จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 434 ประตูสวรรค์ทักษิณ

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 434 ประตูสวรรค์ทักษิณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตลอดทาง​ที่​เดิน​มา พวก​ของ​ห​ลี่​มู่ไม่พบ​ใคร​เลย​

ความ​ใหญ่โต​ของ​สุสาน​เทพ​แห่ง​นี้​ไม่สามารถ​จินตนาการ​ได้​ ราวกับ​เป็น​โลก​ใบ​เล็ก​อีก​ใบ​ก็​มิปาน​

“ใน​สุสาน​เทพ​ มีโอกาส​พรหมลิขิต​อะไร​อยู่​กัน​แน่​?” ห​ลี่​มู่อด​ถามขึ้น​ไม่ได้​ เขา​หา​คำตอบ​ด้าน​นี้​จาก​ความทรงจำ​ของ​เทพ​มาร​เพลิง​นิล​ไม่ได้​เลย​ รู้​เพียง​ว่า​ที่นี่​มีสิ่งที่​กระทั่ง​สำนัก​นอก​พิภพ​ยัง​ต้อง​น้ำลายสอ​

กัว​อวี่​ชิงตอบ​ “ว่า​กัน​ว่า​ ที่นี่​มีเทพเจ้า​หลับใหล​อยู่​หลาย​ร้อย​ ของ​สืบทอด​ อาวุธ​ และ​วิชา​ต่างๆ​ ของ​พวกเขา​ซ่อน​อยู่​ใน​วัง​สุสาน​ใต้ดิน​แห่ง​นี้​ เคย​มีคน​รอดชีวิต​ออก​มาจาก​สุสาน​เทพ​ ต่อมา​ขึ้น​ปกครอง​ดารา​ผืน​หนึ่ง​กว่า​พันปี​ และ​กลายเป็น​จ้าว​แห่ง​เขต​ดารา​ไป​…”

ห​ลี่​มู่ฟังแล้ว​ตกตะลึง​ “อะไร​นะ​? เดี๋ยวก่อน​?” เขา​จ้องมอง​พี่ชาย​ร่วม​สาบาน​ด้วย​สีหน้า​มึนงง​ เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “ที่​ที่​เทพเจ้า​หลับใหล​อยู่​หลาย​ร้อย​? ไม่ใช่แค่​องค์​เดียว​หรือ​”

“ไม่ใช่” กัว​อวี่​ชิงกล่าวตอบ​ “ตำรา​ต้องห้าม​ส่วนหนึ่ง​ของ​วิหาร​เทพ​หมาป่า​เคย​พูดถึง​เนื้อหา​บางส่วน​ ว่า​กัน​ว่า​ขุน​พลเทพ​ของ​ราชวงศ์​เทพ​โบราณ​สู้รบ​และ​ตาย​ลง​ที่นี่​ ไม่ใช่หลุมฝังศพ​ของ​เทพเจ้า​องค์​หนึ่ง​แต่อย่างใด​”

ห​ลี่​มู่เพิ่ง​ตระหนัก​ขึ้น​มาได้​ ที่มา​ของ​สุสาน​เทพ​อาจจะ​บ้าคลั่ง​เสีย​ยิ่งกว่า​ที่​ตนเอง​ประเมิน​ไว้​ก่อนหน้า​

เมื่อ​มาถึงใต้​กำแพงเมือง​ ประตูเมือง​สูงตระหง่าน​ราว​ภูเขา​ ยักษ์​สามารถ​เดินผ่าน​ไป​ได้​

สายตา​ของ​ห​ลี่​มู่จับจ้อง​ตัวอักษร​ใหญ่​สามตัว​ที่​แขวน​อยู่​ด้านบน​ประตูเมือง​ ละสายตา​ไม่ได้​อยู่​นาน​

ตัวอักษร​นั้น​คือ​…

ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​

นี่​ทำเอา​ห​ลี่​มู่ตกตะลึง​อย่าง​มาก​

เพราะ​อักษร​สามตัว​นี้​ สำหรับ​คนจีน​ทุกคน​แล้​วจะ​คุ้นเคย​เป็น​อย่าง​ดี​

ใน​ตำนาน​ไซอิ๋ว​ ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​เป็น​ประตู​ของ​วัง​สวรรค์​ และ​ใน​ตำนาน​อื่นๆ​ ของ​ลัทธิ​เต๋า​ ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​ก็​เป็น​ทางเข้า​จาก​แดน​มนุษย์​สู่แดน​เซียน​ บน​ดาว​โลก​ ทั้งหมด​นี้​มีฐานะ​ที่​พิเศษ​ใน​ใจของ​ชาว​จีน​

ประตูเมือง​ทางเข้า​สุสาน​เทพ​นี้​ก็​ชื่อ​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​?

เรื่อง​บังเอิญ​?

หรือว่า​มีอะไร​เกี่ยวข้อง​กัน​?

ห​ลี่​มู่สังเกต​อย่าง​ละเอียด​ แต่​ก็​ไม่พบ​อะไร​ประหลาด​

เพียงแต่​อักษร​สามตัว​นี้​ ลายมือ​มีชีวิตชีวา​ แข็งแกร่ง​ทรงพลัง​ แกะสลัก​อยู่​บน​ด้านบน​ประตู​ ตัวอักษร​เป็น​ร่อง​ลึก​ลง​ไป​ พอ​มอง​นาน​เข้า​ ห​ลี่​มู่รู้สึก​ว่า​มีความรู้สึก​รุนแรง​ดุดัน​ถาโถมเข้า​มาหา​ ราวกับ​ขวาน​ดาบ​ฟาด​ลงมา​ กาย​เนื้อ​แทบจะ​ปริ​แตก​ ต้อง​รีบ​เก็บ​สาย​ตากลับ​ทันที​

“เกิด​อะไร​ขึ้น​?” กัว​อวี่​ชิงมอง​ห​ลี่​มู่

ห​ลี่​มีส่ายหน้า​ “ไม่มีอะไร​”

ทั้งสอง​คน​เดิน​เข้า​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​ เข้าสู่​ด้านใน​เมือง​

ด้านใน​เป็น​ซากปรักหักพัง​ หอ​อาคาร​ที่​พังทลาย​ลงมา​ ถนนหนทาง​ที่​เสียหาย​ เทวรูป​ที่​ล้ม​พัง​ และ​ยังมี​แม่น้ำ​แห้งขอด​ ต้นไม้​ซึ่งกลายเป็น​หิน​ ความรู้สึก​วังเวง​จาก​การ​ถูก​กลืน​ด้วย​คลื่น​กาลเวลา​ถาโถมเข้ามา​

พวก​ห​ลี่​มู่ทั้งสอง​คน​ เพียง​ไม่นาน​ก็​พบ​กับ​สิ่งใหม่​

หอ​หลัง​หนึ่ง​พังทลาย​ลง​กว่า​ครึ่ง​ ดาบ​ยาว​หนึ่ง​เล่ม​ หอก​ใหญ่​อีก​หนึ่ง​เล่ม​ ยังคง​สภาพ​สมบูรณ์​ไว้​ ไม่มีร่องรอย​สนิม​สักนิด​ ส่อง​แสงสว่าง​วูบวาบ​ คม​มีด​เย็นเยียบ​ แบบ​ใน​การ​สร้าง​เป็น​เอกลักษณ์​ ไม่มีการสลัก​อักษร​ ไม่รู้​ที่มา​ ทว่า​จาก​พลัง​วิญญาณ​ที่​แฝงไว้​ด้านใน​ ชัดเจน​ว่า​ทั้งหมด​เป็น​สุดยอด​ของ​อาวุธ​เต๋า​

ห​ลี่​มู่หยิบ​ดาบ​ยาว​มา ด้าม​ดาบ​มีแพร​สีแดง​ที่​สะดุดตา​ ผ่าน​ไป​กว่า​พันปี​กลับ​ไม่ผุพัง​ บน​คม​ดาบ​มีสีแดงเข้ม​เป็น​จุด​ๆ ราวกับ​ถูก​เลือด​ย้อม​ เมื่อ​ส่งปราณ​แท้​เข้าไป​เล็กน้อย​ ค่าย​กล​ตราประทับ​เต๋า​ด้านใน​ตัว​ดาบ​ถูก​กระตุ้น​ทันใด​ เงาดาบ​ยาว​เกิน​กว่า​สามจั้งปรากฏ​ออกมา​ ประดุจ​อาวุธ​เทพ​ก็​มิปาน​

“ดา​บดี​” ห​ลี่​มู่เอ่ยปาก​ชม

คุณภาพ​ของ​ดาบ​นี้​อยู่​เหนือกว่า​ดาบ​วัฏจักร​และ​มิติ​เก็บ​ดาบ​เสีย​อีก​

ยิ่งไปกว่านั้น​ ยัง​เป็น​สิ่งที่​ไร้​เจ้าของ​

นี่​มัน​ง่าย​เกินไป​แล้ว​กระมัง​ พอ​เข้ามา​ก็​ได้รับ​สมบัติ​เช่นนี้​เลย​หรือ​?

ใน​มือ​กัว​อวี่​ชิงกำ​หอก​ยาว​ไว้​ ยาว​ราว​เจ็ด​ฉื่อ​ได้​ ความ​หนา​ขนาด​ไข่​ห่าน​ ลวด​ลายก้นหอย​ มีพู่​แดง​ คล้าย​กับ​อุปกรณ์​ใน​การ​เล่น​งิ้ว​บน​ดาว​โลก​ ทว่า​เขา​ลอง​สะบัด​ด้วย​มือเบา​ๆ ลาย​อาคม​ใน​ตัว​หอก​ถูก​กระตุ้น​ มังกร​ยักษ์​ตัว​หนึ่ง​คำราม​ออก​มาจาก​หอก​ พลานุภาพ​น่ากลัว​ สามารถ​โจมตี​ขั้น​เท​วะ​ได้​

และ​นี่​เขา​เพียงแค่​สะบัด​มัน​ส่งๆ เท่านั้น​

ทั้งสอง​คน​สบตา​กัน​ บน​ใบหน้า​มีแวว​ยินดี​ปรากฏ​ขึ้น​

นี่​เป็น​สมบัติ​ของแท้​แน่นอน​เลย​เชียว​

หาก​อยู่​ที่​โลก​ภายนอก​ก็​สามารถ​ทำให้​เก้า​ยอด​คน​จ้อง​ตาเป็นมัน​ เป็นได้​ถึงระดับ​สมบัติ​สำนัก​เทพ​เลย​ทีเดียว​ ทว่า​อยู่​ที่นี่​กลับเป็น​เหมือน​ขยะ​ข้างทาง​ แค่​เข้ามา​ใน​ซาก​หอ​ที่​พัง​ถล่ม​ก็​หา​เจอ​แล้ว​

หา​ต่อไป​

ทั้งสอง​คน​เริ่ม​ค้นหา​บริเวณ​รอบ​ๆ ซากปรักหักพัง​ผืน​นี้​

ไม่นาน​นัก​ก็​ได้รับ​กับ​สิ่งใหม่​มา

ห​ลี่​มู่พบ​โล่​สีดำ​อัน​หนึ่ง​ เกราะ​โซ่เหล็ก​ครึ่ง​ท่อน​บน​ชิ้น​หนึ่ง​ และ​ยังมี​เกราะ​หน้าอก​ที่​สมบูรณ์​ดี​อีก​ชิ้น​หนึ่ง​ ส่วน​กัว​อวี่​ชิงก็​พบ​หมวกเหล็ก​ใบ​หนึ่ง​ รองเท้า​สงคราม​คู่​หนึ่ง​ และ​เกราะ​ไหล่​อีก​คู่​ ล้วน​เป็น​ระดับ​สุดยอด​แห่ง​อุปกรณ์​เต๋า​ทั้งสิ้น​

นี่​เป็น​สมบัติ​ที่​นำมา​ช่วย​เพิ่ม​พลัง​ใน​ศึก​ครั้งนั้น​ได้​เลย​

ทั้งสอง​กวาด​ทั้งหมด​มาเป็น​ของ​ตัวเอง​อย่าง​ไม่เกรงอกเกรงใจ​

ผู้​แข็งแกร่ง​ทั้งสอง​คน​ที่​แต่เดิม​ทรงพลัง​สั่นสะเทือน​ฟ้าดิน​ การ​แต่งตัว​ใน​ตอนนี้​ดู​แล้ว​คล้าย​กับ​….ทหาร​หนี​สงคราม​อย่างไร​อย่างนั้น​

“พวกเรา​ทั้งสอง​ทำ​เช่นนี้​ ดู​ไม่ค่อย​จะมีอนาคต​เท่าไร​นะ​” กัว​อวี่​ชิงพูดว่า​ตนเอง​

ห​ลี่​มู่หัวเราะ​ฮี่ๆ มุมปาก​เหยียด​ออก​จนถึง​ใบ​หู​แล้ว​ พยักหน้า​เอ่ย​ตอบ​ “ใช่แล้ว​ รู้สึก​เหมือน​กระต่าย​พุ่ง​เข้าไป​ใน​ไร่​หัวไชเท้า​เลย​ มีแต่​สมบัติ​เต็มไปหมด​ แต่​ข้า​รู้สึก​ว่า​สิ่งของ​เหล่านี้​ล้วน​ถูก​คน​มองว่า​เป็น​ขยะ​ แล้วก็​ทิ้ง​เอาไว้​เฉย​ๆ”

กัว​อวี่​ชิงที่​ทิ้ง​มาด​ของ​จ้าว​วิหาร​เทพ​หมาป่า​ไป​นาน​แล้ว​พูดว่า​ “ข้า​ก็​คิด​เช่นนั้น​ พวกเรา​เหมือนกับ​พวก​เก็บ​ขยะ​…”

ห​ลี่​มู่กล่าว​ “ขยะ​เช่นนี้​ ต่อให้​มีอีก​เป็น​พัน​ข้า​ก็​เก็บ​หมด​”

กัว​อวี่​ชิงพยักหน้า​ “พูด​อีก​ก็​ถูก​อีก​”

“วะ​ฮ่ะๆๆๆๆๆ…”

ทั้งสอง​คน​หัวเราะ​ร่า​อย่าง​คน​ไม่มีอนาคต​อีกครั้ง​

ถ้าหาก​คนภายนอก​มอง​มา ก็​ยาก​ที่จะ​เชื่อได้​ว่า​จ้าว​วิหาร​เทพ​หมาป่า​กับ​ผู้​แข็งแกร่ง​อันดับ​หนึ่ง​หนึ่ง​ใน​ปัจจุบัน​อย่าง​ห​ลี่​มู่จะมาหัวเราะ​อย่าง​มีลับลมคมใน​เช่นนี้​

“เจ้าพวก​โง่เง่า” เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้าน​ข้าง​

พูด​อะไร​ก็ได้​อย่างนั้น​

ห​ลี่​มู่กับ​กัว​อวี่​ชิงหันหน้า​กลับ​ไป​มอง​

และ​ได้​พบ​กับ​ใบ​หน้าที่​ไม่คุ้นเคย​ห้า​คน​ กำลัง​บีบ​เข้า​มาจาก​สี่ทิศ​

ห้า​คน​นี้​ล้วน​สวม​ชุด​จอม​ยุทธ์​สีดำ​สนิท​ วัสดุ​ของ​ผ้า​พิเศษ​เฉพาะ​ ด้านบน​เหมือน​มีลายเส้น​เต๋า​สีทอง​ไหลเวียน​เดี๋ยว​ชัด​เดี๋ยว​เลือน​ ราวกับ​มีมังกร​ทอง​ซ่อน​อยู่​ใน​นั้น​ เห็นชัด​ว่า​เป็น​ชุด​คลุม​ที่​พบเห็น​ได้​ยาก​ นี่​ไม่ใช่จอม​ยุทธ์​บน​แผ่นดินใหญ่​เสิน​โจว​แน่นอน​ แต่​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ที่​มาจาก​สำนัก​นอก​พิภพ​

“ไม่คิด​ว่า​จะมีหนู​สอง​ตัว​โผล่​เข้ามา​ด้วย​” ชาย​ใน​ชุด​จอม​ยุทธ์​สีดำ​คน​หนึ่ง​ยิ้ม​เย็น​ สายตา​กวาด​มอง​ห​ลี่​มู่และ​กัว​อวี่​ชิง สีหน้า​ไม่เป็นมิตร​ ท่าที​ราวกับ​ล่าสัตว์​เปิดเผย​ออกมา​อย่าง​เต็มที่​

สี่คน​ที่​เหลือ​ล้อม​เข้า​มาจาก​ทิศ​ที่​ต่างกัน​

“ถอด​สมบัติ​หมวก​เกราะ​ต่างๆ​ บน​ตัว​ของ​พวก​เจ้าออกมา​ให้​หมด​ ทิ้ง​มัน​มานี่​” ชาย​ชุด​ดำ​ร่าง​อ้วน​เตี้ย​อีก​คน​หนึ่ง​ตะคอก​อย่าง​ไม่เกรงใจ​

“พวก​เจ้าจะทำ​อะไร​?” ห​ลี่​มู่แอบ​ส่งสายตา​ให้​กัว​อวี่​ชิงอย่าง​แนบเนียน​ จากนั้น​ทำ​ท่าทาง​ลนลาน​ทำ​อะไร​ไม่ถูก​

ชาย​ชุด​ดำ​จมูก​เหยี่ยว​อีก​คน​หัวเราะ​เย็นชา​ เอ่ย​ว่า​ “ที่นี่​ไม่ใช่สถานที่​ที่​โจร​อย่าง​พวก​เจ้าจะเข้ามา​ ทิ้ง​ของ​ที่​หา​เจอ​เอาไว้​ แล้ว​ฆ่าตัวตาย​เสีย​”

“พวก​เจ้าเป็น​ใคร​กัน​?” ห​ลี่​มู่ถามอีก​อย่าง​ ‘ลนลาน​’

ชาย​ชุด​ดำ​ร่าง​ผอม​สูงที่​เป็น​หัว​หน้ายิ้ม​เย็นชา​กล่าวว่า​ “พวก​ข้า​เป็น​ถึงเทพ​บน​สวรรค์​ เป็น​เจ้าผู้ปกครอง​…พูด​ไป​แมลง​ต่ำต้อย​จาก​โลก​เบื้องล่าง​อย่าง​พวก​เจ้าสอง​คน​ก็​ไม่เข้าใจ​ ไม่อยาก​ตาย​อย่าง​ทรมาน​ก็​จัดการ​ตนเอง​เสียเถอะ​”

“มีสิทธิ์​อะไร​กัน​ สมบัติ​ใน​นี้​ คน​ที่​มีวาสนา​ก็ได้​ไป​ก่อน​สิ ใครๆ​ ก็​มาเอา​ไป​ได้​” ห​ลี่​มู่ใช้คำ​พูดตาม​สูตร​เดิม​ “พวก​เจ้าเป็น​ใคร​กัน​แน่​ ทำไม​ต้อง​ทำการ​ด้วย​อำนาจบาตรใหญ่​เช่นนี้​? ทำไม​ไม่ว่า​กัน​ด้วย​เหตุผล​?”

“มีวาสนา​ก็ได้​ไป​? ฮ่าๆ” ชาย​ชุด​ดำ​ร่าง​อ้วน​เตี้ย​หัวเราะ​ร่า​ จากนั้น​เดิน​อาด​เป็น​วานร​เข้ามา​ “ไร้สาระ​ ผู้​แข็งแกร่ง​สิถึงจะได้​ไป​ พวก​ข้า​คือ​เทพเจ้า​ เทพ​ทำไม​จะต้อง​ว่า​เรื่อง​เหตุผล​กับ​มด​ปลวก​เช่น​พวก​เจ้า?”

หนึ่ง​หมัด​ซัด​ออกมา​

พลัง​ของ​ชาย​วานร​อ้วน​เตี้ย​น่ากลัว​ไร้​ใด​เทียม​ วิชา​หมัด​สูงส่ง หนึ่ง​หมัด​ซัด​เอา​อากาศ​เบื้องหน้า​ใน​ระยะ​หลาย​จั้งยุบ​ลง​ไป​จน​เห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​

นี่​คือ​พลัง​ที่​ต้อง​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ของ​สำนัก​นอก​พิภพ​ถึงจะมีได้​

“เฮ้อ​ ทำไม​ต้อง​ทำ​เช่นนี้​…” ห​ลี่​มู่ซัด​หนึ่ง​หมัด​ออก​ไป​ปะทะ​ เอ่ย​ว่า​ “ทุกคน​มาว่า​กัน​ด้วย​เหตุผล​ดีกว่า​ไหม​?”

ชาย​ชุด​ดำ​สี่คน​ที่​เหลือ​ เมื่อ​เห็น​ฉาก​นี้​ใบหน้า​ก็​ปรากฏ​รอยยิ้ม​เหี้ยมเกรียม​ กา​ยา​ทอง​กำเนิด​ฟ้าของ​ศิษย์​น้อง​หนิง​อยู่​ใน​ระดับ​สามสมบูรณ์​แล้ว​ ใน​บรรดา​ศิษย์​ด้วยกัน​จัด​อยู่​ใน​ห้า​อันดับ​แรก​ เจ้าคนพื้นเมือง​ต่ำต้อย​ผู้​นี้​กล้า​มาปะทะ​หมัด​กับ​ศิษย์​น้อง​หนิง​หรือ​?

ตูม​!

คลื่น​พลัง​สั่นสะเทือน​

แสงเลือด​ปลิว​ว่อน​ กระดูก​ขาว​ราว​ฟอง​

เป็น​ภาพ​ที่​คาดการณ์​ไว้​

ทว่า​ สีหน้า​ของ​ชาย​ชุด​ดำ​ทั้ง​สี่เปลี่ยนไป​ราว​เห็น​ผี​ใน​พริบตา​ รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ค้าง​แข็ง​ เพราะ​ฝ่าย​ที่​ถูก​หมัด​ชก​จน​ระเบิด​ไม่ใช่คนพื้นเมือง​ใน​สายตา​พวกเขา​ แต่​เป็น​ศิษย์​น้อง​หนิง​ที่​มีกา​ยา​ทอง​กำเนิด​ฟ้าระดับ​สามสมบูรณ์​ต่างหาก​

“ศิษย์​น้อง​หนิง​…มารดา​มัน​ เจ้าเด็ก​คน​นี้​มัน​ร้ายกาจ​ ช่วยกัน​บุก​เลย​” ชาย​ชุด​ดำ​จมูก​เหยี่ยว​โกรธ​จน​หน้าแดง​ ตบ​ลง​ตรง​เอว​ แสงกระบี่​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​ฟาดฟัน​ไป​ทาง​ห​ลี่​มู่

ชาย​ชุด​ดำ​สามคน​ที่​เหลือ​ก็​ต่าง​หยิบ​อาวุธ​ของ​ตัวเอง​ออกมา​ มอง​ห​ลี่​มู่เป็น​ภัย​คุกคาม​ใหญ่หลวง​ ก่อน​จะตรง​เข้า​โจมตี​สังหาร​เขา​

กัว​อวี่​ชิงส่ายหน้า​อย่าง​หมด​คำพูด​

ตึง​ๆๆๆ!

เสียง​หนัก​ๆ ดึง​ขึ้น​สี่ครั้ง​

ห​ลี่​มู่ซัด​ไป​คนละ​หมัด​ จน​ชาย​ชุด​ดำ​ทั้ง​สี่คน​ล้มคะมำ​ลง​ไป​คลุกฝุ่น​กับ​พื้น​ ไม่ได้​ใช้วิชา​กระบวนท่า​อะไร​ทั้งสิ้น​ ใช้แรง​หลุนๆ​ ซัด​ลง​ไป​เท่านั้น​

เหมือนกับ​บิดา​ตี​ลูกชาย​

ชาย​ชุด​ดำ​สี่คน​มึนงง​กัน​หมด​

เกิด​อะไร​ขึ้น​?

ก็​แค่​คนพื้นเมือง​เท่านั้น​ ทำไม​…จึงร้ายกาจ​ขนาด​นี้​?

ความ​เป็นต่อ​ของ​พวกเขา​ถูก​ทำลาย​ป่นปี้​ใน​พริบตา​

ห​ลี่​มู่ก็​ไม่พูด​อะไร​ หลังจาก​ซัด​จน​ล้มคะมำ​ก็​เข้าไป​รัว​ค้อน​ชุด​หนึ่ง​ หมัด​และ​ฝ่ามือ​ราว​พายุฝน​กระหน่ำ​ โจมตี​ผู้ฝึก​วิชา​นอก​พิภพ​สี่คน​ที่​ยัง​ไม่ทัน​จะตั้งสติ​จน​หน้า​ปูด​เป็น​หัวหมู​ จมูก​ช้ำหน้า​บวม​ ปาก​เบี้ยว​ตา​เอียง​…

“เดี๋ยว​…เดี๋ยวก่อน​ หยุด​มือ​…” จมูก​เหยี่ยว​คน​นั้น​มึนงง​สุดขีด​แล้ว​

ข้า​คือ​ใคร​?

ข้า​อยู่​ที่ไหน​?

แล้ว​ทำไม​ถึงมาโจมตี​ข้า​กัน​?

“บอก​ให้​ว่า​กัน​ด้วย​เหตุผล​ พวก​เจ้าก็​ไม่ฟัง แล้ว​ยัง​จะมาอวดดี​ใส่ข้า​อีก​” ห​ลี่​มู่รัว​หมัด​ ซัด​ผู้ฝึก​ตน​ชุด​ดำ​ทั้ง​สี่คนจน​รวบรวม​ปราณ​แท้​ทั่ว​ร่าง​ไม่ได้​ เพิ่งจะ​ตะกาย​ขึ้น​มาก็​ถูก​อีก​หมัด​ชก​จน​ล้ม​ พอ​ลุกขึ้น​ก็​โดน​หมัด​จน​ล้ม​ลง​ไป​อีก​

ผู้ฝึก​ตน​นอก​พิภพ​ที่​สูงส่งทั้ง​สี่เคย​เห็น​วิธี​การต่อสู้​เช่นนี้​เสีย​ที่ไหน​?

นี่​ไม่ใช่การต่อสู้​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​แม้แต่น้อย​ แต่​เป็น​การทะเลาะ​กัน​ข้าง​ถนน​เสีย​มากกว่า​ จน​ท้ายสุด​ ผู้ฝึก​ตน​ทั้ง​สี่หน้า​ปูด​บวม​จน​เหมือน​หัวหมู​ ปราณ​แท้​ทั่ว​ร่าง​ถูก​ซัด​จน​กระจัดกระจาย​ กระดูก​ทั่ว​ร่าง​ไม่รู้​หัก​ไป​กี่​ท่อน​ จะลุก​ก็​ลุก​ไม่ไหว​แล้ว​

“พอแล้ว​ หยุด​ตี​ได้​แล้ว​” ชาย​จมูก​เหยี่ยว​เปล่ง​เสียงแหลม​

“หยุด​ หยุด​มือ​…ไม่เอา​แล้ว​” ชาย​ผอม​สูงใบหน้า​เต็มไปด้วย​เลือด​ ยก​มือขึ้น​ขณะ​พังพาบ​กับ​พื้น​

ใจของ​พวกเขา​พังทลาย​ไป​แล้ว​ คนพื้นเมือง​ผู้​นี้​เลว​จริงๆ​ เอาแต่​ชก​ที่​หน้า​ ชก​จนกระทั่ง​บุพการี​ก็​ไม่รู้จัก​พวกเขา​แล้ว​ เป็น​ผู้ฝึก​ตน​แห่ง​ทางช้างเผือก​มา ตอน​ไหน​กันที่​ถูก​คน​ซัด​เสีย​น่วม​เช่นนี้​

“พวกเรา​มาว่าด้วย​เหตุผล​กัน​ดีกว่า​ มาว่าด้วย​เหตุผล​กัน​” ชาย​จมูก​เหยี่ยว​น้ำตา​น้ำมูก​ไหล​ออกมา​หมด​ ไม่ใช่ว่า​เขา​อยาก​จะร้องไห้​ แต่​เพราะ​ถูก​ซัด​จน​ร่างกาย​ทนไม่ไหว​และ​แสดงปฏิกิริยา​ออกมา​ตาม​ธรรมชาติ​

“พูด​เรื่อง​เหตุผล​อะไร​?” ห​ลี่​มู่พูด​ขึ้น​อย่าง​เหยียด​ๆ “ใคร​อยาก​จะพูด​เรื่อง​เหตุผล​กับ​พวก​เจ้ากัน​?”

ชาย​ชุด​ดำ​ทั้ง​สี่เอ่ย​ไม่ออก​

เจ้าเป็น​คน​บอ​กว่า​จะคุย​ด้วย​เหตุผล​นี่​นา​

ห​ลี่​มู่เอ่ย​ “ข้า​เล่นงาน​พวก​เจ้าได้​ หมัด​ของ​ข้า​ใหญ่​กว่า​ของ​พวก​เจ้า แข็ง​กว่า​ของ​พวก​เจ้า แล้ว​ยัง​จะให้​พูด​เรื่อง​เหตุผล​อะไร​กับ​พวก​เจ้าอีก​? ข้า​ไม่ได้​โง่เสียหน่อย​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด