แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1172 แกร้ายกาจขนาดนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1172 แกร้ายกาจขนาดนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของหัวหน้าทีมนิพพานดังขึ้นอีกครั้ง หลิวหยางที่ยืนรออยู่บนขั้นบันไดพลันเผยสีหน้าสงสัยออกมาทันที ‘ขัดขวางร่างจริงไว้ชั่วคราว จากนั้นก็ใช้พลังจิตโจมตีมนุษย์คนนี้โดยตรง…การที่เขาทำอย่างนี้ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย แต่ว่าเขาใช้พลังอย่างนี้ทั้งที่อยู่ท่ามกลางม่านพลังสกัดกั้นได้อย่างไร? ตามหลักแล้ว เขาน่าจะถูกสะกดพลังจิตไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้…ดูจากความเร็วในการตอบสนองและการโจมตีอันคล่องแคล่วของเขา ไม่เหมือนการโจมตีหลังจากที่ระเบิดพลังทะลุม่านพลังสกัดกั้นออกมาเลย…’

ถึงแม้จะทะลุม่านพลังออกมา…หนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะลงมือ หัวหน้าทีมนิพพานก็น่าจะสังเกตได้ทันถึงจะถูก แต่เพราะไม่ล่วงรู้อะไรเลย หัวหน้าทีมนิพพานจึงถูกเล่นงานอย่างกะทันหัน ความจริงก็โทษเขาว่าประมาทไม่ได้ เพราะแม้แต่หลิวหยางที่ยืนมองอยู่นอกวงอย่างใจเย็นก็ยังไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ทว่าถึงตอนนี้ หัวหน้าทีมนิพพานกลับเพิ่งจะกระจ่างว่าที่แท้หลิงม่อไม่ใช่ไม่หนี แต่เตรียมกับดักไว้รอตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก และเพียงรอเวลาให้ตัวเขาวิ่งเข้ามาหาถึงที่เท่านั้น…

“อั๊ก…อ๊ากกก! หลิงม่อ ไม่มีประโยชน์หรอก! นอกจากว่าแกจะฆ่าฉันได้ก่อน ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องตายยังไงก็ต้องเป็นแก!” หัวหน้าทีมนิพพานกรีดร้อง ในขณะที่ดวงตาแดงก่ำกลับยังคงจ้องหลิงม่ออย่างเคียดแค้น

“ขยับสิ! ขยับเร็วเข้าเซ่!” ขอเพียงร่างกายร่างนี้หลุดไปได้ ในระยะห่างแค่นี้ บางทีเพียงฝ่ามือเดียวก็อาจสามารถฆ่าหลิงม่อได้แล้ว!

ทว่า…ไม่ว่าเขาจะก่นด่าอย่างบ้าคลั่งอีกแค่ไหน หลิงม่อก็ยังคงหลับตาและยืนนิ่งอยู่ที่เดิมซึ่งห่างจากตัวเขาเพียงห้าเมตรเท่านั้น

“เชี่ย! ทำไมพลังของหมอนี่ถึงได้แกร่งขนาดนี้! หากอาศัยแค่การถ่ายพลังจิตออกมา ความเร็วในการถ่ายเทพลังงานของเขาไม่น่าจะสามารถพันธนาการฉันที่ผลาญพลังงานได้เร็วกว่าได้นี่นา!” ถึงแม้สูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเอง แต่หัวหน้าทีมนิพพานกลับรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างนี้ได้อย่างชัดเจน เขารู้ตัวว่าแม้ตัวเองจะมีพลังพันธนาการศัตรูที่แข็งแกร่งเหมือนหลิงม่อ แต่ภายใต้การขัดขืนอย่างรุนแรงของร่างนี้ เขาไม่มีทางยืนหยัดได้นานแน่นอน

นั่นไม่ได้เป็นเพราะว่าผู้มีพลังจิตไม่แข็งแกร่งมากพอเสมอไป แต่เป็นเพราะไม่ว่าจะมีพลังงานทางจิตที่แข็งแกร่งอีกซักแค่ไหน อย่างไรก็ยังต้องอาศัยการถ่ายเทออกมาทีละน้อย จุดนี้ความจริงก็เหมือนกับพละกำลังทางกล้ามเนื้อ หากสามารถกำหนดให้อยู่ในขอบเขตที่แน่นอนได้ พละกำลังที่ระเบิดออกมาก็จะไม่สร้างความเสียหายให้กับกล้ามเนื้อ แต่เมื่อใดที่ถ่ายเทพละกำลังออกมาเกินขีดจำกัดดังกล่าว กล้ามเนื้อก็จะเกิดความเสียหายและฉีกขาด กระทั่งอาจทำให้มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงกว่านั้นตามมา และด้วยหลักการเดียวกัน หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นกับส่วนสมอง ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะยิ่งร้ายแรงกว่าหลายเท่า

ดังนั้นผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตไม่เพียงหาตัวจับยาก แต่ผู้ที่มีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้มักเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน แต่ที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาล้วนระวังรอบคอบอยู่เสมอ

ก็เหมือนกับหัวหน้าทีมนิพพาน หากไม่ใช่ว่าถูกหลิวหยางควบคุมร่างกาย เขาไม่มีทางยอมเสี่ยงอันตรายปะทะกับหลิงม่อโดยตรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเผชิญหน้ากับซอมบี้สาวเหล่านั้นเลย

แต่หลิงม่อไม่เหมือนกัน เจ้าหมอนี่เหมือนคนบ้า แม้แต่พลังของเขายังทำให้คนอื่นอึ้งจนพูดไม่ออกอย่างนี้…

แกเป็นผู้มีพลังจิตอยู่ดีๆ แต่ทำไมเหมือนกำลังใช้ความสามารถพิเศษไปกับการต่อสู้ระยะประชิดล่ะ!

“ไม่สิ…นี่มันอะไรกัน?”

ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัส หัวหน้าทีมนิพพานตระหนักได้ถึงบางอย่าง…หนวดสัมผัสสีแดงโลหิตสิบกว่าเส้นแบ่งกันผูกมัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของเขา ในขณะที่หนวดสัมผัสอีกเส้นกำลังเลื้อยขึ้นมาที่คอ ภายใต้ครรลองสายตาของเขา นิ้วมือที่ดูเลือนรางสองนิ้วก็พลันยื่นออกมา

เห็นชัดว่าเป็นมือข้างนี้แน่นอนที่ยื่นเข้าไปในสมองและบีบเค้นดวงแสงแห่งจิตของเขา…

“อ๊ากกก! นี่มันอะไรวะ? พลัง…เกิดขึ้นจากการหลอมรวมของพลังงานทางจิตงั้นหรือ? ระหว่างมันกับหลิงม่อ…” หัวหน้าทีมนิพพานพลาดขั้นตอนการตายของปรสิตตัวแรกไป…แน่นอน ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะทำใจดีสู้เสือสังเกตการณ์อยู่ที่เดิม แต่เวินเสี่ยวอวี่ก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาเห็นอยู่แล้ว และเวลานี้การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเสี่ยวเฮย ก็ทำให้หัวหน้าทีมนิพพานช็อกตาค้างไปทันที

แม่เอ็ง นี่มันร่างดวงจิตนี่!

แค่ปริมาณพลังงานที่หลอมรวมเจ้าตัวนี้ขึ้นมาก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน!

อีกทั้งเจ้าสิ่งนี้ยังถือกำเนิดมาจากดวงแสงแห่งจิตของหลิงม่ออีกด้วย…แล้วตัวหลิงม่อจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันล่ะ?!

คงเพราะว่าสมองของเขาไม่อาจแบกรับพลังงานที่มากมายถึงขนาดนี้ไว้ได้ เขาถึงได้สร้างร่างดวงจิตอย่างนี้ขึ้นมาสินะ?

แต่ปัญหากวนใจอย่างนี้…หัวหน้าทีมนิพพานก็อยากมีเหมือนกันนี่!

“เพราะอะไร…ทำไมหมอนี่ถึงมีพลังเยอะขนาดนี้! ฉันนึกว่าฉันพยายามมากพอแล้ว…ทั้งที่นึกว่าตัวเองพัฒนาได้เร็วมากแล้วแท้ๆ…” หัวหน้าทีมนิพพานพลันสติหลุดไปชั่วขณะ ทว่าไม่นานเขาก็ตระหนักได้ถึงอีกเรื่องหนึ่ง…

“หนวดสัมผัสเส้นนี้เชื่อมต่อไว้กับร่างดวงจิตของเขา…ถ้าอย่างนั้นที่เหลือล่ะ? ทำไมถึงได้แผ่ขึ้นไปที่ชั้นบน? แล้วยังมีอีกเส้น…ที่ดูเหมือนจะแผ่ออกไปข้างนอก…” “เส้นสายแห่งพลังจิต” พวกนี้แข็งแกร่งกว่าพวกที่มัดเขาไว้มาก ถึงแม้มีม่านพลังสกัดกั้นอยู่ก็ไม่อาจตัดพวกมันให้ขาดได้ อย่างมากก็เพียงได้รับผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็น่าตกตะลึงมากพอที่จะทำให้หัวหน้าทีมนิพพานอ้าปากค้างได้

“ไหนดูซิ…” ม่านพลังสกัดกั้นยังคงอยู่ในการควบคุมของหัวหน้าทีมนิพพาน แม้ว่าการโจมตีทางจิตของหลิงม่อจะทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัส แต่กลับไม่สามารถทำให้ดวงแสงแห่งจิตของเขาแตกสลายได้ในทันที ความจริงหลังดึงสติกลับมาจากการถูกซุ่มโจมตีได้ พวกเขาก็ตกอยู่ในการต่อสู้ที่ต้องผลาญพลังของอีกฝ่ายอีกครั้ง และท่ามกลางม่านพลังสกัดกั้น หลิงม่อกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างไม่คาดคิด

“หนวดสัมผัสพวกนี้…เชื่อมต่อกับผู้หญิงพวกนั้น?! ไม่ๆ…ยังมีอีกสองเส้นที่เกินมา…แต่ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไง? มนุษย์จะถูกเจ้าสิ่งนี้…หรือว่าใช้เพื่อสื่อสารกัน? แต่เห็นชัดว่าพวกเธอไม่ใช่ผู้มีพลังจิตแน่ๆ พวกเธอไม่สามารถสื่อสารทางจิตกับเขาผ่านวิธีนี้ได้แน่นอน อย่างมากก็ทำได้เพียงรับคำสั่งจากเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น…แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีประโยชน์อะไรหากเขาจะคงวิธีการสื่อสารที่ต้องใช้พลังมหาศาลอย่างนี้เพื่อออกคำสั่งอย่างเดียว…”

หัวหน้าทีมนิพพานไม่ถือว่าโง่…ตั้งแต่ที่หลิวหยางเผยตัวตนสัตว์ประหลาดของตัวเองออกมา เขาก็เริ่มแคลงใจในตัวตนของหลิงม่ออย่างหนัก ทำไมมนุษย์คนหนึ่ง…ถึงได้รู้จักกับสัตว์ประหลาดล่ะ? ถึงแม้สัตว์ประหลาดตัวนี้จะหมายหัวเขา แต่ก็ไม่น่าจะลงทุนลงแรงหลอกใช้พวกเขาให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้หรือเปล่า? แต่ถ้าหาก…หลิงม่อไม่ใช่แค่คนคนหนึ่งล่ะ? ถ้าหากเขาไม่ได้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาล่ะ?

“แต่ถ้าการคาดเดานี้เป็นไปไม่ได้…”

หัวหน้าทีมนิพพานจ้องมองหลิงม่ออยู่นานสองนาน แล้วทันใดนั้นก็ร้องขึ้นมา “ผู้หญิงพวกนั้น…พวกเธอไม่ใช่มนุษย์สินะ?! พวกเธออาจเป็นเหมือนหลิวหยาง…”

“ฮ่าๆๆ…ว่าแล้วเชียว ฉันว่าแล้วว่าทำไมแกถึงได้ตายยากนัก…ที่แท้แกก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่เอง ถึงแกจะเป็นคนธรรมดา แต่พวกที่อยู่กับแกก็เป็นสัตว์ประหลาด! ย้ากกกก…”

ทันใดนั้น เขาเริ่มระเบิดพลังอย่างบ้าคลั่ง พลังจิตมากมายพุ่งออกมาจากสมองอย่างต่อเนื่อง หนวดสัมผัสเหล่านั้นเดิมก็เกิดจากการหลอมรวมของพลังจิต เวลานี้ภายใต้การโจมตีทางจิตบวกกับแรงขัดขืนทางกาย พวกมันจึงสะท้านสะเทือนราวกับใกล้ต้านทานไม่ไหว

แต่เห็นชัดว่าหัวหน้าทีมนิพพานไม่ได้หวังเพียงการต่อสู้ยื้อเวลา เขาจ้องหลิงม่อเขม็ง ฉับพลันนั้นพลังจิตขุมหนึ่งก็หลุดออกจากการขัดขวางของ “มือ” ข้างนั้น และพุ่งตรงไปที่หลิงม่อ…หรือหากพูดให้ถูกก็คือ พุ่งตรงไปยังหนวดสัมผัสเส้นที่เชื่อมต่อหลิงม่อไว้กับซอมบี้สาวตัวหนึ่ง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1172 แกร้ายกาจขนาดนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1172 แกร้ายกาจขนาดนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของหัวหน้าทีมนิพพานดังขึ้นอีกครั้ง หลิวหยางที่ยืนรออยู่บนขั้นบันไดพลันเผยสีหน้าสงสัยออกมาทันที ‘ขัดขวางร่างจริงไว้ชั่วคราว จากนั้นก็ใช้พลังจิตโจมตีมนุษย์คนนี้โดยตรง…การที่เขาทำอย่างนี้ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย แต่ว่าเขาใช้พลังอย่างนี้ทั้งที่อยู่ท่ามกลางม่านพลังสกัดกั้นได้อย่างไร? ตามหลักแล้ว เขาน่าจะถูกสะกดพลังจิตไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้…ดูจากความเร็วในการตอบสนองและการโจมตีอันคล่องแคล่วของเขา ไม่เหมือนการโจมตีหลังจากที่ระเบิดพลังทะลุม่านพลังสกัดกั้นออกมาเลย…’

ถึงแม้จะทะลุม่านพลังออกมา…หนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะลงมือ หัวหน้าทีมนิพพานก็น่าจะสังเกตได้ทันถึงจะถูก แต่เพราะไม่ล่วงรู้อะไรเลย หัวหน้าทีมนิพพานจึงถูกเล่นงานอย่างกะทันหัน ความจริงก็โทษเขาว่าประมาทไม่ได้ เพราะแม้แต่หลิวหยางที่ยืนมองอยู่นอกวงอย่างใจเย็นก็ยังไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ทว่าถึงตอนนี้ หัวหน้าทีมนิพพานกลับเพิ่งจะกระจ่างว่าที่แท้หลิงม่อไม่ใช่ไม่หนี แต่เตรียมกับดักไว้รอตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก และเพียงรอเวลาให้ตัวเขาวิ่งเข้ามาหาถึงที่เท่านั้น…

“อั๊ก…อ๊ากกก! หลิงม่อ ไม่มีประโยชน์หรอก! นอกจากว่าแกจะฆ่าฉันได้ก่อน ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องตายยังไงก็ต้องเป็นแก!” หัวหน้าทีมนิพพานกรีดร้อง ในขณะที่ดวงตาแดงก่ำกลับยังคงจ้องหลิงม่ออย่างเคียดแค้น

“ขยับสิ! ขยับเร็วเข้าเซ่!” ขอเพียงร่างกายร่างนี้หลุดไปได้ ในระยะห่างแค่นี้ บางทีเพียงฝ่ามือเดียวก็อาจสามารถฆ่าหลิงม่อได้แล้ว!

ทว่า…ไม่ว่าเขาจะก่นด่าอย่างบ้าคลั่งอีกแค่ไหน หลิงม่อก็ยังคงหลับตาและยืนนิ่งอยู่ที่เดิมซึ่งห่างจากตัวเขาเพียงห้าเมตรเท่านั้น

“เชี่ย! ทำไมพลังของหมอนี่ถึงได้แกร่งขนาดนี้! หากอาศัยแค่การถ่ายพลังจิตออกมา ความเร็วในการถ่ายเทพลังงานของเขาไม่น่าจะสามารถพันธนาการฉันที่ผลาญพลังงานได้เร็วกว่าได้นี่นา!” ถึงแม้สูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเอง แต่หัวหน้าทีมนิพพานกลับรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างนี้ได้อย่างชัดเจน เขารู้ตัวว่าแม้ตัวเองจะมีพลังพันธนาการศัตรูที่แข็งแกร่งเหมือนหลิงม่อ แต่ภายใต้การขัดขืนอย่างรุนแรงของร่างนี้ เขาไม่มีทางยืนหยัดได้นานแน่นอน

นั่นไม่ได้เป็นเพราะว่าผู้มีพลังจิตไม่แข็งแกร่งมากพอเสมอไป แต่เป็นเพราะไม่ว่าจะมีพลังงานทางจิตที่แข็งแกร่งอีกซักแค่ไหน อย่างไรก็ยังต้องอาศัยการถ่ายเทออกมาทีละน้อย จุดนี้ความจริงก็เหมือนกับพละกำลังทางกล้ามเนื้อ หากสามารถกำหนดให้อยู่ในขอบเขตที่แน่นอนได้ พละกำลังที่ระเบิดออกมาก็จะไม่สร้างความเสียหายให้กับกล้ามเนื้อ แต่เมื่อใดที่ถ่ายเทพละกำลังออกมาเกินขีดจำกัดดังกล่าว กล้ามเนื้อก็จะเกิดความเสียหายและฉีกขาด กระทั่งอาจทำให้มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงกว่านั้นตามมา และด้วยหลักการเดียวกัน หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นกับส่วนสมอง ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะยิ่งร้ายแรงกว่าหลายเท่า

ดังนั้นผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตไม่เพียงหาตัวจับยาก แต่ผู้ที่มีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้มักเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน แต่ที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาล้วนระวังรอบคอบอยู่เสมอ

ก็เหมือนกับหัวหน้าทีมนิพพาน หากไม่ใช่ว่าถูกหลิวหยางควบคุมร่างกาย เขาไม่มีทางยอมเสี่ยงอันตรายปะทะกับหลิงม่อโดยตรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเผชิญหน้ากับซอมบี้สาวเหล่านั้นเลย

แต่หลิงม่อไม่เหมือนกัน เจ้าหมอนี่เหมือนคนบ้า แม้แต่พลังของเขายังทำให้คนอื่นอึ้งจนพูดไม่ออกอย่างนี้…

แกเป็นผู้มีพลังจิตอยู่ดีๆ แต่ทำไมเหมือนกำลังใช้ความสามารถพิเศษไปกับการต่อสู้ระยะประชิดล่ะ!

“ไม่สิ…นี่มันอะไรกัน?”

ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัส หัวหน้าทีมนิพพานตระหนักได้ถึงบางอย่าง…หนวดสัมผัสสีแดงโลหิตสิบกว่าเส้นแบ่งกันผูกมัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของเขา ในขณะที่หนวดสัมผัสอีกเส้นกำลังเลื้อยขึ้นมาที่คอ ภายใต้ครรลองสายตาของเขา นิ้วมือที่ดูเลือนรางสองนิ้วก็พลันยื่นออกมา

เห็นชัดว่าเป็นมือข้างนี้แน่นอนที่ยื่นเข้าไปในสมองและบีบเค้นดวงแสงแห่งจิตของเขา…

“อ๊ากกก! นี่มันอะไรวะ? พลัง…เกิดขึ้นจากการหลอมรวมของพลังงานทางจิตงั้นหรือ? ระหว่างมันกับหลิงม่อ…” หัวหน้าทีมนิพพานพลาดขั้นตอนการตายของปรสิตตัวแรกไป…แน่นอน ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะทำใจดีสู้เสือสังเกตการณ์อยู่ที่เดิม แต่เวินเสี่ยวอวี่ก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาเห็นอยู่แล้ว และเวลานี้การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเสี่ยวเฮย ก็ทำให้หัวหน้าทีมนิพพานช็อกตาค้างไปทันที

แม่เอ็ง นี่มันร่างดวงจิตนี่!

แค่ปริมาณพลังงานที่หลอมรวมเจ้าตัวนี้ขึ้นมาก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน!

อีกทั้งเจ้าสิ่งนี้ยังถือกำเนิดมาจากดวงแสงแห่งจิตของหลิงม่ออีกด้วย…แล้วตัวหลิงม่อจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันล่ะ?!

คงเพราะว่าสมองของเขาไม่อาจแบกรับพลังงานที่มากมายถึงขนาดนี้ไว้ได้ เขาถึงได้สร้างร่างดวงจิตอย่างนี้ขึ้นมาสินะ?

แต่ปัญหากวนใจอย่างนี้…หัวหน้าทีมนิพพานก็อยากมีเหมือนกันนี่!

“เพราะอะไร…ทำไมหมอนี่ถึงมีพลังเยอะขนาดนี้! ฉันนึกว่าฉันพยายามมากพอแล้ว…ทั้งที่นึกว่าตัวเองพัฒนาได้เร็วมากแล้วแท้ๆ…” หัวหน้าทีมนิพพานพลันสติหลุดไปชั่วขณะ ทว่าไม่นานเขาก็ตระหนักได้ถึงอีกเรื่องหนึ่ง…

“หนวดสัมผัสเส้นนี้เชื่อมต่อไว้กับร่างดวงจิตของเขา…ถ้าอย่างนั้นที่เหลือล่ะ? ทำไมถึงได้แผ่ขึ้นไปที่ชั้นบน? แล้วยังมีอีกเส้น…ที่ดูเหมือนจะแผ่ออกไปข้างนอก…” “เส้นสายแห่งพลังจิต” พวกนี้แข็งแกร่งกว่าพวกที่มัดเขาไว้มาก ถึงแม้มีม่านพลังสกัดกั้นอยู่ก็ไม่อาจตัดพวกมันให้ขาดได้ อย่างมากก็เพียงได้รับผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็น่าตกตะลึงมากพอที่จะทำให้หัวหน้าทีมนิพพานอ้าปากค้างได้

“ไหนดูซิ…” ม่านพลังสกัดกั้นยังคงอยู่ในการควบคุมของหัวหน้าทีมนิพพาน แม้ว่าการโจมตีทางจิตของหลิงม่อจะทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัส แต่กลับไม่สามารถทำให้ดวงแสงแห่งจิตของเขาแตกสลายได้ในทันที ความจริงหลังดึงสติกลับมาจากการถูกซุ่มโจมตีได้ พวกเขาก็ตกอยู่ในการต่อสู้ที่ต้องผลาญพลังของอีกฝ่ายอีกครั้ง และท่ามกลางม่านพลังสกัดกั้น หลิงม่อกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างไม่คาดคิด

“หนวดสัมผัสพวกนี้…เชื่อมต่อกับผู้หญิงพวกนั้น?! ไม่ๆ…ยังมีอีกสองเส้นที่เกินมา…แต่ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไง? มนุษย์จะถูกเจ้าสิ่งนี้…หรือว่าใช้เพื่อสื่อสารกัน? แต่เห็นชัดว่าพวกเธอไม่ใช่ผู้มีพลังจิตแน่ๆ พวกเธอไม่สามารถสื่อสารทางจิตกับเขาผ่านวิธีนี้ได้แน่นอน อย่างมากก็ทำได้เพียงรับคำสั่งจากเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น…แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีประโยชน์อะไรหากเขาจะคงวิธีการสื่อสารที่ต้องใช้พลังมหาศาลอย่างนี้เพื่อออกคำสั่งอย่างเดียว…”

หัวหน้าทีมนิพพานไม่ถือว่าโง่…ตั้งแต่ที่หลิวหยางเผยตัวตนสัตว์ประหลาดของตัวเองออกมา เขาก็เริ่มแคลงใจในตัวตนของหลิงม่ออย่างหนัก ทำไมมนุษย์คนหนึ่ง…ถึงได้รู้จักกับสัตว์ประหลาดล่ะ? ถึงแม้สัตว์ประหลาดตัวนี้จะหมายหัวเขา แต่ก็ไม่น่าจะลงทุนลงแรงหลอกใช้พวกเขาให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้หรือเปล่า? แต่ถ้าหาก…หลิงม่อไม่ใช่แค่คนคนหนึ่งล่ะ? ถ้าหากเขาไม่ได้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาล่ะ?

“แต่ถ้าการคาดเดานี้เป็นไปไม่ได้…”

หัวหน้าทีมนิพพานจ้องมองหลิงม่ออยู่นานสองนาน แล้วทันใดนั้นก็ร้องขึ้นมา “ผู้หญิงพวกนั้น…พวกเธอไม่ใช่มนุษย์สินะ?! พวกเธออาจเป็นเหมือนหลิวหยาง…”

“ฮ่าๆๆ…ว่าแล้วเชียว ฉันว่าแล้วว่าทำไมแกถึงได้ตายยากนัก…ที่แท้แกก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่เอง ถึงแกจะเป็นคนธรรมดา แต่พวกที่อยู่กับแกก็เป็นสัตว์ประหลาด! ย้ากกกก…”

ทันใดนั้น เขาเริ่มระเบิดพลังอย่างบ้าคลั่ง พลังจิตมากมายพุ่งออกมาจากสมองอย่างต่อเนื่อง หนวดสัมผัสเหล่านั้นเดิมก็เกิดจากการหลอมรวมของพลังจิต เวลานี้ภายใต้การโจมตีทางจิตบวกกับแรงขัดขืนทางกาย พวกมันจึงสะท้านสะเทือนราวกับใกล้ต้านทานไม่ไหว

แต่เห็นชัดว่าหัวหน้าทีมนิพพานไม่ได้หวังเพียงการต่อสู้ยื้อเวลา เขาจ้องหลิงม่อเขม็ง ฉับพลันนั้นพลังจิตขุมหนึ่งก็หลุดออกจากการขัดขวางของ “มือ” ข้างนั้น และพุ่งตรงไปที่หลิงม่อ…หรือหากพูดให้ถูกก็คือ พุ่งตรงไปยังหนวดสัมผัสเส้นที่เชื่อมต่อหลิงม่อไว้กับซอมบี้สาวตัวหนึ่ง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+