จอมศาสตราพลิกดารา 12 ความเดือดดาลของหลี่มู่

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 12 ความเดือดดาลของหลี่มู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พวกเขาต่างเหงื่อตก เมื่อตระหนักได้ว่ากลุ่มอิทธิพลของตนเมินเฉยขุนนางเมืองหนุ่มผู้นี้เป็นการรนหาที่ตายที่บ้าบิ่นเพียงใด ก็ทำเอาตกใจกันแทบวิญญาณหลุดลอย ในความคิดพวกเขา คนแบบนี้จะเหมือนลูกพลับที่บีบได้อย่างง่ายดายที่ไหนกัน นี่มันคนโหดเหี้ยมที่พรางตัวเป็นหมูเพื่อกินเสือเสียมากกว่า

ในครั้งนี้พรรคเสินหนงเตะแผ่นเหล็กเข้าอย่างจัง[1]

จะจบลงอย่างไรก็อยู่ที่ท่านซือคงจิ้งแล้วกระมัง

ตู้ม!

หลี่มู่กระแทกเท้าไปที่เสาหินอีกต้น

เสาหินขนาดสองคนโอบทลายลงราวกับเป็นเพียงแค่แป้งสาลี

เศษหินปลิวว่อนราวกับฝนตก ทับแมลงพิษที่คลานอยู่บนพื้นจนเละเป็นเนื้อสีสันต่างๆ คนพรรคเสินหนงที่ควบคุมแมลงก็ต่างกรีดร้องแล้วล่าถอยไป

หลี่มู่ทะยานขึ้นไปอีกครั้งดุจสัตว์ดึกดำบรรพ์ในร่างคน มุ่งหน้าไปทางส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนง

“ช่วยคนก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

 เขามองหาเจ้าทุกข์จางหลี่และฉินเอ๋อร์

ตู้ม

เสียงระเบิดดังลั่นมาจากกลางป่าหิน เสาหินหลายต้นพังทลายลงจนเกิดฝุ่นควันปกคลุมทั่วฟ้า มีเสียงร้องเจ็บปวด โหยหวน และตื่นตระหนกดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

เสมือนมีเสือบุกเข้าไปอยู่ในเล้าไก่ก็ไม่ปาน

หลังจากนั้นไม่นาน….

“พวกเจ้า…ทำเรื่องเช่นนี้อย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน สมควรตาย พวกเจ้าจงตายซะให้หมด!”

เสียงตะโกนจากหลี่มู่ที่โมโหจนเกือบถึงขีดสุดราวกับสายฟ้าฟาด ดังสนั่นมาจากส่วนลึกของป่าหิน

จากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัวและเสียงร้องขอความเมตตาของศิษย์พรรคเสินหนงดังตามมา

ไม่นาน กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกก็ลอยออกมาจากส่วนลึกของป่าหิน

มีคนจำนวนไม่น้อยถูกปลิดชีพ

หลี่มู่ดื่มด่ำกับการเข่นฆ่า

หม่าจวินอู่ที่ยืนอยู่ภายนอกมองเหตุการณ์นั้นจากระยะไกล เขาก็คาดเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนที่พรรคเสินหนงก่อตั้งขึ้นแรกๆ เป็นการรวมตัวกันของนักสมุนไพรและชาวไร่ที่ปลูกสมุนไพร ซึ่งทำไปเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น นับว่าเป็นกลุ่มธรรมดาเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อมีอาชญากรมากมายเข้าร่วมก็เริ่มขยายใหญ่ ครั้นประมุขพรรคคนปัจจุบันเข้ามาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เข้าสู่ด้านมืดอย่างรวดเร็ว

หลายปีที่ผ่านมา พรรคเสินหนงเปรียบเหมือนโรคร้ายในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ก็ว่าได้ พวกเขาทำเรื่องชั่วร้ายแทบทุกอย่าง หลายปีนี้มีหญิงสาวจำนวนหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลักฐานล้วนชี้มาทางพรรคนี้ ว่ากันว่าพวกนางถูกลักพาตัวมายังฐานที่มั่นพรรคเสินหนงให้เหล่าศิษย์พรรคเสินหนงกระทำการหยามเกียรติ ซ้ำประมุขพรรคเสินหนงใช้คนทดลองยาเพื่อฝึกวิชาพิษ และเลี้ยงแมลงพิษด้วยตับและหัวใจคนเป็น พูดได้ว่าเหี้ยมโหดมาก

นอกจากศิษย์พรรคเสินหนงและแขกผู้มาเยือน ผู้อื่นหากโดนจับไปก็มีเพียงหนทางแห่งความตาย

ครั้งนี้ จางหลี่และลูกสาวถูกจับมายังฐานที่มั่น จะต้องตายอย่างแน่นอน

หม่าจวินอู่ดูออกว่าท่านขุนนางเมืองไม่ใช่พวกโหดเหี้ยม ก่อนนี้บุกเข้าพรรคเสินหนงก็เพียงเพราะจะช่วยคน นอกจากตัดหัวจตุรเทพที่ฆ่าองครักษ์จางหรู ก็ไม่ได้สังหารหมู่ศิษย์ธรรมดาในพรรค แต่ในเวลานี้คาดว่าคงเห็นสภาพราวนรกในส่วนลึกของป่าหิน ทั้งยังเห็นศพเจ้าทุกข์ จึงคลุ้มคลั่งลงมือฆ่าฟันเช่นนี้

เสียงร้องน่าเวทนาดังออกมาจากส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนง

ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ภายนอกต่างขนลุกขนพองไปตามๆ กัน

ขุนนางเมืองหนุ่มคลุ้มคลั่งไปแล้ว

……

“อะไรนะ?”

ผู้ช่วยขุนนางเมืองโจวอู่ลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึง ถ้วยชาลายครามสีแดงในมือร่วงลงสู่พื้นจนแตกเป็นชิ้นๆ

“ใต้เท้า หลี่มู่เป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือเข้าขั้นน่าหวาดกลัว เพียงดาบเดียวก็จัดการพรรคเสินหนงจนราบคาบ จตุรเทพร่วมมือกันก็ไม่รอดเงื้อมมือหลี่มู่ที่ออกแรงเพียงสี่ท่า หนึ่งดาบหนึ่งคน ทั้งหมดโดนสะบั้นคอขาดไปแล้ว…” ผู้ที่วิ่งกลับมารายงานคือข้ารับใช้สกุลโจว อยู่ในสภาพหอบตัวโยน ใบหน้ายังคงขาวซีดด้วยความกลัว ขณะที่พูดก็ยังรู้สึกขนลุกซู่

“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้า…ดูผิดไปหรือเปล่า” น้ำเสียงโจวอู่พลันแหบแห้งลงเล็กน้อย ในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น

“ไม่ผิดแน่ขอรับ” ข้ารับใช้กระหืดกระหอบ คล้ายยังไม่หลุดพ้นจากความน่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้

โจวอู่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ สีหน้าย่ำแย่ประหนึ่งกินหนูตาย พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ

อีกด้าน นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงโบกมือให้สัญญาณว่าไปสืบมาเพิ่ม

เมื่อข้ารับใช้ออกไป เฝิงหยวนซิงยืนขึ้น ยกมือคำนับแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้า พวกเราคาดการณ์ผิดพลาด เจ้าหลี่มู่ผู้นี้มุ่งร้าย หวังจะแสร้งทำเป็นหมูเพื่อกินเสือ ก่อนหน้านี้พวกเราถูกมันหลอกเข้าแล้ว พวกเราต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเป็นการด่วน เชื่อว่าเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วทั้งอำเภอเมืองอย่างรวดเร็ว จากนั้นทุกฝ่ายก็จะเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลี่มู่”

โจวอู่พยักหน้า แต่ยังคงพูดอะไรไม่ออก

หากหลี่มู่เป็นเพียงเหวินจิ้นซื่อ ไม่มีอะไรน่ากังวล แค่ถอยหลังหนึ่งก้าว หากหลี่มู่เป็นเพียงยอดฝีมือก็คงไม่ถึงตาย แต่ปัญหาในตอนนี้คือหลี่มู่ไม่เพียงเป็นยอดฝีมือที่น่าหวั่นเกรง แต่ยังดำรงตำแหน่งขุนนางเมือง สองสิ่งนี้รวมเข้าด้วยกันแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก

ในจักรวรรดิฉิน แม้ว่าขุนนางเมืองจะเป็นขุนนางฝ่ายบริหารที่มีอิสระในตำแหน่งต่ำสุด แต่ก็มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด ด้านการทหารและการปกครองอยู่ภายใต้การควบคุมของขุนนางเมือง ถึงแม้บ้านสกุลโจวเป็นใหญ่ในอำเภอขาวพิสุทธิ์ ทว่าเมื่อเปรียบเทียบในมุมมองที่อำนาจและพลังรวมกัน ก็เสียเปรียบมากแล้ว

………..

ในเวลาเดียวกัน

นายตรวจการเจิ้งหลงซิงนั่งหน้าเคร่งเลื่อนลอยอยู่ในห้องลับ

อารมณ์บนใบหน้ายังไม่จางหายไปหมด

ผู้ที่คิดไปเองว่าควบคุมทุกอย่างเอาไว้แล้วอย่างเจิ้งหลงซิงได้รับแรงกระทบเป็นอย่างมาก เขาพลันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวตลก แอบอยู่ในมุมมืดและวางแผนทุกอย่างเอาไว้ แต่แท้จริงแล้วก็ถูกปั่นหัวในกำมือขุนนางเมืองหนุ่มคนนั้น

เจิ้งหลงซิงเข้าใจในทันที ในช่วงที่ผ่านมาขุนนางเมืองเก็บตัวอยู่ด้านหลังที่ว่าการไม่ใช่เพราะกลัวโดนสังหารหรือไม่กล้าพบผู้คน แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจว่าผู้คนจะคิดอย่างไร พวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาเลยต่างหาก

เขานึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก

การลอบสังหารครั้งแรกของพรรคจันทราโลหิตล้มเหลว เขารับรู้ข่าวสารแต่กลับมองข้าม และตัดสินพลังของหลี่มู่ผิดไป

ก้าวผิดหนึ่งก้าว ก้าวที่สองก็ผิดตาม

ตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?

เสือขี้เกียจและไร้พิษสงถูกกระตุกหนวดจนกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดกินคน ไร้หนทางจะควบคุมได้แล้ว

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเขาเอง

“ไม่ได้ ข้าต้องรีบแล้ว” เจิ้งหลงซิงที่นั่งนิ่งอยู่นานดึงสติกลับ กระตือรือร้นขึ้นมา ผลุงตัวขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ทหาร ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เตรียมม้าและไพร่พลไปสนับสนุนท่านขุนนางเมือง”

……

หลี่มู่กำลังโกรธเกรี้ยว

โกรธมากๆ

เขารู้สึกคล้ายว่าในอกเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ใกล้จะระเบิดออกมา

ภาพดุจนรกบนดินที่เห็นในฐานที่มั่นพรรคเสินหนงแล่นผ่านในความคิดเขาไม่หยุด

นางจางหลี่และฉินเอ๋อร์แม่ลูกตายในสภาพเปลือยเปล่า…

แม่ลูกที่กำลังรอความเป็นธรรมถูกคนของพรรคเสินหนงทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุด

นอกจากแม่ลูกคู่นี้ หลี่มู่เห็นศพไร้นามอีกมากมาย เหมือนฆ่าวัวฆ่าแกะแล้วโยนไว้ในพื้นที่ว่างของป่าหิน ศิษย์พรรคเสินหนงบางคนต้มเนื้อมนุษย์ไว้เลี้ยงงูและสัตว์ร้าย ใบหน้าของพวกเขาเรียบเฉยเหมือนเป็นเรื่องที่เคยชินไปแล้ว…

ยังมีบางคนมีสภาพเหมือนสัตว์ ถูกขังไว้ในที่คล้ายคอกหมู ไม่รู้ว่าโดนขังมานานเท่าไหร่แล้ว สีหน้าดูเฉยชา ร่างผมโซและเต็มไปด้วยรอยบาดแผล พวกเขาล้วนพิการ แววตาเลื่อนลอย ไม่มีความโกรธสักนิด ราวกับเป็นแกะที่เฝ้ารอเวลาไม่มีผิด

ฐานที่มั่นพรรคเสินหนง แท้จริงก็คือโรงเชือดของอสูร

หลี่มู่ถูกทุกอย่างนี้กระตุ้นให้ปลดปล่อยแรงโกรธออกมา

ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ ในสมองมีความคิดเพียงอย่างเดียว…

ฆ่า!

ฆ่าล้างสัตว์ร้ายในคราบคนพวกนี้ให้สิ้น

ดาบองครักษ์ชำรุดไปนานแล้ว เขาจึงกระโจนเข้าไปกลางวงศิษย์พรรคเสินหนง ส่งทั้งหมัดและฝ่ามือเข้าใส่ จัดการสังหารกลุ่มสัตว์เดรัจฉานด้วยแรงมหาศาล  วาดเท้าครั้งหนึ่งเตะเสาหินลอยกระเด็น ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่ม ก้อนหินพังทลายลง ไม่รู้ว่าศิษย์พรรคเสินหนงตายไปแล้วกี่คน หูของเขาได้ยินแต่เสียงโหยหวนร้องขอชีวิตไม่ขาดสาย แต่หลี่มู่กลับไม่ใจอ่อนเลยสักนิด

ภายใต้การระเบิดพลังกายอันน่ากลัว ภายในพรรคเสินหนงไม่มีศัตรูเหลืออยู่สักคน

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ จอมยุทธ์ขั้นรวมกำลังและขั้นรวมปราณไม่สามารถหยุดยั้งหลี่มู่ที่ปล่อยหมัดตามใจในยามโกรธได้เลย

เขามุ่งหน้าไปในส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนงเหมือนเสือล่าฝูงแกะ อานุภาพเกินต้านทาน

ในถ้ำหินที่อยู่ตรงส่วนลึกของป่าหิน

บรรยากาศหนักอึ้งเกินบรรยาย

ประมุขพรรคซือคงจิ้งมีสีหน้าคร่ำเคร่ง เปลี่ยนมาสวมเกาะอ่อนสีดำเรียบร้อย คนพรรคเสินหนงที่มีตำแหน่งสูงหลายสิบชีวิตเตรียมอาวุธครบครัน ศิษย์เหล่านี้เป็นผู้คุ้มกฎที่แข็งแกร่งที่สุดในพรรคเสินหนง รวมทั้งเป็นมือสังหารไร้จิตใจที่ซือคงจิ้งฟูมฟักขึ้นในหลายปีนี้ มีพลังการต่อสู้ดุจกองทัพทหาร

นี่เป็นไพ่ตายที่แท้จริงของพรรคเสินหนง

“สิ้นสุดแล้ว พรรคเสินหนงจบสิ้นลงแล้ว ย่อยยับแล้ว…”

ซือคงจิ้งหลั่งเลือดในใจ

สิ่งที่ทุ่มเทแรงใจทำมายี่สิบกว่าปี ยามนี้กำลังมลายหายไป เหมือนกับการเฉือนเนื้อของเขาออก

ซือคงจิ้งรู้แจ้งแก่ใจดีว่าหากฐานที่มั่นถูกทลายราบคาบ สถานะของเขาจากประมุขพรรคจะกลายเป็นอาชญากรที่มีรางวัลนำจับ เจิ้งหลงซิงไม่มีอำนาจพอจะปิดบังเรื่องนี้ได้ หลังจากนั้นเขาคงเหลือเพียงเส้นทางที่ต้องหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ความรุ่งเรืองและทรัพย์สินตลอดยี่สิบปีสลายเป็นควันทันตา

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะขุนนางเมืองผู้นี้คนเดียว

“ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ถูกทางการหมายหัวตามล่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฆ่าขุนนางเมืองผู้นี้เสีย ระบายความโกรธออกไป แค้นที่ทำลายพรรคของข้า ไม่ขออยู่ร่วมฟ้าด้วย!”

ความชั่วร้ายภายในใจซือคงจิ้งทวีความรุนแรงขึ้น

“พี่น้องทั้งหลาย ออกไปกับข้า ล้างแค้นให้พี่น้องของเรา ใครที่กล้าลบหลู่พรรคเสินหนงจะต้องตาย”

เขาตะโกนลั่น เรียกขวัญกำลังใจ เตรียมพาคนพุ่งทะยานออกไปจากถ้ำหิน

ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี

ตู้ม!

ที่ประตูใหญ่ของถ้ำหินเกิดเสียงดังลั่น

มีคนทุบประตูอยู่ภายนอก ทำให้ภายในถ้ำสั่นไหวจนมีหินและดินตกลงมาจากบนเพดาน

………………………….

[1] เตะแผ่นเหล็ก ในที่นี้เปรียบเปรยถึงการเจอคนที่นึกว่ารังแกง่าย แต่ที่แท้อีกฝ่ายฝีมือร้ายกาจกว่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด