แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1038 “อีแร้ง” กับคน

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1038 “อีแร้ง” กับคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

…หลิงม่อที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วหันกลับไปมองเหมือนรู้สึกได้ เขามองไปข้างหลังด้วยสายตาลึกซึ้ง พลางพึมพำ “เธอรู้สึกไหม ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องพวกเราจากข้างหลัง?”

“จ้อง?” ซย่าน่าที่อยู่ใกล้ที่สุดหันกลับไป และมองตามสายตาของเขาออกไปอย่างสงสัย สุดท้ายสายตาเธอก็หยุดอยู่บนร่างของเหล่าสัตว์ประหลาดที่ยังคงวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละพวกนั้น อะไรบางอย่างที่หลิงม่อพูดถึง ไม่ใช่พวกมันแน่ๆ…แต่ถ้าหากไม่ใช่ แล้วเขาพูดถึงใครล่ะ? นอกจากสัตว์ประหลาดพวกนี้ สิ่งที่อยู่ข้างหลังพวกเขา ก็มีแต่ตึกอาคารวังเวง รวมถึงถนนหนทางที่เหยียดยาว และเต็มไปด้วยอันตรายมากมายเท่านั้น…

“ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน…” สีหน้าหลิงม่อเปลี่ยนเป็นสงสัย เขาพูดเสียงเบา “ไม่รู้ทำไม…เมื่อกี้จู่ๆ ฉันก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา…เหมือนกับว่า มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องฉันอยู่ข้างหลัง…” เขายกมือวางตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง แล้วพูดต่อว่า “ตรงนี้หยุดเต้นไปชั่วขณะ เหมือนไม่สามารถควบคุมได้…ความรู้สึกนี้เหมือนสัญญาณเตือนโดยสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นเวลาเจอศัตรูตัวฉกาจ! ข้างหลังนั้น จะต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ…”

ซย่าน่ามองเขาอย่างเป็นห่วงแวบหนึ่ง ถามเสียงเบา “พี่หลิง…พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” น้อยครั้งมากที่เธอจะเห็นหลิงม่อมีปฏิกิริยาอย่างนี้ โดยเฉพาะแววตาเขาในยามนี้ เธอมองไม่เห็นความใจเย็นและมั่นคงเหมือนในเวลาปกติเลย เห็นแต่เพียง…ความลนลาน?

“หา? ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก” หลิงม่อได้สติทันที เขาเงยหน้ายิ้มให้ซย่าน่า เย่เลี่ยนและหลี่ย่าหลินที่อยู่ข้างหน้าได้ยินเสียง เลยหันกลับมามองพร้อมสีหน้าถามไถ่ หลิงม่อเห็นอย่างนั้น ก็รีบฉีกยิ้มโบกมือไปมาให้พวกเธอทันที เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องสนใจ สองสาวมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ค่อยๆ ละสายตาออกไป

“ฉันอาจรู้สึกไปเองก็ได้ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ…อาจเพราะวันนี้เหนื่อยเกินไปล่ะมั้ง แล้วไหนจะอสุรกายนรกที่อยู่ๆ ก็มุดขึ้นมาพวกนั้นอีก ช่วยไม่ได้ที่สมองจะเบลอๆ ไปบ้าง…” หลิงม่อลดมือลง แล้วหันมาพูดกับซย่าน่าต่อ

“อย่างนั้นหรอ…” ซย่าน่ารับคำ แต่กลับยังคงจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าสับสน

หลิงม่อยิ้ม ยื่นมือออกไปหยิกแก้มเธอ “ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร อย่าคิดมากอีกเลย”

“อื้อๆ…” ซย่าน่าถูกหยิกแก้มจนแก้มป่อง จึงทำได้แต่พยักหน้าอย่างจนใจ เธอครุ่นคิด แล้วอยู่ๆ ก็ดีใจขึ้นมา “ก็จริงเนอะ เรื่องครั้งนี้ พวกเราก็ถือว่าจัดการได้ดีแล้วนะ! อุปกรณ์เครื่องมือพวกนั้นก็ได้มาแล้ว แล้วยังได้ ‘ของชดเชย’ มาตั้งเยอะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอสุรกายนรก! เพราะยังไงไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องเผชิญหน้ากับไอ้สัตว์ประหลาดพวกนี้ที่จะมาแย่งอาหารพวกเราอยู่ดี ฉันว่าได้เจอเร็วๆ อย่างนี้ยังดีกว่า…เพียงแต่ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าโลกจะกลายเป็นยังไงต่อ เมือง X…จะยังอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน? จำนวนของพวกมัน บางทีอาจลดลง หรือบางทีอาจเพิ่มขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนแล้วแต่นำไปสู่การเข่นฆ่ากันนับครั้งไม่ถ้วน…”

เธอหันไปมองสัตว์ประหลาดพวกนั้นเร็วๆ แวบหนึ่ง บอกว่า “ดูสิ ผ่านถนนมาสองเส้นแล้ว แต่พวกมันกลับไม่คิดจะเลิกตาม…ดูจากจุดนี้ ความหมกมุ่นที่พวกมันมีต่อมนุษย์ ไม่ได้อยู่ในระดับธรรมดาแน่นอน และพอนึกเชื่อมโยงไปถึงพลังแปลงร่างพวกนั้นแล้ว ฉันก็มักจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี…พี่หลิง พี่ว่า…”

“ใจคอไม่ดี…ลางสังหรณ์…” ซย่าน่าวิเคราะห์ หลิงม่อฟังไปพลาง พยักหน้าไปพลาง ทว่าในระหว่างนี้ สายตาของเขากลับเหลือบมองไปที่หัวใจตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

เสี้ยววินาทีที่หัวใจหยุดเต้น เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ…แล้วก็ความรู้สึกที่เหมือนถูกจับตามองนั้น มันมาจากที่ไหนกันแน่?

เขารู้สึกไปเองงั้นหรอ? ไม่มีทาง! นั่นเป็นเพียงคำพูดที่เขาปลอบใจซย่าน่าเท่านั้น…สถานการณ์ที่แท้จริง น่ากลัวกว่าที่เขาพูดออกมาหลายเท่า

ในเสี้ยววินาทีนั้น เขารู้สึกราวกับอยู่ๆ ก็มีคนโผล่มายืนข้างหลังเขา…อีกฝ่ายจ้องเขม็งมาที่ร่างกายของเขา จากนั้นก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ พ่นหายใจเบาๆ แล้วก็เรียกชื่อเขากลั้วเสียงหัวเราะ “หลิงม่อ…”

แค่เสียงนั้น หลิงม่อก็รู้สึกขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า…ความรู้สึกและปฏิกิริยาทางร่างกายที่สมจริงขนาดนี้ จะเกิดขึ้นเพราะความเหนื่อยล้าได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้น  พลังจิตของเขาก็ฟื้นกลับมาเต็มที่หลังจากที่กลืนกินร่างดวงจิตของร่างแม่ตัวนั้นนานแล้ว…เขาในตอนนี้อย่าว่าแต่เหนื่อยเลย ตรงกันข้าม กลับมีพลังเหลือล้นเสียมากกว่า…โดยเฉพาะความตื่นตัวของสมอง บางที อาจเพราะความตื่นตัวนี้ ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาถึงได้สัมผัสได้อย่างแม่นยำ…ไม่แน่ว่า แม้แต้อีกฝ่ายที่กำลังลอบมองหลิงม่ออยู่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน…

“จะว่าไปแล้วความรู้สึกอย่างนี้…” หลิงม่อชะงักไปอีกครั้ง แล้วอยู่ๆ ก็นึกถึงเงาร่างอันคุ้นเคย “หรือว่า…หรือว่าจะเป็นราชินีแมงมุม?!” แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มไม่แน่ใจต่อความคิดนี้ ถ้าหากพูดถึงราชินีแมงมุม เล่ห์เหลี่ยมที่เธอทำทิ้งไว้น่าจะถูกเขาข่มไว้ได้นานแล้วถึงจะถูก…นอกจากว่า สิ่งที่เธอซ่อนไว้ในตัวเขา จะพัฒนาไปตามวิวัฒนาการของเขาด้วย……

ถ้าอย่างนั้น สิ่งนั้น…มันคืออะไรกันแน่!

…………

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

หลายนาทีต่อมา ทุกคนนอกจากพวกเย่เลี่ยนต่างเริ่มหอบหายใจถี่ระรัว เหงื่อไหลท่วมหัว การวิ่งด้วยความเร็วและกระโดดขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง บวกกับต้องตื่นตัวเต็มที่อยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ทำให้เรี่ยวแรงของพวกเขาถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นเส้นทางที่พวกเขาต้องใช้ก็ไม่ใช่ทางเรียบด้วย แต่เป็นหลังคาที่สูงต่ำไม่เท่ากัน สภาพภูมิประเทศอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องลำบากต่อพวกเขาอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถพิเศษก็ตาม

“ฉิบหายย!” เย่ไคเพิ่งจะหอบหายใจได้สองเฮือก แต่พอหันกลับไปมองกลับต้องสบถด่าออกมาอย่างทนไม่ไหว “ไอ้บ้าพวกนั้นจะตามไปถึงไหนวะ! ซอมบี้ยังไม่ตามติดขนาดนี้เลย!”

ทุกคนต่างพากันหันหลังไปมอง พลางทำหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที สัตว์ประหลาดพวกนั้น…ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดได้วิ่งมาถึงข้างล่างอาคารที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้แล้ว…บางกลุ่มในนั้นถึงขั้นเริ่มจดจำรูปแบบการหนีของพวกเขา จึงไม่คิดจะวิ่งขึ้นมาในตึก แต่กลับยืนเงยหน้าจ้องพวกเขาเงียบๆ อยู่ข้างล่างนั้น

ความรู้สึกอย่างนี้ ไม่ต่างอะไรกับกำลังถูกฝูงอีกแร้งยืนเฝ้า และรอให้พวกเขาหมดลมหายใจอย่างใจเย็น…

ความกดดัน และหวาดกลัว ล้วนเป็นเรื่องรอง…ที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกไร้ทางสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้ว่าเราไม่สามารถอดทนสู้มันได้ต่างหาก…

“ข้างหน้าเป็นโรงงาน ไม่มีตึกแล้ว!” มู่เฉินขึ้นไปยืนบนที่สูงกวาดมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

“ถ้าอย่างนั้น…ก็ต้องสู้อย่างเดียวแล้วงั้นหรอ?” จางซินเฉิงขมวดคิ้ว

หลี่ย่าหลินเอามือยันรั้วและมองลงไปข้างล่างอยู่นานสองนาน บอกว่า “แต่ว่าข้างล่างนี้ อย่างน้อยก็มีประมาณสามร้อยตัว…”

“พูดอีกอย่างก็คือ ถึงแม้พวกเราจะลงไปในตัวอาคารแล้วสู้กับพวกมัน ก็มีโอกาสสูงที่จะ…” สวี่ซูหานพูดต่อ แต่กลับพูดไม่จบประโยค ได้แต่ทำหน้าเครียดมองหน้าคนที่เหลือ

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างเงียบงัน…

——————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1038 “อีแร้ง” กับคน

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1038 “อีแร้ง” กับคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

…หลิงม่อที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วหันกลับไปมองเหมือนรู้สึกได้ เขามองไปข้างหลังด้วยสายตาลึกซึ้ง พลางพึมพำ “เธอรู้สึกไหม ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องพวกเราจากข้างหลัง?”

“จ้อง?” ซย่าน่าที่อยู่ใกล้ที่สุดหันกลับไป และมองตามสายตาของเขาออกไปอย่างสงสัย สุดท้ายสายตาเธอก็หยุดอยู่บนร่างของเหล่าสัตว์ประหลาดที่ยังคงวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละพวกนั้น อะไรบางอย่างที่หลิงม่อพูดถึง ไม่ใช่พวกมันแน่ๆ…แต่ถ้าหากไม่ใช่ แล้วเขาพูดถึงใครล่ะ? นอกจากสัตว์ประหลาดพวกนี้ สิ่งที่อยู่ข้างหลังพวกเขา ก็มีแต่ตึกอาคารวังเวง รวมถึงถนนหนทางที่เหยียดยาว และเต็มไปด้วยอันตรายมากมายเท่านั้น…

“ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน…” สีหน้าหลิงม่อเปลี่ยนเป็นสงสัย เขาพูดเสียงเบา “ไม่รู้ทำไม…เมื่อกี้จู่ๆ ฉันก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา…เหมือนกับว่า มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องฉันอยู่ข้างหลัง…” เขายกมือวางตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง แล้วพูดต่อว่า “ตรงนี้หยุดเต้นไปชั่วขณะ เหมือนไม่สามารถควบคุมได้…ความรู้สึกนี้เหมือนสัญญาณเตือนโดยสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นเวลาเจอศัตรูตัวฉกาจ! ข้างหลังนั้น จะต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ…”

ซย่าน่ามองเขาอย่างเป็นห่วงแวบหนึ่ง ถามเสียงเบา “พี่หลิง…พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” น้อยครั้งมากที่เธอจะเห็นหลิงม่อมีปฏิกิริยาอย่างนี้ โดยเฉพาะแววตาเขาในยามนี้ เธอมองไม่เห็นความใจเย็นและมั่นคงเหมือนในเวลาปกติเลย เห็นแต่เพียง…ความลนลาน?

“หา? ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก” หลิงม่อได้สติทันที เขาเงยหน้ายิ้มให้ซย่าน่า เย่เลี่ยนและหลี่ย่าหลินที่อยู่ข้างหน้าได้ยินเสียง เลยหันกลับมามองพร้อมสีหน้าถามไถ่ หลิงม่อเห็นอย่างนั้น ก็รีบฉีกยิ้มโบกมือไปมาให้พวกเธอทันที เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องสนใจ สองสาวมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ค่อยๆ ละสายตาออกไป

“ฉันอาจรู้สึกไปเองก็ได้ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ…อาจเพราะวันนี้เหนื่อยเกินไปล่ะมั้ง แล้วไหนจะอสุรกายนรกที่อยู่ๆ ก็มุดขึ้นมาพวกนั้นอีก ช่วยไม่ได้ที่สมองจะเบลอๆ ไปบ้าง…” หลิงม่อลดมือลง แล้วหันมาพูดกับซย่าน่าต่อ

“อย่างนั้นหรอ…” ซย่าน่ารับคำ แต่กลับยังคงจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าสับสน

หลิงม่อยิ้ม ยื่นมือออกไปหยิกแก้มเธอ “ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร อย่าคิดมากอีกเลย”

“อื้อๆ…” ซย่าน่าถูกหยิกแก้มจนแก้มป่อง จึงทำได้แต่พยักหน้าอย่างจนใจ เธอครุ่นคิด แล้วอยู่ๆ ก็ดีใจขึ้นมา “ก็จริงเนอะ เรื่องครั้งนี้ พวกเราก็ถือว่าจัดการได้ดีแล้วนะ! อุปกรณ์เครื่องมือพวกนั้นก็ได้มาแล้ว แล้วยังได้ ‘ของชดเชย’ มาตั้งเยอะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอสุรกายนรก! เพราะยังไงไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องเผชิญหน้ากับไอ้สัตว์ประหลาดพวกนี้ที่จะมาแย่งอาหารพวกเราอยู่ดี ฉันว่าได้เจอเร็วๆ อย่างนี้ยังดีกว่า…เพียงแต่ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าโลกจะกลายเป็นยังไงต่อ เมือง X…จะยังอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน? จำนวนของพวกมัน บางทีอาจลดลง หรือบางทีอาจเพิ่มขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนแล้วแต่นำไปสู่การเข่นฆ่ากันนับครั้งไม่ถ้วน…”

เธอหันไปมองสัตว์ประหลาดพวกนั้นเร็วๆ แวบหนึ่ง บอกว่า “ดูสิ ผ่านถนนมาสองเส้นแล้ว แต่พวกมันกลับไม่คิดจะเลิกตาม…ดูจากจุดนี้ ความหมกมุ่นที่พวกมันมีต่อมนุษย์ ไม่ได้อยู่ในระดับธรรมดาแน่นอน และพอนึกเชื่อมโยงไปถึงพลังแปลงร่างพวกนั้นแล้ว ฉันก็มักจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี…พี่หลิง พี่ว่า…”

“ใจคอไม่ดี…ลางสังหรณ์…” ซย่าน่าวิเคราะห์ หลิงม่อฟังไปพลาง พยักหน้าไปพลาง ทว่าในระหว่างนี้ สายตาของเขากลับเหลือบมองไปที่หัวใจตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

เสี้ยววินาทีที่หัวใจหยุดเต้น เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ…แล้วก็ความรู้สึกที่เหมือนถูกจับตามองนั้น มันมาจากที่ไหนกันแน่?

เขารู้สึกไปเองงั้นหรอ? ไม่มีทาง! นั่นเป็นเพียงคำพูดที่เขาปลอบใจซย่าน่าเท่านั้น…สถานการณ์ที่แท้จริง น่ากลัวกว่าที่เขาพูดออกมาหลายเท่า

ในเสี้ยววินาทีนั้น เขารู้สึกราวกับอยู่ๆ ก็มีคนโผล่มายืนข้างหลังเขา…อีกฝ่ายจ้องเขม็งมาที่ร่างกายของเขา จากนั้นก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ พ่นหายใจเบาๆ แล้วก็เรียกชื่อเขากลั้วเสียงหัวเราะ “หลิงม่อ…”

แค่เสียงนั้น หลิงม่อก็รู้สึกขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า…ความรู้สึกและปฏิกิริยาทางร่างกายที่สมจริงขนาดนี้ จะเกิดขึ้นเพราะความเหนื่อยล้าได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้น  พลังจิตของเขาก็ฟื้นกลับมาเต็มที่หลังจากที่กลืนกินร่างดวงจิตของร่างแม่ตัวนั้นนานแล้ว…เขาในตอนนี้อย่าว่าแต่เหนื่อยเลย ตรงกันข้าม กลับมีพลังเหลือล้นเสียมากกว่า…โดยเฉพาะความตื่นตัวของสมอง บางที อาจเพราะความตื่นตัวนี้ ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาถึงได้สัมผัสได้อย่างแม่นยำ…ไม่แน่ว่า แม้แต้อีกฝ่ายที่กำลังลอบมองหลิงม่ออยู่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน…

“จะว่าไปแล้วความรู้สึกอย่างนี้…” หลิงม่อชะงักไปอีกครั้ง แล้วอยู่ๆ ก็นึกถึงเงาร่างอันคุ้นเคย “หรือว่า…หรือว่าจะเป็นราชินีแมงมุม?!” แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มไม่แน่ใจต่อความคิดนี้ ถ้าหากพูดถึงราชินีแมงมุม เล่ห์เหลี่ยมที่เธอทำทิ้งไว้น่าจะถูกเขาข่มไว้ได้นานแล้วถึงจะถูก…นอกจากว่า สิ่งที่เธอซ่อนไว้ในตัวเขา จะพัฒนาไปตามวิวัฒนาการของเขาด้วย……

ถ้าอย่างนั้น สิ่งนั้น…มันคืออะไรกันแน่!

…………

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

หลายนาทีต่อมา ทุกคนนอกจากพวกเย่เลี่ยนต่างเริ่มหอบหายใจถี่ระรัว เหงื่อไหลท่วมหัว การวิ่งด้วยความเร็วและกระโดดขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง บวกกับต้องตื่นตัวเต็มที่อยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ทำให้เรี่ยวแรงของพวกเขาถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นเส้นทางที่พวกเขาต้องใช้ก็ไม่ใช่ทางเรียบด้วย แต่เป็นหลังคาที่สูงต่ำไม่เท่ากัน สภาพภูมิประเทศอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องลำบากต่อพวกเขาอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถพิเศษก็ตาม

“ฉิบหายย!” เย่ไคเพิ่งจะหอบหายใจได้สองเฮือก แต่พอหันกลับไปมองกลับต้องสบถด่าออกมาอย่างทนไม่ไหว “ไอ้บ้าพวกนั้นจะตามไปถึงไหนวะ! ซอมบี้ยังไม่ตามติดขนาดนี้เลย!”

ทุกคนต่างพากันหันหลังไปมอง พลางทำหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที สัตว์ประหลาดพวกนั้น…ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดได้วิ่งมาถึงข้างล่างอาคารที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้แล้ว…บางกลุ่มในนั้นถึงขั้นเริ่มจดจำรูปแบบการหนีของพวกเขา จึงไม่คิดจะวิ่งขึ้นมาในตึก แต่กลับยืนเงยหน้าจ้องพวกเขาเงียบๆ อยู่ข้างล่างนั้น

ความรู้สึกอย่างนี้ ไม่ต่างอะไรกับกำลังถูกฝูงอีกแร้งยืนเฝ้า และรอให้พวกเขาหมดลมหายใจอย่างใจเย็น…

ความกดดัน และหวาดกลัว ล้วนเป็นเรื่องรอง…ที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกไร้ทางสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้ว่าเราไม่สามารถอดทนสู้มันได้ต่างหาก…

“ข้างหน้าเป็นโรงงาน ไม่มีตึกแล้ว!” มู่เฉินขึ้นไปยืนบนที่สูงกวาดมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

“ถ้าอย่างนั้น…ก็ต้องสู้อย่างเดียวแล้วงั้นหรอ?” จางซินเฉิงขมวดคิ้ว

หลี่ย่าหลินเอามือยันรั้วและมองลงไปข้างล่างอยู่นานสองนาน บอกว่า “แต่ว่าข้างล่างนี้ อย่างน้อยก็มีประมาณสามร้อยตัว…”

“พูดอีกอย่างก็คือ ถึงแม้พวกเราจะลงไปในตัวอาคารแล้วสู้กับพวกมัน ก็มีโอกาสสูงที่จะ…” สวี่ซูหานพูดต่อ แต่กลับพูดไม่จบประโยค ได้แต่ทำหน้าเครียดมองหน้าคนที่เหลือ

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างเงียบงัน…

——————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+