จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 351 ไฟแท้แห่งเต๋า

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 351 ไฟแท้แห่งเต๋า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การกอบกู้บัลลังก์ของราชวงศ์ต้าเยวี่ย เห็นได้ชัดว่าอยู่เหนือความคาดหมายของหลายๆ คน

ราชวงศ์ที่เคยถูกสำนักเทพหลายแห่งกดขี่ หายสาบสูญไปพันกว่าปี และถูกเข้าใจว่าคบค้ากับเทพปีศาจนอกพิภพ นำหายนะมาให้กับแผ่นดินใหญ่ ราชวงศ์ต้าเยวี่ยในอดีตปกครองพื้นที่ส่วนกลางของแผ่นดินใหญ่เสินโจว แต่สุดท้ายก็ยังคงถูกโค่นล้ม ดับสลายไปในละอองธุลีของประวัติศาสตร์ และดินแดนกว้างใหญ่ของราชวงศ์ต้าเยวี่ยในอดีตก็ถูกฉินตะวันตก ซ่งเหนือ และฉู่ใต้เข้าครอบครอง

หลายปีมานี้ สามจักรวรรดิร่วมมือกันข่มเหงและไล่จับพวกที่หลงเหลืออยู่ของราชวงศ์ต้าเยวี่ย กล่าวได้เลยว่าไม่ยอมลดละ

หลายร้อยปีมานี้ ราชวงศ์ต้าเยวี่ยพูดได้ว่าไร้ซึ่งร่องรอยไปโดยสมบูรณ์แล้ว 

แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากนั้นพันปีสายเลือดเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ต้าเยวี่ยจะหวนคืนผืนแผ่นดินนี้อีกครั้ง อีกทั้งยังได้โอกาสที่ยอดเยี่ยมเพียงนี้ ฉวยโอกาสที่ฉินตะวันตกสภาพภายในและภายนอกน่าเป็นห่วง สำนักเทพพิทักษ์ซ่งเหนือสั่นคลอน เข้าควบคุมชายแดนเก้าเมืองเก้าพื้นที่ของฉินตะวันตกจากสิบเมืองเก้าพื้นที่

พวกราชวงศ์ต้าเยวี่ยที่หลงเหลืออยู่ใช้อุบายและพลังระดับสูงสุด

ข่าวลือต่างๆ นานาแพร่ออกไป

ที่แท้ กองทัพพันธมิตรที่เจ้าเมืองหลี่กังแห่งฉางอันและเจ้าเมืองเมืองใหญ่คนอื่นนำทัพในวันนั้น หลังจากโจมตีเข้าไปในชายแดนเมืองฝูเฟิงได้แล้ว ในชั่วเวลาสุดท้ายสถานการณ์กลับพลิกผัน พ่ายแพ้ยับเยิน ก็เป็นเพราะการใช้เล่ห์กลของขั้วอำนาจราชวงศ์ต้าเยวี่ยนั่นเอง เจิ้นซีอ๋องแอบจับมือกับเทพปีศาจนอกพิภพและขั้วอำนาจราชวงศ์ต้าเยวี่ย ผนึกกำลังกันในคืนนั้น ทำให้กองทัพพันธมิตรของพวก ‘เซียนกระบี่ธุลีแดง’ หลี่กังพ่ายแพ้ย่อยยับ

และขั้วอำนาจลึกลับที่ร่วมมือกับจักรวรรดิซ่งเหนือลอบโจมตีชายแดนฉินตะวันตกทั้งสิบเมืองเก้าพื้นที่ ก็คือราชวงศ์ต้าเยวี่ยเช่นกัน

ผ่านการต่อสู้มาพันปี ขั้วอำนาจราชวงศ์ต้าเยวี่ยจากอยู่ในที่แจ้งก็ลงไปอยู่ในที่มืด เหมือนรากไม้ที่เติบโตอย่างบ้าคลั่งอยู่ใต้ดิน ไม่เคยเผยให้เห็นบนผืนดิน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่ารากไม้นี้เติบโตได้แข็งแกร่งหนาแน่นเพียงใด ฉินตะวันตกถูกแทรกซึมอย่างเงียบงัน สิบเมืองเก้าพื้นที่มีสามเมืองสามพื้นที่ถูกต้าเยวี่ยยึดครอง กระทั่งว่าเจ้าเมืองอวี๋เฟิ่งเสียนผู้ปกครองสูงสุดของเมืองเชียนหยางก็เป็นคนของราชวงศ์ต้าเยวี่ย ด้วยเหตุนี้จึงลอบโจมตีกองพันโองการฟ้าที่ ‘ขุนนางเทพสวรรค์’ ฉินเฟิ่นนำทัพได้

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ กองพันโองการฟ้าทรงแสนยานุภาพที่หลี่หยวนป้าทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแล กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่สามกองกำลังในนั้น มีทหารชั้นยอดเกือบหนึ่งแสนนายถูกราชวงศ์ต้าเยวี่ยควบคุมเอาไว้ ซึ่งโจมตี ‘ทวนปราบอสูร’ หลี่หยวนป้าระดับถึงตายในช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย ทำให้เขาพ่ายแพ้กลับเมืองขณะไม่ทันระวังตัว และเสียการควบคุมสิบเมืองเก้าพื้นที่ไปโดยปริยาย

ด้วยแผนการต่อเนื่องทั้งหมดนี้ ราชวงศ์ต้าเยวี่ยจึงยืนได้มั่นบนแผ่นดินใหญ่เสินโจวแล้ว

การเปิดเผยตัวตนของรัชทายาทแห่งต้าเยวี่ยอวี๋ฮว่าหลงดูเหมือนเป็นการล่อเป้าซึ่งไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ที่จริงแล้วคือการปักธงลงบนแผ่นดินผืนนี้

มีธงผืนนี้อยู่ เหล่าลูกหลานและข้าราชการเก่าของราชวงศ์ต้าเยวี่ยถึงจะมาสวามิภักดิ์ไม่ขาดสาย

สำหรับคนทั่วไป เวลาพันปีอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์อาจเป็นแค่การสืบทอดสองสามรุ่นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความแค้นหรือความภักดีก็ส่งต่อไปได้ง่ายนัก สำนักบางแห่ง ตระกูลขุนนางสูงส่ง หรือผู้ฝึกไร้สังกัดที่ในอดีตภักดีต่อราชวงศ์ต้าเยวี่ยล้วนมีทายาทสืบทอด ในอดีตเคยสาบานว่าจะภักดีดังไปทั่วแผ่นดิน วันนี้เสียงนั้นดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง

ปณิธานยังไม่มอดดับ

วันที่สามหลังจากถึงช่วงเซี่ยจื้อ ก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอีกเรื่อง

รองเจ้าสำนักขั้นครึ่งเทวะจากสำนักเทพพิทักษ์จักรวรรดิฉินตะวันตกคนหนึ่งมาเยือนชายแดน พยายามจะสังหารรัชทายาทของต้าเยวี่ย วางแผนจะตัดหัวเขา ผลสุดท้ายกลับถูกรัชทายาทของต้าเยวี่ยอวี๋ฮว่าหลงตัดหัวที่ประตูเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองหยกพิสุทธิ์ด้วยตัวเอง ข่าวแพร่กระจายออกไป ใต้หล้าสั่นสะเทือนอีกครา

ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อเสียงของอวี๋ฮว่าหลงดังกระฉ่อนในทันที

นี่เป็นการประกาศต่อโลกว่ารัชทายาทของต้าเยวี่ยอาจจะก้าวสู่ขั้นเทวะแล้ว

และก็เป็นการบอกชัดด้วยว่า ราชวงศ์ต้าเยวี่ยที่ก่อตั้งขึ้นใหม่สามารถต้านทานขั้นเทวะได้

หลังจากข่าวเล่าลือออกไป ขั้วอำนาจที่แต่เดิมคิดจะลงมือกับราชวงศ์ต้าเยวี่ยซึ่งไร้ถิ่นฐานที่มั่นต่างหยุดความคิดอย่างหวาดกลัวทันใด

ส่วนฉินตะวันตกที่ไม่มี ‘เก้าสวรรค์ปิดชั้นฟ้า’ หลี่พั่วเยวี่ย และซ่งเหนือที่ไม่มีปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยาง กลับทำอะไรราชวงศ์ในอดีตที่เฟื่องฟูขึ้นมาใหม่ไม่ได้เลย

สายตาจับจ้องไปยังอวี๋ฮว่าหลงรัชทายาทแห่งต้าเยวี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ

ครึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงระบือไปทั่วของไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ก็เกิดขึ้นกับอวี๋ฮว่าหลงเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือไม่ใช่การท้าตีท้าต่อยอย่างของหลี่มู่ เรื่องที่รัชทายาทต้าเยวี่ยทำล้วนเป็นเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดิน ทุกอย่างในจักรวรรดิฉินตะวันตกที่เปลี่ยนไปแทบจะเกี่ยวกับเขาทั้งสิ้น นี่คือดวงดาวอันเจิดจรัสที่มีพร้อมทั้งพลังเฉพาะตัวและกลอุบาย สุดท้ายแล้วโลกมักจะตกเป็นของคนประเภทนี้

และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ดูจากข่าวที่ราชวงศ์ต้าเยวี่ยปล่อยออกมา รัชทายาทของต้าเยวี่ยยังอ่อนวัยมาก อายุแน่นอนว่าไม่เกินสามสิบ

ไม่ว่าจะมองจากด้านไหน รัชทายาทแห่งต้าเยวี่ยก็นับว่าเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง

เมื่อกลียุคมาเยือน วีรบุรุษปรากฏกายไม่ขาดสาย

บนแผ่นดินที่ไฟลุกโหมเผาไหม้ มักจะมีดวงดาวส่องประกายเสมอ

องค์รัชทายาทของต้าเยวี่ยก็คือหนึ่งในดวงดาวที่เริ่มส่องประกายอย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งยังเป็นดวงที่เจิดจ้าเป็นพิเศษด้วย

สิบเมืองเก้าพื้นที่ของเมืองชายแดน ตอนนี้เหลือแค่ด่านเมืองมังกรเล็กๆ นี้เท่านั้น เมืองถูกล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน กลายเป็นดินแดนโดดเดี่ยวสถานที่อันตราย

ทว่า ราชวงศ์ต้าเยวี่ยกลับล้อมเอาไว้ไม่โจมตี

รัชทายาทต้าเยวี่ยบัญชาด้วยตัวเองว่า จะไม่โจมตีด่านเมืองมังกร

ข่าวนี้ชวนให้คนสงสัยนัก

และก็มีบางคนคาดเดาว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวกับหลี่มู่ไท่ไป๋อ๋องแห่งฉินตะวันตก  

ถึงอย่างไร หลี่มู่ก็เคยใช้ดาบเดียวทำให้ทหารนับหมื่นต้องล่าถอยไปที่กำแพงเมืองของด่าน และทิ้งคำเตือนว่า ‘ไม่ใช่คนฉิน เข้ามาในเมืองแห่งนี้ต้องตาย’ เอาไว้

ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่หายตัวไปไร้ร่องรอย บางทีอาจซ่อนตัวอยู่ในด่านเมืองมังกรก็เป็นได้ และมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะอธิบายได้ว่าทำไมราชวงศ์ต้าเยวี่ยจึงปิดล้อมแต่ไม่โจมตีด่านเมืองมังกร อย่างไรเสียปฐมเทวะที่อายุน้อยเพียงนั้น ต่อให้เป็นรัชทายาทของต้าเยวี่ยก็ยังต้องให้ความสำคัญ ไม่มั่นใจเต็มร้อยก็ไม่มีทางลงมือ

เวลาผ่านไป

แผ่นดินใหญ่เสินโจวตกเข้าสู่คลื่นความวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในดินแดนจักรวรรดิฉินตะวันตกเกิดกบฏบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่เจิ้นซีอ๋อง แต่ยังมีเจ้าเมืองจากเมืองใหญ่อีกหลายเมือง พอเห็นสถานการณ์วุ่นวายก็ต่างสร้างกองกำลังทหาร ตั้งตนเป็นใหญ่ ซ่งเหรินจงจักรพรรดิของซ่งเหนือก็สวรรคตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย รัชทายาทยังเยาว์วัย ในจักรวรรดิจึงปะทุศึกแปดอ๋องขึ้นมา ซ้ำสูญเสียการควบคุมจากเขาเมืองมรกต ชินอ๋องทั้งแปดต่างตั้งตัวเป็นใหญ่ หมายช่วงชิงบัลลังก์ เละเทะวุ่นวายเช่นกัน…

ส่วนฉู่ใต้ยังคงอยู่ในการควบคุมของเจ้าสำนักบัณฑิตถามเต๋าเว่ยอู๋ปิ้ง ทว่าฉู่ใต้แต่ไหนแต่ไรมามีขุนนางผู้ครองแคว้นมากมาย เกิดสงครามวุ่นวายไม่หยุดหย่อน สถานการณ์ของแผ่นดินใหญ่เลวร้ายขึ้นก็แค่เป็นการฉีดยากระตุ้นท่ามกลางความวุ่นวายเช่นนี้เท่านั้น การแก่งแย่งชิงดีทั้งในที่ลับและที่แจ้งระหว่างเจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลายเริ่มเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ

ทุกที่มีไฟสัญญาณแจ้งเหตุ ทุกแห่งหนมีไฟสงคราม

โลกใบนี้ไม่เคยวุ่นวายเช่นนี้มาก่อนเลย

……

ในฟ้านิจนิรันดร์

หลี่มู่ที่อยู่ในสภาวะกักตนมาโดยตลอด ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นช้าๆ

ชั่วขณะนี้ ร่างที่แต่เดิมโปร่งแสงกลับมามีเลือดมีเนื้ออีกครั้ง กล้ามเนื้อแน่น เส้นมัดกล้ามสมบูรณ์แบบ พลังชีวิตมหาศาลถาโถมในโถงใหญ่ห้องหินแห่งนี้ เสียงหัวใจเต้นรุนแรงดังมาจากหน้าอกของเขา ประหนึ่งเสียงหัวใจเต้นของมังกรยักษ์บรรพกาล และเหมือนกับกลองยักษ์หนังมังกรซึ่งกำลังถูกตีอยู่ ทำให้อากาศในห้องหินสั่นสะเทือนดุจคลื่น

หลี่มู่ลุกขึ้นอย่างเนิบช้า

“บทฝึกจิตจักรพรรดิเพลิงในคัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ ในที่สุดก็สมบูรณ์แล้ว เราก้าวสู่ขั้นเหนือมนุษย์จนได้ ตอนนี้เป็นเหนือมนุษย์ก้าวที่หนึ่งแล้ว”

รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของหลี่มู่

เขาพอใจกับผลของการปิดด่านครั้งนี้มาก

เมื่อเข้าสู่ขั้นเหนือมนุษย์ก็เท่ากับก้าวออกไปอีกขั้นแล้ว โดยเฉพาะเมื่อได้วิชาเต๋าฝึกฝนอวัยวะภายในอย่างคัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ จินตนาการได้เลยว่าหลี่มู่จะเป็นคนที่พิเศษและน่ากลัวเพียงใดในขั้นเหนือมนุษย์ การเต้นของหัวใจมีพลังธาตุไฟของจักรพรรดิเพลิงแดนใต้หล่อเลี้ยงร่างกายไม่หยุดหย่อน เทียบได้กระทั่งกายเต๋าฟ้าประทานวิญญาณไฟ

ความอัศจรรย์ของคัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะช่างล้ำลึกเยี่ยมยอดจนถึงขีดสุดจริงๆ

หลี่มู่ดีดนิ้ว

พรึ่บ

ไฟสีแดงเข้มที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษลุกไหม้ที่ปลายนิ้วของเขา

คลื่นพลังงานก็ไม่ได้ชัดเจนอะไร เหมือนกับเปลวไฟธรรมดา

แต่หลี่มู่รู้ดีว่านี่คือไฟแท้แห่งเต๋า

ถึงแม้จะไม่ถึงระดับไฟแท้ในตำนาน แต่ไฟชนิดนี้มีพลังมหาศาล เผาไหม้ทุกสรรพสิ่งได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งของดาวดวงนี้ก็เกรงว่ายากจะต้านทานการแผดเผาของไฟแท้แห่งเต๋าแบบนี้ได้ซึ่งหน้า นี่คือหนึ่งในผลลัพธ์เกินคาดซึ่งได้รับหลังจากฝึกฝนบทฝึกจิตจักรพรรดิเพลิงแดนใต้

ตอนนี้ปราณแท้ฟ้าประทานในกายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลังจักรพรรดิเพลิงแดนใต้แล้ว แค่กระตุ้นก็จะแปรเป็นไฟแท้แห่งเต๋า เผาไหม้ทุกสรรพสิ่ง

“มีไฟชนิดนี้อยู่ ต่อให้ดูผิวเผินเราอาจมีแค่คลื่นพลังขั้นเหนือมนุษย์ก้าวที่หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วสามารถต่อกรกับปฐมเทวะได้แล้ว”

หลี่มู่ถอนหายใจยาว

ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเขาจึงไม่ใช่ปฐมเทวะของปลอมที่อ่อนแออีกต่อไป

หลี่มู่รู้สึกแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สภาวะเช่นนี้มากพอที่จะต้านทาน ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้ซึ่งเขาเอาชนะได้จากการยืมพลังของ ‘ค่ายกลจุดรวมมังกร’ ที่เมืองขาวพิสุทธิ์ในวันนั้นได้แล้ว

การปิดด่านฝึกฝนครั้งนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ

เขามองออกไปข้างนอกห้องหิน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ฟ้านิจนิรันดร์ก็ยังเปิดอยู่ ยังไม่ส่งเขาออกไป

“อุๆๆ…” เสียงลิงโลดของวานรภูเขาขนทองดังมาจากข้างนอก วานรตัวโตขนทองตัวนี้ใบหน้าตื่นเต้น กำลังกระโดดโลดเต้นโบกไม้โบกมือให้กับหลี่มู่ สีหน้าตื่นเต้นยินดีเช่นนั้นเหมือนได้พบกับบิดาที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปีอย่างไรอย่างนั้น

เอ๋?

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เสี้ยวขณะนั้น หลี่มู่งงงันไปทันใด

เขาจำได้เป็นอย่างดีว่าตนเองถูกเจ้าลิงเจ้าบทบาทนี่หลอกให้เข้าไปในห้องหิน หากไม่ใช่ว่าหนังหนาตราช้างทนมือทนเท้าแล้วละก็ เกรงว่าตอนนี้คงถูกวิชาเต๋าอัสนีในห้องหินฟาดผ่าจนกลายเป็นจุณไปแล้ว ระหว่างทั้งคู่ไม่น่ามีความสัมพันธ์แบบมิตรไมตรีสิ ทำไมเจ้านี่ถึงได้ดีใจขนาดนี้ หรือว่า…จะมีแผนการอะไรอีก?

หลี่มู่ลูบคางพลางขบคิด

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 351 ไฟแท้แห่งเต๋า

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 351 ไฟแท้แห่งเต๋า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การกอบกู้บัลลังก์ของราชวงศ์ต้าเยวี่ย เห็นได้ชัดว่าอยู่เหนือความคาดหมายของหลายๆ คน

ราชวงศ์ที่เคยถูกสำนักเทพหลายแห่งกดขี่ หายสาบสูญไปพันกว่าปี และถูกเข้าใจว่าคบค้ากับเทพปีศาจนอกพิภพ นำหายนะมาให้กับแผ่นดินใหญ่ ราชวงศ์ต้าเยวี่ยในอดีตปกครองพื้นที่ส่วนกลางของแผ่นดินใหญ่เสินโจว แต่สุดท้ายก็ยังคงถูกโค่นล้ม ดับสลายไปในละอองธุลีของประวัติศาสตร์ และดินแดนกว้างใหญ่ของราชวงศ์ต้าเยวี่ยในอดีตก็ถูกฉินตะวันตก ซ่งเหนือ และฉู่ใต้เข้าครอบครอง

หลายปีมานี้ สามจักรวรรดิร่วมมือกันข่มเหงและไล่จับพวกที่หลงเหลืออยู่ของราชวงศ์ต้าเยวี่ย กล่าวได้เลยว่าไม่ยอมลดละ

หลายร้อยปีมานี้ ราชวงศ์ต้าเยวี่ยพูดได้ว่าไร้ซึ่งร่องรอยไปโดยสมบูรณ์แล้ว 

แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากนั้นพันปีสายเลือดเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ต้าเยวี่ยจะหวนคืนผืนแผ่นดินนี้อีกครั้ง อีกทั้งยังได้โอกาสที่ยอดเยี่ยมเพียงนี้ ฉวยโอกาสที่ฉินตะวันตกสภาพภายในและภายนอกน่าเป็นห่วง สำนักเทพพิทักษ์ซ่งเหนือสั่นคลอน เข้าควบคุมชายแดนเก้าเมืองเก้าพื้นที่ของฉินตะวันตกจากสิบเมืองเก้าพื้นที่

พวกราชวงศ์ต้าเยวี่ยที่หลงเหลืออยู่ใช้อุบายและพลังระดับสูงสุด

ข่าวลือต่างๆ นานาแพร่ออกไป

ที่แท้ กองทัพพันธมิตรที่เจ้าเมืองหลี่กังแห่งฉางอันและเจ้าเมืองเมืองใหญ่คนอื่นนำทัพในวันนั้น หลังจากโจมตีเข้าไปในชายแดนเมืองฝูเฟิงได้แล้ว ในชั่วเวลาสุดท้ายสถานการณ์กลับพลิกผัน พ่ายแพ้ยับเยิน ก็เป็นเพราะการใช้เล่ห์กลของขั้วอำนาจราชวงศ์ต้าเยวี่ยนั่นเอง เจิ้นซีอ๋องแอบจับมือกับเทพปีศาจนอกพิภพและขั้วอำนาจราชวงศ์ต้าเยวี่ย ผนึกกำลังกันในคืนนั้น ทำให้กองทัพพันธมิตรของพวก ‘เซียนกระบี่ธุลีแดง’ หลี่กังพ่ายแพ้ย่อยยับ

และขั้วอำนาจลึกลับที่ร่วมมือกับจักรวรรดิซ่งเหนือลอบโจมตีชายแดนฉินตะวันตกทั้งสิบเมืองเก้าพื้นที่ ก็คือราชวงศ์ต้าเยวี่ยเช่นกัน

ผ่านการต่อสู้มาพันปี ขั้วอำนาจราชวงศ์ต้าเยวี่ยจากอยู่ในที่แจ้งก็ลงไปอยู่ในที่มืด เหมือนรากไม้ที่เติบโตอย่างบ้าคลั่งอยู่ใต้ดิน ไม่เคยเผยให้เห็นบนผืนดิน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่ารากไม้นี้เติบโตได้แข็งแกร่งหนาแน่นเพียงใด ฉินตะวันตกถูกแทรกซึมอย่างเงียบงัน สิบเมืองเก้าพื้นที่มีสามเมืองสามพื้นที่ถูกต้าเยวี่ยยึดครอง กระทั่งว่าเจ้าเมืองอวี๋เฟิ่งเสียนผู้ปกครองสูงสุดของเมืองเชียนหยางก็เป็นคนของราชวงศ์ต้าเยวี่ย ด้วยเหตุนี้จึงลอบโจมตีกองพันโองการฟ้าที่ ‘ขุนนางเทพสวรรค์’ ฉินเฟิ่นนำทัพได้

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ กองพันโองการฟ้าทรงแสนยานุภาพที่หลี่หยวนป้าทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแล กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่สามกองกำลังในนั้น มีทหารชั้นยอดเกือบหนึ่งแสนนายถูกราชวงศ์ต้าเยวี่ยควบคุมเอาไว้ ซึ่งโจมตี ‘ทวนปราบอสูร’ หลี่หยวนป้าระดับถึงตายในช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย ทำให้เขาพ่ายแพ้กลับเมืองขณะไม่ทันระวังตัว และเสียการควบคุมสิบเมืองเก้าพื้นที่ไปโดยปริยาย

ด้วยแผนการต่อเนื่องทั้งหมดนี้ ราชวงศ์ต้าเยวี่ยจึงยืนได้มั่นบนแผ่นดินใหญ่เสินโจวแล้ว

การเปิดเผยตัวตนของรัชทายาทแห่งต้าเยวี่ยอวี๋ฮว่าหลงดูเหมือนเป็นการล่อเป้าซึ่งไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ที่จริงแล้วคือการปักธงลงบนแผ่นดินผืนนี้

มีธงผืนนี้อยู่ เหล่าลูกหลานและข้าราชการเก่าของราชวงศ์ต้าเยวี่ยถึงจะมาสวามิภักดิ์ไม่ขาดสาย

สำหรับคนทั่วไป เวลาพันปีอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์อาจเป็นแค่การสืบทอดสองสามรุ่นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความแค้นหรือความภักดีก็ส่งต่อไปได้ง่ายนัก สำนักบางแห่ง ตระกูลขุนนางสูงส่ง หรือผู้ฝึกไร้สังกัดที่ในอดีตภักดีต่อราชวงศ์ต้าเยวี่ยล้วนมีทายาทสืบทอด ในอดีตเคยสาบานว่าจะภักดีดังไปทั่วแผ่นดิน วันนี้เสียงนั้นดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง

ปณิธานยังไม่มอดดับ

วันที่สามหลังจากถึงช่วงเซี่ยจื้อ ก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอีกเรื่อง

รองเจ้าสำนักขั้นครึ่งเทวะจากสำนักเทพพิทักษ์จักรวรรดิฉินตะวันตกคนหนึ่งมาเยือนชายแดน พยายามจะสังหารรัชทายาทของต้าเยวี่ย วางแผนจะตัดหัวเขา ผลสุดท้ายกลับถูกรัชทายาทของต้าเยวี่ยอวี๋ฮว่าหลงตัดหัวที่ประตูเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองหยกพิสุทธิ์ด้วยตัวเอง ข่าวแพร่กระจายออกไป ใต้หล้าสั่นสะเทือนอีกครา

ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อเสียงของอวี๋ฮว่าหลงดังกระฉ่อนในทันที

นี่เป็นการประกาศต่อโลกว่ารัชทายาทของต้าเยวี่ยอาจจะก้าวสู่ขั้นเทวะแล้ว

และก็เป็นการบอกชัดด้วยว่า ราชวงศ์ต้าเยวี่ยที่ก่อตั้งขึ้นใหม่สามารถต้านทานขั้นเทวะได้

หลังจากข่าวเล่าลือออกไป ขั้วอำนาจที่แต่เดิมคิดจะลงมือกับราชวงศ์ต้าเยวี่ยซึ่งไร้ถิ่นฐานที่มั่นต่างหยุดความคิดอย่างหวาดกลัวทันใด

ส่วนฉินตะวันตกที่ไม่มี ‘เก้าสวรรค์ปิดชั้นฟ้า’ หลี่พั่วเยวี่ย และซ่งเหนือที่ไม่มีปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยาง กลับทำอะไรราชวงศ์ในอดีตที่เฟื่องฟูขึ้นมาใหม่ไม่ได้เลย

สายตาจับจ้องไปยังอวี๋ฮว่าหลงรัชทายาทแห่งต้าเยวี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ

ครึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงระบือไปทั่วของไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ก็เกิดขึ้นกับอวี๋ฮว่าหลงเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือไม่ใช่การท้าตีท้าต่อยอย่างของหลี่มู่ เรื่องที่รัชทายาทต้าเยวี่ยทำล้วนเป็นเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดิน ทุกอย่างในจักรวรรดิฉินตะวันตกที่เปลี่ยนไปแทบจะเกี่ยวกับเขาทั้งสิ้น นี่คือดวงดาวอันเจิดจรัสที่มีพร้อมทั้งพลังเฉพาะตัวและกลอุบาย สุดท้ายแล้วโลกมักจะตกเป็นของคนประเภทนี้

และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ดูจากข่าวที่ราชวงศ์ต้าเยวี่ยปล่อยออกมา รัชทายาทของต้าเยวี่ยยังอ่อนวัยมาก อายุแน่นอนว่าไม่เกินสามสิบ

ไม่ว่าจะมองจากด้านไหน รัชทายาทแห่งต้าเยวี่ยก็นับว่าเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง

เมื่อกลียุคมาเยือน วีรบุรุษปรากฏกายไม่ขาดสาย

บนแผ่นดินที่ไฟลุกโหมเผาไหม้ มักจะมีดวงดาวส่องประกายเสมอ

องค์รัชทายาทของต้าเยวี่ยก็คือหนึ่งในดวงดาวที่เริ่มส่องประกายอย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งยังเป็นดวงที่เจิดจ้าเป็นพิเศษด้วย

สิบเมืองเก้าพื้นที่ของเมืองชายแดน ตอนนี้เหลือแค่ด่านเมืองมังกรเล็กๆ นี้เท่านั้น เมืองถูกล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน กลายเป็นดินแดนโดดเดี่ยวสถานที่อันตราย

ทว่า ราชวงศ์ต้าเยวี่ยกลับล้อมเอาไว้ไม่โจมตี

รัชทายาทต้าเยวี่ยบัญชาด้วยตัวเองว่า จะไม่โจมตีด่านเมืองมังกร

ข่าวนี้ชวนให้คนสงสัยนัก

และก็มีบางคนคาดเดาว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวกับหลี่มู่ไท่ไป๋อ๋องแห่งฉินตะวันตก  

ถึงอย่างไร หลี่มู่ก็เคยใช้ดาบเดียวทำให้ทหารนับหมื่นต้องล่าถอยไปที่กำแพงเมืองของด่าน และทิ้งคำเตือนว่า ‘ไม่ใช่คนฉิน เข้ามาในเมืองแห่งนี้ต้องตาย’ เอาไว้

ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่หายตัวไปไร้ร่องรอย บางทีอาจซ่อนตัวอยู่ในด่านเมืองมังกรก็เป็นได้ และมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะอธิบายได้ว่าทำไมราชวงศ์ต้าเยวี่ยจึงปิดล้อมแต่ไม่โจมตีด่านเมืองมังกร อย่างไรเสียปฐมเทวะที่อายุน้อยเพียงนั้น ต่อให้เป็นรัชทายาทของต้าเยวี่ยก็ยังต้องให้ความสำคัญ ไม่มั่นใจเต็มร้อยก็ไม่มีทางลงมือ

เวลาผ่านไป

แผ่นดินใหญ่เสินโจวตกเข้าสู่คลื่นความวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในดินแดนจักรวรรดิฉินตะวันตกเกิดกบฏบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่เจิ้นซีอ๋อง แต่ยังมีเจ้าเมืองจากเมืองใหญ่อีกหลายเมือง พอเห็นสถานการณ์วุ่นวายก็ต่างสร้างกองกำลังทหาร ตั้งตนเป็นใหญ่ ซ่งเหรินจงจักรพรรดิของซ่งเหนือก็สวรรคตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย รัชทายาทยังเยาว์วัย ในจักรวรรดิจึงปะทุศึกแปดอ๋องขึ้นมา ซ้ำสูญเสียการควบคุมจากเขาเมืองมรกต ชินอ๋องทั้งแปดต่างตั้งตัวเป็นใหญ่ หมายช่วงชิงบัลลังก์ เละเทะวุ่นวายเช่นกัน…

ส่วนฉู่ใต้ยังคงอยู่ในการควบคุมของเจ้าสำนักบัณฑิตถามเต๋าเว่ยอู๋ปิ้ง ทว่าฉู่ใต้แต่ไหนแต่ไรมามีขุนนางผู้ครองแคว้นมากมาย เกิดสงครามวุ่นวายไม่หยุดหย่อน สถานการณ์ของแผ่นดินใหญ่เลวร้ายขึ้นก็แค่เป็นการฉีดยากระตุ้นท่ามกลางความวุ่นวายเช่นนี้เท่านั้น การแก่งแย่งชิงดีทั้งในที่ลับและที่แจ้งระหว่างเจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลายเริ่มเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ

ทุกที่มีไฟสัญญาณแจ้งเหตุ ทุกแห่งหนมีไฟสงคราม

โลกใบนี้ไม่เคยวุ่นวายเช่นนี้มาก่อนเลย

……

ในฟ้านิจนิรันดร์

หลี่มู่ที่อยู่ในสภาวะกักตนมาโดยตลอด ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นช้าๆ

ชั่วขณะนี้ ร่างที่แต่เดิมโปร่งแสงกลับมามีเลือดมีเนื้ออีกครั้ง กล้ามเนื้อแน่น เส้นมัดกล้ามสมบูรณ์แบบ พลังชีวิตมหาศาลถาโถมในโถงใหญ่ห้องหินแห่งนี้ เสียงหัวใจเต้นรุนแรงดังมาจากหน้าอกของเขา ประหนึ่งเสียงหัวใจเต้นของมังกรยักษ์บรรพกาล และเหมือนกับกลองยักษ์หนังมังกรซึ่งกำลังถูกตีอยู่ ทำให้อากาศในห้องหินสั่นสะเทือนดุจคลื่น

หลี่มู่ลุกขึ้นอย่างเนิบช้า

“บทฝึกจิตจักรพรรดิเพลิงในคัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ ในที่สุดก็สมบูรณ์แล้ว เราก้าวสู่ขั้นเหนือมนุษย์จนได้ ตอนนี้เป็นเหนือมนุษย์ก้าวที่หนึ่งแล้ว”

รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของหลี่มู่

เขาพอใจกับผลของการปิดด่านครั้งนี้มาก

เมื่อเข้าสู่ขั้นเหนือมนุษย์ก็เท่ากับก้าวออกไปอีกขั้นแล้ว โดยเฉพาะเมื่อได้วิชาเต๋าฝึกฝนอวัยวะภายในอย่างคัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ จินตนาการได้เลยว่าหลี่มู่จะเป็นคนที่พิเศษและน่ากลัวเพียงใดในขั้นเหนือมนุษย์ การเต้นของหัวใจมีพลังธาตุไฟของจักรพรรดิเพลิงแดนใต้หล่อเลี้ยงร่างกายไม่หยุดหย่อน เทียบได้กระทั่งกายเต๋าฟ้าประทานวิญญาณไฟ

ความอัศจรรย์ของคัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะช่างล้ำลึกเยี่ยมยอดจนถึงขีดสุดจริงๆ

หลี่มู่ดีดนิ้ว

พรึ่บ

ไฟสีแดงเข้มที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษลุกไหม้ที่ปลายนิ้วของเขา

คลื่นพลังงานก็ไม่ได้ชัดเจนอะไร เหมือนกับเปลวไฟธรรมดา

แต่หลี่มู่รู้ดีว่านี่คือไฟแท้แห่งเต๋า

ถึงแม้จะไม่ถึงระดับไฟแท้ในตำนาน แต่ไฟชนิดนี้มีพลังมหาศาล เผาไหม้ทุกสรรพสิ่งได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งของดาวดวงนี้ก็เกรงว่ายากจะต้านทานการแผดเผาของไฟแท้แห่งเต๋าแบบนี้ได้ซึ่งหน้า นี่คือหนึ่งในผลลัพธ์เกินคาดซึ่งได้รับหลังจากฝึกฝนบทฝึกจิตจักรพรรดิเพลิงแดนใต้

ตอนนี้ปราณแท้ฟ้าประทานในกายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลังจักรพรรดิเพลิงแดนใต้แล้ว แค่กระตุ้นก็จะแปรเป็นไฟแท้แห่งเต๋า เผาไหม้ทุกสรรพสิ่ง

“มีไฟชนิดนี้อยู่ ต่อให้ดูผิวเผินเราอาจมีแค่คลื่นพลังขั้นเหนือมนุษย์ก้าวที่หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วสามารถต่อกรกับปฐมเทวะได้แล้ว”

หลี่มู่ถอนหายใจยาว

ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเขาจึงไม่ใช่ปฐมเทวะของปลอมที่อ่อนแออีกต่อไป

หลี่มู่รู้สึกแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สภาวะเช่นนี้มากพอที่จะต้านทาน ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้ซึ่งเขาเอาชนะได้จากการยืมพลังของ ‘ค่ายกลจุดรวมมังกร’ ที่เมืองขาวพิสุทธิ์ในวันนั้นได้แล้ว

การปิดด่านฝึกฝนครั้งนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ

เขามองออกไปข้างนอกห้องหิน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ฟ้านิจนิรันดร์ก็ยังเปิดอยู่ ยังไม่ส่งเขาออกไป

“อุๆๆ…” เสียงลิงโลดของวานรภูเขาขนทองดังมาจากข้างนอก วานรตัวโตขนทองตัวนี้ใบหน้าตื่นเต้น กำลังกระโดดโลดเต้นโบกไม้โบกมือให้กับหลี่มู่ สีหน้าตื่นเต้นยินดีเช่นนั้นเหมือนได้พบกับบิดาที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปีอย่างไรอย่างนั้น

เอ๋?

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เสี้ยวขณะนั้น หลี่มู่งงงันไปทันใด

เขาจำได้เป็นอย่างดีว่าตนเองถูกเจ้าลิงเจ้าบทบาทนี่หลอกให้เข้าไปในห้องหิน หากไม่ใช่ว่าหนังหนาตราช้างทนมือทนเท้าแล้วละก็ เกรงว่าตอนนี้คงถูกวิชาเต๋าอัสนีในห้องหินฟาดผ่าจนกลายเป็นจุณไปแล้ว ระหว่างทั้งคู่ไม่น่ามีความสัมพันธ์แบบมิตรไมตรีสิ ทำไมเจ้านี่ถึงได้ดีใจขนาดนี้ หรือว่า…จะมีแผนการอะไรอีก?

หลี่มู่ลูบคางพลางขบคิด

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+