จอมศาสตราพลิกดารา 65 รูปลักษณ์ใหม่

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 65 รูปลักษณ์ใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘รู้สึกว่าตัวเองดูโทรมไปเล็กน้อยแฮะ’

หลี่มู่ยืนอยู่หน้ากระจก

ในห้องทรมานมีกระจกทองแดงบานใหญ่ที่ประณีตวิจิตรบานหนึ่ง แทบจะกินพื้นที่กว่าครึ่งของกำแพงฝั่งตะวันตกของห้องมืด

นี่เป็นการจัดวางของหัวหน้าพัศดีเจินเหมิ่ง

ว่ากันว่าในยามที่เจินเหมิ่งทรมานนักโทษ จะให้พวกนั้นมองเห็นภาพและขั้นตอนที่ตนเองได้รับทัณฑ์ทรมานอย่างชัดเจนผ่านกระจกบานนี้

เขาคิดว่าวิธีนี้สามารถทำลายเกราะป้องกันทางจิตใจของนักโทษ ทำให้พวกเขาสูญสิ้นขวัญกำลังใจได้

ก่อนหน้านี้หลี่มู่ไม่ได้สนใจกระจกบานนี้สักเท่าไหร่

ตอนนี้ หลังจากที่ ‘เรียนวิชา’ จากยอดฝีมือขั้นรวมจิตทั้งหมดแล้ว แม้แต่ ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนและ ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงก็ต่างเขียนหนังสือไถ่ตัวอยู่ข้างหน้าโต๊ะอย่างว่าง่าย เหมือนกับนักเรียนชั้นประถม ศึกษากำลังทำการบ้านที่คุณครูมอบหมายให้เสร็จสิ้น แผนการเขาสำเร็จสมบูรณ์ ใจของหลี่มู่จึงค่อยผ่อนคลายลง

ครั้นกินแตงโมเสี้ยวสุดท้ายและเมล็ดแตงเมล็ดสุดท้ายบนโต๊ะเสร็จแล้ว เขาก็สังเกตเห็นกระจกทองแดงบานนี้

หลี่มู่ยืนอยู่หน้ากระจก พบว่าผมของตัวเองยาวไปหน่อย อีกทั้งหนวดค่อนข้างรกครึ้ม

อยู่ในคุกมืดหม่นแห่งนี้นานไปหน่อย

ผลลัพธ์เหมือนกับนอนดึกดูบอลเล่นเกมตอนอยู่บนโลกไม่มีผิด ซ้ำยังใช้พลังใจมากยิ่งกว่า

เขาบิดขี้เกียจ

บนดาววิถียุทธ์ต่างโลกใบนี้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างไว้ผมยาว แต่ละคนมีทรงผมแตกต่างกันไป เหมือนกับจีนสมัยโบราณยิ่งนัก เปลืองแรงสระเป็นพิเศษ ทั้งยังเสียเวลาด้วย

หลี่มู่มาถึงดาวดวงนี้ได้หลายเดือนแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะฝึกฝน ‘พลังก่อนกำเนิด’ พลังชีวิตพอกพูนร่างกายแข็งแรงขึ้น ผมจึงยาวเร็วมาก ตอนนี้เลยบ่ามาแล้ว

“ผมยาวเกินไป ไม่สบายเลย ดูแลลำบากมาก”

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ที่จริงในชีวิตประจำวันของเขามีความเคยชินเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมายที่ยังคงรักษาธรรมเนียมแบบตอนที่อยู่บนโลกเอาไว้

‘ตัดผมเองดีไหม?’

ความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในใจเขา ดวงตาพลันวาววาบ

‘ใช่แล้ว ข้าก็เป็นแค่มนุษย์จากต่างดาวเท่านั้น อย่างมากก็แค่อยู่ดาวดวงนี้สิบยี่สิบปี ไม่จำเป็นต้องทำตัวกลมกลืน พี่ชายคนนี้จะช้าเร็วอย่างไรก็ต้องกลับโลกไปเป็นฮีโร่’

คิดในหัวมิสู้ลงมือทำ

ชิ้ง!

หลี่มู่มองไปรอบๆ สุดท้ายหยิบกระบี่ชื่อดัง ‘ตะวันกล้า’ ที่ชิงมาจาก ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนบนชั้นวางอาวุธมา แล้วชักมันออกจากฝัก

“เจ้า…เจ้าจะทำอะไร?”

ตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงที่เพิ่งถูกบังคับให้เขียนจดหมายไถ่ตัวหน้าเปลี่ยนสีทันที

หรือหลี่มู่จะฆ่าพวกเขาปิดปาก?

ทรัพย์สมบัติยังไม่ทันกรรโชกถึงมือก็จะฆ่าทิ้งเสียแล้ว?

นี่มันจะชั่วช้าเกินไปหน่อยกระมัง?

หลี่มู่ขี้เกียจจะสนใจ ‘ตัวประกัน’ ที่กลัวจนตัวสั่นงันงกสองคนนี้

เขาหยิบกระบี่เดินมายังหน้ากระจกทองแดง ก่อนจะตัดผมให้ตัวเอง

หลี่มู่ในตอนนี้ควบคุมร่างกายได้ถึงขั้นชำนาญแล้ว เรื่องตัดผมให้ตัวเอง แค่พูดก็ลงมือได้เลย ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

‘กระบี่ตะวันกล้า’ คมกริบเกินบรรยาย เพียงแค่สัมผัสเส้นผมก็ขาด

จากการกระทำของเขา เส้นผมยาวดำขลับแต่ละปอยร่วงลงบนพื้น

ใจของตงฟางเจี้ยนจวนเจียนจะขาด สีหน้ามีแต่ความอัปยศ

นั่นเป็นกระบี่ดังที่เขาใช้หยาดเหงื่อแรงกายไปไม่รู้เท่าไหร่ถึงจะได้มาเชียวนะ ไม่รู้ว่าใช้สังหารจอมยุทธ์ยอดฝีมือไปกี่คน ตอนนี้เจ้าราชาปีศาจหลี่มู่กลับเอามาใช้ตัดผมเสียได้

ส่วนเถี่ยเจิ้นตงใบหน้ายิ่งงุนงง

ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์จะทำอะไรกัน?

ทำไมต้องตัดผมตัวเองด้วย?

จะออกบวชอย่างนั้นรึ?

หลังจากนั้นสักพัก

หลี่มู่เป่าเศษผมที่อยู่บน ‘กระบี่ตะวันกล้า’ มองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกอย่างพอใจ

ผมทรงตัดสั้น

ทรงผมที่เขาชอบที่สุดตอนอยู่บนโลก

ผมสั้นๆ เรียบๆ สบายหัว ดูแลง่ายเป็นที่สุด

“ฮ่าๆ ไม่เลว แบบนี้แหละ คุณแม่ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะนอนทับผมเป็ดอีกต่อไป[1]”

เขาพอใจกับผมทรงใหม่มากๆ

หลังจากฝึก ‘หมัดยุทธ์แท้’ และ ‘พลังก่อนกำเนิด’ จิตวิญญาณของเขาอีกทั้งร่างกายต่างยกระดับขึ้นอย่างมหาศาล แข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่บนโลกไม่รู้กี่เท่า

เขาเดินไปหน้ากระจกทองแดง เด็กหนุ่มที่ปรากฏอยู่ในกระจกหล่อเหลาเอาการ สง่าผ่าเผย เครื่องหน้าคมคาย ถึงแม้จะไม่ใช่ประเภทที่ละมุนละไมและโดดเด่นจนเข้าขั้นงามล้ำ แต่ก็เต็มไปด้วยความงดงามเข้มแข็งอย่างชายชาตรี และไม่ขาดความปราดเปรียว

‘ฮ่าๆ ระดับความหล่อก็เพิ่มขึ้นด้วย…’

หลี่มู่โพสต์หลายๆ ท่าอย่างพอใจมาก

แกรก!

กระบี่กลับลงฝัก

“เอ๋ เขียนหนังสือไถ่ตัวเสร็จแล้วรึ?”

เขาหันกลับมามองตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงที่กำลังงง หยิบหนังสือไถ่ตัวของทั้งสองคนมาจากบนโต๊ะทั้งยิ้มกว้าง แล้วจึงอ่านอย่างละเอียด ท่าทีพอใจยิ่ง

“ดีมาก ต่อไป ในช่วงที่สำนักและตระกูลของพวกเจ้ายังไม่แสดงความจริงใจ พวกเจ้าก็ต้องอยู่ในคุกนี่ อำเภอขาวพิสุทธิ์เป็นเมืองอำเภอเล็ก ข้นแค้นกันดาร ผลผลิตไม่เพียงพอ ดังนั้นพวกอาหารอะไรก็อาจจะไม่ค่อยดี ไม่ค่อยพอ จอมยุทธ์ทั้งสองอภัยให้หน่อยก็แล้วกัน”

หน้าตายิ้มหยีของเขาเหมือนกับพังพอนที่เพิ่งกินไก่จนอิ่มกลับมาไม่มีผิด

พูดตามจริง ไม่ว่าจะตงฟางเจี้ยนหรือเถี่ยเจิ้นตง ก็ไม่อาจเชื่อมโยงเจ้าหนุ่มที่หน้าเลือดโลภมากเบื้องหน้ากับขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานก่อนหน้านี้เข้าด้วยกันได้เลย

ขุนนางเมืองคนนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก

“อ้อ ใช่แล้ว พูดเตือนไว้ก่อนเลยนะ หนีรอบหนึ่งหักขาทิ้งข้างหนึ่ง…ดังนั้น ข้าขอเตือนพวกเจ้าทั้งสองว่าทางที่ดีอย่าได้คิดหนี แล้วก็อย่าได้ยุยงให้คนอื่นหนี หากหนีไปคนหนึ่งข้าจะรู้สึกปวดใจนัก ในเมื่อสำหรับข้าแล้วพวกเจ้าทุกคนมีค่ามหาศาลทีเดียว”

สิ่งที่เขาพูดคือความจริงในใจ

ยอดฝีมือที่ถูกกักตัวเอาไว้พวกนี้ ในสายตาของเขาก็คือกองเงินกองทอง

นี่เป็น ‘เงินก้อนแรก’ ในความหมายที่แท้จริงหลังจากที่เขามาถึงดาววิถียุทธ์แห่งนี้

เมื่อเผชิญกับคำข่มขู่ของหลี่มู่ ตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงโมโหแต่ไร้คำพูด

เขาเคยโดนแบบนี้เสียที่ไหนกัน

หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ตีพวกเขาให้ตายก็ไม่มีทางมาประสมโรงที่อำเภอขาวพิสุทธิ์เด็ดขาด

ระหว่างพูด ประตูเหล็กก็เปิดออก

นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงและหัวหน้าพัศดีเจินเหมิ่งเดินเข้ามา

“ทุกอย่างเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว?” หลี่มู่มองไปยังทั้งสอง

การเตรียมการสำหรับจอมยุทธ์ที่เขากักตัวไว้แน่นอนว่าจะประมาทไม่ได้ มิฉะนั้นจะหลบหนีไป ก่อนหน้านี้จึงมอบให้ทั้งสองไปเตรียมการ

“ทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อยแล้วขอรับ” เฝิงหยวนซิงกล่าว

“รับประกันได้ว่าพวกเขาไม่ว่าใครก็หนีไม่รอด” เจินเหมิ่งพูดอย่างมั่นใจยิ่ง

หลี่มู่พยักหน้าอย่างพอใจ

เฝิงหยวนซิงผ่านเวลานานจึงจะนับว่าได้รับความเชื่อใจจากเขา

ส่วนเจินเหมิ่งผู้นี้เหมือนลึกๆ แล้วจะมีบุคลิกสุขุมทำให้คนเชื่อมั่น คำพูดเดียวกัน เมื่อออกมาจากปากเขาจะยิ่งน่าเชื่อถือมากกว่าคนอื่นอย่างชัดเจน

“เอาละ พาจอมยุทธ์ทั้งสองท่านไปได้แล้ว ดูเอาไว้ให้ดี จำไว้ว่าอย่าให้กินอิ่มนัก ไม่มีแรงถึงจะหนีไม่ได้…ฮ่าๆ”

หลี่มู่แอบร้าย

เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะติดใจการเป็นราชาปีศาจเข้าไปทุกทีแล้ว

“ใช่แล้ว ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง ใต้เท้า เสื้อผ้าที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้ ข้าน้อยได้สั่งให้คนตัดมาแล้ว” เฝิงหยวนซิงฉีกยิ้มประจบ

เขาโบกมือให้มือปราบข้างหลังสองคนยกหีบใบเล็กเข้ามา

เมื่อเปิดหีบออก ข้างในมีเสื้อผ้าฝ้ายรูปลักษณ์ประหลาดสิบกว่าตัวซึ่งมีสีขาวเป็นหลักวางอยู่

เสื้อผ้าแบบบนโลก

กางเกงขายาว ชุดคลุมตัวยาว รองเท้าหุ้มข้อสูงแบบโบราณ…

ทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบแบบจีนร่วมสมัย

หลี่มู่ตะลึง

เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว

เฝิงหยวนซิงผู้นี้เป็นสุดยอดตัวขี้ประจบเสียจริงๆ

ก่อนหน้านี้ช่วงเวลาอาหารกลางวัน ยามเขาพูดคุยสัพเพเหระกับเด็กรับใช้บัณฑิตทั้งสองก็พูดถึงเรื่องปัจจัยสี่ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงอดพูดถึงความคิดเรื่องเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของโลกไม่ได้ และด้วยความคิดถึงโลก เขาอดไม่ได้ที่จะพูดให้มากสักหน่อย

ตอนนั้นเฝิงหยวนซิงก็อยู่ที่นั่นด้วย

คิดไม่ถึงว่าเฝิงหยวนซิงผู้นี้จะเป็นคนช่างเอาใจใส่

เขาไม่เพียงแต่แอบจำเรื่องเล็กน้อยที่หลี่มู่แค่พูดออกไปตามปาก แต่ยังให้คนตัดเย็บออกมาจริงๆ

หลี่มู่หยิบชุดคลุมตัวหนึ่งออกมาดู

ชุดคลุมสีขาวลักษณะเรียบง่ายเป็นที่สุด แต่การตัดเย็บเป็นรูปแบบที่นิยมแบบโลก ดูจากภายนอกเรียบง่าย แต่ฝีมือประณีตยิ่งนัก คล้ายคลึงกับชุดคลุมตัวยาวที่มีองค์ประกอบแบบจีนร่วมสมัยบนโลกมาก

เห็นได้ว่าเฝิงหยวนซิงทุ่มเทความคิดจริงๆ

เทียบกับชุดนักพรตที่หลี่มู่สวมอยู่ในตอนนี้ ชุดคลุมแบบโบราณถอดและสวมใส่ได้ง่ายยิ่งกว่า ไม่มีสายผูกเยอะแยะรุงรังขนาดนั้น และไม่ต้องสวมทับชั้นในชั้นนอกทีละชั้นๆ ช่างเหมาะเหลือเกินสำหรับ ‘คนขี้เกียจ’ แบบหลี่มู่

อีกทั้งขนาดความยาวก็ตัดเย็บตามรูปร่างของหลี่มู่หมด

“ขอบใจมาก”

หลี่มู่เปลี่ยนชุดคลุมยาว กางเกงขายาว และรองเท้าหน้ากระจกทองแดงเลยทันที

ทั้งตัวเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมด

ครั้นรวมกับผมสั้นของหลี่มู่ เสื้อผ้าหน้าผมแบบนี้ในสายตาคนอื่นพูดได้ว่าแปลกประหลาด แต่เขาพอใจมากๆ การแต่งเนื้อแต่งตัวเช่นนี้ทำให้เขาตกอยู่ในอาการเหม่อลอย มีความรู้สึกเหมือนกลับไปยังโลก ถึงแม้จะไม่ใช่ชุดสูทกางเกงแสล็ค ทว่าก็สามารถวาดภาพความทรงจำอันสวยงามที่เกี่ยวกับโลกได้มากมาย

ในกระจกทองแดง เด็กหนุ่มคนนั้นที่สวมชุดจีนโบราณร่วมสมัยแผ่กระจายกลิ่นอายร้ายกาจแปลกพิกล บุคลิกเรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ประหลาดบางอย่าง

“ยอดเยี่ยม เจ้าทำได้ดีมาก”

หลี่มู่ตบบ่าเฝิงหยวนซิงอย่างพออกพอใจ

มีตัวขี้ประจบเช่นนี้อยู่ข้างกาย ช่างเป็นความสุขอย่างหนึ่งจริงๆ

ใต้เท้าขุนนางเมืองรู้สึกว่าตัวเองใกล้หลงระเริงเต็มทีแล้ว

เฝิงหยวนซิงตกใจเมื่อได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝัน

ถึงแม้จะพูดว่าเขาปลูกพืชหวังผล แต่คิดไม่ถึงว่าผลจะดีขนาดนี้

ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉวยจังหวะเอาผลประโยชน์ของตนกลับได้รับคำชมเชยอลังการถึงเพียงนี้ ยิ่งทำให้เขาตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่าต้องใช้ความคิดในรายละเอียดทุกๆ ด้านให้มาก เพื่อให้ได้รับคำชมเชยจากหลี่มู่มากกว่านี้

ส่วนเจินเหมิ่งด้านข้างเห็นภาพนี้เข้าใจก็หวั่นไหว

แต่ว่าเขายังรักษาท่าทีของตนเอาไว้ ไม่พูดแม้แต่คำเดียว

เขาไม่อยากได้รับความสำคัญจากใต้เท้าขุนนางเมืองบ้างหรอกหรือ?

แน่นอนว่าไม่ใช่

ก่อนหน้านี้ เหตุที่เขาไม่ไปให้หลี่มู่เห็นหน้า ไม่ใช่เพราะไม่อยากเลื่อนยศมากมีเงินทอง แต่เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถ เจรจาไม่เก่ง ไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีเส้นสาย นอกจากดูแลสอบสวนนักโทษก็ไม่มีอะไรสักอย่าง โผล่หน้าไปให้เห็นก็ไร้ประโยชน์

แต่ว่าเสร็จจากเรื่องวันนี้ เจินเหมิ่งสัมผัสได้อย่างว่องไวว่าใต้เท้ามีความรู้สึกในแง่บวกกับตนเหมือนจะสูงมากทีเดียว

เขาตระหนักได้ว่าโอกาสของตนมาถึงแล้ว

แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่เหมือนกับเฝิงหยวนซิงที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์เก่ง

วิธีนี้ของเฝิงหยวนซิง ตนอยากจะเลียนแบบก็เลียนแบบไม่ได้

คิดอยากจะได้รับความสำคัญและความเชื่อใจจากใต้เท้า ก็ทำได้แค่อาศัยฝีมือกับความสามารถที่แท้จริงของตนเท่านั้น

ตอนนี้มียอดฝีมือมากมายถูกคุมขังอยู่ในคุก นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่

ขอแค่รับประกันว่าคนพวกนี้ไม่หลบหนีไป ทำความต้องการของใต้เท้าให้สำเร็จราบรื่น ก็นับว่ากุมโอกาสนี้เอาไว้ได้แล้ว

ไม่หวังสร้างคุณูปการ แต่หวังว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด

สุดท้าย ตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงสองคนก็ถูกพาตัวไปพร้อมด้วยจิตใจที่ยากจะเข้าใจและความอัปยศ

หลี่มู่ยืนอยู่หน้ากระจกทองแดง สัมผัสชุดใหม่อย่างละเอียด และเสนอข้อคิดเห็นมากมายต่อหน้าเฝิงหยวนซิง

“เจ้าหาคนมาออกแบบเสื้อแล้วเอามาให้ข้าดู แบบผ่านแล้วก็ใช้หนังงูเขียวตัวนั้นมาตัดชุดใหม่ จะใช้ทนขึ้นอีกนิด แน่นอนว่าผ้าธรรมดาก็เอา ยิ่งมากยิ่งดี”

อย่างไรเสียตอนนี้เราก็เป็นขุนนางเมือง เตรียมเสื้อผ้าเอาไว้มากชุดหน่อยคงไม่เกินไปมั้ง?

ถึงแม้เสื้อผ้าพวกนี้ สำหรับคนบนดาวดวงนี้อาจไม่ต่างอะไรกับคนบนโลกมองพวกสมาร์ท[2]ก็ตามที

แต่ว่าก็ช่างปะไร

เรามีความสุขก็พอแล้ว

นับจากนี้เป็นต้นไป นี่ก็คือรูปลักษณ์ใหม่ของเราในโลกใบนี้

ใจของหลี่มู่เปี่ยมสุขนัก

เฝิงหยวนซิงจดจำทุกอย่างไว้ขึ้นใจ

ในตอนนี้เอง ข้างนอกพลันมีเสียงฝีเท้าร้อนรนดังเข้ามา

ปึง!

ประตูเหล็กถูกเปิดออก

เห็นหม่าจวินอู่ที่ร่างอาบย้อมไปด้วยเลือดพุ่งเข้ามา

“ใต้เท้า ไม่ได้การแล้วขอรับ…มีจอมยุทธ์ยอดฝีมือบุกเข้ามาในที่ว่าการอำเภอ ทำร้ายพี่น้องของพวกเราไปไม่น้อย หมิงเยวี่ยถูกจับตัวไปแล้ว…”

“อะไรนะ?”

หลี่มู่ได้ยิน หน้าก็เปลี่ยนสีทันควัน

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?

นี่มันลอบกัดกันชัดๆ

หรือการกระทำของข้าในงานประลองใหญ่วันนี้ยังข่มขวัญพวกจอมยุทธ์หน้าโง่ไม่พอ?

“ใครเป็นคนทำ?” หลี่มู่พูดพลางก้าวออกไปจากคุก

กลับไปที่ว่าการก่อนสำคัญกว่า

หม่าจวินอู่เช็ดเลือดบนหน้า ก้าวเท้าตามมาอย่างรวดเร็ว “เป็นนักพรตตาบอดมากับอีกาตัวหนึ่ง ใช้วิชามาร เหล่าพี่น้องเราสู้ตัวตายแต่ก็สกัดไว้ไม่ได้ มันบุกเข้าไปในที่ว่าการแล้วจับหมิงเยวี่ยไป พูดไม่ขาดปากว่านางเป็นปีศาจ จะรีดเลือดถลกหนังเลาะเส้นเอ็นออกมา… ”

……………………………………………………

[1]ประโยคนี้เป็นการพูดล้อเลียนโฆษณาหนึ่ง

[2] smart คือสไตล์ร็อกแบบญี่ปุ่น เป็นที่นิยมในประเทศจีนช่วงปี 2008

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด