้ก็จะมีการเปลี่ยงแปลงบางอย่างเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ล้วนต่างจากวิวัฒนาการและการก้าวข้ามในครั้งก่อนๆ เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมอย่างแท้จริง…”

“และพวกเราก็โชคดีมาก…ที่ภายใต้การชักนำและส่งผลกระทบหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเย่เลี่ยนก็คิดแบบนั้นได้…แต่ปัญหาคือ ครั้งนี้ พวกเราไม่มีประสบการณ์…และจากที่เย่เลี่ยนบอก ระยะเวลาในการวิวัฒนาการของเธอไม่แน่นอน บางทีสิ่งที่จะเป็นตัวกำหนดระยะเวลาในการวิวัฒนาการ อาจขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถเจาะผ่านเยื้อหุ้มชั้นนั้นได้หรือไม่…ไม่ว่าการคาดเดาของฉันจะถูกหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามันเป็นกุญแจสำคัญอย่างแน่นอน!”

ตอนนี้หลิงม่อยังไม่เคยเจอซอมบี้ที่อยู่ในระดับซอมบี้ราชาขึ้นไป…กระทั่งไม่เคยได้ยินข่าวคราวด้วยซ้ำ…

แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่แปลก…ซอมบี้เหล่านี้เริ่มรู้จักเรียนรู้ตัวเองแล้ว ย่อมไม่มีทางเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามถนนเหมือนซอมบี้ธรรมดาพวกนั้นอยู่แล้ว จึงไม่เปลกที่จะไม่ได้เจอง่ายๆ…อีกทั้งหลิงม่อก็ไม่เคยจงใจตามล่าพวกนั้น สถานที่ที่เขาเคยไปเยือนก็มีจำกัด เพราะเขามักเลี่ยงเขตพื้นที่ที่เป็นจุดรวมพลของซอมบี้จริงๆ เสมอ…

“บางที…ราชินีแมงมุมตัวนั้น อาจก้าวข้ามถึงระดับที่สูงกว่าซอมบี้ราชาแล้วก็ได้…”

หลิงม่อพลันฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา และนั่นส่งผลให้เขาอดไม่ได้ที่คิดถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจเขาขึ้นมาด้วย…

“เอาแต่หนีตลอดคงไม่ใช่ทางออกที่ดี…ถึงเจ้าสิ่งนั้นจะไม่เติบโต แต่หยั่งรากอยู่ในร่างกายเราก็เท่ากับเป็นระเบิดเวลาที่ไม่รู้จะปะทุเมื่อไหร่…ถ้าหากทำให้เธอเป็นฝ่ายมาหาก่อนได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากไม่ได้…”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1134 จุดสำคัญ!

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1134 จุดสำคัญ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใช่แล้ว!

เพราะถ้าหากว่าเป็นซอมบี้ธรรมดา พวกมันจะไม่มีทางสงสัยในตัวเองแน่นอน!

แต่ในไดอารี่ของเย่เลี่ยน…

เธอกลับวิเคราะห์ความแตกต่างของตัวเธอในตอนนี้และตอนที่ยังเป็นมนุษย์จากทุกด้าน…

แค่เรื่องนี้ก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้ว!

“ดีเหลือเกิน…นี่มันดีเหลือเกิน!

หลิงม่อตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร เขาดึงมือเย่เลี่ยนมาแล้วถามว่า “เด็กโง่ มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันล่ะ?”

“น่าจะ…ตั้งแต่ที่ฉัน…ก้าวข้ามถึงระดับราชา…” เย่เลี่ยนกลับตอบเสียงเบา “ตอนแรก…ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร…ก็เลย…”

“เอาเถอะๆ ถ้าอย่างนั้น…เธอรู้ไหมว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?” หลิงม่อตั้งคำถามที่เป็นประเด็นสำคัญ

ใช่แล้ว นี่ต่างหากล่ะที่เป็นเรื่องสำคัญ…

ถ้าหากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และนำไปประกอบกับเบาะแสที่เขาได้มาทั้งหมด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจสามารถ…

ตามเย่เลี่ยนคนเดิมกลับมาได้ในทันที!

ทว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าซอมบี้เย่เลี่ยนคนนี้จะหายไป…

ความจริง จากเรื่องของสวี่ซูหาน หลิงม่อก็เดาได้รางๆ แล้ว…ถึงแม้จะรื้อฟื้นอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์กลับมาได้ แต่เย่เลี่ยนก็ไม่มีทางกลับไปเป็นคนเก่าได้อย่างสมบูรณ์ ความเป็นไปได้ที่มากกว่า คือเธออาจมีทั้งความเป็นมนุษย์…และซอมบี้อยู่ในร่างเดียวกัน…

“เกิดขึ้นได้ยังไง…” เย่เลี่ยนมองหน้าหลิงม่อ “ก็เหมือนกับที่บอกเมื่อกี้…ตอนแรก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร…ฉันแค่ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ…และเริ่มสังเกตความแตกต่างระหว่างพี่กับพวกฉัน…”

หลิงม่ออึ้งงัน สมองพลางผุดภาพที่เกิดขึ้นในอดีต…

เป็นอย่างที่เธอบอกจริงๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เย่เลี่ยนเอาแต่แอบมองพวกเขาอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ…

และเขาก็เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่าที่แท้ซอมบี้สาวตัวนี้กำลังสังเกตการณ์พวกเขาอยู่นี่เอง…

“ยิ่งเห็นความแตกต่างมากขึ้น…ฉันก็อดสงสัยไม่ได้…เพราะอะไร ถึงได้เกิดความแตกต่างพวกนั้นขึ้นมาล่ะ? ฉันนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเป็นมนุษย์…แล้วรู้สึกว่า ถ้าหากเป็นฉันในตอนนั้น อาจจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ก็ได้…ดังนั้น ฉันเลยพยายามหวนนึกถึงสิ่งที่เคยบันทึก และเขียนมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง…” เย่เลี่ยนบอก

ที่แท้เรื่องราวพวกนั้น…เป็นไดอารี่จริงๆ ด้วย!

“ไม่ ฉันไม่ได้แค่หวนนึกถึงไดอารี่…แต่ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเนื้อหาที่บันทึกไว้ด้วย…แต่ว่า…ตอนที่หวนนึกถึง ฉันกลับไม่อาจเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกตอนที่กำลังเขียนไดอารี่ได้เลย…ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองในตอนนั้นถึงได้คิดแบบนั้น…และเรื่องที่ทำให้ฉันไม่เข้าใจ…ก็มีมากมาย มีมากมายเหลือเกิน…” เย่เลี่ยนบอก

ฟังมาถึงตรงนี้ หัวใจของหลิงม่อพลันบีบรัด มือของเขาที่กุมมือเย่เลี่ยนอยู่กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร…”

เย่เลี่ยนยังคงมองหน้าหลิงม่อ แล้วพูดเสียงนุ่มนวล “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันเข้าใจ…นั่นคือ…พี่หวังว่าฉันจะเข้าใจเรื่องพวกนี้…ถ้าหากฉันยังไม่เข้าใจต่อไปเรื่อยๆ บางทีนั่นอาจหมายความว่า…เย่เลี่ยนคนเดิมจะเหลือไว้แค่ในความทรงจำ…ใช่ไหม?”

หลิงม่อไม่พูดอะไร…

ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขากลับเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา

“ยัยโง่…”

ที่เธอพูดอย่างนี้ได้ นั่นก็หมายความว่า…เธอเริ่มเข้าใจตัวเองแล้วไม่ใช่หรือไง…

และตั้งแต่วินาทีที่เห็นลายมือของเธอ หลิงม่อก็รู้เรื่องนี้แล้ว…

เย่เลี่ยนในตอนนี้อาจยังตามหาตัวเองในตอนที่เป็นมนุษย์ไม่เจอ…แต่เธอกลับไม่ได้ทิ้งสิ่งเหล่านั้นในยามที่ยังเป็นมนุษย์ไปจนหมด…

เชื้อไวรัส ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเธอไปจนหมดสิ้น…

และนี่ ก็คือความหวัง!

“ตัวฉันเอง…ก็รู้…ว่าบางทีถ้าวันหนึ่งฉันเข้าใจ…ฉันก็จะรู้…ว่าความหมายในการมีชีวิตอยู่ของพวกฉัน…คืออะไรกันแน่…เรื่องนี้ มนุษย์อาจไม่มีทางเข้าใจ ซอมบี้เองก็อาจไม่มีวันเข้าใจ…แต่ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์ และซอมบี้ในเวลาเดียวกัน…” เย่เลี่ยนพยายามอธิบายอย่างยากลำบาก

“ยังมีอีกเรื่อง…ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่แน่ใจ แต่เมื่อกี้ ฉันสัมผัสรู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว…ดังนั้น พี่หลิง เรื่องที่ฉันจะบอกพี่…ก็คือ ระหว่างที่ฉันกำลังสงสัยเรื่องพวกนี้ สมองของฉัน เหมือนมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกำลังเกิดขึ้นช้าๆ…”

“พรึ่บ!”

หลิงม่อลุกพรวดทันที

เปลี่ยนแปลง!

ถึงแม้เป็นเพียงคำธรรมดาคำหนึ่ง แต่ความหมายแฝงของมันนั้นมากมายเหลือเกิน!

“การเปลี่ยนแปลงแบบไหน?” หลิงม่อถามอย่างร้อนใจ

เย่เลี่ยนหลับตา เธอสูดหายใจเบาๆ พลางตอบว่า “ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง…มันเหมือนกับ…ตอนที่พยายามสำรวจและขุดค้นเรื่องราวในสมอง…ก็ค่อยๆ สัมผัสถูกเยื่อหุ้มบางๆ ชั้นหนึ่งเข้า…ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าอีกฝั่งของเยื่อหุ้มนั้นเป็นอะไร…”

มันก็คือ…อารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์!

หลิงม่อหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง

ถ้าหากเมื่อกี้มีเพียงความหวัง…งั้นตอนนี้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือเส้นทางสู่ความหวังนั้น!

ขอเพียงเดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดหมายในที่สุด!

แม้ว่าตอนนี้มีเพียงเย่เลี่ยนคนเดียวที่มีปรากฏการณ์แบบนี้ แต่นี่กลับเป็นการนำทางให้กับซย่าน่าและรุ่นพี่ในอนาคต

สิ่งที่พวกเขาต้องการ มีเพียงความสำเร็จครั้งเดียว!

ไม่ได้การ…ต้องใจเย็นไว้ก่อน ใจเย็นๆ…

หลังจากบอกเรื่องนี้กับเขา ในแววตาของเย่เลี่ยน ก็ปรากฏความสับสนคล้ายไม่รู้จะทำเช่นไรดีขึ้นมา…

ใช่แล้ว เธอไม่ได้กำลังรายงายความคืบหน้า…แต่เธอกำลังร้องขอความช่วยเหลือ

เรื่องแบบนี้ ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเย่เลี่ยนในตอนนี้…

และคนที่จะช่วยเธอได้ก็มีเพียงหลิงม่อคนเดียวเท่านั้น…

“ฮู่ว…”

หลังจากสูดหายใจลึกๆ หลายครั้ง ในที่สุดหลิงม่อก็ใจเย็นลง เขากุมมือเย่เลี่ยนไว้แน่น แล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่า “วางใจเถอะ…มีฉันอยู่ทั้งคน”

เย่เลี่ยนเผลอยิ้มออกมาบางๆ

ความสับสนในแววตาเลือนหายไป แทนที่ด้วยการพยักหน้าแรงๆ หนึ่งครั้ง “อื้ม!”

“เอาล่ะ เด็กโง่ เธอต้องบอกฉันอย่างละเอียด…การก้าวข้ามครั้งนี้ของเธอ เยื้อหุ้มชั้นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไหม?” หลิงม่อถาม

เย่เลี่ยนกัดเม้มริมฝีปาก “การเปลี่ยนแปลง…ฉันให้พี่เห็นหมดแล้ว…เยื้อหุ้มชั้นนั้น…ก็ถูกจู่โจมไปด้วย…แต่ว่า…พี่น่าจะรู้แล้วว่า…การก้าวข้ามครั้งนี้…ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ…ถึงแม้ฉันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นข้างใน…แต่มันช้ามาก…”

“ดังนั้น…เวลาในการวิวัฒนาการของฉัน จะไม่แน่นอน…บางทีอาจจบอย่างรวดเร็ว แต่บางทีอาจดำเนินไปเรื่อยๆ…ในช่วงนี้ ฉันจะอยู่ในระหว่างวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ…” เย่เลี่ยนบอก จากนั้นก็พลันก้มหน้าลง พูดด้วยเสียงที่เบายิ่งกว่าเดิม “คงจะ…นำปัญหาวุ่นวายมาให้ไม่น้อย…”

หลิงม่อชะงักงัน ไม่นานก็ตระหนักได้

เป็นอย่างนั้นจริงๆ ระหว่างวิวัฒนาการคงควบคุมกลิ่นอายของเย่เลี่ยนเอาไว้ไม่ได้อีก…

ทว่าก่อนจะวิวัฒนาการ ตัวเย่เลี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

พอลองนึกถึงพฤติกรรมของเธอหลังจากวิวัฒนาการ ไม่แน่อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ควรทำอย่างไรดี…

ดังนั้น หลิงม่อจึงต้องเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้

คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็ยิ้มอีกครั้ง แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

“อื้ม…” เย่เลี่ยนมองหน้าเขานิ่ง ไม่นานก็พยักหน้า

“ถ้ากลัวความวุ่นวายคงไม่เสียเวลามีชีวิตมาจนถึงตอนนี้หรอก แต่เรื่องสำคัญในตอนนี้ ก็คือเยื้อหุ้มชั้นนั้นของเธอ…จากข้อมูลที่มีในตอนนี้ เธอค้นพบเยื่อหุ้มชั้นนี้เพราะตั้งคำถามกับตัวเองมาเป็นเวลานาน และการก้าวข้ามก็จะส่งผลกระทบต่อมัน แต่เธอกลับเริ่มมีความคิดแบบนี้ หลังจากที่ก้าวข้ามมาเป็นซอมบี้ราชา…” หลิงม่อเรียบเรียงเรื่องที่เกิดรอบหนึ่ง จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็พลันกระจ่าง “ฉันเข้าใจแล้ว! ฉันรู้แล้วว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นหลังจาก้าวข้ามเป็นซอมบี้ราชา!”

“เพราะก่อนจะเป็นซอมบี้ราชา ซอมบี้อาจไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดกลับมาได้ แต่นับจากก้าวข้ามเป็นซอมบี้ราชา กลับสามารถฟื้นความทรงจำกลับมาได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ สติปัญญาก็จะพัฒนาขึ้นในระดับหนึ่งเช่นกัน คำว่า ‘ระดับหนึ่ง’ นี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ขอเพียงสามารถคิดในรูปแบบความคิดที่ปกติ ก็น่าจะถือว่าได้มาตรฐานแล้ว พอถึงตอนนี้ ซอมบี้จึงจะเกิดกระบวนการเรียนรู้ตัวเอง…หรือพูดอีกอย่างก็คือ หลังจากกลายเป็นร่างแม่ ก็อาจมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ด้วย” มาตรฐานระดับสติปัญญาที่หลิงม่อพูดถึง เขาสรุปโดยมีเย่เลี่ยนและซอมบี้ร่างแม่สายพลังจิตตัวนั้นเป็นตัวอย่าง

“เย่เลี่ยนอยู่กับเรา เลยเริ่มจากการสังเกตความแตกต่างของเรากับซอมบี้ ส่วนซอมบี้ตัวอื่น พวกมันกลับมีความคิดแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ลักษณะเด่นที่พวกมันมีร่วมกันก็คือ พวกมันไม่ได้มีเพียงความหิวโหยอย่างเดียวอีกต่อไป…แต่พวกมันจะเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้น…กระทั่งสุดท้ายความคิดเหล่านี้จะสั่งสมกันจนถึงจุดจุดหนึ่ง…นั่นก็คือ ตัวเองเป็นตัวอะไรกันแน่ และตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง…เทียบกับความคิดของมนุษย์แล้วมันอาจแตกต่าง แต่ก็มีจุดคล้ายกันอยู่เช่นกัน แตกต่างที่มนุษย์มักมีความคิดด้านนี้ในแง่ของการวางแผนและตั้งเป้าหมายในชีวิต ในขณะที่ซอมบี้ไม่มีความคิดเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นปัญหาที่พวกมันครุ่นคิดจึงเป็นปัญหาเชิงพื้นฐาน”

“บางทีนี่อาจเป็น…จุดสำคัญที่สุดในการวิวัฒนาการของซอมบี้ก็ได้…แล้วก็เป็นจุดพื้นฐานที่สุดด้วย พอถึงเวลานี้ ซอมบี้ก็จะมีการเปลี่ยงแปลงบางอย่างเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ล้วนต่างจากวิวัฒนาการและการก้าวข้ามในครั้งก่อนๆ เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมอย่างแท้จริง…”

“และพวกเราก็โชคดีมาก…ที่ภายใต้การชักนำและส่งผลกระทบหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเย่เลี่ยนก็คิดแบบนั้นได้…แต่ปัญหาคือ ครั้งนี้ พวกเราไม่มีประสบการณ์…และจากที่เย่เลี่ยนบอก ระยะเวลาในการวิวัฒนาการของเธอไม่แน่นอน บางทีสิ่งที่จะเป็นตัวกำหนดระยะเวลาในการวิวัฒนาการ อาจขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถเจาะผ่านเยื้อหุ้มชั้นนั้นได้หรือไม่…ไม่ว่าการคาดเดาของฉันจะถูกหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามันเป็นกุญแจสำคัญอย่างแน่นอน!”

ตอนนี้หลิงม่อยังไม่เคยเจอซอมบี้ที่อยู่ในระดับซอมบี้ราชาขึ้นไป…กระทั่งไม่เคยได้ยินข่าวคราวด้วยซ้ำ…

แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่แปลก…ซอมบี้เหล่านี้เริ่มรู้จักเรียนรู้ตัวเองแล้ว ย่อมไม่มีทางเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามถนนเหมือนซอมบี้ธรรมดาพวกนั้นอยู่แล้ว จึงไม่เปลกที่จะไม่ได้เจอง่ายๆ…อีกทั้งหลิงม่อก็ไม่เคยจงใจตามล่าพวกนั้น สถานที่ที่เขาเคยไปเยือนก็มีจำกัด เพราะเขามักเลี่ยงเขตพื้นที่ที่เป็นจุดรวมพลของซอมบี้จริงๆ เสมอ…

“บางที…ราชินีแมงมุมตัวนั้น อาจก้าวข้ามถึงระดับที่สูงกว่าซอมบี้ราชาแล้วก็ได้…”

หลิงม่อพลันฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา และนั่นส่งผลให้เขาอดไม่ได้ที่คิดถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจเขาขึ้นมาด้วย…

“เอาแต่หนีตลอดคงไม่ใช่ทางออกที่ดี…ถึงเจ้าสิ่งนั้นจะไม่เติบโต แต่หยั่งรากอยู่ในร่างกายเราก็เท่ากับเป็นระเบิดเวลาที่ไม่รู้จะปะทุเมื่อไหร่…ถ้าหากทำให้เธอเป็นฝ่ายมาหาก่อนได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากไม่ได้…”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1134 จุดสำคัญ!

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1134 จุดสำคัญ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใช่แล้ว!

เพราะถ้าหากว่าเป็นซอมบี้ธรรมดา พวกมันจะไม่มีทางสงสัยในตัวเองแน่นอน!

แต่ในไดอารี่ของเย่เลี่ยน…

เธอกลับวิเคราะห์ความแตกต่างของตัวเธอในตอนนี้และตอนที่ยังเป็นมนุษย์จากทุกด้าน…

แค่เรื่องนี้ก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้ว!

“ดีเหลือเกิน…นี่มันดีเหลือเกิน!

หลิงม่อตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร เขาดึงมือเย่เลี่ยนมาแล้วถามว่า “เด็กโง่ มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันล่ะ?”

“น่าจะ…ตั้งแต่ที่ฉัน…ก้าวข้ามถึงระดับราชา…” เย่เลี่ยนกลับตอบเสียงเบา “ตอนแรก…ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร…ก็เลย…”

“เอาเถอะๆ ถ้าอย่างนั้น…เธอรู้ไหมว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?” หลิงม่อตั้งคำถามที่เป็นประเด็นสำคัญ

ใช่แล้ว นี่ต่างหากล่ะที่เป็นเรื่องสำคัญ…

ถ้าหากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และนำไปประกอบกับเบาะแสที่เขาได้มาทั้งหมด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจสามารถ…

ตามเย่เลี่ยนคนเดิมกลับมาได้ในทันที!

ทว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าซอมบี้เย่เลี่ยนคนนี้จะหายไป…

ความจริง จากเรื่องของสวี่ซูหาน หลิงม่อก็เดาได้รางๆ แล้ว…ถึงแม้จะรื้อฟื้นอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์กลับมาได้ แต่เย่เลี่ยนก็ไม่มีทางกลับไปเป็นคนเก่าได้อย่างสมบูรณ์ ความเป็นไปได้ที่มากกว่า คือเธออาจมีทั้งความเป็นมนุษย์…และซอมบี้อยู่ในร่างเดียวกัน…

“เกิดขึ้นได้ยังไง…” เย่เลี่ยนมองหน้าหลิงม่อ “ก็เหมือนกับที่บอกเมื่อกี้…ตอนแรก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร…ฉันแค่ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ…และเริ่มสังเกตความแตกต่างระหว่างพี่กับพวกฉัน…”

หลิงม่ออึ้งงัน สมองพลางผุดภาพที่เกิดขึ้นในอดีต…

เป็นอย่างที่เธอบอกจริงๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เย่เลี่ยนเอาแต่แอบมองพวกเขาอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ…

และเขาก็เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่าที่แท้ซอมบี้สาวตัวนี้กำลังสังเกตการณ์พวกเขาอยู่นี่เอง…

“ยิ่งเห็นความแตกต่างมากขึ้น…ฉันก็อดสงสัยไม่ได้…เพราะอะไร ถึงได้เกิดความแตกต่างพวกนั้นขึ้นมาล่ะ? ฉันนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเป็นมนุษย์…แล้วรู้สึกว่า ถ้าหากเป็นฉันในตอนนั้น อาจจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ก็ได้…ดังนั้น ฉันเลยพยายามหวนนึกถึงสิ่งที่เคยบันทึก และเขียนมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง…” เย่เลี่ยนบอก

ที่แท้เรื่องราวพวกนั้น…เป็นไดอารี่จริงๆ ด้วย!

“ไม่ ฉันไม่ได้แค่หวนนึกถึงไดอารี่…แต่ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเนื้อหาที่บันทึกไว้ด้วย…แต่ว่า…ตอนที่หวนนึกถึง ฉันกลับไม่อาจเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกตอนที่กำลังเขียนไดอารี่ได้เลย…ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองในตอนนั้นถึงได้คิดแบบนั้น…และเรื่องที่ทำให้ฉันไม่เข้าใจ…ก็มีมากมาย มีมากมายเหลือเกิน…” เย่เลี่ยนบอก

ฟังมาถึงตรงนี้ หัวใจของหลิงม่อพลันบีบรัด มือของเขาที่กุมมือเย่เลี่ยนอยู่กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร…”

เย่เลี่ยนยังคงมองหน้าหลิงม่อ แล้วพูดเสียงนุ่มนวล “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันเข้าใจ…นั่นคือ…พี่หวังว่าฉันจะเข้าใจเรื่องพวกนี้…ถ้าหากฉันยังไม่เข้าใจต่อไปเรื่อยๆ บางทีนั่นอาจหมายความว่า…เย่เลี่ยนคนเดิมจะเหลือไว้แค่ในความทรงจำ…ใช่ไหม?”

หลิงม่อไม่พูดอะไร…

ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขากลับเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา

“ยัยโง่…”

ที่เธอพูดอย่างนี้ได้ นั่นก็หมายความว่า…เธอเริ่มเข้าใจตัวเองแล้วไม่ใช่หรือไง…

และตั้งแต่วินาทีที่เห็นลายมือของเธอ หลิงม่อก็รู้เรื่องนี้แล้ว…

เย่เลี่ยนในตอนนี้อาจยังตามหาตัวเองในตอนที่เป็นมนุษย์ไม่เจอ…แต่เธอกลับไม่ได้ทิ้งสิ่งเหล่านั้นในยามที่ยังเป็นมนุษย์ไปจนหมด…

เชื้อไวรัส ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเธอไปจนหมดสิ้น…

และนี่ ก็คือความหวัง!

“ตัวฉันเอง…ก็รู้…ว่าบางทีถ้าวันหนึ่งฉันเข้าใจ…ฉันก็จะรู้…ว่าความหมายในการมีชีวิตอยู่ของพวกฉัน…คืออะไรกันแน่…เรื่องนี้ มนุษย์อาจไม่มีทางเข้าใจ ซอมบี้เองก็อาจไม่มีวันเข้าใจ…แต่ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์ และซอมบี้ในเวลาเดียวกัน…” เย่เลี่ยนพยายามอธิบายอย่างยากลำบาก

“ยังมีอีกเรื่อง…ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่แน่ใจ แต่เมื่อกี้ ฉันสัมผัสรู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว…ดังนั้น พี่หลิง เรื่องที่ฉันจะบอกพี่…ก็คือ ระหว่างที่ฉันกำลังสงสัยเรื่องพวกนี้ สมองของฉัน เหมือนมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกำลังเกิดขึ้นช้าๆ…”

“พรึ่บ!”

หลิงม่อลุกพรวดทันที

เปลี่ยนแปลง!

ถึงแม้เป็นเพียงคำธรรมดาคำหนึ่ง แต่ความหมายแฝงของมันนั้นมากมายเหลือเกิน!

“การเปลี่ยนแปลงแบบไหน?” หลิงม่อถามอย่างร้อนใจ

เย่เลี่ยนหลับตา เธอสูดหายใจเบาๆ พลางตอบว่า “ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง…มันเหมือนกับ…ตอนที่พยายามสำรวจและขุดค้นเรื่องราวในสมอง…ก็ค่อยๆ สัมผัสถูกเยื่อหุ้มบางๆ ชั้นหนึ่งเข้า…ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าอีกฝั่งของเยื่อหุ้มนั้นเป็นอะไร…”

มันก็คือ…อารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์!

หลิงม่อหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง

ถ้าหากเมื่อกี้มีเพียงความหวัง…งั้นตอนนี้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือเส้นทางสู่ความหวังนั้น!

ขอเพียงเดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดหมายในที่สุด!

แม้ว่าตอนนี้มีเพียงเย่เลี่ยนคนเดียวที่มีปรากฏการณ์แบบนี้ แต่นี่กลับเป็นการนำทางให้กับซย่าน่าและรุ่นพี่ในอนาคต

สิ่งที่พวกเขาต้องการ มีเพียงความสำเร็จครั้งเดียว!

ไม่ได้การ…ต้องใจเย็นไว้ก่อน ใจเย็นๆ…

หลังจากบอกเรื่องนี้กับเขา ในแววตาของเย่เลี่ยน ก็ปรากฏความสับสนคล้ายไม่รู้จะทำเช่นไรดีขึ้นมา…

ใช่แล้ว เธอไม่ได้กำลังรายงายความคืบหน้า…แต่เธอกำลังร้องขอความช่วยเหลือ

เรื่องแบบนี้ ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเย่เลี่ยนในตอนนี้…

และคนที่จะช่วยเธอได้ก็มีเพียงหลิงม่อคนเดียวเท่านั้น…

“ฮู่ว…”

หลังจากสูดหายใจลึกๆ หลายครั้ง ในที่สุดหลิงม่อก็ใจเย็นลง เขากุมมือเย่เลี่ยนไว้แน่น แล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่า “วางใจเถอะ…มีฉันอยู่ทั้งคน”

เย่เลี่ยนเผลอยิ้มออกมาบางๆ

ความสับสนในแววตาเลือนหายไป แทนที่ด้วยการพยักหน้าแรงๆ หนึ่งครั้ง “อื้ม!”

“เอาล่ะ เด็กโง่ เธอต้องบอกฉันอย่างละเอียด…การก้าวข้ามครั้งนี้ของเธอ เยื้อหุ้มชั้นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไหม?” หลิงม่อถาม

เย่เลี่ยนกัดเม้มริมฝีปาก “การเปลี่ยนแปลง…ฉันให้พี่เห็นหมดแล้ว…เยื้อหุ้มชั้นนั้น…ก็ถูกจู่โจมไปด้วย…แต่ว่า…พี่น่าจะรู้แล้วว่า…การก้าวข้ามครั้งนี้…ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ…ถึงแม้ฉันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นข้างใน…แต่มันช้ามาก…”

“ดังนั้น…เวลาในการวิวัฒนาการของฉัน จะไม่แน่นอน…บางทีอาจจบอย่างรวดเร็ว แต่บางทีอาจดำเนินไปเรื่อยๆ…ในช่วงนี้ ฉันจะอยู่ในระหว่างวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ…” เย่เลี่ยนบอก จากนั้นก็พลันก้มหน้าลง พูดด้วยเสียงที่เบายิ่งกว่าเดิม “คงจะ…นำปัญหาวุ่นวายมาให้ไม่น้อย…”

หลิงม่อชะงักงัน ไม่นานก็ตระหนักได้

เป็นอย่างนั้นจริงๆ ระหว่างวิวัฒนาการคงควบคุมกลิ่นอายของเย่เลี่ยนเอาไว้ไม่ได้อีก…

ทว่าก่อนจะวิวัฒนาการ ตัวเย่เลี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

พอลองนึกถึงพฤติกรรมของเธอหลังจากวิวัฒนาการ ไม่แน่อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ควรทำอย่างไรดี…

ดังนั้น หลิงม่อจึงต้องเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้

คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็ยิ้มอีกครั้ง แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

“อื้ม…” เย่เลี่ยนมองหน้าเขานิ่ง ไม่นานก็พยักหน้า

“ถ้ากลัวความวุ่นวายคงไม่เสียเวลามีชีวิตมาจนถึงตอนนี้หรอก แต่เรื่องสำคัญในตอนนี้ ก็คือเยื้อหุ้มชั้นนั้นของเธอ…จากข้อมูลที่มีในตอนนี้ เธอค้นพบเยื่อหุ้มชั้นนี้เพราะตั้งคำถามกับตัวเองมาเป็นเวลานาน และการก้าวข้ามก็จะส่งผลกระทบต่อมัน แต่เธอกลับเริ่มมีความคิดแบบนี้ หลังจากที่ก้าวข้ามมาเป็นซอมบี้ราชา…” หลิงม่อเรียบเรียงเรื่องที่เกิดรอบหนึ่ง จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็พลันกระจ่าง “ฉันเข้าใจแล้ว! ฉันรู้แล้วว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นหลังจาก้าวข้ามเป็นซอมบี้ราชา!”

“เพราะก่อนจะเป็นซอมบี้ราชา ซอมบี้อาจไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดกลับมาได้ แต่นับจากก้าวข้ามเป็นซอมบี้ราชา กลับสามารถฟื้นความทรงจำกลับมาได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ สติปัญญาก็จะพัฒนาขึ้นในระดับหนึ่งเช่นกัน คำว่า ‘ระดับหนึ่ง’ นี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ขอเพียงสามารถคิดในรูปแบบความคิดที่ปกติ ก็น่าจะถือว่าได้มาตรฐานแล้ว พอถึงตอนนี้ ซอมบี้จึงจะเกิดกระบวนการเรียนรู้ตัวเอง…หรือพูดอีกอย่างก็คือ หลังจากกลายเป็นร่างแม่ ก็อาจมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ด้วย” มาตรฐานระดับสติปัญญาที่หลิงม่อพูดถึง เขาสรุปโดยมีเย่เลี่ยนและซอมบี้ร่างแม่สายพลังจิตตัวนั้นเป็นตัวอย่าง

“เย่เลี่ยนอยู่กับเรา เลยเริ่มจากการสังเกตความแตกต่างของเรากับซอมบี้ ส่วนซอมบี้ตัวอื่น พวกมันกลับมีความคิดแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ลักษณะเด่นที่พวกมันมีร่วมกันก็คือ พวกมันไม่ได้มีเพียงความหิวโหยอย่างเดียวอีกต่อไป…แต่พวกมันจะเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้น…กระทั่งสุดท้ายความคิดเหล่านี้จะสั่งสมกันจนถึงจุดจุดหนึ่ง…นั่นก็คือ ตัวเองเป็นตัวอะไรกันแน่ และตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง…เทียบกับความคิดของมนุษย์แล้วมันอาจแตกต่าง แต่ก็มีจุดคล้ายกันอยู่เช่นกัน แตกต่างที่มนุษย์มักมีความคิดด้านนี้ในแง่ของการวางแผนและตั้งเป้าหมายในชีวิต ในขณะที่ซอมบี้ไม่มีความคิดเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นปัญหาที่พวกมันครุ่นคิดจึงเป็นปัญหาเชิงพื้นฐาน”

“บางทีนี่อาจเป็น…จุดสำคัญที่สุดในการวิวัฒนาการของซอมบี้ก็ได้…แล้วก็เป็นจุดพื้นฐานที่สุดด้วย พอถึงเวลานี้ ซอมบี้ก็จะมีการเปลี่ยงแปลงบางอย่างเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ล้วนต่างจากวิวัฒนาการและการก้าวข้ามในครั้งก่อนๆ เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมอย่างแท้จริง…”

“และพวกเราก็โชคดีมาก…ที่ภายใต้การชักนำและส่งผลกระทบหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเย่เลี่ยนก็คิดแบบนั้นได้…แต่ปัญหาคือ ครั้งนี้ พวกเราไม่มีประสบการณ์…และจากที่เย่เลี่ยนบอก ระยะเวลาในการวิวัฒนาการของเธอไม่แน่นอน บางทีสิ่งที่จะเป็นตัวกำหนดระยะเวลาในการวิวัฒนาการ อาจขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถเจาะผ่านเยื้อหุ้มชั้นนั้นได้หรือไม่…ไม่ว่าการคาดเดาของฉันจะถูกหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามันเป็นกุญแจสำคัญอย่างแน่นอน!”

ตอนนี้หลิงม่อยังไม่เคยเจอซอมบี้ที่อยู่ในระดับซอมบี้ราชาขึ้นไป…กระทั่งไม่เคยได้ยินข่าวคราวด้วยซ้ำ…

แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่แปลก…ซอมบี้เหล่านี้เริ่มรู้จักเรียนรู้ตัวเองแล้ว ย่อมไม่มีทางเดินเตร็ดเตร่อยู่ตามถนนเหมือนซอมบี้ธรรมดาพวกนั้นอยู่แล้ว จึงไม่เปลกที่จะไม่ได้เจอง่ายๆ…อีกทั้งหลิงม่อก็ไม่เคยจงใจตามล่าพวกนั้น สถานที่ที่เขาเคยไปเยือนก็มีจำกัด เพราะเขามักเลี่ยงเขตพื้นที่ที่เป็นจุดรวมพลของซอมบี้จริงๆ เสมอ…

“บางที…ราชินีแมงมุมตัวนั้น อาจก้าวข้ามถึงระดับที่สูงกว่าซอมบี้ราชาแล้วก็ได้…”

หลิงม่อพลันฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา และนั่นส่งผลให้เขาอดไม่ได้ที่คิดถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจเขาขึ้นมาด้วย…

“เอาแต่หนีตลอดคงไม่ใช่ทางออกที่ดี…ถึงเจ้าสิ่งนั้นจะไม่เติบโต แต่หยั่งรากอยู่ในร่างกายเราก็เท่ากับเป็นระเบิดเวลาที่ไม่รู้จะปะทุเมื่อไหร่…ถ้าหากทำให้เธอเป็นฝ่ายมาหาก่อนได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากไม่ได้…”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+