จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 341 ความลับของเจียงชิวไป๋

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 341 ความลับของเจียงชิวไป๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงโกรธจนถึงขีดสุด

เดิมทีพวกเขาประนีประนอมไปแล้ว ไม่อยากให้ถึงขั้นตายจริง แต่การเหยียดหยาม เหน็บแนม รวมไปถึงท่าทีต่อให้ต้องตัวตายก็จะขวางพวกเขาเอาไว้ด้านนอกวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเจียงชิวไป๋ ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าและอัปยศอดสูมาก

“สังหาร”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตายเสียเถอะ”

ทั้งคู่ไม่ลังเลอีก สำแดงกระบวนท่าอันน่าสะพรึงกลัว มุ่งไปสังหารเจียงชิวไป๋

บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้านี้ พลังฟ้าดินชัดเจน กฎเกณฑ์วิจิตรตระการ ยิ่งสามารถเสริมพลังให้วิชาของพวกเขา ให้สำแดงพลังได้ร้ายกาจกว่าปกติหลายเท่า

“เหอะๆ ข้าบอกแล้ว เมื่อเข้ามา ก็ไม่ต้องคิดจะเดินออกไปอีก…”

เจียงชิวไป๋ยิ้มบางๆ พลางเอ่ย

เขาเป็นเหมือนคนพายเรือที่เผชิญหน้าผืนน้ำกว้างใหญ่ท่ามกลางพายุฝน ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน มือข้างหนึ่งกดลงบนแขนข้างที่ขาดไป แล้วออกแรงฉับพลัน เสียงกร๊อบดังขึ้น บริเวณแขนขาดที่เริ่มงอกมาใหม่ กระดูกป่นละเอียดทันที เลือดสดทะลักออกมา นิ้วมือเขาแตะเลือดสดของตนจนชุ่ม

“ใช้นิ้วแทนพู่กัน ใช้เลือดต่างหมึก ใช้ผืนฟ้าต่างกระดาษ ใช้ใจต่างจิต…วาดผืนดินคุมขัง!”

ปากของเขาร่ายท่วงทำนองโบราณ ยกมือขึ้นราวกับค่อยๆ โบกเขียน ใช้ความว่างเปล่าตรงหน้า วาดสัญลักษณ์ประหลาดออกมาหนึ่งอย่าง

เลือดสดดุจน้ำหมึกย้อมลงบนแผ่นกระดาษ จับตัวค้างอยู่บนความว่างเปล่า

สัญลักษณ์นั้นแผ่แสงสีทองออกมา ประหนึ่งกำแพงแสงสีทองแผ่ขยายบนอากาศ คลื่นยักษ์และปราณกระบี่แสงกระบี่ของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงซัดเข้าใส่กำแพงสีทองนี้ ก็เหมือนวัวโคลนจมลงทะเลอย่างไรอย่างนั้น หายไปไร้ร่องรอยเสมือนผ่านกำแพงแสงข้ามไปยังมิติอื่น ไม่สะเทือนกำแพงแสงนี้เลยแม้แต่น้อย

ไม่เพียงเท่านี้ กำแพงแสงยังคงแผ่ขยาย ยืดออก พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ดิ่งลงยังนรกขุมที่เก้า ยื่นออกไปซ้ายขวา กางออกมาเป็นเส้นโค้งบนความว่างเปล่า สุดท้ายกลายเป็นทรงรีขนาดใหญ่ ไม่ต่างจากคุกกำแพงทองตรงหน้าผู้ใช้คลื่นวารีและป้านกู้เซิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ขังสองสุดยอดวิถียุทธ์แห่งเก้ายอดคนเอาไว้ด้านใน

“อะไรกัน?” ผู้ใช้คลื่นวารีตกใจมาก

มือของกู้ป้านเซิงกุมแสงกระบี่ไว้ “เขากำลังเผาผลาญแหล่งพลังชีวิต…บ้าไปแล้วหรือ?”

ด้านนอกกำแพงแสงสีทอง เลือดสดที่ไหลจากแขนขาดของเจียงชิวไป๋ ลอยออกมาไม่หยุดราวกับถูกสูบก็มิปาน สีหน้าเจียงชิวไป๋ขาวซีดดุจกระดาษ แขนข้างเดียวโบกสะบัด ใช้นิ้วจุ่มเลือดสดของตน ร่ายทำนองคำสาปโบราณบางอย่างไม่หยุดหย่อน และวาดสัญลักษณ์เลือดประหลาดกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ครั้นผลักฝ่ามือออกไป สัญลักษณ์ที่แข็งตัวตกลงบนกำแพงแสงทองและถูกแสงทองกระตุ้น มันก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา กลายเป็นงูสีเลือดตัวเล็กแหวกว่ายอยู่ในแสงสีทองนั้น…

กู้ป้านเซิงและผู้ใช้คลื่นวารีตระหนักได้ทันที เจียงชิวไป๋ใช้แหล่งพลังชีวิตของตนเองเป็นสื่อกลาง แสดงวิชาลับสุดยอดบางอย่างที่น่ากลัวเกินบรรยาย

พวกเขาสองคนรู้สึกได้ถึงความหวาดผวา

จ้าวสำนักวิหารเทพหมาป่าคนนี้ โหดเหี้ยมไร้ปรานีถึงระดับนี้เลย?

การเผาแหล่งพลังชีวิต ไม่เพียงเป็นความทุกข์ทรมานที่เจ็บปวดที่สุดบนโลก แต่ยังทำให้วิญญาณแตกซ่าน ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ตลอดกาล และอาจเหลือจิตวิญญาณเสี้ยวหนึ่งไว้ ต้องทรมานทุกๆ ชาติไป เรียกได้ว่าเป็นการลงโทษที่ทุกข์ทนที่สุดบนโลกมนุษย์ ต่อให้เป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดวิถียุทธ์ ก็ยังไม่อาจทนรับผลที่ตามมาเช่นนี้ได้

“คลื่นทะเลลึกผ่องแผ้ว จิตมังกรวังวารี…โจมตี!” ผู้ใช้คลื่นวารีสำแดงท่าไม้ตาย เรียกระดมคลื่นทะเลสีน้ำเงินที่ไร้ขอบเขต ด้านในมีสิ่งมีชีวิตในทะเลที่สูญพันธ์ไปแล้วหลายประเภท ส่งเสียงร้องแหลมและเสียงคำรามออกมา พลางพุ่งเข้าใส่กำแพงแสงทอง

กู้ป้านเซิงทำปางมือ ฝ่ามือหันหากันที่หน้าอก เรียกกระบี่โบราณสีดำเล่มหนึ่งออกมา รูปทรงโบราณเรียบง่าย เหมือนแท่งศิลายาวๆ แท่งหนึ่ง ด้านหนึ่งดำ ด้านหนึ่งขาว หยินหยางสองสี คมทั้งสองด้านเต็มไปด้วยลายสลักหินกระดำกระด่าง สองมือเขาจับกระบี่ศิลาหยินหยาง กระตุ้นกฎเกณฑ์นับหมื่นพัน นี่คือ ‘กระบี่ศิลาโบราณเทพมารหยินหยาง’ สมบัติของสำนักฟ้าครามจากแผ่นดินสุดแดนใต้ ตีขึ้นจากหินดาวตกนอกพิภพก้อนหนึ่ง มีพลานุภาพที่น่ากลัวถึงขีดสุด

“เทพมารตัดสะบั้น!”

กู้ป้านเซิงลงมือ ก็เป็นกระบวนท่าสูงสุด

กำแพงแสงทองถูกกระแทกจนสั่นกระเพื่อม ประดุจจะพังทลายลงได้ทุกเวลา ทว่างูตัวเล็กสีเลือดที่แหวกว่ายอยู่ด้านในแสงทองอย่างบ้าคลั่งคล้ายกำลังเขียนตำราเทพไร้นาม แผ่พลานุภาพอัศจรรย์ออกมา ซ่อมแซมกำแพงแสงทองใหม่อีกครั้ง การโจมตีทั้งหมดของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงกลายเป็นวัวโคลนจมลงทะเล เหมือนกับว่าพลัง กฎเกณฑ์ และแสงใดๆ เพียงแค่ผ่านกำแพงแสงทองเข้าไปก็ล้วนสูญสลายจนหมดสิ้น

“กายคือเทียน จิตคือเปลวไฟ จิตวิญญาณของข้า ขอบูชาแด่เทพหมาป่า!”

เจียงชิวไป๋ยืนด้วยขาข้างเดียว ประตูตรงกลางสุดของวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้านหลังเปิดออกสมบูรณ์แล้ว แสงสีทองเอ่อล้นออกมา ร่างกายพิกลพิการของเขาดุจหินโสโครกที่ตั้งทวนกระแสน้ำ ไม่ขยับแม้เพียงน้อย ทรหดทนทาน ตั้งตรงไม่หวั่นไหวราวขุนเขา สูงส่งราวผาชัน

ใบหน้าของเขาแก่ชราลงในฉับพลัน

ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาไร้ใดเทียมมีรอยเหี่ยวย่น ดวงตากระจ่างใสเริ่มชรา ถุงตาปรากฏ ผิวหนังแห้งแตก

ใช้กายดั่งเทียน ใช้จิตวิญญาณดั่งไฟ เผาไหม้ เผาไหม้ เผาไหม้!

วิหารเทพหมาป่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งของที่ราบทุ่งหญ้า หมาป่าขาว คนเลี้ยงสัตว์ และชนเผ่าแห่งท้องทุ่งหญ้า จะยอมให้คนนอกมาดูหมิ่นได้อย่างไร?

จ้าววิหารเทพหมาป่า จำต้องลงทัณฑ์

ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม

แม้ใบหน้าของเจียงชิวไป๋ชราลงอีก แต่จิตวิญญาณของเขากลับหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ในดวงตาชรานั้นเปล่งประกายแสงสว่าไสว ราวกับมีเปลวไฟกำลังแผดเผาอยู่จริง

ภายในกรงขังกำแพงแสงทอง ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงสังหรณ์ใจไม่ดียิ่งนัก จากการที่เจียงชิวไป๋สูบเลือดตนออกมา วาดสัญลักษณ์โบราณแปลกๆ ส่งไปยังกำแพงแสงทอง กรงขังนี้ก็ไม่เพียงแต่ขังพวกเขาไว้ด้านในอีก แต่เริ่มส่งพลังหล่อหลอมกดดันที่น่ากลัวออกมา หมายจะหลอมพวกเขาสองคนที่อยู่ในนี้ทั้งเป็น

ผู้แข็งแกร่งทั้งสองออกกระบวนท่าสุดยอดต่างๆ อย่างคลุ้มคลั่ง คิดจะทำลายกรงขังกำแพงทองนี้

การร่วมมือโจมตีของเก้ายอดคน จะน่ากลัวสักเพียงไหน?

มีหลายครั้งที่เกือบจะถูกพวกเขาโจมตีจนกำแพงแสงทองพังลง

ทว่าเจียงชิวไป๋ใช้นิ้วกดทะลุหน้าอกตนเอง ดูดเลือดจากหัวใจออกมาวาดสัญลักษณ์ติดต่อกันหลายสิบวง แล้วส่งเข้าไปยังกำแพงแสงสีทอง เหนี่ยวนำพลังแสงทองที่แผ่ออกจากประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้านหลังมา พริบตาเดียวกรงขังกำแพงแสงทั้งหมดก็แข็งแกร่งตีไม่แตก การโจมตีอันบ้าคลั่งของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงจึงยากจะสั่นคลอนได้อีก

ผมยาวสีทองทั้งศีรษะของเจียงชิวไป๋ เปลี่ยนเป็นสีขาวหิมะในพริบตา

ชั่วขณะที่ความหนุ่มสาวโรยรา กระทั่งวีรบุรุษยังผมขาว  

เวลาเดียวกัน ด้านหลังเจียงชิวไป๋ มีภาพมายาของสัตว์แปลกพิลึกตนหนึ่งปรากฏขึ้นวูบวาบ

เป็นสัตว์ยักษ์ตัวสีเหลืองทอง รูปร่างคล้ายหมาป่า ดูราวกับสัตว์ยักษ์โบราณ แต่แขนหน้ากลับสั้นกุด หน้าตาดุดันเหี้ยมเกรียม แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายที่ยากจะเปรียบออกมา ขณะเดียวกันก็มีพลังวิญญาณอย่างหนึ่งที่ให้ความรู้สึกคาดเดาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะในดวงตาคู่นั้น มีประกายแห่งสติปัญญาวูบไหว ประดุจสามารถมองทะลุใจคนในแวบแรก และราวกับปิดบังความจริงจากใครก็ตามบนโลกใบนี้ได้

ครั้นเจียงชิวไป๋เสียเลือดจำนวนมาก สีหน้ายิ่งซีดขาวลงทุกที สัตว์ยักษ์ประหลาดสีเหลืองทองตนนี้ก็ยิ่งปรากฏชัดเจนมากขึ้น

เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงอึ้งตะลึงพร้อมกัน

“จ้าววิหารเทพหมาป่าที่เลื่องลือทั่วฟ้าดิน หนึ่งในเก้ายอดคนใต้หล้า ฮ่าๆ ที่แท้ก็คือปีศาจร้ายตนหนึ่ง” ผู้ใช้คลื่นวารีหัวเราะขึ้นมา

กู้ป้านเซิงก็ตกตะลึง “ที่แท้วิหารเทพหมาป่าก็เป็นที่อยู่ของพวกปีศาจร้าย เหมือนกับจวนปีศาจสวรรค์ไม่ผิด แต่กลับมาปกครองชนเผ่าหมานคนเลี้ยงสัตว์แห่งทุ่งหญ้า…ข่าวนี้หากแพร่งพรายออกไป น่ากลัวว่าจะสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน แล้วความศรัทธาของชนเผ่าในที่ราบทุ่งหญ้าก็จะพังทลายลงทันทีกระมัง”

นี่เป็นความลับยิ่งใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดบนโลกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

หากไม่ใช่เพราะเจียงชิวไป๋ใช้ร่างตน เผาไหม้พลังชีวิต เริ่มควบคุมพลังของตนเองไม่ได้ และค่อยๆ รักษารูปร่างมนุษย์เอาไว้ได้ยากแล้วละก็ ความลับนี้ก็ไม่มีทางที่จะเปิดเผยออกมา

“ทุกสรรพสิ่งล้วนมีวิญญาณ คนและปีศาจ ต่างกันตรงไหน? แม้ข้าเป็นปีศาจ แต่ก็คอยปกปักรักษาที่นี่ ส่วนคนอย่างพวกเจ้า กลับสร้างหายนะให้แก่ชาวประชา พวกเจ้ายังมีหน้ามาหัวเราะข้าเช่นนั้นหรือ? ”

บนใบหน้าของเจียงชิวไป๋ เริ่มปรากฏขนสัตว์สีทองงอกออกมา

ร่างกายของเขาโค้งค่อมลง พื้นที่บนร่างบางส่วนงอกขนสัตว์

เพราะเสียพลังฝึกไป จึงยากจะรักษาร่างมนุษย์เอาไว้ ค่อยๆ เผยร่างที่แท้จริงของตนเองออกมา

อายุขัย แทบจะเผาไหม้จนถึงจุดสุดท้ายแล้ว

ทว่า เขากลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังคงดึงเลือดสดและไขกระดูกจากร่างของตนออกมาไม่หยุด ใช้ร่างเป็นเทียน ใช้จิตดั่งไฟ เร่งพลังกรงขังกำแพงแสงทองจนสูงสุด งูน้อยสีเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนแหวกว่ายและวิวัฒนาการอยู่ในกำแพงแสง เหนี่ยวนำแสงทองจากวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาแปลงเป็นพลังหล่อหลอมกดดัน ค่อยๆ บดขยี้สองจากเก้ายอดคนใต้หล้าด้านในกำแพง

ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงหมดปัญญาจะต่อต้าน ถูกพลังกดดันไร้รูปร่างกดเอาไว้ที่เดิม ไม่อาจขยับเขยื้อนได้

“ศิษย์พี่…” ในดวงตาชราของเจียงชิวไป๋ มีหยาดน้ำตาไหลริน

นี่เป็นเลือดส่วนสุดท้ายในร่างกายของเขาแล้ว

สายตาของเขามองลอดกรงขังสีทอง ลอดผ่านชั้นเมฆขาว ทะลุผ่านบันไดหยกขาว ประตูใหญ่ของทางเดิน…กระทั่งมองผ่านโลกใบนี้ออกไปยังความว่างเปล่าไกลๆ รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ดูราวกับต้องการจะเห็นใบหน้านั้นที่อยากเห็นมากที่สุด

“ตอนนั้นที่อยู่ในฟ้านิจนิรันดร์ วันเวลาที่ประคับประคองกันและกัน ท่านอาจจะลืมไปนานแล้ว…”

“ท่านกลายเป็นจ้าววิหารเทพหมาป่า ข้ายอมหลบซ่อนอยู่ในเงามืดด้านหลังความรุ่งโรจน์ของท่าน”

“ท่านบุกฝ่าทั่วที่ราบทุ่งหญ้า สั่นสะเทือนฟ้าดิน ข้าก็ยอมเป็นเงาของท่าน…”

“ท่านไปจากที่ราบทุ่งหญ้าเพื่อหญิงคนนั้น ข้ารู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ข้าจึงอยู่ ปกป้องวิหารเทพหมาป่าเพื่อท่าน ปกป้องบ้านที่เคยเป็นของพวกเราแห่งนี้ แต่ตอนนี้…”

“ศิษย์พี่ ตอนนี้ข้า ทำได้ถึงเพียงเท่านี้แล้ว”

น้ำตาเลือดหยดลงมาจากใบหน้าเจียงชิวไป๋ ย้อมเมฆขาวผืนใหญ่จนเป็นสีแดง

เสียงยังไม่ทันขาดห้วง

ร่างของเจียงชิวไป๋เปลี่ยนเป็นร่างสัตว์อย่างสมบูรณ์

สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหมาป่ายักษ์สีเหลืองทองจางๆ ตัวหนึ่ง เพียงแต่แทบจะไม่มีขาหน้า

ไม่ใช่หมาป่า

“นี่มันเป้ย[1]!” ผู้ใช้คลื่นวารีตะโกนขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ

กู้ป้านเซิงก็ตกตะลึง พลันคิดอะไรบางอย่างได้

เจียงชิวไป๋มีร่างเป็นปีศาจ ร่างของเขาเป็นเป้ย สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่แต่ในตำนานเล่าขาน

เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาไม่ใช่จ้าววิหารเทพหมาป่าที่แท้จริง

เพราะจ้าวแห่งวิหารเทพหมาป่า ควรจะเป็น…หมาป่าตัวหนึ่ง?

………………………………….

[1] เป้ย สัตว์ในตำนานของจีน มีรูปร่างคล้ายหมาป่า แต่ขาหน้าสั้นมาก ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง จึงเกาะอยู่บนหลังของหมาป่าเพื่อดำรงชีวิต แม้ดุร้ายไม่เท่าหมาป่า แต่มีสติปัญญาสูง มักจะคอยช่วยหมาป่าออกอุบายต่างๆ จึงมีสำนวนจีนที่ว่า หมาป่าและเป้ยร่วมคิดอุบายชั่ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 341 ความลับของเจียงชิวไป๋

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 341 ความลับของเจียงชิวไป๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงโกรธจนถึงขีดสุด

เดิมทีพวกเขาประนีประนอมไปแล้ว ไม่อยากให้ถึงขั้นตายจริง แต่การเหยียดหยาม เหน็บแนม รวมไปถึงท่าทีต่อให้ต้องตัวตายก็จะขวางพวกเขาเอาไว้ด้านนอกวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเจียงชิวไป๋ ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าและอัปยศอดสูมาก

“สังหาร”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตายเสียเถอะ”

ทั้งคู่ไม่ลังเลอีก สำแดงกระบวนท่าอันน่าสะพรึงกลัว มุ่งไปสังหารเจียงชิวไป๋

บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้านี้ พลังฟ้าดินชัดเจน กฎเกณฑ์วิจิตรตระการ ยิ่งสามารถเสริมพลังให้วิชาของพวกเขา ให้สำแดงพลังได้ร้ายกาจกว่าปกติหลายเท่า

“เหอะๆ ข้าบอกแล้ว เมื่อเข้ามา ก็ไม่ต้องคิดจะเดินออกไปอีก…”

เจียงชิวไป๋ยิ้มบางๆ พลางเอ่ย

เขาเป็นเหมือนคนพายเรือที่เผชิญหน้าผืนน้ำกว้างใหญ่ท่ามกลางพายุฝน ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน มือข้างหนึ่งกดลงบนแขนข้างที่ขาดไป แล้วออกแรงฉับพลัน เสียงกร๊อบดังขึ้น บริเวณแขนขาดที่เริ่มงอกมาใหม่ กระดูกป่นละเอียดทันที เลือดสดทะลักออกมา นิ้วมือเขาแตะเลือดสดของตนจนชุ่ม

“ใช้นิ้วแทนพู่กัน ใช้เลือดต่างหมึก ใช้ผืนฟ้าต่างกระดาษ ใช้ใจต่างจิต…วาดผืนดินคุมขัง!”

ปากของเขาร่ายท่วงทำนองโบราณ ยกมือขึ้นราวกับค่อยๆ โบกเขียน ใช้ความว่างเปล่าตรงหน้า วาดสัญลักษณ์ประหลาดออกมาหนึ่งอย่าง

เลือดสดดุจน้ำหมึกย้อมลงบนแผ่นกระดาษ จับตัวค้างอยู่บนความว่างเปล่า

สัญลักษณ์นั้นแผ่แสงสีทองออกมา ประหนึ่งกำแพงแสงสีทองแผ่ขยายบนอากาศ คลื่นยักษ์และปราณกระบี่แสงกระบี่ของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงซัดเข้าใส่กำแพงสีทองนี้ ก็เหมือนวัวโคลนจมลงทะเลอย่างไรอย่างนั้น หายไปไร้ร่องรอยเสมือนผ่านกำแพงแสงข้ามไปยังมิติอื่น ไม่สะเทือนกำแพงแสงนี้เลยแม้แต่น้อย

ไม่เพียงเท่านี้ กำแพงแสงยังคงแผ่ขยาย ยืดออก พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ดิ่งลงยังนรกขุมที่เก้า ยื่นออกไปซ้ายขวา กางออกมาเป็นเส้นโค้งบนความว่างเปล่า สุดท้ายกลายเป็นทรงรีขนาดใหญ่ ไม่ต่างจากคุกกำแพงทองตรงหน้าผู้ใช้คลื่นวารีและป้านกู้เซิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ขังสองสุดยอดวิถียุทธ์แห่งเก้ายอดคนเอาไว้ด้านใน

“อะไรกัน?” ผู้ใช้คลื่นวารีตกใจมาก

มือของกู้ป้านเซิงกุมแสงกระบี่ไว้ “เขากำลังเผาผลาญแหล่งพลังชีวิต…บ้าไปแล้วหรือ?”

ด้านนอกกำแพงแสงสีทอง เลือดสดที่ไหลจากแขนขาดของเจียงชิวไป๋ ลอยออกมาไม่หยุดราวกับถูกสูบก็มิปาน สีหน้าเจียงชิวไป๋ขาวซีดดุจกระดาษ แขนข้างเดียวโบกสะบัด ใช้นิ้วจุ่มเลือดสดของตน ร่ายทำนองคำสาปโบราณบางอย่างไม่หยุดหย่อน และวาดสัญลักษณ์เลือดประหลาดกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ครั้นผลักฝ่ามือออกไป สัญลักษณ์ที่แข็งตัวตกลงบนกำแพงแสงทองและถูกแสงทองกระตุ้น มันก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา กลายเป็นงูสีเลือดตัวเล็กแหวกว่ายอยู่ในแสงสีทองนั้น…

กู้ป้านเซิงและผู้ใช้คลื่นวารีตระหนักได้ทันที เจียงชิวไป๋ใช้แหล่งพลังชีวิตของตนเองเป็นสื่อกลาง แสดงวิชาลับสุดยอดบางอย่างที่น่ากลัวเกินบรรยาย

พวกเขาสองคนรู้สึกได้ถึงความหวาดผวา

จ้าวสำนักวิหารเทพหมาป่าคนนี้ โหดเหี้ยมไร้ปรานีถึงระดับนี้เลย?

การเผาแหล่งพลังชีวิต ไม่เพียงเป็นความทุกข์ทรมานที่เจ็บปวดที่สุดบนโลก แต่ยังทำให้วิญญาณแตกซ่าน ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ตลอดกาล และอาจเหลือจิตวิญญาณเสี้ยวหนึ่งไว้ ต้องทรมานทุกๆ ชาติไป เรียกได้ว่าเป็นการลงโทษที่ทุกข์ทนที่สุดบนโลกมนุษย์ ต่อให้เป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดวิถียุทธ์ ก็ยังไม่อาจทนรับผลที่ตามมาเช่นนี้ได้

“คลื่นทะเลลึกผ่องแผ้ว จิตมังกรวังวารี…โจมตี!” ผู้ใช้คลื่นวารีสำแดงท่าไม้ตาย เรียกระดมคลื่นทะเลสีน้ำเงินที่ไร้ขอบเขต ด้านในมีสิ่งมีชีวิตในทะเลที่สูญพันธ์ไปแล้วหลายประเภท ส่งเสียงร้องแหลมและเสียงคำรามออกมา พลางพุ่งเข้าใส่กำแพงแสงทอง

กู้ป้านเซิงทำปางมือ ฝ่ามือหันหากันที่หน้าอก เรียกกระบี่โบราณสีดำเล่มหนึ่งออกมา รูปทรงโบราณเรียบง่าย เหมือนแท่งศิลายาวๆ แท่งหนึ่ง ด้านหนึ่งดำ ด้านหนึ่งขาว หยินหยางสองสี คมทั้งสองด้านเต็มไปด้วยลายสลักหินกระดำกระด่าง สองมือเขาจับกระบี่ศิลาหยินหยาง กระตุ้นกฎเกณฑ์นับหมื่นพัน นี่คือ ‘กระบี่ศิลาโบราณเทพมารหยินหยาง’ สมบัติของสำนักฟ้าครามจากแผ่นดินสุดแดนใต้ ตีขึ้นจากหินดาวตกนอกพิภพก้อนหนึ่ง มีพลานุภาพที่น่ากลัวถึงขีดสุด

“เทพมารตัดสะบั้น!”

กู้ป้านเซิงลงมือ ก็เป็นกระบวนท่าสูงสุด

กำแพงแสงทองถูกกระแทกจนสั่นกระเพื่อม ประดุจจะพังทลายลงได้ทุกเวลา ทว่างูตัวเล็กสีเลือดที่แหวกว่ายอยู่ด้านในแสงทองอย่างบ้าคลั่งคล้ายกำลังเขียนตำราเทพไร้นาม แผ่พลานุภาพอัศจรรย์ออกมา ซ่อมแซมกำแพงแสงทองใหม่อีกครั้ง การโจมตีทั้งหมดของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงกลายเป็นวัวโคลนจมลงทะเล เหมือนกับว่าพลัง กฎเกณฑ์ และแสงใดๆ เพียงแค่ผ่านกำแพงแสงทองเข้าไปก็ล้วนสูญสลายจนหมดสิ้น

“กายคือเทียน จิตคือเปลวไฟ จิตวิญญาณของข้า ขอบูชาแด่เทพหมาป่า!”

เจียงชิวไป๋ยืนด้วยขาข้างเดียว ประตูตรงกลางสุดของวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้านหลังเปิดออกสมบูรณ์แล้ว แสงสีทองเอ่อล้นออกมา ร่างกายพิกลพิการของเขาดุจหินโสโครกที่ตั้งทวนกระแสน้ำ ไม่ขยับแม้เพียงน้อย ทรหดทนทาน ตั้งตรงไม่หวั่นไหวราวขุนเขา สูงส่งราวผาชัน

ใบหน้าของเขาแก่ชราลงในฉับพลัน

ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาไร้ใดเทียมมีรอยเหี่ยวย่น ดวงตากระจ่างใสเริ่มชรา ถุงตาปรากฏ ผิวหนังแห้งแตก

ใช้กายดั่งเทียน ใช้จิตวิญญาณดั่งไฟ เผาไหม้ เผาไหม้ เผาไหม้!

วิหารเทพหมาป่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งของที่ราบทุ่งหญ้า หมาป่าขาว คนเลี้ยงสัตว์ และชนเผ่าแห่งท้องทุ่งหญ้า จะยอมให้คนนอกมาดูหมิ่นได้อย่างไร?

จ้าววิหารเทพหมาป่า จำต้องลงทัณฑ์

ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม

แม้ใบหน้าของเจียงชิวไป๋ชราลงอีก แต่จิตวิญญาณของเขากลับหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ในดวงตาชรานั้นเปล่งประกายแสงสว่าไสว ราวกับมีเปลวไฟกำลังแผดเผาอยู่จริง

ภายในกรงขังกำแพงแสงทอง ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงสังหรณ์ใจไม่ดียิ่งนัก จากการที่เจียงชิวไป๋สูบเลือดตนออกมา วาดสัญลักษณ์โบราณแปลกๆ ส่งไปยังกำแพงแสงทอง กรงขังนี้ก็ไม่เพียงแต่ขังพวกเขาไว้ด้านในอีก แต่เริ่มส่งพลังหล่อหลอมกดดันที่น่ากลัวออกมา หมายจะหลอมพวกเขาสองคนที่อยู่ในนี้ทั้งเป็น

ผู้แข็งแกร่งทั้งสองออกกระบวนท่าสุดยอดต่างๆ อย่างคลุ้มคลั่ง คิดจะทำลายกรงขังกำแพงทองนี้

การร่วมมือโจมตีของเก้ายอดคน จะน่ากลัวสักเพียงไหน?

มีหลายครั้งที่เกือบจะถูกพวกเขาโจมตีจนกำแพงแสงทองพังลง

ทว่าเจียงชิวไป๋ใช้นิ้วกดทะลุหน้าอกตนเอง ดูดเลือดจากหัวใจออกมาวาดสัญลักษณ์ติดต่อกันหลายสิบวง แล้วส่งเข้าไปยังกำแพงแสงสีทอง เหนี่ยวนำพลังแสงทองที่แผ่ออกจากประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้านหลังมา พริบตาเดียวกรงขังกำแพงแสงทั้งหมดก็แข็งแกร่งตีไม่แตก การโจมตีอันบ้าคลั่งของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงจึงยากจะสั่นคลอนได้อีก

ผมยาวสีทองทั้งศีรษะของเจียงชิวไป๋ เปลี่ยนเป็นสีขาวหิมะในพริบตา

ชั่วขณะที่ความหนุ่มสาวโรยรา กระทั่งวีรบุรุษยังผมขาว  

เวลาเดียวกัน ด้านหลังเจียงชิวไป๋ มีภาพมายาของสัตว์แปลกพิลึกตนหนึ่งปรากฏขึ้นวูบวาบ

เป็นสัตว์ยักษ์ตัวสีเหลืองทอง รูปร่างคล้ายหมาป่า ดูราวกับสัตว์ยักษ์โบราณ แต่แขนหน้ากลับสั้นกุด หน้าตาดุดันเหี้ยมเกรียม แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายที่ยากจะเปรียบออกมา ขณะเดียวกันก็มีพลังวิญญาณอย่างหนึ่งที่ให้ความรู้สึกคาดเดาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะในดวงตาคู่นั้น มีประกายแห่งสติปัญญาวูบไหว ประดุจสามารถมองทะลุใจคนในแวบแรก และราวกับปิดบังความจริงจากใครก็ตามบนโลกใบนี้ได้

ครั้นเจียงชิวไป๋เสียเลือดจำนวนมาก สีหน้ายิ่งซีดขาวลงทุกที สัตว์ยักษ์ประหลาดสีเหลืองทองตนนี้ก็ยิ่งปรากฏชัดเจนมากขึ้น

เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงอึ้งตะลึงพร้อมกัน

“จ้าววิหารเทพหมาป่าที่เลื่องลือทั่วฟ้าดิน หนึ่งในเก้ายอดคนใต้หล้า ฮ่าๆ ที่แท้ก็คือปีศาจร้ายตนหนึ่ง” ผู้ใช้คลื่นวารีหัวเราะขึ้นมา

กู้ป้านเซิงก็ตกตะลึง “ที่แท้วิหารเทพหมาป่าก็เป็นที่อยู่ของพวกปีศาจร้าย เหมือนกับจวนปีศาจสวรรค์ไม่ผิด แต่กลับมาปกครองชนเผ่าหมานคนเลี้ยงสัตว์แห่งทุ่งหญ้า…ข่าวนี้หากแพร่งพรายออกไป น่ากลัวว่าจะสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน แล้วความศรัทธาของชนเผ่าในที่ราบทุ่งหญ้าก็จะพังทลายลงทันทีกระมัง”

นี่เป็นความลับยิ่งใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดบนโลกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

หากไม่ใช่เพราะเจียงชิวไป๋ใช้ร่างตน เผาไหม้พลังชีวิต เริ่มควบคุมพลังของตนเองไม่ได้ และค่อยๆ รักษารูปร่างมนุษย์เอาไว้ได้ยากแล้วละก็ ความลับนี้ก็ไม่มีทางที่จะเปิดเผยออกมา

“ทุกสรรพสิ่งล้วนมีวิญญาณ คนและปีศาจ ต่างกันตรงไหน? แม้ข้าเป็นปีศาจ แต่ก็คอยปกปักรักษาที่นี่ ส่วนคนอย่างพวกเจ้า กลับสร้างหายนะให้แก่ชาวประชา พวกเจ้ายังมีหน้ามาหัวเราะข้าเช่นนั้นหรือ? ”

บนใบหน้าของเจียงชิวไป๋ เริ่มปรากฏขนสัตว์สีทองงอกออกมา

ร่างกายของเขาโค้งค่อมลง พื้นที่บนร่างบางส่วนงอกขนสัตว์

เพราะเสียพลังฝึกไป จึงยากจะรักษาร่างมนุษย์เอาไว้ ค่อยๆ เผยร่างที่แท้จริงของตนเองออกมา

อายุขัย แทบจะเผาไหม้จนถึงจุดสุดท้ายแล้ว

ทว่า เขากลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังคงดึงเลือดสดและไขกระดูกจากร่างของตนออกมาไม่หยุด ใช้ร่างเป็นเทียน ใช้จิตดั่งไฟ เร่งพลังกรงขังกำแพงแสงทองจนสูงสุด งูน้อยสีเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนแหวกว่ายและวิวัฒนาการอยู่ในกำแพงแสง เหนี่ยวนำแสงทองจากวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาแปลงเป็นพลังหล่อหลอมกดดัน ค่อยๆ บดขยี้สองจากเก้ายอดคนใต้หล้าด้านในกำแพง

ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงหมดปัญญาจะต่อต้าน ถูกพลังกดดันไร้รูปร่างกดเอาไว้ที่เดิม ไม่อาจขยับเขยื้อนได้

“ศิษย์พี่…” ในดวงตาชราของเจียงชิวไป๋ มีหยาดน้ำตาไหลริน

นี่เป็นเลือดส่วนสุดท้ายในร่างกายของเขาแล้ว

สายตาของเขามองลอดกรงขังสีทอง ลอดผ่านชั้นเมฆขาว ทะลุผ่านบันไดหยกขาว ประตูใหญ่ของทางเดิน…กระทั่งมองผ่านโลกใบนี้ออกไปยังความว่างเปล่าไกลๆ รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ดูราวกับต้องการจะเห็นใบหน้านั้นที่อยากเห็นมากที่สุด

“ตอนนั้นที่อยู่ในฟ้านิจนิรันดร์ วันเวลาที่ประคับประคองกันและกัน ท่านอาจจะลืมไปนานแล้ว…”

“ท่านกลายเป็นจ้าววิหารเทพหมาป่า ข้ายอมหลบซ่อนอยู่ในเงามืดด้านหลังความรุ่งโรจน์ของท่าน”

“ท่านบุกฝ่าทั่วที่ราบทุ่งหญ้า สั่นสะเทือนฟ้าดิน ข้าก็ยอมเป็นเงาของท่าน…”

“ท่านไปจากที่ราบทุ่งหญ้าเพื่อหญิงคนนั้น ข้ารู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ข้าจึงอยู่ ปกป้องวิหารเทพหมาป่าเพื่อท่าน ปกป้องบ้านที่เคยเป็นของพวกเราแห่งนี้ แต่ตอนนี้…”

“ศิษย์พี่ ตอนนี้ข้า ทำได้ถึงเพียงเท่านี้แล้ว”

น้ำตาเลือดหยดลงมาจากใบหน้าเจียงชิวไป๋ ย้อมเมฆขาวผืนใหญ่จนเป็นสีแดง

เสียงยังไม่ทันขาดห้วง

ร่างของเจียงชิวไป๋เปลี่ยนเป็นร่างสัตว์อย่างสมบูรณ์

สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหมาป่ายักษ์สีเหลืองทองจางๆ ตัวหนึ่ง เพียงแต่แทบจะไม่มีขาหน้า

ไม่ใช่หมาป่า

“นี่มันเป้ย[1]!” ผู้ใช้คลื่นวารีตะโกนขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ

กู้ป้านเซิงก็ตกตะลึง พลันคิดอะไรบางอย่างได้

เจียงชิวไป๋มีร่างเป็นปีศาจ ร่างของเขาเป็นเป้ย สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่แต่ในตำนานเล่าขาน

เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาไม่ใช่จ้าววิหารเทพหมาป่าที่แท้จริง

เพราะจ้าวแห่งวิหารเทพหมาป่า ควรจะเป็น…หมาป่าตัวหนึ่ง?

………………………………….

[1] เป้ย สัตว์ในตำนานของจีน มีรูปร่างคล้ายหมาป่า แต่ขาหน้าสั้นมาก ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง จึงเกาะอยู่บนหลังของหมาป่าเพื่อดำรงชีวิต แม้ดุร้ายไม่เท่าหมาป่า แต่มีสติปัญญาสูง มักจะคอยช่วยหมาป่าออกอุบายต่างๆ จึงมีสำนวนจีนที่ว่า หมาป่าและเป้ยร่วมคิดอุบายชั่ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+