จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 282 ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 282 ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นัยน์ตาหลี่มู่พลันฉายประกายเย็นเยียบ

เห็นได้ว่าองค์ชายสองจับการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าท่าทางอันเล็กน้อยนี้ได้

เขาพอใจกับปฏิกิริยาของหลี่มู่มาก

องค์ชายสองยิ้มเยาะเย้ยบางๆ พลางเอ่ยขึ้นอีกว่า “อ้อ ใช่แล้ว ยังมีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นั้นที่สกุลหนิงอีก เหมือนว่าเจ้าจะดีกับพวกมันไม่น้อย อืม เช่นนั้นพวกมันก็ต้องตายด้วย ยังมีเด็กรับใช้ชื่อหมิงเยวี่ยนั่นอีก ได้ยินว่าเจ้ากำลังตามหามันจนทั่ว วางใจเถอะ เดี๋ยวเจ้าตาย ข้าจะตามหาแทนเจ้าเอง จากนั้นก็จะส่งซากลงไปหาเจ้า แล้วก็ที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ เห็นว่ายังมีคนสนิทบางคนอยู่อีก…อ้อ เกือบลืมไป ถังฮูหยินกับลูกสาวสองคน รวมทั้งสตรีพวกนั้นที่เจ้าปลอมเป็นคนใส่หน้ากากผียิ้มสีเงินประมูลมา ข้าจะส่งไปยังหน่วยเลี้ยงรับรองอีกครั้งดีหรือไม่?”

พลังชั่วร้ายของเทพปีศาจส่งผลให้องค์ชายสองเหี้ยมโหดไร้ความเป็นมนุษย์

คำพูดแบบนี้ทำเอาผู้คนที่โรงฝึกยุทธ์พลังพายุขนลุกขึ้นมาดื้อๆ

“ขอโทษ” หลี่มู่กล่าว

ทุกคนตะลึงงัน

จะคุกเข่าแล้วหรือ?

มุมปากองค์ชายสองยกยิ้ม “ขอโทษงั้นรึ? เหมือนว่าจะสายไปหน่อย ข้าไม่รับ…ข้า…”

หลี่มู่ตัดบทองค์ชายสอง พูดอย่างจริงจังว่า “ขอโทษด้วย เจ้าอาจจะวางท่าต่อไปไม่ได้แล้ว แต่เดิมยังกะให้เจ้าสุขสำราญก่อนตายสักหน่อย แต่ปากเจ้าโคตรจะเหม็นเลย ทนไม่ไหวแล้ว”

พูดจบหลี่มู่ประกบสองมือ สิบนิ้วขยับไหวราวดอกบัวเบ่งบานทับซ้อนเป็นชั้นๆ ประสานปางมือออกมาเป็นชุด

ครืน ตูม ตูม!

โถงใหญ่หอบวงสรวงสั่นไหว

พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งที่เป็นดุจสัตว์ร้ายจำศีลอยู่ใต้พื้นดินเริ่มตื่นขึ้น และปลดปล่อยกลิ่นอายที่ชวนให้คนตัวสั่นออกมา

แสงเทพห้าสีพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ลอยมาอยู่เหนือศีรษะหลี่มู่

นั่นคืออะไร?

ทุกคนอึ้งตะลึง

“ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา…ตราปฐพี!”

หลี่มู่ตะโกนลั่น

ส่วนดินในตราประทับห้าธาตุพลิกนภาส่องแสงสีส้ม ตราประทับเทพปฐพีปรากฏออกมา อักขระเต๋าเก่าแก่โบราณล้อมรอบ พลังเพิ่มพูนขึ้น ก่อนจะกลายเป็นหินผามหึมาสูงหลายร้อยจั้งทับลงมายังองค์ชายสองทันที

“หึ สู้แบบสัตว์จนตรอก…”

องค์ชายสองแค่นเสียงเย็นเหยียดหยาม ยกมือซัดตราประทับฝ่ามือมังกรออกมา มังกรโลหิตทองคำรามพลางโจมตีไปยังหินผาสีส้ม หมายจะขยี้มันให้แหลกลาญ

แต่ทว่า…

ตูม!

ฝ่ามือหินผาทุบฝ่ามือมังกรโลหิตทองลงอย่างง่ายดายราวหินทุบไข่ จากนั้นก็ทุ่มลงมาอย่างไร้ปรานี ซัดองค์ชายสองลงมาจากกลางฟ้าเหมือนตบแมลงวัน จนกระแทกลงไปในทะเลทรายด้านล่างเต็มแรง ไม่รู้จมลงไปลึกเท่าไหร่

จ้าวอวี่อ้าปากค้าง

คนของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุอ้าปากเหวอ

ถานเยี่ยนจือและเทพพยากรณ์ขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว

หลี่กังและสวีเซิ่งผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ระดับสูงสุด จอมยุทธ์เก่าแก่ในยุทธจักร จิตใจดั่งบ่อแห้งผากไร้คลื่นที่ไร้รูปร่าง เสี้ยวขณะนี้ก็เหมือนถูกหอบม้วนด้วยคลื่นคลั่งเช่นกัน

นี่ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?

หรือว่าตาลายไปแล้ว

องค์ชายสองที่แทบจะใกล้เคียงกับเทพมาร สู้จนขั้นเหนือมนุษย์สุดยอดหมดสิ้นพลัง ก็ยัง…ถูก…ซัดจมดินในคราวเดียว…แบบนี้?

ตูม!

พายุทรายโหมสาดทั่วฟ้า

ร่างเงาโลหิตทองที่ทั่วร่างพันล้อมด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งออกมาจากพายุทราย

“ย้ากกก หลี่มู่ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น…” องค์ชายสองบินออกมาจากพายุทราย ใบหน้าเผยความโกรธแค้นหลังจากอึ้งตะลึง เพลิงชั่วร้ายปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

ใจของทุกคนที่โรงฝึกยุทธ์พลังพายุสั่นสะท้านกันอีกรอบ

ไม่ตายจริงๆ ด้วย

แต่ว่าเป็นแบบนี้ต่างหาก…เหมือนจะเข้ากับตรรกะปกติแล้ว?

ทว่า…

ครืน!

หินสี่เหลี่ยมสีเหลืองส้มขนาดร้อยจั้งลอยขึ้นราวสายฟ้า ก่อนทุบลงมาอย่างรวดเร็วจนไม่สมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ใหญ่โตของมัน จากนั้นกระแทกหน้าองค์ชายสองที่พุ่งขึ้นสู่ฟ้า ทุบเขากลับลงไปยังทะเลทรายอีกครั้ง

ปากของคนโรงฝึกยุทธ์พลังพายุอ้ากว้างจนจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว

หลี่กังและสวีเซิ่งสองคน ดวงตาตื่นตะลึงอย่างยากจะปิดเอาไว้

ใบหน้าของสุภาพบุรุษวาโยหวางเฉินฉายแววลิงโลด

ส่วนถังถังมองแผ่นหลังหลี่มู่ด้วยแววตาที่แทบจะใกล้เคียงกับคลั่งไคล้เลื่อมใส

หลังจากที่องค์ชายสองพูดว่าที่แท้หลี่มู่ก็คือคนสวมหน้ากากผีสีเงิน สายตาของถังถังก็จับจ้องอยู่ที่หลังของหลี่มู่ ไม่ละสายตาแม้แต่ชั่วขณะเดียว นางนึกถึงคืนสิ้นหวังและอัปยศคืนนั้นที่หน่วยเลี้ยงรับรอง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องโหวกเหวกของแขกที่มาหาความสุขบนถนนกลิ่นกำจาย มีเพียงตาคู่นั้นภายใต้หน้ากากผียิ้มสีเงินที่อบอุ่น มีเพียงมือคู่นั้นที่พึ่งพิงได้

ส่วนถังฮูหยินและฉินเจินต่างกระจ่างในทันที

คนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินช่วยถังฮูหยินจากกรงเล็บมารของพวกเหลียงอี้เฟยสี่คนนั้น ส่วนองค์หญิงฉินเจินก็หลุดพ้นจากการสังหารของสองผีดิบยมบาลเพราะเขา…หลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นึกถึงคนลึกลับสวมหน้ากาก ในใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และซาบซึ้งใจ แต่คิดไม่ถึงว่าคนลึกลับจะเป็นหลี่มู่นี่เอง

อันที่จริงสำหรับองค์หญิงฉินเจิน ในใจพลันมีบางสิ่งมลายไป และมีบางสิ่งกำลังเติบโตขึ้นมาแทน

“อ๊ากกก หลี่มู่ เจ้าสมควรตาย…” ท่ามกลางพายุทรายโหมกระหน่ำ องค์ชายสองพุ่งออกมาจากกองทรายอีกด้านหนึ่ง ทะยานฟ้าขึ้นมา

“กระดูกแข็งจริงๆ ยังทุบไม่ตายอีกหรือ?” หลี่มู่เพียงคิดก็ทะยานขึ้นฟ้า 

ตูม!

ตราประทับปฐพีผุดจากพื้น ทุบศีรษะองค์ชายสองอย่างแม่นยำ ส่งเขากลับลงไปใต้ทะเลทรายอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน หลี่มู่ก็ใช้พลังจิตวิญญาณเรียกดาบวัฏจักรที่ปักอยู่หน้าประตูโถงใหญ่มา ตัวดาบสั่นไหวแล้วแยกออกเป็นดาบบินยี่สิบสี่เล่ม รวดเร็วดุจสายฟ้า พุ่งตรงมายังใต้เท้าหลี่มู่ ก่อนประกอบกันเป็นดาบวัฏจักรอย่างสมบูรณ์อีกครั้งและพาเขาเหาะเหินไปในอากาศ

วิชาดาบเหินหาว

เหตุผลที่ว่าทำไมไม่ใช้ดาบวัฏจักรทั้งเล่มบินมา แต่ต้องแยกเป็นดาบบินทั้งยี่สิบสี่เล่มน่ะหรือ?

เพราะหลี่มู่รู้สึกว่าแบบนี้เท่กว่า

เขายืนอยู่กลางอากาศ ก้มลงมองทะเลทรายเบื้องล่าง

“กลับเข้าไปในโถงใหญ่ให้หมด”

หลี่มู่ตะโกนบอก

คนโรงฝึกยุทธ์พลังพายุและพวกฉินเจินพยุงหลี่กังกับสวีเซิ่งถอยกลับเข้าไปในโถงใหญ่

ด้านล่างทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พายุทรายกลุ่มหนึ่งม้วนตัวขึ้นมา ร่างขององค์ชายสองปรากฏขึ้นอีกครั้ง ว่องไวดั่งสายอัสนี รวดเร็วดุจลำแสง

“ตราประทับปฐพี…เอ่อ ช่างเถอะ ตราประทับปฐพีเหมือนจะทุบเจ้านี่ไม่ตาย ตราประทับพลิกนภา ทุบมันเสีย!”

หลี่มู่ควบคุมให้ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาดูดตราปฐพีอันมหึมาเข้าไป เมื่อแสงเทพห้าสีหมุนวน ตราประทับพลิกนภาพลันขยายเป็นตราใหญ่ยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางสองจั้ง ก่อนทุบองค์ชายสองที่เพิ่งโผล่ขึ้นมากลับลงไปในทรายเต็มแรง

ทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้

องค์ชายสองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว

เขากระตุ้นพลังเทพมารอย่างบ้าคลั่ง คิดอยากจะหลุดพ้นไปจากทราย ทว่าเป็นไปไม่ได้เลย พอโผล่หัวออกมาตราประทับพลิกนภาก็ทุบลงบนหน้าจนมึนไปหมด ต้องจมลงไปในผืนทรายอีกครั้ง

เป็นไปไม่ได้

นี่เป็นไปไม่ได้

หลี่มู่ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้

ตราประทับนั่นเหมือนจะแฝงพลังที่เหนือกว่าขั้นเหนือมนุษย์เอาไว้ ถึงแม้จะยังไม่อาจปลดปล่อยออกมา แต่ก็สามารถข่มพลังเทพมารของเขาได้โดยสิ้นเชิง ทำให้เขาต้านทานไม่ได้เลย ต่อให้ใช้กลวิชา ท่าร่าง เคล็ดวิชาลับต่างๆ เปลี่ยนวิธีพยายามบุกฝ่าออกไป แต่ก็ถูกทุบกลับมาในทันที

องค์ชายสองตอนนี้หน้าบวมจมูกช้ำ

เขาสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้น หลังจากถูกตราประทับห้าสีทุบซ้ำไปซ้ำมา พลังเทพมารในกายของตนมีแนวโน้มจะถูกสะเทือนออกไปนอกร่างอยู่รางๆ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?

องค์ชายสองคิดไม่ออก

เขาโมโหจนแทบคลั่งเต็มที

ชัยชนะยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า ทำไมหลี่มู่ถึงได้ซ่อนไพ่ตายอะไรแบบนี้ไว้ด้วย?

เขาพยายามลองโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเช่นกัน

ยังดีที่บริเวณนี้ถูกม่านพลังรุ้งของเทพมารปกคลุมกลายเป็นที่รกร้าง ถึงแม้จะถูกซัดจมลงไปในทราย เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวก็ไม่มีทางเป็นอันตรายไปได้ หากเป็นพื้นดินละก็ เขาในตอนนี้คงไม่เหลือแม้ครึ่งชีวิตแล้ว เพราะถึงอย่างไรขั้นเหนือมนุษย์ก็บินได้ แต่ดำดินไม่ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ช่างน่าขบขันนัก

ในโถงใหญ่หอบวงสรวง ความคิดของคนส่วนมากยังหมุนตามไม่ทัน

การพลิกผันของสถานการณ์เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล

มีเพียงหลี่กังและสวีเซิ่งเท่านั้นที่นับว่าพอจะตั้งตัวกลับมาได้

ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาทั้งสองจะหมดแรง พลังฝึกแทบจะกระจัดกระจาย แต่สายตายังคงเฉียบคมเช่นเคย เมื่อมองไปยังหอบวงสรวงที่ยังอยู่ในสมบูรณ์ท่ามกลางเศษเสี้ยวพลังการต่อสู้ ก็รู้ว่าต้องมีค่ายกลหรือของวิเศษที่ยอดเยี่ยมปกป้องที่นี่ไว้แน่ และตอนนี้เห็นหลี่มู่ถือของวิเศษห้าสีกระหน่ำทุบองค์ชายสอง องค์ชายสองหนีไปจับตัวประกันในโถงใหญ่ไม่ได้ ก็รู้ว่าสิ่งที่ปกป้องโถงใหญ่ไม่ใช่ของวิเศษห้าสีนั่น แต่เป็นค่ายกลต่างหาก

บนเสาหินและกำแพงหินรอบๆ โถงใหญ่ไม่มีลายค่ายกลดาราของจอมเวท แต่มีพลังค่ายกลแฝงอยู่ข้างในรางๆ ทั้งสองคนยังพอจะสัมผัสได้เล็กน้อย

หลี่มู่สลักเอาไว้?

หรือว่า…

หลี่กังตกอยู่ในห้วงความคิด

วันนั้นเขาพบหลี่มู่ บอกหลี่มู่ว่าจะสังหารองค์ชายผู้หนึ่ง ในนั้นมีจุดประสงค์แค่หนึ่งหรือสองส่วนคือหวังว่าจะได้พูดคุยกับสำนักเบื้องหลังหลี่มู่ ส่วนจุดประสงค์สำคัญอื่นๆ หลักๆ ยังอยู่ที่การหยั่งเชิง หลี่กังในตอนนั้นนึกว่าตัวเองวางแผนไม่พลาดแน่นอน ดังนั้นต่อให้สำนักเบื้องหลังหลี่มู่จะมีความสัมพันธ์กัน เขาก็ไม่กลัวแหวกหญ้าให้งูตื่น

คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะดำเนินมาจนถึงตอนนี้ โอกาสชนะสุดท้ายอยู่ที่หลี่มู่จริงๆ  

ขณะมองหลี่มู่บังคับของวิเศษห้าสี หลี่กังแอบนึกหวาดหวั่น เห็นทีสำนักเบื้องหลังเจ้าลูกเวรจะไม่ธรรมดา หรือจะเป็นสำนักเทพโบราณสำนักไหนที่เผยตัวอีกครั้งหลังจากไม่เคลื่อนไหวมาหลายพันปี? และเจ้าลูกเวรได้รับโอกาสแบบนี้ไป?

ส่วนความคิดของสวีเซิ่งง่ายกว่านั้นมาก

หลี่มู่ตกลงเป็นผู้บัญชาการสำนักตรวจการฝั่งพายัพแล้ว ขั้นตอนต่างๆ ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ มีบุคคลชั้นยอดแบบนี้คอยกำราบ พายัพยุทธจักรของจักรวรรดิต้องสงบมั่นคงแน่นอน

ตูม ตูม!

ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาทุบลงมาไม่หยุด

รอยตราประทับสี่เหลี่ยมแต่ละรอยประทับลงในทะเลทรายบริเวณหลายสิบลี้

‘เป็นฉากที่คุ้นจริงๆ รู้สึกเหมือนหนูน้อยชั้นอนุบาลกำลังเล่นเกมทุบตัวตุ่นอยู่เลย!’

หลี่มู่แยกเขี้ยวยิ้ม มีความสุข

สุดท้าย หลังจากโจมตีไปหลายร้อยครั้ง องค์ชายสองไม่อาจดิ้นรนได้อีกต่อไป จมูกเบี้ยวตาเหล่ หน้าบวมช้ำ นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในกองทรายเหมือนสุนัขตาย แม้แต่ลมหายใจยังรวยรินนัก

“คงไม่ได้แกล้งตายหรอกใช่ไหม?”

หลี่มู่ไม่วางใจ

เพื่อไม่ให้องค์ชายสองลอบโจมตีอีก หลี่มู่กัดฟัน ควบคุมตราประทับห้าธาตุพลิกนภาซัดไปที่ศีรษะขององค์ชายสองอีกหลายสิบที จวบจนฝ่ายตรงข้ามน้ำลายฟูมปากแขนขากระตุกเกร็งถึงได้หยุดมือ

หัวแข็งจริงๆ

เขาทอดถอนใจพลางหิ้วองค์ชายสองที่ราวกับสุนัขตายออกมาจากผืนทราย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 282 ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 282 ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นัยน์ตาหลี่มู่พลันฉายประกายเย็นเยียบ

เห็นได้ว่าองค์ชายสองจับการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าท่าทางอันเล็กน้อยนี้ได้

เขาพอใจกับปฏิกิริยาของหลี่มู่มาก

องค์ชายสองยิ้มเยาะเย้ยบางๆ พลางเอ่ยขึ้นอีกว่า “อ้อ ใช่แล้ว ยังมีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นั้นที่สกุลหนิงอีก เหมือนว่าเจ้าจะดีกับพวกมันไม่น้อย อืม เช่นนั้นพวกมันก็ต้องตายด้วย ยังมีเด็กรับใช้ชื่อหมิงเยวี่ยนั่นอีก ได้ยินว่าเจ้ากำลังตามหามันจนทั่ว วางใจเถอะ เดี๋ยวเจ้าตาย ข้าจะตามหาแทนเจ้าเอง จากนั้นก็จะส่งซากลงไปหาเจ้า แล้วก็ที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ เห็นว่ายังมีคนสนิทบางคนอยู่อีก…อ้อ เกือบลืมไป ถังฮูหยินกับลูกสาวสองคน รวมทั้งสตรีพวกนั้นที่เจ้าปลอมเป็นคนใส่หน้ากากผียิ้มสีเงินประมูลมา ข้าจะส่งไปยังหน่วยเลี้ยงรับรองอีกครั้งดีหรือไม่?”

พลังชั่วร้ายของเทพปีศาจส่งผลให้องค์ชายสองเหี้ยมโหดไร้ความเป็นมนุษย์

คำพูดแบบนี้ทำเอาผู้คนที่โรงฝึกยุทธ์พลังพายุขนลุกขึ้นมาดื้อๆ

“ขอโทษ” หลี่มู่กล่าว

ทุกคนตะลึงงัน

จะคุกเข่าแล้วหรือ?

มุมปากองค์ชายสองยกยิ้ม “ขอโทษงั้นรึ? เหมือนว่าจะสายไปหน่อย ข้าไม่รับ…ข้า…”

หลี่มู่ตัดบทองค์ชายสอง พูดอย่างจริงจังว่า “ขอโทษด้วย เจ้าอาจจะวางท่าต่อไปไม่ได้แล้ว แต่เดิมยังกะให้เจ้าสุขสำราญก่อนตายสักหน่อย แต่ปากเจ้าโคตรจะเหม็นเลย ทนไม่ไหวแล้ว”

พูดจบหลี่มู่ประกบสองมือ สิบนิ้วขยับไหวราวดอกบัวเบ่งบานทับซ้อนเป็นชั้นๆ ประสานปางมือออกมาเป็นชุด

ครืน ตูม ตูม!

โถงใหญ่หอบวงสรวงสั่นไหว

พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งที่เป็นดุจสัตว์ร้ายจำศีลอยู่ใต้พื้นดินเริ่มตื่นขึ้น และปลดปล่อยกลิ่นอายที่ชวนให้คนตัวสั่นออกมา

แสงเทพห้าสีพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ลอยมาอยู่เหนือศีรษะหลี่มู่

นั่นคืออะไร?

ทุกคนอึ้งตะลึง

“ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา…ตราปฐพี!”

หลี่มู่ตะโกนลั่น

ส่วนดินในตราประทับห้าธาตุพลิกนภาส่องแสงสีส้ม ตราประทับเทพปฐพีปรากฏออกมา อักขระเต๋าเก่าแก่โบราณล้อมรอบ พลังเพิ่มพูนขึ้น ก่อนจะกลายเป็นหินผามหึมาสูงหลายร้อยจั้งทับลงมายังองค์ชายสองทันที

“หึ สู้แบบสัตว์จนตรอก…”

องค์ชายสองแค่นเสียงเย็นเหยียดหยาม ยกมือซัดตราประทับฝ่ามือมังกรออกมา มังกรโลหิตทองคำรามพลางโจมตีไปยังหินผาสีส้ม หมายจะขยี้มันให้แหลกลาญ

แต่ทว่า…

ตูม!

ฝ่ามือหินผาทุบฝ่ามือมังกรโลหิตทองลงอย่างง่ายดายราวหินทุบไข่ จากนั้นก็ทุ่มลงมาอย่างไร้ปรานี ซัดองค์ชายสองลงมาจากกลางฟ้าเหมือนตบแมลงวัน จนกระแทกลงไปในทะเลทรายด้านล่างเต็มแรง ไม่รู้จมลงไปลึกเท่าไหร่

จ้าวอวี่อ้าปากค้าง

คนของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุอ้าปากเหวอ

ถานเยี่ยนจือและเทพพยากรณ์ขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว

หลี่กังและสวีเซิ่งผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ระดับสูงสุด จอมยุทธ์เก่าแก่ในยุทธจักร จิตใจดั่งบ่อแห้งผากไร้คลื่นที่ไร้รูปร่าง เสี้ยวขณะนี้ก็เหมือนถูกหอบม้วนด้วยคลื่นคลั่งเช่นกัน

นี่ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?

หรือว่าตาลายไปแล้ว

องค์ชายสองที่แทบจะใกล้เคียงกับเทพมาร สู้จนขั้นเหนือมนุษย์สุดยอดหมดสิ้นพลัง ก็ยัง…ถูก…ซัดจมดินในคราวเดียว…แบบนี้?

ตูม!

พายุทรายโหมสาดทั่วฟ้า

ร่างเงาโลหิตทองที่ทั่วร่างพันล้อมด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งออกมาจากพายุทราย

“ย้ากกก หลี่มู่ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น…” องค์ชายสองบินออกมาจากพายุทราย ใบหน้าเผยความโกรธแค้นหลังจากอึ้งตะลึง เพลิงชั่วร้ายปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

ใจของทุกคนที่โรงฝึกยุทธ์พลังพายุสั่นสะท้านกันอีกรอบ

ไม่ตายจริงๆ ด้วย

แต่ว่าเป็นแบบนี้ต่างหาก…เหมือนจะเข้ากับตรรกะปกติแล้ว?

ทว่า…

ครืน!

หินสี่เหลี่ยมสีเหลืองส้มขนาดร้อยจั้งลอยขึ้นราวสายฟ้า ก่อนทุบลงมาอย่างรวดเร็วจนไม่สมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ใหญ่โตของมัน จากนั้นกระแทกหน้าองค์ชายสองที่พุ่งขึ้นสู่ฟ้า ทุบเขากลับลงไปยังทะเลทรายอีกครั้ง

ปากของคนโรงฝึกยุทธ์พลังพายุอ้ากว้างจนจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว

หลี่กังและสวีเซิ่งสองคน ดวงตาตื่นตะลึงอย่างยากจะปิดเอาไว้

ใบหน้าของสุภาพบุรุษวาโยหวางเฉินฉายแววลิงโลด

ส่วนถังถังมองแผ่นหลังหลี่มู่ด้วยแววตาที่แทบจะใกล้เคียงกับคลั่งไคล้เลื่อมใส

หลังจากที่องค์ชายสองพูดว่าที่แท้หลี่มู่ก็คือคนสวมหน้ากากผีสีเงิน สายตาของถังถังก็จับจ้องอยู่ที่หลังของหลี่มู่ ไม่ละสายตาแม้แต่ชั่วขณะเดียว นางนึกถึงคืนสิ้นหวังและอัปยศคืนนั้นที่หน่วยเลี้ยงรับรอง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องโหวกเหวกของแขกที่มาหาความสุขบนถนนกลิ่นกำจาย มีเพียงตาคู่นั้นภายใต้หน้ากากผียิ้มสีเงินที่อบอุ่น มีเพียงมือคู่นั้นที่พึ่งพิงได้

ส่วนถังฮูหยินและฉินเจินต่างกระจ่างในทันที

คนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินช่วยถังฮูหยินจากกรงเล็บมารของพวกเหลียงอี้เฟยสี่คนนั้น ส่วนองค์หญิงฉินเจินก็หลุดพ้นจากการสังหารของสองผีดิบยมบาลเพราะเขา…หลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นึกถึงคนลึกลับสวมหน้ากาก ในใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และซาบซึ้งใจ แต่คิดไม่ถึงว่าคนลึกลับจะเป็นหลี่มู่นี่เอง

อันที่จริงสำหรับองค์หญิงฉินเจิน ในใจพลันมีบางสิ่งมลายไป และมีบางสิ่งกำลังเติบโตขึ้นมาแทน

“อ๊ากกก หลี่มู่ เจ้าสมควรตาย…” ท่ามกลางพายุทรายโหมกระหน่ำ องค์ชายสองพุ่งออกมาจากกองทรายอีกด้านหนึ่ง ทะยานฟ้าขึ้นมา

“กระดูกแข็งจริงๆ ยังทุบไม่ตายอีกหรือ?” หลี่มู่เพียงคิดก็ทะยานขึ้นฟ้า 

ตูม!

ตราประทับปฐพีผุดจากพื้น ทุบศีรษะองค์ชายสองอย่างแม่นยำ ส่งเขากลับลงไปใต้ทะเลทรายอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน หลี่มู่ก็ใช้พลังจิตวิญญาณเรียกดาบวัฏจักรที่ปักอยู่หน้าประตูโถงใหญ่มา ตัวดาบสั่นไหวแล้วแยกออกเป็นดาบบินยี่สิบสี่เล่ม รวดเร็วดุจสายฟ้า พุ่งตรงมายังใต้เท้าหลี่มู่ ก่อนประกอบกันเป็นดาบวัฏจักรอย่างสมบูรณ์อีกครั้งและพาเขาเหาะเหินไปในอากาศ

วิชาดาบเหินหาว

เหตุผลที่ว่าทำไมไม่ใช้ดาบวัฏจักรทั้งเล่มบินมา แต่ต้องแยกเป็นดาบบินทั้งยี่สิบสี่เล่มน่ะหรือ?

เพราะหลี่มู่รู้สึกว่าแบบนี้เท่กว่า

เขายืนอยู่กลางอากาศ ก้มลงมองทะเลทรายเบื้องล่าง

“กลับเข้าไปในโถงใหญ่ให้หมด”

หลี่มู่ตะโกนบอก

คนโรงฝึกยุทธ์พลังพายุและพวกฉินเจินพยุงหลี่กังกับสวีเซิ่งถอยกลับเข้าไปในโถงใหญ่

ด้านล่างทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พายุทรายกลุ่มหนึ่งม้วนตัวขึ้นมา ร่างขององค์ชายสองปรากฏขึ้นอีกครั้ง ว่องไวดั่งสายอัสนี รวดเร็วดุจลำแสง

“ตราประทับปฐพี…เอ่อ ช่างเถอะ ตราประทับปฐพีเหมือนจะทุบเจ้านี่ไม่ตาย ตราประทับพลิกนภา ทุบมันเสีย!”

หลี่มู่ควบคุมให้ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาดูดตราปฐพีอันมหึมาเข้าไป เมื่อแสงเทพห้าสีหมุนวน ตราประทับพลิกนภาพลันขยายเป็นตราใหญ่ยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางสองจั้ง ก่อนทุบองค์ชายสองที่เพิ่งโผล่ขึ้นมากลับลงไปในทรายเต็มแรง

ทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้

องค์ชายสองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว

เขากระตุ้นพลังเทพมารอย่างบ้าคลั่ง คิดอยากจะหลุดพ้นไปจากทราย ทว่าเป็นไปไม่ได้เลย พอโผล่หัวออกมาตราประทับพลิกนภาก็ทุบลงบนหน้าจนมึนไปหมด ต้องจมลงไปในผืนทรายอีกครั้ง

เป็นไปไม่ได้

นี่เป็นไปไม่ได้

หลี่มู่ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้

ตราประทับนั่นเหมือนจะแฝงพลังที่เหนือกว่าขั้นเหนือมนุษย์เอาไว้ ถึงแม้จะยังไม่อาจปลดปล่อยออกมา แต่ก็สามารถข่มพลังเทพมารของเขาได้โดยสิ้นเชิง ทำให้เขาต้านทานไม่ได้เลย ต่อให้ใช้กลวิชา ท่าร่าง เคล็ดวิชาลับต่างๆ เปลี่ยนวิธีพยายามบุกฝ่าออกไป แต่ก็ถูกทุบกลับมาในทันที

องค์ชายสองตอนนี้หน้าบวมจมูกช้ำ

เขาสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้น หลังจากถูกตราประทับห้าสีทุบซ้ำไปซ้ำมา พลังเทพมารในกายของตนมีแนวโน้มจะถูกสะเทือนออกไปนอกร่างอยู่รางๆ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?

องค์ชายสองคิดไม่ออก

เขาโมโหจนแทบคลั่งเต็มที

ชัยชนะยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า ทำไมหลี่มู่ถึงได้ซ่อนไพ่ตายอะไรแบบนี้ไว้ด้วย?

เขาพยายามลองโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเช่นกัน

ยังดีที่บริเวณนี้ถูกม่านพลังรุ้งของเทพมารปกคลุมกลายเป็นที่รกร้าง ถึงแม้จะถูกซัดจมลงไปในทราย เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวก็ไม่มีทางเป็นอันตรายไปได้ หากเป็นพื้นดินละก็ เขาในตอนนี้คงไม่เหลือแม้ครึ่งชีวิตแล้ว เพราะถึงอย่างไรขั้นเหนือมนุษย์ก็บินได้ แต่ดำดินไม่ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ช่างน่าขบขันนัก

ในโถงใหญ่หอบวงสรวง ความคิดของคนส่วนมากยังหมุนตามไม่ทัน

การพลิกผันของสถานการณ์เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล

มีเพียงหลี่กังและสวีเซิ่งเท่านั้นที่นับว่าพอจะตั้งตัวกลับมาได้

ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาทั้งสองจะหมดแรง พลังฝึกแทบจะกระจัดกระจาย แต่สายตายังคงเฉียบคมเช่นเคย เมื่อมองไปยังหอบวงสรวงที่ยังอยู่ในสมบูรณ์ท่ามกลางเศษเสี้ยวพลังการต่อสู้ ก็รู้ว่าต้องมีค่ายกลหรือของวิเศษที่ยอดเยี่ยมปกป้องที่นี่ไว้แน่ และตอนนี้เห็นหลี่มู่ถือของวิเศษห้าสีกระหน่ำทุบองค์ชายสอง องค์ชายสองหนีไปจับตัวประกันในโถงใหญ่ไม่ได้ ก็รู้ว่าสิ่งที่ปกป้องโถงใหญ่ไม่ใช่ของวิเศษห้าสีนั่น แต่เป็นค่ายกลต่างหาก

บนเสาหินและกำแพงหินรอบๆ โถงใหญ่ไม่มีลายค่ายกลดาราของจอมเวท แต่มีพลังค่ายกลแฝงอยู่ข้างในรางๆ ทั้งสองคนยังพอจะสัมผัสได้เล็กน้อย

หลี่มู่สลักเอาไว้?

หรือว่า…

หลี่กังตกอยู่ในห้วงความคิด

วันนั้นเขาพบหลี่มู่ บอกหลี่มู่ว่าจะสังหารองค์ชายผู้หนึ่ง ในนั้นมีจุดประสงค์แค่หนึ่งหรือสองส่วนคือหวังว่าจะได้พูดคุยกับสำนักเบื้องหลังหลี่มู่ ส่วนจุดประสงค์สำคัญอื่นๆ หลักๆ ยังอยู่ที่การหยั่งเชิง หลี่กังในตอนนั้นนึกว่าตัวเองวางแผนไม่พลาดแน่นอน ดังนั้นต่อให้สำนักเบื้องหลังหลี่มู่จะมีความสัมพันธ์กัน เขาก็ไม่กลัวแหวกหญ้าให้งูตื่น

คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะดำเนินมาจนถึงตอนนี้ โอกาสชนะสุดท้ายอยู่ที่หลี่มู่จริงๆ  

ขณะมองหลี่มู่บังคับของวิเศษห้าสี หลี่กังแอบนึกหวาดหวั่น เห็นทีสำนักเบื้องหลังเจ้าลูกเวรจะไม่ธรรมดา หรือจะเป็นสำนักเทพโบราณสำนักไหนที่เผยตัวอีกครั้งหลังจากไม่เคลื่อนไหวมาหลายพันปี? และเจ้าลูกเวรได้รับโอกาสแบบนี้ไป?

ส่วนความคิดของสวีเซิ่งง่ายกว่านั้นมาก

หลี่มู่ตกลงเป็นผู้บัญชาการสำนักตรวจการฝั่งพายัพแล้ว ขั้นตอนต่างๆ ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ มีบุคคลชั้นยอดแบบนี้คอยกำราบ พายัพยุทธจักรของจักรวรรดิต้องสงบมั่นคงแน่นอน

ตูม ตูม!

ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาทุบลงมาไม่หยุด

รอยตราประทับสี่เหลี่ยมแต่ละรอยประทับลงในทะเลทรายบริเวณหลายสิบลี้

‘เป็นฉากที่คุ้นจริงๆ รู้สึกเหมือนหนูน้อยชั้นอนุบาลกำลังเล่นเกมทุบตัวตุ่นอยู่เลย!’

หลี่มู่แยกเขี้ยวยิ้ม มีความสุข

สุดท้าย หลังจากโจมตีไปหลายร้อยครั้ง องค์ชายสองไม่อาจดิ้นรนได้อีกต่อไป จมูกเบี้ยวตาเหล่ หน้าบวมช้ำ นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในกองทรายเหมือนสุนัขตาย แม้แต่ลมหายใจยังรวยรินนัก

“คงไม่ได้แกล้งตายหรอกใช่ไหม?”

หลี่มู่ไม่วางใจ

เพื่อไม่ให้องค์ชายสองลอบโจมตีอีก หลี่มู่กัดฟัน ควบคุมตราประทับห้าธาตุพลิกนภาซัดไปที่ศีรษะขององค์ชายสองอีกหลายสิบที จวบจนฝ่ายตรงข้ามน้ำลายฟูมปากแขนขากระตุกเกร็งถึงได้หยุดมือ

หัวแข็งจริงๆ

เขาทอดถอนใจพลางหิ้วองค์ชายสองที่ราวกับสุนัขตายออกมาจากผืนทราย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+