แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 650 เดินไปจนสุดเส้นทาง

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 650 เดินไปจนสุดเส้นทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 650 เดินไปจนสุดเส้นทาง

“แต่ว่า นายยังไม่ได้คิดจะออกจากเมืองตงหมิงทันที ใช่ไหม?” คราวนี้มู่เฉินรู้ตัวเร็วกว่าที่ผ่านมา

“มีพัฒนาการแล้วนี่” หลิงม่อชม

“พัฒนาการบ้าอะไร!” มู่เฉินพูดไม่ออก

ทว่า มู่เฉินสงสัยมากว่าหลิงม่อจะทำอะไรต่อไป

เขาเคยลองนึกหลายครั้ง ว่าถ้าหากตัวเองยืนอยู่ในจุดเดียวกับหลิงม่อ เขาจะทำอย่างไร? บางทีเขาคงเลือกที่จะวิ่งหนีอย่างไม่ลังเลตั้งแต่แรก แล้วล่ะมั้ง…

แน่นอนว่านั่นไม่ใช่การกระทำที่น่าละอายแต่อย่างใด กว่าจะมีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ใครจะอยากวิ่งใส่ความตายสุ่มสี่สุ่มห้ากัน? กลับเป็นการกระทำเสี่ยงอันตรายของหลิงม่อแบบนี้มากกว่า ที่พบเห็นได้ยากในกลุ่มผู้รอดชีวิต

หลิงม่อไม่รู้ว่ามู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ถึงจะรู้ เขาก็คงแค่หัวเราะเบาๆ เท่านั้น

ความจริงแล้ว สิ่งที่หมายเลข 0 พูดขึ้นขณะต่อต้านการกลืนกินของเขา ไม่ได้ผิดเลย…

มนุษย์กับซอมบี้ เปรียบเหมือนน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้ว

อนาคตโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ตอนนี้ยังไม่อาจคาดเดาได้

แต่ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร ขอเพียงเป้าหมายของหลิงม่อไม่เปลี่ยน วิธีเดียวที่จะทำให้ปลอดภัยและมั่นคงที่สุด ก็คือแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเขา หรือเหล่าสาวๆ ซอมบี้ก็ตาม

ท่ามกลางคลื่นลมแรงที่จะเจอต่อจากนี้ มีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้

เส้นทางข้างหน้าไม่มีทางง่ายดาย เหมือนกับหลิงม่อ ปัจจุบันเขาอัพเกรดพลังด้วยการกลืนกินเท่านั้น การฝึกฝนด้วยตัวเองอย่างหนักถึงแม้จะทำให้ใช้ความสามารถพิเศษได้คล่องขึ้น แต่กลับไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนักในเรื่องของการอัพเกรดพลัง พอมาถึงในระดับของเขาตอนนี้ อาศัยเพียงการฝึกซ้อมนั้นยากที่จะได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่แล้ว

และหากพูดถึงเรื่องกลืนกิน ความจริงตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหลิงม่อก็คือผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตคนอื่นๆ แต่หลิงม่อไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่…

กลับเป็นการปรากฏตัวของซอมบี้ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงด้านสมองที่ทำให้หลิงม่อประหลาดใจ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาสนใจแหล่งแพร่เชื้อตัวแรกมาก

เหล่าซอมบี้ที่มีพลังจิตสูงขนาดนั้น ไม่ต่างจากคลังพลังงานเคลื่อนที่ได้เลยแม้แต่น้อย!

ทว่าคลังพลังงานเหล่านี้ไม่ใช่นึกอยากได้ก็เอาได้ พวกมันแต่ละตัวล้วนแฝงไว้ด้วยอันตรายใหญ่หลวงทั้งนั้น

และพวกเย่เลี่ยนที่ติดตามอยู่ข้างกาย ก็ไม่อาจวิวัฒนาการด้วยการฆ่าฟันตลอดเวลา เหมือนเพื่อนร่วมสายพันธุ์สัญชาตญาณสัตว์ป่าของพวกเธอ

ถึงแม้จะกลืนกินก้อนเหนียวหนืดอยู่ทุกวัน แต่เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมสายพันธุ์สัญชาตญาณสัตว์ป่าแล้ว กลับไม่มีข้อดีอะไรเลย

ดังนั้นพวกเขาต้องแข็งแกร่งขึ้น เพราะพวกเขาไม่อาจหนีไปได้ตลอด

ความแกร่งกล้าของหมายเลข 0 ทำให้หลิงม่อรู้ตัว ในโลกนี้ไม่ได้มีแค่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่มีอยู่มากมาย แต่ในทุกๆ วัน อาจกำลังมีสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วก็ได้

ในสนามสังหารที่ต้องสู้เพียงเพื่อจะวิวัฒนาการและมีชีวิตรอด หากอยากชนะ ก็ต้องกล้าแลก

หมัดที่ต่อยอ้ายเฟิงในตอนนั้น ได้ทำลายความลังเลสุดท้ายที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของหลิงม่อให้สิ้นไปด้วย

อยากรู้นักว่าถนนเส้นนี้ หากเดินไปจนสุดเส้นทางแล้วจะเจออะไรรออยู่ที่ปลายทาง!

“หลิงม่อ”

ขณะที่เพิ่งจะเดินไปถึงมุมเลี้ยวของบันไดชั้นสอง เสียงเรียกของใครคนหนึ่งที่ตั้งใจกดเสียงให้เบาก็ดังขึ้น และจากนั้นเงาร่างของเจ้าของเสียงก็โฉบออกมาจากเงามืด

ถึงจะเคยเห็นหลายครั้งแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีคนโผล่พรวดออกมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงอย่างนี้ มู่เฉินก็ยังคงรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดจนแน่นอยู่ดี

“รุ่นพี่” หลิงม่อกลับมีท่านิ่งๆ “เด็กโง่ล่ะ?”

“รออยู่ทางนู้น ประตูหน้าและประตูหลังถูกดักไว้หมดแล้ว” หลี่ย่าหลินบอก

หลิงม่อพยักหน้า แล้วเขาก็ลองใช้พลังสัมผัสรู้เพื่อหาตำแหน่งของอวี๋ซือหรานและเสี่ยวป๋าย

พวกเธออยู่ข้างนอกตึก แถมยังอยู่ในตรอกเล็กซึ่งค่อนข้างปลอดภัยแล้วด้วย แต่เส้นทางที่ประหลาดอย่างนั้นไม่เหมาะกับมู่เฉินและสวี่ซูหานอย่างแน่นอน

ความสามารถในการแฝงตัวของมนุษย์สู้ซอมบี้ไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรทำให้มั่นใจว่าพวกเขาจะทำได้ หรือหากจะใช้ก็ขอให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายดีกว่า

“ประตูหน้ามีกี่คน?” หลิงม่อถาม

หลี่ย่าหลินนับอย่างตั้งใจ แล้วบอกว่า “สามคน แต่ตอนที่ฉันมาทางนี้ มีคนมาเพิ่มอีก”

“เร็วขนาดนี้เชียว!” หลิงม่อขมวดคิ้ว

การกลืนกินหมายเลข 0 ทำให้เสียเวลาไปบ้าง แถมยังมีคนบาดเจ็บอีกสองคน สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจหนีไปก่อนที่พวกนั้นจะมาถึงจนได้

ทว่าหลิงม่อมีการเตรียมพร้อมไว้สำหรับสถานการณ์อย่างนี้แล้วเช่นกัน เพียงแต่มันต้องใช้เวลาอีกหน่อยเท่านั้นเอง…

หนึ่งนาทีต่อมา พวกเขาได้ปรากฏตัวอยู่ในโถงทางเดินเส้นหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆประตูทางเข้าออก

เย่เลี่ยนกำลังแนบตัวติดกำแพงอยู่อย่างเงียบๆ พอเห็นพวกหลิงม่อตามมา ซอมบี้สาวตัวนี้ก็ยิ้มซื่อๆ จากนั้นก็ถอยออกไปให้หลิงม่อมายืนแทนตำแหน่งตัวเอง

“เด็กดี” หลิงม่อเรียกเสียงเบา จากนั้นก็เข้าไปยืนชิดกำแพง แล้วชะโงกหน้าออกไปดู

ด้านนอกบานกระจกที่ส่องสะท้อนเปลวเพลิงอยู่นั้น มีเงาร่างของคนสองคนกำลังเดินสวนกันไปมา

และบนถนนที่ห่างออกไป ก็มีคนอีกห้าหกคนยืนกันอยู่ทางนั้น

ในมือของคนเหล่านี้ถืออาวุธไว้นานาชนิด ดูท่ายืนเหมือนผ่อนคลาย แต่ความจริงพวกเขาได้ยืนดักทางเดินสองข้างไว้พอดี

สถานการณ์อย่างนี้ เห็นแวบแรกหลิงม่อกลับสังสัยมาก

ถึงแม้พวกนั้นจะไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมในตึกตายกันหมดแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะยืนรอกันอย่างสบายใจเฉิบอย่างนี้สิ?

“คนพวกนี้ใครกันน่ะ?” หลิงม่อหันไปถาม

มู่เฉินยืนพิงผนัง เขาชะโงกหน้าออกไปดู จากนั้นก็ขมวดคิ้วบอกว่า “ฉันก็ไม่รู้…ฉันไม่ได้รู้จักทุกคนในสาขาย่อย”

“ไร้ประโยชน์จริงๆ…” หลิงม่อกลอกตาใส่เขา

“อ้าว!” มู่เฉินหรี่ตาสังเกตดูอีกครั้ง แล้วเขาก็พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “ดูเหมือนจะมีสองสามคนที่ไม่ใช่คนของสาขาย่อย…”

“หมายความว่าไง คนของสำนักงานใหญ่งั้นหรอ?” หลิงม่อทำหน้าระริกระรี้ขึ้นมาทันที แต่ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่แน่ชัด ยังไงก็สังเกตต่ออีกหน่อยดีกว่า

เขามองซ้ายมองขวา แล้วกระเถิบไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย เพื่อหามุมที่จะสามารถมองเห็นพวกนั้นได้อย่างชัดเจน

แต่เขาเพิ่งจะหาตำแหน่งได้ กลับได้ยินเสียงเป่าปากดังมาจากข้างนอกทันที

เขาตกใจ นึกว่าตัวเองถูกจับได้ซะแล้ว แต่พอมองดูดีๆ ที่แท้ก็มีซอมบี้หญิงตัวหนึ่งโผล่ออกมาตรงมุมถนนนี่เอง

ซอมบี้ตัวนั้นใส่เมื้อผ้าสกปรกมอมแมม เดินเท้าเปล่า เส้นผมยาวๆ ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

ร่างกายของมันสั่นไหวสองที จากนั้นก็เพิ่มความเร็วฉับพลัน แล้วพุ่งเข้าไปหาสองคนที่อยู่ใกล้ที่สุดราวกับเสือดาว

ทว่าสองคนนั้นไม่ได้ดูตื่นตระหนก แต่กลับมองหน้ากันแล้วหัวเราะ จากนั้นก็ยืนรอซอมบี้อยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

ท่าทางโอ้อวดขนาดนี้ มู่เฉินเห็นแล้วก็อดพูดถากถางขึ้นมาไม่ได้ “สองคนนี้ไม่ใช่คนของสาขาย่อย”

เมื่อซอมบี้หญิงตัวนั้นกระโจนไปถึงตรงหน้า หนึ่งในสองคนนั้นพลันโฉบกาย หลบการโจมตีของซอมบี้หญิงด้วยองศาที่แปลกประหลาดสุดๆ

ขณะเดียวกับที่เบี่ยงกายหลบ เหล็กเส้นในมือของเขาก็แทงไปที่ข้อพับเข่าของซอมบี้หญิงหนึ่งที

ในสายตาของคนดู เสี้ยววินาทีที่พวกนั้นวิ่งสวนกัน ซอมบี้หญิงตัวนั้นก็สูญเสียการทรงตัว พุ่งชนกับซากรถเก่าๆ ที่อยู่ข้างหน้าทันที

ชายอีกคนรีบฉวยโอกาสนี้ วิ่งไปอยู่ด้านหลังซอมบี้ตัวนั้นติดๆ จากนั้นก็ฟาดเหล็กเส้นลงไป

ตอนแรกซอมบี้ตัวนั้นกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกฟาดอย่างแรง หัวของมันกระแทกเข้ากับฝาท้ายรถ จนเกิดเป็นเสียงดัง “ตึง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เห็นไหม? ค้อนแบบนี้ฟาดดังดีใช่ไหมล่ะ”

สองคนนั้นหัวเราะร่วน เสียงหัวเราะยิ่งดังชัดกว่าปกติเพราะอยู่บนถนนที่โล่งและกว้าง

ส่วนคนอื่นกลับมองมาเหมือนกำลังมองดูเรื่องสนุก ทั้งไม่ห้าม และไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาช่วย

“กรร!!”

ซอมบี้หญิงกางแขนปีนป่ายขึ้นมาอีกครั้ง ใต้เส้นผมที่ชุ่มไปด้วยเลือดเผยให้เห็นดวงหน้าไร้ความรู้สึกอยู่รางๆ ทว่าดวงตาคู่นั้นของมันกลับเต็มไปด้วยโหดร้าย มันเงยหน้าแล้วกระโจนขึ้นไปทันที

“โอ้ ดูนี่เร็ว โกรธซะแล้ว!”

“มามา ทางนี้ มาจับฉันสิ! ฮ่าฮ่าฮ่า…”

สองคนนั้นวิ่งหลบซ้ายหลบขวา พร้อมกับแหกปากตะโกนด้วยความสนุกไม่หยุด

หลังจากวิ่งรอบรถสองรอบ ทันใดนั้นซอมบี้สาวก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคารถ จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่หนึ่งในสองคนนั้น

เหตุการณ์พลิกผันกะทันหันนี้ทำเอาสองสามคนที่มองดูอยู่ยืนตัวตรงทันที แต่พวกเขายังไม่ทันลงมือ ชายคนที่กำลังจะถูกกระโจนสังหารก็ถอยกรูดไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว และยกเหล็กเส้นในมือฟาดซอมบี้หญิงที่ลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้าเขาจนมันร่วงลงมา

“ฝีมือก็ดีอยู่หรอก แต่ขี้อวดเกินไปแล้วมั้ง?” มู่เฉินพึมพำ

หลิงม่อไม่พูดอะไร ทว่าคิ้วของเขากลับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

ซอมบี้หญิงยังคงไม่หมดแรง มันถูกฟาดอีกครั้ง แล้วจากนั้นก็ล้มลงไปกับพื้นทันที

คราวนี้ไม่รอให้มันได้ลุกขึ้นยืน ก็มีเท้าสองคู่เข้ามาเหยียบแขนของมันไว้คนละข้าง

“กรร กรรร!”

ซอมบี้หญิงดิ้นขัดขืนสุดแรง แต่กลับหลุดออกไปไม่ได้

เห็นชัดว่าสองคนนั้นเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกาย ขณะที่แสดงความสามารถ พละกำลังและเรี่ยวแรงจะได้รับการอัพเกรด ความสามารถที่ระเบิดออกมาในเวลาสั้นๆ เหนือกว่าซอมบี้ธรรมดามาก

ในสถานการณ์ที่สู้กันตัวต่อตัว ซอมบี้ธรรมดานอกจากความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อ ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรมากนัก

คามน่ากลัวที่แท้จริงของพวกมัน ยังคงอยู่ที่จำนวน…

“คิดจะหนีด้วยว่ะ”

หนึ่งในนั้นกระชากผมของซอมบี้ตัวนั้นขึ้นมาแรงๆ เพื่อบังคับให้มันแหงนคอขึ้น

ซอมบี้หญิงสะบัดหัว พร้อมเปล่งเสียงขู่ออกมาเป็นพักๆ

“อย่าขยับสิ” ชายที่กระชากผมซอมบี้โน้มตัวลงมาพิจารณาใบหน้าของซอมบี้สาว จากนั้นก็หัวเราะพูดว่า “พวกแกอย่าว่าไป สัตว์ประหลาดตัวนี้ความจริงหน้าตาใช้ได้เลยนะเว้ย”

“ไหน ฉันดูหน่อย” ชายอีกคนใช้เหล็กเส้นจิ้มแทงไปที่ใบหน้าของซอมบี้หญิง แล้วบอกว่า “เฮ้ย จริงด้วยว่ะ! แม่งหน้าเด้งดีซะด้วย ไม่เห็นเหมือนซอมบี้เนื้อเน่าแต่ยังเดินได้ในหนังที่ฉันเคยดูเมื่อก่อนเลย หลอกกันชัดๆ เลยนี่หว่า แกดูนี่สิ กล้ามเนื้อเต็มเลย หุ่นโคตรดี ถ้าได้เอาต้องโคตรมันแน่ๆ”

“ทูจื่อ (ใช้เรียกคนหัวโล้น) นี่แกยังคิดจะเอากับมันได้ลงหรอวะ?” ชายคนหนึ่งที่กำลังกอดอกมองดูเหตุการณ์คึกคักหัวเราะแล้วพูดขึ้น

“หยุดคิดไปได้เลย ถึงแกจะใส่ท่อเหล็กก็ยังไม่แน่ว่าจะป้องกันเชื้อไวรัสได้” ผู้มีความสามารถพิเศษที่กระชากผมซอมบี้หญิงพูดขึ้น

“ชิบหาย!” ทูจื่อสบถอารมณ์เสีย

เสียงสบถของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างให้ดังขึ้นอีกระลอก

“แต่พวกนายรู้ไหม ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้รู้จักหาผัวหาเมียเหมือนกับสัตว์ด้วยนะ!” ผู้มีความสามารถพิเศษคนเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง

ทูจื่อแกว่งเหล็กเส้นไปมาตรงหน้าซอมบี้หญิง เขาจ้องหน้าเกรี้ยวกราดของมันที่อยากจะกระโจนเข้ามา แต่ก็ทำได้แค่พุ่งใส่เหล็กเส้นของเขาทุกครั้งอย่างสนุกสนาน พลางพูดอย่างใจลอยว่า “แล้วยังไงล่ะ? ยังไงก็เป็นปีศาจอยู่ดี”

“คิกคิก…ฉันกลับอยากรู้ซะอีกว่าเวลาทำเรื่องอย่างว่า ซอมบี้หญิงตัวนี้จะแตกต่างอะไรจากมนุษย์เรารึเปล่า”

ชายหัวโล้นทูจื่อเงยหน้าขึ้นมาทันที “คิดได้นะแก! แต่ว่า…ฮิฮิ…”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด