จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 340 ประตูใหญ่เปิดออก

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 340 ประตูใหญ่เปิดออก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจียงชิวไป๋หัวเราะ ใบหน้าดูหมิ่นเหยียดหยามถึงที่สุด “เข้าใจสถานการณ์ผิดแล้วกระมัง วิหารเทพหมาป่า ข้างในฟ้านิจนิรันดร์นี้ เมื่อไรกันที่โจรต่างถิ่นอย่างพวกเจ้ามาหยิ่งผยองชี้ไม้ชี้มือได้?”

ผู้ใช้คลื่นวารีได้ยินก็แค่นหัวเราะเย็นชา “โง่เขลาเบาปัญญา”

กู้ป้านเซิงถอนหายใจ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าววิหารเจียง จงเตรียมพร้อมป้องกันตัวครั้งสุดท้ายเสียเถอะ”

เจียงชิวไป๋ผงกศีรษะเอ่ยตอบ “มีอยู่หนึ่งคำถามที่ข้าอดใจถามไม่ได้ พวกเจ้าลอบเข้ามาในวิหารเทพหมาป่าได้อย่างไร?”

ผู้ใช้คลื่นวารียิ้มเย็นชาไม่พูดอะไร สายตาคมกริบดุจใบมีดจ้องไปที่เจ้านายพลสุนัขประหลาด

ในใจเขาเกลียดสุนัขตัวนี้มากนัก

กู้ป้านเซิงกลับตอบว่า “จ้าววิหารเจียง เจ้าก็น่าจะสังเกตเห็นแล้ว ฟ้าดินเปลี่ยนไป เทพมารลงมาเยือน โลกตอนนี้ไม่เหมือนกับโลกแต่ก่อนอีกแล้ว ยุคแห่งการแตกสลายครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง ผู้ที่กุมอำนาจทั้งหมดก็ใกล้จะไม่ใช่เก้าสำนักเทพกับจักรวรรดิอีกต่อไป พวกเราอยากหลุดพ้นออกจากฟ้าดินนี้ เข้าสู่ห้วงดาราสมุทรอันไร้ขอบเขต จึงต้องประนีประนอมบางอย่าง…”

“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่า เจ้าสำนักกู้พูดได้มีวาทะศิลป์เหลือเกิน” เจียงชิวไป๋เอนตัวพิงประตูทองคำ เลือดสดย้อมกำแพงประตู ยิ้มหยันพลางผงกศีรษะ “แต่ข้าก็ยังฟังออกอยู่ ฮ่าๆ ประนีประนอม? พวกเจ้าก็แค่วางอัตตาลง แล้วไปเป็นสุนัขให้คนอื่นไม่ใช่หรือ?”

สีหน้ากู้ป้านเซิงไม่น่าดูในทันที

ผู้ใช้คลื่นวารีก้าวเข้ามาทีละก้าว จิตสังหารเต็มเปี่ยม ไม่คิดพูดจาไร้สาระอีก

แต่เจ้านายพลกลับเห่าแล้วกระโดดขึ้นมา กล่าวอย่างโมโหโกรธาว่า “พูดมาให้ชัดเจนเสียก่อน เป็นสุนัขแล้วไม่ดีตรงไหน?”

เจียงชิวไป๋หัวเสียแล้ว

นี่มันใช่เวลาสอดปากสอดคำไหม?

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าววิหารเจียง จงตายเสียเถอะ” กลางฝ่ามือป้านกู้เซิงมีแสงกระบี่ส่องระยิบระยับเป็นชั้นๆ จิตกระบี่หมุนวน

เจียงชิวไป๋เผยสีหน้าทะนงตน หัวเราะเย้ยหยัน และเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าเหมือนจะลืมบางเรื่องไป”

“อะไร?”

“ข้า มาจากฟ้านิจนิรันดร์” เจียงชิวไป๋กล่าวด้วยท่าทีเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

เท้าของผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงหยุดชะงักพร้อมกัน ใบหน้าปรากฏอาการหวาดเกรง

จริงสิ เกือบจะลืมไปแล้ว เจียงชิวไปเป็นผู้ที่มาจากฟ้านิจนิรันดร์

ฟ้านิจนิรันดร์เป็นหนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามมารและเซียน ในนั้นมีความลับยิ่งใหญ่ มีโอกาสครั้งใหญ่ และมีกับดักสังหารอยู่ แม้เป็นเทวะก็อาจถูกฝังอยู่ด้านในได้ เจียงชิวไป๋ที่มาจากฟ้านิจนิรันดร์ต้องคุ้นเคยกับความลับด้านในมาก ดูจากการที่เขาแสดงท่าทีเยือกเย็นเช่นนี้ หรือว่าที่ด้านหน้าประตูใหญ่จะมีกับดักใดแอบซ่อนเอาไว้?

เห็นประตูของฟ้านิจนิรันดร์กำลังจะเปิดอยู่ตรงหน้า เวลานี้ ใครก็ไม่อยากจะพลาดขั้นตอนสุดท้ายทั้งนั้น

กู้ป้านเซิงกับผู้ใช้คลื่นวารีมองตากัน ไม่มีใครก้าวไปข้างหน้าอีก

ก่อนหน้าในวิหารเทพหมาป่า ถึงแม้เจียงชิวไป๋จะแพ้ล่าถอยหลายครั้ง แต่นั้นเพราะว่าเขาสู้หนึ่งต่อสอง ย่อมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เป็นธรรมดา ซ้ำยังต้องคอยปกป้องหญิงสาวอีกคน เลี่ยงไม่พ้นที่ต้องแบ่งสมาธิไป มีหลายครั้งที่ผู้ใช้คลื่นวารีสำแดงกระบวนท่าโหดเหี้ยมกับหญิงคนนั้นโดยไม่สนใจฐานะตนเอง บีบให้เจียงชิวไป๋ต้องฝืนต้านซึ่งหน้า ถึงจะโจมตีเจียงชิวไป๋ให้เจ็บหนักได้หลายครั้ง มิเช่นนั้น เจียงชิวไป๋ที่ใช้อุปสรรคและค่ายกลภายในวิหารเทพหมาป่าคงรักษาสถานภาพไม่แพ้ไว้ได้

ถึงตอนนี้พวกเขาจะอยู่ในจุดได้เปรียบ แต่วิธีของเจียงชิวไป๋ยังทำให้ใจของพวกเขารู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว

ดังนั้นในตอนนี้ เพียงแค่ประโยคเดียวของเจียงชิวไป๋ก็ทำให้ยอดยุทธ์ทั้งสองสูญเสียอำนาจบีบต้อนเช่นก่อนหน้านี้ไปแล้ว

เจียงชิวไป๋เพียงเอนพิงประตู ใบหน้ามีรอยยิ้มเย้ยหยัน จ้องมองทั้งสองคน

บรรยากาศดูแปลกประหลาด กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง

ซ่างกวนอวี่ถิงยืนอยู่ข้างกายเจียงชิวไป๋ กำลังพันแผลให้กับเขา

ตลอดการเดินทาง เจียงชิวไป๋ปกป้องนางเป็นอย่างดี ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย หลายครั้งที่ทำให้ตนต้องบาดเจ็บเพราะช่วยนางให้รอดจากเงื้อมมือของผู้ใช้คลื่นวารี

ซ่างกวนอวี่ถิงรู้สึกว่าความจริงแล้วตนเองคอยถ่วงเจียงชิวไป๋ ตั้งแต่อำเภอขาวพิสุทธิ์จนถึงที่ราบทุ่งหญ้า ตั้งแต่กลางพายุหิมะมาจนถึงวิหารเทพหมาป่า จากนั้นก็มาถึงใต้ประตูใหญ่วังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของฟ้านิจนิรันดร์ ตลอดการถูกไล่ล่า ภาพประทับที่ซ่างกวนอวี่ถิงมีต่อชายผู้ชิงตัวตนเองมาคนนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ในตอนนี้ นางจำต้องยอมรับว่าเจียงชิวไป๋เป็นคนดี เป็นชายที่มีบุคลิก สถานะ และมาดของเก้ายอดคนโดยแท้จริง เทียบกับเก้ายอดคนอื่นๆ อย่างผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงแล้วไม่รู้ว่าองอาจกว่ากันตั้งกี่เท่าตัว

นางอยากช่วยเจียงชิวไป๋

แต่พลังของนางยังห่างชั้นอยู่มากเกินไป

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่นางจะเข้าไปร่วมได้เลย

เจียงชิวไป๋ไอสองสามครั้ง มุมปากยังมีเลือดไหลออกมา

นับตั้งแต่ที่ตนเองออกมาจากฟ้านิจนิรันดร์ หลังจากประสบความสำเร็จด้านยุทธ์ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาบาดเจ็บหนักขนาดนี้

วิชาของวิหารเทพหมาป่าค่อนข้างเอนไปทางการฝึกฝนกาย กายเนื้อของเจียงชิวไป๋แข็งแกร่งยิ่งนัก พลังการฟื้นฟูก็น่าตกใจ ทว่า คนที่ทำเขาบาดเจ็บเป็นถึงสุดยอดวิถียุทธ์เก้ายอดคนเหมือนกัน ในบาดแผลนั้นมีพลังพิษของผู้ใช้คลื่นวารีรวมถึงจิตกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และชั่วร้ายสองชนิดของกู้ป้านเซิงคอยลุกลามทำลายไม่หยุด แขนขาที่ขาดไปจึงทำได้เพียงฝืนห้ามเลือดไว้ หากคิดจะฟื้นฟูเกรงว่าต้องใช้เวลาหลายปี

ทว่าตอนนี้ สิ่งที่เขาขาดไปมากที่สุดก็คือเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย

สถานการณ์คุมเชิงกันเช่นนี้ดำเนินต่อไปหนึ่งถ้วยชาเต็ม

ในที่สุด ผู้ใช้คลื่นวารีก็ทนไม่ไหวแล้ว

“ถ้าเจ้ามีลูกไม้อะไรอีก คงงัดออกมาใช้คุมสถานการณ์ก่อนแล้ว ไม่น่าจะรอนานขนาดนี้” เขาจ้องเจียงชิวไป๋ ยิ้มเย็นชากล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้าจงใจพูดเช่นนั้นก็แค่คิดจะทำให้ข้าเกรงกลัว กำลังถ่วงเวลาไว้เท่านั้น คิดจะรอให้ประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเปิดออกแล้วหายตัวเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์เพื่อต่อชีวิต ใช่หรือไม่?”

เจียงชิวไป๋นั่งเงียบอยู่บนพื้น ราวกับพลังทั้งหมดสลายหายไปแล้ว ทั่วทั้งตัวไม่มีคลื่นพลังแม้เพียงน้อย

ใบหน้าของเขาขาวซีด แต่สีหน้ากลับดูไม่ใส่ใจ ทำเพียงยิ้มเย็นชาไม่พูดจา

ผู้ใช้คลื่นวารีกัดฟัน แสงน้ำทั่วร่างเคลื่อนไหว ก่อนเกิดเสียงคลื่นซัดโหม เกราะสีน้ำเงินห่อหุ้มร่างเขาเอาไว้ รอบตัวมีดาบวารีสีฟ้าเข้มหลายเล่มแปรเปลี่ยนไปหลายรูปร่าง คมมีดพันหมื่นกระจัดกระจายแน่นหนา ตั้งท่าจะพุ่งสังหารมาทางเจียงชิวไป๋

“โฮ่ง เจ้ายังมีวิธีอะไรอีกจริงหรือ?” เจ้านายพลตาสองสีที่อยู่อีกด้านเครียดจนขนลุกซู่ทั้งตัว ท่าทางเหมือนจะเผ่นหนีได้ทุกเมื่อ

เจียงชิวไป๋คร้านจะใส่ใจมัน “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

เจ้านายพลเอียงคอ สีหน้าท่าทางกวนประสาทยิ่งนัก มันคิดๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ข้าว่านะ คนอย่างเจ้ามันพวกใจเหี้ยม คงไม่คิดเรื่องดีอะไรนักหรอก ดังนั้นจะเชื่อเจ้าครั้งหนึ่งแล้วกัน…” ขณะพูด มันก็ลดท่าทางที่หมายจะหนีไปลง

ฉับพลันนั้น ผู้ใช้คลื่นวารีที่เดิมทีคิดจะออกท่าสังหารเริ่มขวัญอ่อนบ้างแล้ว

บทสนทนาของคนกับสุนัข ยากจะบอกได้ว่าจริงหรือเท็จ

เจ้าสุนัขโง่ตัวนี้สร้างเงามืดดำไว้ในใจเขาเช่นกัน

ผู้ใช้คลื่นวารีเคยเห็นสถานการณ์การโต้กลับในสภาพอับจนมาหลายครั้ง หากหน้าประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีค่ายกลบางอย่างอยู่ เพียงแค่ถูกกระตุ้น พลังแว้งกัดก็เพียงพอจะกลืนกินเทพมารลงไปได้

“เหอะๆ เกือบติดกับเจ้าเสียแล้ว” ผู้ใช้คลื่นวารีหัวเราะเสียงเย็น ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดาบวารีสีน้ำเงินประหลาดรอบกายค่อยๆ สลายไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้านเซิงก็เหมือนขึ้นหลังเสือลงยากไปด้วย

หมายสร้างขุนเขาสูง จะมาพลาดเอาในตอนสุดท้ายไม่ได้

การคุมเชิงที่น่าอึดอัดเช่นนี้จึงดำเนินต่อไป

ตามเวลาที่ผ่านไป สีหน้าเจียงชิวไป๋ค่อยๆ กระสับกระส่ายขึ้นมา

และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทำให้ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงยิ่งมั่นใจว่าเจียงชิวไป๋มีไพ่ตายลับอยู่ในมือ

การแสดงออกของเจียงชิวไป๋ก่อนหน้านี้ น่าจะจงใจล่อให้พวกเขาลงมือ แล้วเล่นงานกลับในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปิดประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากำลังจะมาถึง เมื่อประตูเปิดออก เจียงชิวไป๋ทำได้เพียงหนีเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดี ถึงอย่างไรเป้าหมายของพวกเขาสองคนก็คือการนำรูปปั้นหมาป่าสีดำนั้นเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์ จากนั้นเอาความลับของการทะลวงสวรรค์มา ไม่จำเป็นต้องสู้กันจนตายไปข้างกับเจียงชิวไป๋

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทั้งสองจึงไม่เร่งรีบอะไรอีก

ในที่สุด หลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป เสียงครืนครานก็ดังลอยมา

ประตูใหญ่สีทองด้านหลังเจียงชิวไป๋เปิดออกช้าๆ แสงสีทองสว่างจ้าทะลักออกมาจากด้านใน

ประตูใหญ่บานนี้ คือบานที่อยู่ใจกลางสุดของเก้าประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และเป็นบานที่ใหญ่ที่สุด

การเปิดออกในรอบพันปี หนทางสู่ความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดในฟ้านิจนิรันดร์ก็คือประตูบานนี้

ใบหน้าของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงเผยแววยินดีปรีดา

เพราะแสงสีทองนั้นคือพลังเทพและมารอันเข้มข้น

ตำนานเล่าไว้ไม่ผิด ใจกลางฟ้านิจนิรันดร์มีความลับของการทะลวงสวรรค์จริง ซ้ำยังสามารถผ่านไปยังแดนเซียนที่อยู่เหนือฟ้าได้อีก พวกเขาสองคนรู้สึกว่ามาไม่เสียเปล่าทันที

“พวกเจ้าเข้าไปเถอะ เดินเข้าไปได้แค่ไหนก็เข้าไปแค่นั้น” ร่างพิกลพิการของเจียงชิวไป๋แทบจะถูกแสงทองกลืนหายไป เขามองไปทางซ่างกวนอวี่ถิง เอ่ยว่า “การเปิดของประตูฟ้านิจนิรันดร์ในรอบพันปีถูกกำหนดไว้ว่าเปิดมาเพื่อเจ้า นี่คือโชคชะตา ยังมีสายเลือดเก้าหางในอ้อมอกของเจ้าด้วย…ส่วนเจ้า” สายตาเจียงชิวไป๋กวาดไปบนร่างของสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ตาสองสี ริมฝีปากกระตุก “เอาเถอะ เจ้าก็เข้าไปด้วยแล้วกัน…”

เจ้านายพลเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอม “อะไรคือเข้าไปด้วยแล้วกัน? หรือเจ้าไม่คิดจะให้ข้าเข้าไปตั้งแต่แรก? เจ้าขนทองแล้งน้ำใจ”

“แล้วท่านล่ะ?” ซ่างกวนอวี่ถิงคิดจะประคองเจียงชิวไป๋ขึ้นมา

ประตูใหญ่เปิดออก สามารถหายเข้าไปด้านในได้ เจียงชิวไป๋พูดไว้แล้วก่อนหน้า ด้านในฟ้านิจนิรันดร์กว้างใหญ่ไพศาล หนีพ้นจากผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงได้แน่นอน

เจียงชิวไป๋หัวเราะ ตอบว่า “ข้าหรือ? แน่นอนว่าต้องเฝ้าประตูสิ…” เขากกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ฟ้านิจนิรันดร์ไม่ใช่สถานที่ที่แมวหรือ…ก็เข้าไปได้” เขาเกือบจะหลุดคำว่าหมาออกมา ดีที่ปฏิกิริยาว่องไว มิเช่นนั้นเจ้าสุนัขโง่ชื่อนายพลคงเข้ามาต่อปากต่อคำอีกแน่ น่ารำคาญเกินไปแล้ว

ส่วนผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงที่อยู่ตรงข้ามกลับฟังออกถึงความหมายในคำพูดของเจียงชิวไป๋ สีหน้าจึงเปลี่ยนไป

“จ้าววิหารเจียง เดินไปตามกำลังเถอะ อย่าได้ฝืนลิขิตฟ้าเลย” น้ำเสียงผู้ใช้คลื่นวารีเย็นเยือก “พวกเราทั้งสองให้โอกาสเจ้าไปแล้ว เมื่อครู่จึงไม่ได้ลงมือสังหาร…ฟ้านิจนิรันดร์เปิดออกแล้ว โอกาสอยู่ด้านใน ทุกคนต่างอาศัยความสามารถที่มี อย่าบีบให้พวกเราต้องลงมือสังหารเจ้าจริงๆ เลย”

กู้ป้านเซิงก็ยิ้มเย็นชาเช่นกัน

ก่อนหน้านี้พวกเขายังลังเลหวาดกลัว นั่นเพื่อจะเข้าสู่ฟ้านิจนิรันดร์ได้อย่างราบรื่น

แต่ตอนนี้ เจียงชิวไป๋กลับคิดจะหยุดไม่ให้พวกเขาก้าวเข้าประตูไป เช่นนั้นคงทำได้เพียงชี้ขาดเป็นตายเท่านั้น

เจียงชิวไป๋ค่อยๆ ยืนขึ้นด้วยขาข้างเดียว สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้าย “ฝืนลิขิตฟ้า? เหอะๆ ลืมบอกพวกเจ้าไป ในนี้ข้าก็คือฟ้า…เจ้าพวกคนนอกที่บุกรุกวิหารเทพหมาป่า ต้องตาย! พวกเจ้าที่ทำตัวเป็นสุนัขของมารนอกพิภพ ยังคิดจะเหยียบย่ำสู่ฟ้านิจนิรันดร์อีกหรือ? แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ คิดว่าจะยอมให้คนไร้ศักดิ์ศรีอย่างพวกเจ้ามาทำให้ด่างพร้อยหรือ? จะบอกพวกเจ้าตรงๆ แล้วกัน นับตั้งแต่เหยียบเข้ามาในวิหารเทพหมาป่า พวกเจ้าก็ไม่ต้องคิดว่าจะเดินออกไปอย่างมีลมหายใจแล้ว”

พูดจบ เขาลงมือทันที สะบัดฝ่ามือออกไปข้างหนึ่ง

พลังที่ไร้รูปร่างขุมหนึ่งพรั่งพรูออกมา ส่งซ่างกวนอวี่ถิงที่ไม่ทันตั้งตัวเข้าไปในประตูสีทองด้านหลังทันใด

เจ้านายพลตาสองสีก็ถูกม้วนเข้าไปด้วย

จากนั้น เจียงชิวไป๋คนเดียว หนึ่งขาหนึ่งแขน ยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ แสงสีทองทะลักออกมาจากด้านหลัง เขายืดหลังตรงยืนนิ่ง ใช้มือข้างเดียวที่เหลือกวักมือเรียก กล่าวว่า “มาเถอะ เก้ายอดคนใต้หล้า วันนี้ฟ้ากำหนดให้ต้องมีคนดับดิ้นแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 340 ประตูใหญ่เปิดออก

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 340 ประตูใหญ่เปิดออก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจียงชิวไป๋หัวเราะ ใบหน้าดูหมิ่นเหยียดหยามถึงที่สุด “เข้าใจสถานการณ์ผิดแล้วกระมัง วิหารเทพหมาป่า ข้างในฟ้านิจนิรันดร์นี้ เมื่อไรกันที่โจรต่างถิ่นอย่างพวกเจ้ามาหยิ่งผยองชี้ไม้ชี้มือได้?”

ผู้ใช้คลื่นวารีได้ยินก็แค่นหัวเราะเย็นชา “โง่เขลาเบาปัญญา”

กู้ป้านเซิงถอนหายใจ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าววิหารเจียง จงเตรียมพร้อมป้องกันตัวครั้งสุดท้ายเสียเถอะ”

เจียงชิวไป๋ผงกศีรษะเอ่ยตอบ “มีอยู่หนึ่งคำถามที่ข้าอดใจถามไม่ได้ พวกเจ้าลอบเข้ามาในวิหารเทพหมาป่าได้อย่างไร?”

ผู้ใช้คลื่นวารียิ้มเย็นชาไม่พูดอะไร สายตาคมกริบดุจใบมีดจ้องไปที่เจ้านายพลสุนัขประหลาด

ในใจเขาเกลียดสุนัขตัวนี้มากนัก

กู้ป้านเซิงกลับตอบว่า “จ้าววิหารเจียง เจ้าก็น่าจะสังเกตเห็นแล้ว ฟ้าดินเปลี่ยนไป เทพมารลงมาเยือน โลกตอนนี้ไม่เหมือนกับโลกแต่ก่อนอีกแล้ว ยุคแห่งการแตกสลายครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง ผู้ที่กุมอำนาจทั้งหมดก็ใกล้จะไม่ใช่เก้าสำนักเทพกับจักรวรรดิอีกต่อไป พวกเราอยากหลุดพ้นออกจากฟ้าดินนี้ เข้าสู่ห้วงดาราสมุทรอันไร้ขอบเขต จึงต้องประนีประนอมบางอย่าง…”

“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่า เจ้าสำนักกู้พูดได้มีวาทะศิลป์เหลือเกิน” เจียงชิวไป๋เอนตัวพิงประตูทองคำ เลือดสดย้อมกำแพงประตู ยิ้มหยันพลางผงกศีรษะ “แต่ข้าก็ยังฟังออกอยู่ ฮ่าๆ ประนีประนอม? พวกเจ้าก็แค่วางอัตตาลง แล้วไปเป็นสุนัขให้คนอื่นไม่ใช่หรือ?”

สีหน้ากู้ป้านเซิงไม่น่าดูในทันที

ผู้ใช้คลื่นวารีก้าวเข้ามาทีละก้าว จิตสังหารเต็มเปี่ยม ไม่คิดพูดจาไร้สาระอีก

แต่เจ้านายพลกลับเห่าแล้วกระโดดขึ้นมา กล่าวอย่างโมโหโกรธาว่า “พูดมาให้ชัดเจนเสียก่อน เป็นสุนัขแล้วไม่ดีตรงไหน?”

เจียงชิวไป๋หัวเสียแล้ว

นี่มันใช่เวลาสอดปากสอดคำไหม?

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าววิหารเจียง จงตายเสียเถอะ” กลางฝ่ามือป้านกู้เซิงมีแสงกระบี่ส่องระยิบระยับเป็นชั้นๆ จิตกระบี่หมุนวน

เจียงชิวไป๋เผยสีหน้าทะนงตน หัวเราะเย้ยหยัน และเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าเหมือนจะลืมบางเรื่องไป”

“อะไร?”

“ข้า มาจากฟ้านิจนิรันดร์” เจียงชิวไป๋กล่าวด้วยท่าทีเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

เท้าของผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงหยุดชะงักพร้อมกัน ใบหน้าปรากฏอาการหวาดเกรง

จริงสิ เกือบจะลืมไปแล้ว เจียงชิวไปเป็นผู้ที่มาจากฟ้านิจนิรันดร์

ฟ้านิจนิรันดร์เป็นหนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามมารและเซียน ในนั้นมีความลับยิ่งใหญ่ มีโอกาสครั้งใหญ่ และมีกับดักสังหารอยู่ แม้เป็นเทวะก็อาจถูกฝังอยู่ด้านในได้ เจียงชิวไป๋ที่มาจากฟ้านิจนิรันดร์ต้องคุ้นเคยกับความลับด้านในมาก ดูจากการที่เขาแสดงท่าทีเยือกเย็นเช่นนี้ หรือว่าที่ด้านหน้าประตูใหญ่จะมีกับดักใดแอบซ่อนเอาไว้?

เห็นประตูของฟ้านิจนิรันดร์กำลังจะเปิดอยู่ตรงหน้า เวลานี้ ใครก็ไม่อยากจะพลาดขั้นตอนสุดท้ายทั้งนั้น

กู้ป้านเซิงกับผู้ใช้คลื่นวารีมองตากัน ไม่มีใครก้าวไปข้างหน้าอีก

ก่อนหน้าในวิหารเทพหมาป่า ถึงแม้เจียงชิวไป๋จะแพ้ล่าถอยหลายครั้ง แต่นั้นเพราะว่าเขาสู้หนึ่งต่อสอง ย่อมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เป็นธรรมดา ซ้ำยังต้องคอยปกป้องหญิงสาวอีกคน เลี่ยงไม่พ้นที่ต้องแบ่งสมาธิไป มีหลายครั้งที่ผู้ใช้คลื่นวารีสำแดงกระบวนท่าโหดเหี้ยมกับหญิงคนนั้นโดยไม่สนใจฐานะตนเอง บีบให้เจียงชิวไป๋ต้องฝืนต้านซึ่งหน้า ถึงจะโจมตีเจียงชิวไป๋ให้เจ็บหนักได้หลายครั้ง มิเช่นนั้น เจียงชิวไป๋ที่ใช้อุปสรรคและค่ายกลภายในวิหารเทพหมาป่าคงรักษาสถานภาพไม่แพ้ไว้ได้

ถึงตอนนี้พวกเขาจะอยู่ในจุดได้เปรียบ แต่วิธีของเจียงชิวไป๋ยังทำให้ใจของพวกเขารู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว

ดังนั้นในตอนนี้ เพียงแค่ประโยคเดียวของเจียงชิวไป๋ก็ทำให้ยอดยุทธ์ทั้งสองสูญเสียอำนาจบีบต้อนเช่นก่อนหน้านี้ไปแล้ว

เจียงชิวไป๋เพียงเอนพิงประตู ใบหน้ามีรอยยิ้มเย้ยหยัน จ้องมองทั้งสองคน

บรรยากาศดูแปลกประหลาด กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง

ซ่างกวนอวี่ถิงยืนอยู่ข้างกายเจียงชิวไป๋ กำลังพันแผลให้กับเขา

ตลอดการเดินทาง เจียงชิวไป๋ปกป้องนางเป็นอย่างดี ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย หลายครั้งที่ทำให้ตนต้องบาดเจ็บเพราะช่วยนางให้รอดจากเงื้อมมือของผู้ใช้คลื่นวารี

ซ่างกวนอวี่ถิงรู้สึกว่าความจริงแล้วตนเองคอยถ่วงเจียงชิวไป๋ ตั้งแต่อำเภอขาวพิสุทธิ์จนถึงที่ราบทุ่งหญ้า ตั้งแต่กลางพายุหิมะมาจนถึงวิหารเทพหมาป่า จากนั้นก็มาถึงใต้ประตูใหญ่วังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของฟ้านิจนิรันดร์ ตลอดการถูกไล่ล่า ภาพประทับที่ซ่างกวนอวี่ถิงมีต่อชายผู้ชิงตัวตนเองมาคนนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ในตอนนี้ นางจำต้องยอมรับว่าเจียงชิวไป๋เป็นคนดี เป็นชายที่มีบุคลิก สถานะ และมาดของเก้ายอดคนโดยแท้จริง เทียบกับเก้ายอดคนอื่นๆ อย่างผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงแล้วไม่รู้ว่าองอาจกว่ากันตั้งกี่เท่าตัว

นางอยากช่วยเจียงชิวไป๋

แต่พลังของนางยังห่างชั้นอยู่มากเกินไป

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่นางจะเข้าไปร่วมได้เลย

เจียงชิวไป๋ไอสองสามครั้ง มุมปากยังมีเลือดไหลออกมา

นับตั้งแต่ที่ตนเองออกมาจากฟ้านิจนิรันดร์ หลังจากประสบความสำเร็จด้านยุทธ์ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาบาดเจ็บหนักขนาดนี้

วิชาของวิหารเทพหมาป่าค่อนข้างเอนไปทางการฝึกฝนกาย กายเนื้อของเจียงชิวไป๋แข็งแกร่งยิ่งนัก พลังการฟื้นฟูก็น่าตกใจ ทว่า คนที่ทำเขาบาดเจ็บเป็นถึงสุดยอดวิถียุทธ์เก้ายอดคนเหมือนกัน ในบาดแผลนั้นมีพลังพิษของผู้ใช้คลื่นวารีรวมถึงจิตกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และชั่วร้ายสองชนิดของกู้ป้านเซิงคอยลุกลามทำลายไม่หยุด แขนขาที่ขาดไปจึงทำได้เพียงฝืนห้ามเลือดไว้ หากคิดจะฟื้นฟูเกรงว่าต้องใช้เวลาหลายปี

ทว่าตอนนี้ สิ่งที่เขาขาดไปมากที่สุดก็คือเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย

สถานการณ์คุมเชิงกันเช่นนี้ดำเนินต่อไปหนึ่งถ้วยชาเต็ม

ในที่สุด ผู้ใช้คลื่นวารีก็ทนไม่ไหวแล้ว

“ถ้าเจ้ามีลูกไม้อะไรอีก คงงัดออกมาใช้คุมสถานการณ์ก่อนแล้ว ไม่น่าจะรอนานขนาดนี้” เขาจ้องเจียงชิวไป๋ ยิ้มเย็นชากล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้าจงใจพูดเช่นนั้นก็แค่คิดจะทำให้ข้าเกรงกลัว กำลังถ่วงเวลาไว้เท่านั้น คิดจะรอให้ประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเปิดออกแล้วหายตัวเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์เพื่อต่อชีวิต ใช่หรือไม่?”

เจียงชิวไป๋นั่งเงียบอยู่บนพื้น ราวกับพลังทั้งหมดสลายหายไปแล้ว ทั่วทั้งตัวไม่มีคลื่นพลังแม้เพียงน้อย

ใบหน้าของเขาขาวซีด แต่สีหน้ากลับดูไม่ใส่ใจ ทำเพียงยิ้มเย็นชาไม่พูดจา

ผู้ใช้คลื่นวารีกัดฟัน แสงน้ำทั่วร่างเคลื่อนไหว ก่อนเกิดเสียงคลื่นซัดโหม เกราะสีน้ำเงินห่อหุ้มร่างเขาเอาไว้ รอบตัวมีดาบวารีสีฟ้าเข้มหลายเล่มแปรเปลี่ยนไปหลายรูปร่าง คมมีดพันหมื่นกระจัดกระจายแน่นหนา ตั้งท่าจะพุ่งสังหารมาทางเจียงชิวไป๋

“โฮ่ง เจ้ายังมีวิธีอะไรอีกจริงหรือ?” เจ้านายพลตาสองสีที่อยู่อีกด้านเครียดจนขนลุกซู่ทั้งตัว ท่าทางเหมือนจะเผ่นหนีได้ทุกเมื่อ

เจียงชิวไป๋คร้านจะใส่ใจมัน “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

เจ้านายพลเอียงคอ สีหน้าท่าทางกวนประสาทยิ่งนัก มันคิดๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ข้าว่านะ คนอย่างเจ้ามันพวกใจเหี้ยม คงไม่คิดเรื่องดีอะไรนักหรอก ดังนั้นจะเชื่อเจ้าครั้งหนึ่งแล้วกัน…” ขณะพูด มันก็ลดท่าทางที่หมายจะหนีไปลง

ฉับพลันนั้น ผู้ใช้คลื่นวารีที่เดิมทีคิดจะออกท่าสังหารเริ่มขวัญอ่อนบ้างแล้ว

บทสนทนาของคนกับสุนัข ยากจะบอกได้ว่าจริงหรือเท็จ

เจ้าสุนัขโง่ตัวนี้สร้างเงามืดดำไว้ในใจเขาเช่นกัน

ผู้ใช้คลื่นวารีเคยเห็นสถานการณ์การโต้กลับในสภาพอับจนมาหลายครั้ง หากหน้าประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีค่ายกลบางอย่างอยู่ เพียงแค่ถูกกระตุ้น พลังแว้งกัดก็เพียงพอจะกลืนกินเทพมารลงไปได้

“เหอะๆ เกือบติดกับเจ้าเสียแล้ว” ผู้ใช้คลื่นวารีหัวเราะเสียงเย็น ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดาบวารีสีน้ำเงินประหลาดรอบกายค่อยๆ สลายไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้านเซิงก็เหมือนขึ้นหลังเสือลงยากไปด้วย

หมายสร้างขุนเขาสูง จะมาพลาดเอาในตอนสุดท้ายไม่ได้

การคุมเชิงที่น่าอึดอัดเช่นนี้จึงดำเนินต่อไป

ตามเวลาที่ผ่านไป สีหน้าเจียงชิวไป๋ค่อยๆ กระสับกระส่ายขึ้นมา

และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทำให้ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงยิ่งมั่นใจว่าเจียงชิวไป๋มีไพ่ตายลับอยู่ในมือ

การแสดงออกของเจียงชิวไป๋ก่อนหน้านี้ น่าจะจงใจล่อให้พวกเขาลงมือ แล้วเล่นงานกลับในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปิดประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากำลังจะมาถึง เมื่อประตูเปิดออก เจียงชิวไป๋ทำได้เพียงหนีเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดี ถึงอย่างไรเป้าหมายของพวกเขาสองคนก็คือการนำรูปปั้นหมาป่าสีดำนั้นเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์ จากนั้นเอาความลับของการทะลวงสวรรค์มา ไม่จำเป็นต้องสู้กันจนตายไปข้างกับเจียงชิวไป๋

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทั้งสองจึงไม่เร่งรีบอะไรอีก

ในที่สุด หลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป เสียงครืนครานก็ดังลอยมา

ประตูใหญ่สีทองด้านหลังเจียงชิวไป๋เปิดออกช้าๆ แสงสีทองสว่างจ้าทะลักออกมาจากด้านใน

ประตูใหญ่บานนี้ คือบานที่อยู่ใจกลางสุดของเก้าประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และเป็นบานที่ใหญ่ที่สุด

การเปิดออกในรอบพันปี หนทางสู่ความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดในฟ้านิจนิรันดร์ก็คือประตูบานนี้

ใบหน้าของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงเผยแววยินดีปรีดา

เพราะแสงสีทองนั้นคือพลังเทพและมารอันเข้มข้น

ตำนานเล่าไว้ไม่ผิด ใจกลางฟ้านิจนิรันดร์มีความลับของการทะลวงสวรรค์จริง ซ้ำยังสามารถผ่านไปยังแดนเซียนที่อยู่เหนือฟ้าได้อีก พวกเขาสองคนรู้สึกว่ามาไม่เสียเปล่าทันที

“พวกเจ้าเข้าไปเถอะ เดินเข้าไปได้แค่ไหนก็เข้าไปแค่นั้น” ร่างพิกลพิการของเจียงชิวไป๋แทบจะถูกแสงทองกลืนหายไป เขามองไปทางซ่างกวนอวี่ถิง เอ่ยว่า “การเปิดของประตูฟ้านิจนิรันดร์ในรอบพันปีถูกกำหนดไว้ว่าเปิดมาเพื่อเจ้า นี่คือโชคชะตา ยังมีสายเลือดเก้าหางในอ้อมอกของเจ้าด้วย…ส่วนเจ้า” สายตาเจียงชิวไป๋กวาดไปบนร่างของสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ตาสองสี ริมฝีปากกระตุก “เอาเถอะ เจ้าก็เข้าไปด้วยแล้วกัน…”

เจ้านายพลเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอม “อะไรคือเข้าไปด้วยแล้วกัน? หรือเจ้าไม่คิดจะให้ข้าเข้าไปตั้งแต่แรก? เจ้าขนทองแล้งน้ำใจ”

“แล้วท่านล่ะ?” ซ่างกวนอวี่ถิงคิดจะประคองเจียงชิวไป๋ขึ้นมา

ประตูใหญ่เปิดออก สามารถหายเข้าไปด้านในได้ เจียงชิวไป๋พูดไว้แล้วก่อนหน้า ด้านในฟ้านิจนิรันดร์กว้างใหญ่ไพศาล หนีพ้นจากผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงได้แน่นอน

เจียงชิวไป๋หัวเราะ ตอบว่า “ข้าหรือ? แน่นอนว่าต้องเฝ้าประตูสิ…” เขากกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ฟ้านิจนิรันดร์ไม่ใช่สถานที่ที่แมวหรือ…ก็เข้าไปได้” เขาเกือบจะหลุดคำว่าหมาออกมา ดีที่ปฏิกิริยาว่องไว มิเช่นนั้นเจ้าสุนัขโง่ชื่อนายพลคงเข้ามาต่อปากต่อคำอีกแน่ น่ารำคาญเกินไปแล้ว

ส่วนผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงที่อยู่ตรงข้ามกลับฟังออกถึงความหมายในคำพูดของเจียงชิวไป๋ สีหน้าจึงเปลี่ยนไป

“จ้าววิหารเจียง เดินไปตามกำลังเถอะ อย่าได้ฝืนลิขิตฟ้าเลย” น้ำเสียงผู้ใช้คลื่นวารีเย็นเยือก “พวกเราทั้งสองให้โอกาสเจ้าไปแล้ว เมื่อครู่จึงไม่ได้ลงมือสังหาร…ฟ้านิจนิรันดร์เปิดออกแล้ว โอกาสอยู่ด้านใน ทุกคนต่างอาศัยความสามารถที่มี อย่าบีบให้พวกเราต้องลงมือสังหารเจ้าจริงๆ เลย”

กู้ป้านเซิงก็ยิ้มเย็นชาเช่นกัน

ก่อนหน้านี้พวกเขายังลังเลหวาดกลัว นั่นเพื่อจะเข้าสู่ฟ้านิจนิรันดร์ได้อย่างราบรื่น

แต่ตอนนี้ เจียงชิวไป๋กลับคิดจะหยุดไม่ให้พวกเขาก้าวเข้าประตูไป เช่นนั้นคงทำได้เพียงชี้ขาดเป็นตายเท่านั้น

เจียงชิวไป๋ค่อยๆ ยืนขึ้นด้วยขาข้างเดียว สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้าย “ฝืนลิขิตฟ้า? เหอะๆ ลืมบอกพวกเจ้าไป ในนี้ข้าก็คือฟ้า…เจ้าพวกคนนอกที่บุกรุกวิหารเทพหมาป่า ต้องตาย! พวกเจ้าที่ทำตัวเป็นสุนัขของมารนอกพิภพ ยังคิดจะเหยียบย่ำสู่ฟ้านิจนิรันดร์อีกหรือ? แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ คิดว่าจะยอมให้คนไร้ศักดิ์ศรีอย่างพวกเจ้ามาทำให้ด่างพร้อยหรือ? จะบอกพวกเจ้าตรงๆ แล้วกัน นับตั้งแต่เหยียบเข้ามาในวิหารเทพหมาป่า พวกเจ้าก็ไม่ต้องคิดว่าจะเดินออกไปอย่างมีลมหายใจแล้ว”

พูดจบ เขาลงมือทันที สะบัดฝ่ามือออกไปข้างหนึ่ง

พลังที่ไร้รูปร่างขุมหนึ่งพรั่งพรูออกมา ส่งซ่างกวนอวี่ถิงที่ไม่ทันตั้งตัวเข้าไปในประตูสีทองด้านหลังทันใด

เจ้านายพลตาสองสีก็ถูกม้วนเข้าไปด้วย

จากนั้น เจียงชิวไป๋คนเดียว หนึ่งขาหนึ่งแขน ยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ แสงสีทองทะลักออกมาจากด้านหลัง เขายืดหลังตรงยืนนิ่ง ใช้มือข้างเดียวที่เหลือกวักมือเรียก กล่าวว่า “มาเถอะ เก้ายอดคนใต้หล้า วันนี้ฟ้ากำหนดให้ต้องมีคนดับดิ้นแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+