จอมศาสตราพลิกดารา 261 ตราดัชนีทอง

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 261 ตราดัชนีทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กร๊อบ!

ท่ามกลางเสียงดังกังวาน โล่แสงตราหยกพร่างพรายทลายลงเป็นชิ้นๆ แทบจะในชั่วเสี้ยวพริบตา

จากนั้นร่างของซ่างกวนอวี่ถิงก็กะพริบแสงสีต่างๆ ไม่หยุด พลังคุ้มกันแปลกประหลาดแต่ละอย่างปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ แต่สุดท้ายก็ยากจะต้านทานตราดัชนีที่พลังทำลายท้องฟ้านั่นได้

ตราสีทองที่ราวดัชนีแห่งเทพกระแทกเข้ากับร่างของซ่างกวนอวี่ถิง

ภาพเหมือนจะหยุดนิ่งไปในทันที

แสงประกายสีทองที่กะพริบอยู่ดุจตราดัชนีพุ่งลงมาจากสวรรค์ ปะทะร่างของซ่างกวนอวี่ถิงราวกับบี้มดอย่างไรอย่างนั้น และในเสี้ยวขณะนี้เอง เลือดพุ่งออกมาจากหูตาจมูกปากของนางดั่งหมอกเลือด จากนั้นจึงถูกประกายสีทองราวแสงเพลิงแผดเผาทันที!

นี่เป็นภาพที่โหดร้ายนัก

ใบหน้าของซ่างกวนอวี่ถิงอึ้งงัน

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีทำลายล้างเช่นนี้มาอย่างกะทันหันมาก เมื่อครู่นางจับสังเกตถึงจิตสังหารได้รางๆ จึงตั้งตัวป้องกัน แต่กลับไร้ประโยชน์ ตราดัชนีทองแฝงไว้ด้วยพลังฟ้าดิน นางในตอนนี้ไม่อาจต้านทานได้เลย

อากาศเหมือนจะแข็งค้างไปในชั่วขณะ

การเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์หรือเสียงวิหคสวรรค์ล้วนคาดไม่ถึงทั้งสิ้น

เวลาเพียงชั่วพริบตา จิ้งจอกขาวตัวน้อยต๋าจี่ที่เกาะอยู่บนไหล่ของซ่างกวนอวี่ถิงหันไปแยกเขี้ยวยิงฟันร้องขู่ดัชนีทอง แต่แทบจะในขณะเดียวกัน ก็ถูกสะเทือนออกไปกระแทกกำแพงที่อยู่ไกลๆ อย่างรุนแรงจนเกิดเป็นโพรง เป็นตายไม่อาจรู้ได้

ส่วนเสือดำเบญจมาศที่อยู่ใกล้กับซ่างกวนอวี่ถิงมากที่สุด ด้วยความต่างของพลังจึงไม่ทันได้ตั้งตัวเลย พลังกลุ่มนั้นเฉียดผ่านไป ร่างของมันตั้งแต่ครึ่งท่อนล่างลงไปราวกับถูกแสงเพลิงทองหลอมละลาย

ประหนึ่งว่าชั่วพริบตานี้เหมือนหนึ่งศตวรรษ

สุดท้าย แสงเพลิงตราดัชนีทองค่อยๆ สลายไป ทุกอย่างถึงจะเหมือนกลับคืนสู่ปกติ

ร่างของฮวาเสี่ยงหรงสูญเสียพลังยืนหยัด หงายหลังล้มตึงไปช้าๆ

ผมยาวดำขลับเหมือนเมฆดำปลิวสยาย กระเซอะกระเซิงท่ามกลางสายลม

“พี่ฮวา…” ใบบรรดาคนทั้งหมด เหลยอินอินเป็นคนแรกที่ตั้งสติกลับมาได้ นางพุ่งออกมารับร่างของซ่างกวนอวี่ถิงที่ใกล้จะร่วงกระแทกพื้นเต็มทีไว้

นางเอามืออังจมูก ยังมีลมหายใจอยู่แผ่วๆ

แต่ซ่างกวนอวี่ถิงเข้าสู่สภาวะหมดสติอย่างสิ้นเชิง

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นดั่งความฝัน ตราดัชนีแห่งเทพของแสงเพลิงทองแผ่ขยายมากะทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่น้อย ความแข็งแกร่งของพลังเกินกว่าจินตนาการของทุกคน ไม่ใช่พลังในโลกมนุษย์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นการลงทัณฑ์จากเทพที่มาจากสรวงสวรรค์

ในขอบเขตระยะหลายลี้ สรรพชีวิตทั้งหมดล้วนระแวดระวัง วิญญาณสั่นสะท้าน

“พี่ฮวา…” เหลยอินอินกอดซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้ด้วยสีหน้าร้อนรน

นอกจากลมหายใจ ชีพจรของซ่างกวนอวี่ถิงยังเหลืออยู่แผ่วเบา ไม่ขาดไปอย่างสิ้นเชิง แต่ร่องรอยของชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ เหลยอินอินเป็นจอมยุทธ์ พลังไม่สูง แต่หากวิเคราะห์สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดในเสี้ยวขณะก็ไม่เป็นปัญหา

“นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?” เฮ่ออวิ๋นเสียงก็อยู่ในสภาวะงงงัน

เขาหันกลับไปมองเถี่ยจ้านและผู้แข็งแกร่งสำนักดับนิวรณ์คนอื่นๆ ทุกคนต่างอยู่ในสภาวะอึ้งตะลึงไปเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่เข้าใจสถานการณ์

พวกเจ้าสำนักบัณฑิตชวีพุ่งมาล้อมซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้

ครึ่งร่างของเสือดำเบญจมาศถูกพลังที่น่ากลัวนั้นหลอมละลายทันที เห็นได้ชัดว่าไม่รอดแล้ว ไม่มีลมหายใจอีก แต่จิ้งจอกขาวที่น่าจะได้รับการโจมตีหนักยิ่งกว่ากลับปีนออกมาจากกำแพง ดิ้นรนคลานมายังข้างกายซ่างกวนอวี่ถิง ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด ขณะร้องจิ้วๆ น้ำตาก็ตกลงบนร่างของนาง…

เฮ่อวิ๋นเสียงอึ้งไปขณะหนึ่ง จากนั้นพลันตั้งสติกลับมา

นี่เป็นโอกาสอันดีนี่นา

จอมมารจันทราโลหิตหนีไป ฮวาเสี่ยงหรงบาดเจ็บสาหัสหมดสติ คนที่เหลือจะมีใครต้านทานเขาได้?

นี่ไม่ใช่โอกาสหายากที่จะจับหลูติ่งชั้นยอดอย่างเหลยอินอินหรอกหรือ? อีกทั้งฮวาเสี่ยงหรงก็เป็นสาวงามชั้นยอด ต่อให้สลบไสล แต่อย่างไรก็ยังไม่ตาย ยังคงลิ้มรสได้อยู่…

เขาแอบส่งสัญญาณให้กับยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ที่อยู่ข้างๆ

ยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์รับรู้ จึงล้อมเข้ามาอย่างเงียบงัน

“พวกเจ้าจะทำอะไร?” เหลยอินอินหวาดระแวง เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็ตวาดไปทันที

เฮ่ออวิ๋นเสียงเห็นดังนั้นก็พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม หัวเราะเหี้ยมเกรียมและกล่าวว่า “ทำอะไรรึ หึๆ เจ้าว่าอย่างไรเล่า? ตอนนี้ยังจะมีใครคุ้มกะลาหัวเจ้าได้ หลี่มู่ต้องตายด้วยเงื้อมมือ ‘เทพสังหารผมสีชาด’ อาจารย์ของข้าแล้วเป็นแน่ เจ้าจะต้องกลายเป็นหลูติ่งของข้า ฮี่ๆ…”

คนของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์โกรธแค้นจนถึงขีดสุดทันที เตรียมจะสู้สุดชีวิต

และในตอนนี้เอง แผ่นดินพลันสั่นราวเกิดแผ่นดินไหว

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างตื่นตะลึง อกสั่นขวัญแขวนอีกรอบ

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงมากมายไม่หยุดหย่อน ใครก็ไม่อาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก…

ไม่นานนัก ร่างเงาหนึ่งก็ร่วงลงจากฟ้ามายังหน้าประตูสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ราวดาวตก

ร่างสูงโปร่ง ผมสั้นสีดำ

ไม่ใช่หลี่มู่แล้วจะเป็นใคร?

เฮ่ออวิ๋นเสียงแค่เห็น ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ

ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ทำไมคนที่กลับมาถึงเป็นหลี่มู่?

หลี่มู่ทำไมมีชีวิตกลับมา เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่า…

เขาร้องเสียงดัง “หลี่มู่ อาจารย์ข้าอยู่ที่ไหน?”

หลี่มู่ขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่เป็นสุขบางอย่าง เขารู้สึกถึงพลังมหาศาลที่น่ากลัวกลุ่มนั้นมาแต่ไกล เขาลงมาที่พื้น กวาดมองไปรอบด้าน และพลันรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ สายตาเขาหยุดอยู่ที่ร่างซ่างกวนอวี่ถิงซึ่งสลบไสลท่ามกลางฝูงชน แค่เห็นก็หน้าเปลี่ยนสี “เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณชายหลี่ ท่านกลับมาแล้ว…รีบช่วยพี่ฮวาเร็วเข้า…” เหลยอินอินพูดอย่างร้อนใจ

ภาพเบื้องหน้าทุกคนพร่าเลือน

ฟุ่บ

หลี่มู่มาถึงข้างกายซ่างกวนอวี่ถิง แล้วกอดนางเอาไว้

เมื่อใช้พลังจิตวิญญาณตรวจดู ภายใต้การกวาดมองจากเนตรสวรรค์ หลี่มู่ก็รู้อาการบาดเจ็บทุกอย่าง

บาดเจ็บสาหัสมาก

ไม่ใช่แค่อวัยวะภายในสะเทือนจนแหลก แม้แต่สมองยังได้รับบาดเจ็บหนัก สิ่งที่ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ฝึกฝนคือหนีหวานกง พูดได้ว่าเป็นทะเลความรู้สึกของมนุษย์ หากสมองได้รับบาดเจ็บสาหัส หนีหวานกงแหลกทลาย ทะเลความรู้สึกสั่นคลอนเสียหาย หมายความว่าพลังฝึกวิชาเวทที่ซ่างกวนอวี่ถิงฝึกฝนหลายวันมานี้ถูกทำลายหมดแล้ว

สำหรับคนทั่วไป อาการบาดเจ็บเช่นนี้พูดได้ว่าจบชีวิตคนคนหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ซ่างกวนอวี่ถิงยังไม่ตาย

ขอแค่ไม่ตาย ก็ยังมีหวังที่จะช่วยชีวิตกลับมา

ในใจของหลี่มู่ทั้งตกใจทั้งโมโห ทั้งปวดใจทั้งยากจะเชื่อได้

ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้?

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?

จากนั้น เขาก็มองไปยังเสือดำเบญจมาศที่สูญเสียครึ่งท่อนล่างไป ในดวงตาหลงเหลือประกายเสี้ยวสุดท้าย อาการบาดเจ็บเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าหนักเกินยื้อไว้ เมื่อเห็นหลี่มู่ แววตาของมันก็ฉายแววโล่งใจ ก่อนจะสงบนิ่งลง สุดท้ายจึงคอตก หมดซึ่งลมหายใจอย่างสมบูรณ์

หลี่มู่โศกเศร้าสาหัสนัก

“จิ้วๆ จิ้วๆๆๆ…” ลูกจิ้งจอกขาวน้อยต๋าจี่กระดูกขาหลังหัก คลานอยู่บนพื้น ขนขาวย้อมไปด้วยเลือด มันเกาะชายเสื้อของหลี่มู่พลางร้องอย่างโศกเศร้า

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?” หลี่มู่ตาแดงก่ำดุจย้อมด้วยเลือด

จิตสังหารพลุ่งพล่านในใจของหลี่มู่

กลิ่นอายที่ชวนให้คนหวาดผวาแผ่ออกมาจากร่างของเขา

พวกเหลยอินอินก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวเป็นระลอก แล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คร่าวๆ รอบหนึ่ง

“ตราดัชนีทอง…เป็นพลังฟ้าดิน ในอากาศของที่นี่ยังมีพลังฟ้าดินหลงเหลืออยู่…” เนตรสวรรค์ของหลี่มู่เบิกขึ้นกวาดมองรอบด้าน ถึงแม้จะไม่อาจจับกลิ่นอายได้อีก แต่ก็ยืนยันได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ลอบโจมตี

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

ในหัวของหลี่มู่ผุดความคิดขึ้นมามากมาย

ขั้นเหนือมนุษย์คนไหนเลวทรามต่ำช้าถึงขั้นลงมือลอบโจมตีคนรุ่นหลัง?

เขาไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เขามอบของวิเศษคุ้มกายต่างๆ ไว้ให้ซ่างกวนอวี่ถิงมากมาย ต่อให้ผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานสูงสุดปรากฏตัวขึ้น และโจมตีเต็มกำลัง ก็ไม่มีทางทำร้ายนางได้ถึงขั้นนี้ อย่างน้อยก็ไม่พ่ายแพ้ แต่ทำไมถึงมีผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ลงมือได้?

เป็นใครกัน?

หลี่มู่คิดไม่ออก

“หลี่มู่ เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของข้า? ท่านอยู่ที่ไหน?” เฮ่ออวิ๋นเสียงกล่าวเสียงสั่น ถามเสียงดัง “ทำไมถึงมีแต่เจ้าคนเดียวที่กลับมา…” ท่าทางของเขาค่อนข้างคลุ้มคลั่ง นี่ไม่ใช่เขาเป็นห่วงอาจารย์ของตัวเองอะไร แต่เขาใกล้จะบ้าจากการคาดเดาอันน่ากลัวในใจเต็มทีแล้ว

หลี่มู่หันหน้ามา ในดวงตามีจิตสังหารชวนขนลุกหมุนวน “ตายแล้ว”

“อะไรนะ?” เฮ่ออวิ๋นเสียงได้ยินแล้วก็ตกใจจนแทบบ้า “ไม่มีทาง เจ้า…”

“เจ้าก็ตามเขาไปแล้วกัน…ตาย” หลี่มู่ดวงตาแดงก่ำ

ภายใต้ความโกรธเคือง เขาคร้านจะพูดกับคนสารเลวคนนี้ให้มากความ พลังจิตวิญญาณปะทุ เศษดาบวัฏจักรชิ้นที่ใหญ่ที่สุดประมาณยี่สิบฉื่อที่เก็บเอาไว้พุ่งออกมาจากมิติเก็บของราวสายฟ้า ก่อนวนรอบคอเฮ่ออวิ๋นเสียง ตัดศีรษะเขาในพริบตา

ตุบ!

ศีรษะร่วงลงพื้น

ยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ที่อยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดี ก็หมุนตัวหนีไปทันที

ทว่า เศษดาบวัฏจักรบินพุ่งออกไปรวดเร็วราวสายฟ้า สังหารยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ประหนึ่งเสียบถังหูลู่ ที่ตรงนั้นไม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว

รับมือกับจอมยุทธ์แบบนี้ กระบวนท่าดาบเหินหาวเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน สังหารได้ในพริบตา

“เจ้า…” เจ้าสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์เถี่ยจ้านตกใจจนขาสั่น

หลี่มู่กวาดตามอง “เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน”

แสงดาบเพียงกะพริบวาบ

ศีรษะเถี่ยจ้านขาดกระเด็น

“อ๋า?”

คนของสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ตกใจจนขวัญหนี

หลี่มู่ในตอนนี้นัยน์ตาแดงก่ำ หน้าตาน่ากลัว ราวกับเทพสังหารจากนรกมาเยือนโลก ชวนให้คนหวาดกลัว

เศษดาบวัฏจักรแหวกท้องฟ้ามาดั่งสายอัสนี แต่เมื่อใกล้จะแทงทะลุหน้าผากของลูกศิษย์หนุ่มสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์คนหนึ่งก็พลันหยุดลง

“อย่าฆ่าข้า…” ลูกศิษย์หนุ่มคนนั้นอายุประมาณสิบห้าสิบหกเท่านั้น เขาหลับตากรีดร้อง

“คุณชายหลี่…” เหลยอินอินเป็นห่วงสภาพของหลี่มู่ยิ่งนัก

ฟุ่บ!

เศษดาบวัฏจักรบินกลับมา

“เจ้าสำนักชวี รบกวนพวกท่านส่งร่างของเสือดำมายังเรือนซอมซ่อให้ข้าด้วย” หลี่มู่อุ้มซ่างกวนอวี่ถิงและจิ้งจอกสีขาวตัวน้อยต๋าจี่ที่ร้องอย่างเศร้าโศกอยู่ข้างๆ ไว้ในอ้อมกอด ก่อนกระตุ้นวิชาเวทลม ข้างหลังมีปีกคู่หนึ่งงอกขึ้นมา แล้วพุ่งไปยังเรือนซอมซ่อเหมือนลำแสง

ซ่างกวนอวี่ถิงยังมีหนทางรอด

หลี่มู่คิดได้วิธีหนึ่ง

ดังนั้น รีบกลับไปช่วยคนก่อนสำคัญกว่า

แต่อย่างไร แค้นนี้ก็ต้องชำระ

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ข้ารู้ว่าเจ้าต้องแอบมองอยู่ในที่ลับตาแน่ เจ้าจะต้องเสียใจ เชื่อข้า ข้าจะต้องหาเจ้าจนเจอแล้วสังหารเจ้าเสีย…ข้าขอสาบานด้วยชื่อของซินแสเฒ่า”

เสียงที่หลี่มู่ทิ้งเอาไว้ดังสะท้อนเหนือสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ราวสายฟ้าเทพ

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 261 ตราดัชนีทอง

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 261 ตราดัชนีทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กร๊อบ!

ท่ามกลางเสียงดังกังวาน โล่แสงตราหยกพร่างพรายทลายลงเป็นชิ้นๆ แทบจะในชั่วเสี้ยวพริบตา

จากนั้นร่างของซ่างกวนอวี่ถิงก็กะพริบแสงสีต่างๆ ไม่หยุด พลังคุ้มกันแปลกประหลาดแต่ละอย่างปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ แต่สุดท้ายก็ยากจะต้านทานตราดัชนีที่พลังทำลายท้องฟ้านั่นได้

ตราสีทองที่ราวดัชนีแห่งเทพกระแทกเข้ากับร่างของซ่างกวนอวี่ถิง

ภาพเหมือนจะหยุดนิ่งไปในทันที

แสงประกายสีทองที่กะพริบอยู่ดุจตราดัชนีพุ่งลงมาจากสวรรค์ ปะทะร่างของซ่างกวนอวี่ถิงราวกับบี้มดอย่างไรอย่างนั้น และในเสี้ยวขณะนี้เอง เลือดพุ่งออกมาจากหูตาจมูกปากของนางดั่งหมอกเลือด จากนั้นจึงถูกประกายสีทองราวแสงเพลิงแผดเผาทันที!

นี่เป็นภาพที่โหดร้ายนัก

ใบหน้าของซ่างกวนอวี่ถิงอึ้งงัน

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีทำลายล้างเช่นนี้มาอย่างกะทันหันมาก เมื่อครู่นางจับสังเกตถึงจิตสังหารได้รางๆ จึงตั้งตัวป้องกัน แต่กลับไร้ประโยชน์ ตราดัชนีทองแฝงไว้ด้วยพลังฟ้าดิน นางในตอนนี้ไม่อาจต้านทานได้เลย

อากาศเหมือนจะแข็งค้างไปในชั่วขณะ

การเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์หรือเสียงวิหคสวรรค์ล้วนคาดไม่ถึงทั้งสิ้น

เวลาเพียงชั่วพริบตา จิ้งจอกขาวตัวน้อยต๋าจี่ที่เกาะอยู่บนไหล่ของซ่างกวนอวี่ถิงหันไปแยกเขี้ยวยิงฟันร้องขู่ดัชนีทอง แต่แทบจะในขณะเดียวกัน ก็ถูกสะเทือนออกไปกระแทกกำแพงที่อยู่ไกลๆ อย่างรุนแรงจนเกิดเป็นโพรง เป็นตายไม่อาจรู้ได้

ส่วนเสือดำเบญจมาศที่อยู่ใกล้กับซ่างกวนอวี่ถิงมากที่สุด ด้วยความต่างของพลังจึงไม่ทันได้ตั้งตัวเลย พลังกลุ่มนั้นเฉียดผ่านไป ร่างของมันตั้งแต่ครึ่งท่อนล่างลงไปราวกับถูกแสงเพลิงทองหลอมละลาย

ประหนึ่งว่าชั่วพริบตานี้เหมือนหนึ่งศตวรรษ

สุดท้าย แสงเพลิงตราดัชนีทองค่อยๆ สลายไป ทุกอย่างถึงจะเหมือนกลับคืนสู่ปกติ

ร่างของฮวาเสี่ยงหรงสูญเสียพลังยืนหยัด หงายหลังล้มตึงไปช้าๆ

ผมยาวดำขลับเหมือนเมฆดำปลิวสยาย กระเซอะกระเซิงท่ามกลางสายลม

“พี่ฮวา…” ใบบรรดาคนทั้งหมด เหลยอินอินเป็นคนแรกที่ตั้งสติกลับมาได้ นางพุ่งออกมารับร่างของซ่างกวนอวี่ถิงที่ใกล้จะร่วงกระแทกพื้นเต็มทีไว้

นางเอามืออังจมูก ยังมีลมหายใจอยู่แผ่วๆ

แต่ซ่างกวนอวี่ถิงเข้าสู่สภาวะหมดสติอย่างสิ้นเชิง

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นดั่งความฝัน ตราดัชนีแห่งเทพของแสงเพลิงทองแผ่ขยายมากะทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่น้อย ความแข็งแกร่งของพลังเกินกว่าจินตนาการของทุกคน ไม่ใช่พลังในโลกมนุษย์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นการลงทัณฑ์จากเทพที่มาจากสรวงสวรรค์

ในขอบเขตระยะหลายลี้ สรรพชีวิตทั้งหมดล้วนระแวดระวัง วิญญาณสั่นสะท้าน

“พี่ฮวา…” เหลยอินอินกอดซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้ด้วยสีหน้าร้อนรน

นอกจากลมหายใจ ชีพจรของซ่างกวนอวี่ถิงยังเหลืออยู่แผ่วเบา ไม่ขาดไปอย่างสิ้นเชิง แต่ร่องรอยของชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ เหลยอินอินเป็นจอมยุทธ์ พลังไม่สูง แต่หากวิเคราะห์สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดในเสี้ยวขณะก็ไม่เป็นปัญหา

“นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?” เฮ่ออวิ๋นเสียงก็อยู่ในสภาวะงงงัน

เขาหันกลับไปมองเถี่ยจ้านและผู้แข็งแกร่งสำนักดับนิวรณ์คนอื่นๆ ทุกคนต่างอยู่ในสภาวะอึ้งตะลึงไปเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่เข้าใจสถานการณ์

พวกเจ้าสำนักบัณฑิตชวีพุ่งมาล้อมซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้

ครึ่งร่างของเสือดำเบญจมาศถูกพลังที่น่ากลัวนั้นหลอมละลายทันที เห็นได้ชัดว่าไม่รอดแล้ว ไม่มีลมหายใจอีก แต่จิ้งจอกขาวที่น่าจะได้รับการโจมตีหนักยิ่งกว่ากลับปีนออกมาจากกำแพง ดิ้นรนคลานมายังข้างกายซ่างกวนอวี่ถิง ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด ขณะร้องจิ้วๆ น้ำตาก็ตกลงบนร่างของนาง…

เฮ่อวิ๋นเสียงอึ้งไปขณะหนึ่ง จากนั้นพลันตั้งสติกลับมา

นี่เป็นโอกาสอันดีนี่นา

จอมมารจันทราโลหิตหนีไป ฮวาเสี่ยงหรงบาดเจ็บสาหัสหมดสติ คนที่เหลือจะมีใครต้านทานเขาได้?

นี่ไม่ใช่โอกาสหายากที่จะจับหลูติ่งชั้นยอดอย่างเหลยอินอินหรอกหรือ? อีกทั้งฮวาเสี่ยงหรงก็เป็นสาวงามชั้นยอด ต่อให้สลบไสล แต่อย่างไรก็ยังไม่ตาย ยังคงลิ้มรสได้อยู่…

เขาแอบส่งสัญญาณให้กับยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ที่อยู่ข้างๆ

ยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์รับรู้ จึงล้อมเข้ามาอย่างเงียบงัน

“พวกเจ้าจะทำอะไร?” เหลยอินอินหวาดระแวง เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็ตวาดไปทันที

เฮ่ออวิ๋นเสียงเห็นดังนั้นก็พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม หัวเราะเหี้ยมเกรียมและกล่าวว่า “ทำอะไรรึ หึๆ เจ้าว่าอย่างไรเล่า? ตอนนี้ยังจะมีใครคุ้มกะลาหัวเจ้าได้ หลี่มู่ต้องตายด้วยเงื้อมมือ ‘เทพสังหารผมสีชาด’ อาจารย์ของข้าแล้วเป็นแน่ เจ้าจะต้องกลายเป็นหลูติ่งของข้า ฮี่ๆ…”

คนของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์โกรธแค้นจนถึงขีดสุดทันที เตรียมจะสู้สุดชีวิต

และในตอนนี้เอง แผ่นดินพลันสั่นราวเกิดแผ่นดินไหว

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างตื่นตะลึง อกสั่นขวัญแขวนอีกรอบ

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงมากมายไม่หยุดหย่อน ใครก็ไม่อาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก…

ไม่นานนัก ร่างเงาหนึ่งก็ร่วงลงจากฟ้ามายังหน้าประตูสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ราวดาวตก

ร่างสูงโปร่ง ผมสั้นสีดำ

ไม่ใช่หลี่มู่แล้วจะเป็นใคร?

เฮ่ออวิ๋นเสียงแค่เห็น ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ

ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ทำไมคนที่กลับมาถึงเป็นหลี่มู่?

หลี่มู่ทำไมมีชีวิตกลับมา เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่า…

เขาร้องเสียงดัง “หลี่มู่ อาจารย์ข้าอยู่ที่ไหน?”

หลี่มู่ขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่เป็นสุขบางอย่าง เขารู้สึกถึงพลังมหาศาลที่น่ากลัวกลุ่มนั้นมาแต่ไกล เขาลงมาที่พื้น กวาดมองไปรอบด้าน และพลันรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ สายตาเขาหยุดอยู่ที่ร่างซ่างกวนอวี่ถิงซึ่งสลบไสลท่ามกลางฝูงชน แค่เห็นก็หน้าเปลี่ยนสี “เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณชายหลี่ ท่านกลับมาแล้ว…รีบช่วยพี่ฮวาเร็วเข้า…” เหลยอินอินพูดอย่างร้อนใจ

ภาพเบื้องหน้าทุกคนพร่าเลือน

ฟุ่บ

หลี่มู่มาถึงข้างกายซ่างกวนอวี่ถิง แล้วกอดนางเอาไว้

เมื่อใช้พลังจิตวิญญาณตรวจดู ภายใต้การกวาดมองจากเนตรสวรรค์ หลี่มู่ก็รู้อาการบาดเจ็บทุกอย่าง

บาดเจ็บสาหัสมาก

ไม่ใช่แค่อวัยวะภายในสะเทือนจนแหลก แม้แต่สมองยังได้รับบาดเจ็บหนัก สิ่งที่ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ฝึกฝนคือหนีหวานกง พูดได้ว่าเป็นทะเลความรู้สึกของมนุษย์ หากสมองได้รับบาดเจ็บสาหัส หนีหวานกงแหลกทลาย ทะเลความรู้สึกสั่นคลอนเสียหาย หมายความว่าพลังฝึกวิชาเวทที่ซ่างกวนอวี่ถิงฝึกฝนหลายวันมานี้ถูกทำลายหมดแล้ว

สำหรับคนทั่วไป อาการบาดเจ็บเช่นนี้พูดได้ว่าจบชีวิตคนคนหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ซ่างกวนอวี่ถิงยังไม่ตาย

ขอแค่ไม่ตาย ก็ยังมีหวังที่จะช่วยชีวิตกลับมา

ในใจของหลี่มู่ทั้งตกใจทั้งโมโห ทั้งปวดใจทั้งยากจะเชื่อได้

ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้?

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?

จากนั้น เขาก็มองไปยังเสือดำเบญจมาศที่สูญเสียครึ่งท่อนล่างไป ในดวงตาหลงเหลือประกายเสี้ยวสุดท้าย อาการบาดเจ็บเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าหนักเกินยื้อไว้ เมื่อเห็นหลี่มู่ แววตาของมันก็ฉายแววโล่งใจ ก่อนจะสงบนิ่งลง สุดท้ายจึงคอตก หมดซึ่งลมหายใจอย่างสมบูรณ์

หลี่มู่โศกเศร้าสาหัสนัก

“จิ้วๆ จิ้วๆๆๆ…” ลูกจิ้งจอกขาวน้อยต๋าจี่กระดูกขาหลังหัก คลานอยู่บนพื้น ขนขาวย้อมไปด้วยเลือด มันเกาะชายเสื้อของหลี่มู่พลางร้องอย่างโศกเศร้า

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?” หลี่มู่ตาแดงก่ำดุจย้อมด้วยเลือด

จิตสังหารพลุ่งพล่านในใจของหลี่มู่

กลิ่นอายที่ชวนให้คนหวาดผวาแผ่ออกมาจากร่างของเขา

พวกเหลยอินอินก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวเป็นระลอก แล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คร่าวๆ รอบหนึ่ง

“ตราดัชนีทอง…เป็นพลังฟ้าดิน ในอากาศของที่นี่ยังมีพลังฟ้าดินหลงเหลืออยู่…” เนตรสวรรค์ของหลี่มู่เบิกขึ้นกวาดมองรอบด้าน ถึงแม้จะไม่อาจจับกลิ่นอายได้อีก แต่ก็ยืนยันได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ลอบโจมตี

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

ในหัวของหลี่มู่ผุดความคิดขึ้นมามากมาย

ขั้นเหนือมนุษย์คนไหนเลวทรามต่ำช้าถึงขั้นลงมือลอบโจมตีคนรุ่นหลัง?

เขาไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เขามอบของวิเศษคุ้มกายต่างๆ ไว้ให้ซ่างกวนอวี่ถิงมากมาย ต่อให้ผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานสูงสุดปรากฏตัวขึ้น และโจมตีเต็มกำลัง ก็ไม่มีทางทำร้ายนางได้ถึงขั้นนี้ อย่างน้อยก็ไม่พ่ายแพ้ แต่ทำไมถึงมีผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ลงมือได้?

เป็นใครกัน?

หลี่มู่คิดไม่ออก

“หลี่มู่ เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของข้า? ท่านอยู่ที่ไหน?” เฮ่ออวิ๋นเสียงกล่าวเสียงสั่น ถามเสียงดัง “ทำไมถึงมีแต่เจ้าคนเดียวที่กลับมา…” ท่าทางของเขาค่อนข้างคลุ้มคลั่ง นี่ไม่ใช่เขาเป็นห่วงอาจารย์ของตัวเองอะไร แต่เขาใกล้จะบ้าจากการคาดเดาอันน่ากลัวในใจเต็มทีแล้ว

หลี่มู่หันหน้ามา ในดวงตามีจิตสังหารชวนขนลุกหมุนวน “ตายแล้ว”

“อะไรนะ?” เฮ่ออวิ๋นเสียงได้ยินแล้วก็ตกใจจนแทบบ้า “ไม่มีทาง เจ้า…”

“เจ้าก็ตามเขาไปแล้วกัน…ตาย” หลี่มู่ดวงตาแดงก่ำ

ภายใต้ความโกรธเคือง เขาคร้านจะพูดกับคนสารเลวคนนี้ให้มากความ พลังจิตวิญญาณปะทุ เศษดาบวัฏจักรชิ้นที่ใหญ่ที่สุดประมาณยี่สิบฉื่อที่เก็บเอาไว้พุ่งออกมาจากมิติเก็บของราวสายฟ้า ก่อนวนรอบคอเฮ่ออวิ๋นเสียง ตัดศีรษะเขาในพริบตา

ตุบ!

ศีรษะร่วงลงพื้น

ยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ที่อยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดี ก็หมุนตัวหนีไปทันที

ทว่า เศษดาบวัฏจักรบินพุ่งออกไปรวดเร็วราวสายฟ้า สังหารยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ประหนึ่งเสียบถังหูลู่ ที่ตรงนั้นไม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว

รับมือกับจอมยุทธ์แบบนี้ กระบวนท่าดาบเหินหาวเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน สังหารได้ในพริบตา

“เจ้า…” เจ้าสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์เถี่ยจ้านตกใจจนขาสั่น

หลี่มู่กวาดตามอง “เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน”

แสงดาบเพียงกะพริบวาบ

ศีรษะเถี่ยจ้านขาดกระเด็น

“อ๋า?”

คนของสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ตกใจจนขวัญหนี

หลี่มู่ในตอนนี้นัยน์ตาแดงก่ำ หน้าตาน่ากลัว ราวกับเทพสังหารจากนรกมาเยือนโลก ชวนให้คนหวาดกลัว

เศษดาบวัฏจักรแหวกท้องฟ้ามาดั่งสายอัสนี แต่เมื่อใกล้จะแทงทะลุหน้าผากของลูกศิษย์หนุ่มสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์คนหนึ่งก็พลันหยุดลง

“อย่าฆ่าข้า…” ลูกศิษย์หนุ่มคนนั้นอายุประมาณสิบห้าสิบหกเท่านั้น เขาหลับตากรีดร้อง

“คุณชายหลี่…” เหลยอินอินเป็นห่วงสภาพของหลี่มู่ยิ่งนัก

ฟุ่บ!

เศษดาบวัฏจักรบินกลับมา

“เจ้าสำนักชวี รบกวนพวกท่านส่งร่างของเสือดำมายังเรือนซอมซ่อให้ข้าด้วย” หลี่มู่อุ้มซ่างกวนอวี่ถิงและจิ้งจอกสีขาวตัวน้อยต๋าจี่ที่ร้องอย่างเศร้าโศกอยู่ข้างๆ ไว้ในอ้อมกอด ก่อนกระตุ้นวิชาเวทลม ข้างหลังมีปีกคู่หนึ่งงอกขึ้นมา แล้วพุ่งไปยังเรือนซอมซ่อเหมือนลำแสง

ซ่างกวนอวี่ถิงยังมีหนทางรอด

หลี่มู่คิดได้วิธีหนึ่ง

ดังนั้น รีบกลับไปช่วยคนก่อนสำคัญกว่า

แต่อย่างไร แค้นนี้ก็ต้องชำระ

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ข้ารู้ว่าเจ้าต้องแอบมองอยู่ในที่ลับตาแน่ เจ้าจะต้องเสียใจ เชื่อข้า ข้าจะต้องหาเจ้าจนเจอแล้วสังหารเจ้าเสีย…ข้าขอสาบานด้วยชื่อของซินแสเฒ่า”

เสียงที่หลี่มู่ทิ้งเอาไว้ดังสะท้อนเหนือสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ราวสายฟ้าเทพ

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+