จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 320 คนคุ้นเคย

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 320 คนคุ้นเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข่าวเรื่องหนึ่งแพร่กระจายลุกลามในฉินตะวันตกราวไฟป่า

กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองที่ยกทัพไปปราบกบฏเจิ้นซีอ๋องเข้าโจมตีพื้นที่เมืองฝูเฟิง ภายใต้สถานการณ์ได้เปรียบอยู่นั้น จู่ๆ ก็เสียหายอย่างหนัก กองทัพใหญ่สี่แสนนายจากเมืองเชียนหยางและเมืองฉีซานสองเมืองใหญ่พ่ายราบคาบ นับตั้งแต่ผู้บัญชาการลงมาตายเรียบไม่เหลือ ส่วนกองกำลังหลักของเมืองจินไถและเมืองฉางอันก็ยับเยินไปกว่าครึ่ง เจ้าเมืองจินไถ ‘หมัดภูผาธารา’ จินซิ่งเหวินตายในระหว่างรบ เจ้าเมืองฉางอัน ‘เซียนกระบี่ธุลีแดง’ หลี่กังบาดเจ็บหนัก…

กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองแทบจะพังทลายลงทั้งหมดในคืนเดียว

กองกำลังปราบปรามกบฏทัพใหญ่ที่เดิมทีกำลังจะทำสำเร็จอยู่แล้วเกิดพลิกผันอย่างกะทันหัน อำนาจการเมืองของเจิ้นซีอ๋องที่กำลังหายใจรวยรินได้รับโอกาสต่อลมหายใจ พื้นที่ทิศพายัพของฉินตะวันตกก็ราวกับเกิดแผลร้ายแรงจนรักษาไม่ได้

ระหว่างกบฏและกองกำลังปราบกบฏโจมตีป้องกันสลับฝั่งกัน

ข่าวนี้แพร่ออกไปราวระเบิด ทั่วจักรวรรดิสั่นสะเทือน

การก่อกบฏของเจิ้นซีอ๋องที่มีทหารจากสองเมือง เดิมทีก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่จักรวรรดิฉินตะวันตกรุ่งเรืองขึ้นมา กล่าวได้ว่าเป็นลางร้ายอย่างหนึ่ง ขณะที่จักรพรรดิเก็บตัวฝึกตน องค์รัชทายาทที่คอยดูแลบ้านเมืองและคณะขุนนางร่วมมือกัน รวมกองกำลังปราบปรามกบฏห้าเมือง เดิมทีคิดว่านี่เป็นเพียงการทำตามขั้นตอนเท่านั้น ความพินาศของเจิ้นซีอ๋องกำลังจะเกิดขึ้น แต่ใครจะไปคิดว่ากลับกลายเป็นกองกำลังพันธมิตรห้าเมืองเสียเองที่แพ้ย่อยยับ

นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ชัดๆ

จากผลของศึกนี้ หากจักรวรรดิฉินตะวันตกต้องการรวมพลเพื่อล้อมปราบเจิ้นซีอ๋องในเวลาสั้นๆ อีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งแล้ว อย่างน้อยในช่วงเหมันต์ฤดูนี้ ราชวงศ์ฉินตะวันตกจะไม่มีกำลังจัดตั้งกองทหารขนาดใหญ่ขึ้นอีก หากจะโยกย้ายกองทหารจากเมืองที่ห่างไกลกว่ามาก็ต้องใช้เวลา ไหนจะยังข้อพิพาทด้านกำไรและการต่อรองจากอำนาจการเมืองในพื้นที่ต่างๆ อีก

จักรพรรดิไม่ออกหน้า ปฏิบัติการทางทหารของทั่วดินแดนจึงล่าช้ามาก

แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองสูญเสียไปเกินครึ่ง ทำให้เมืองต่างๆ รอบเมืองฝูเฟิงไม่มีกำลังล้อมปราบครั้งที่สอง กระทั่งสามารถพูดได้ว่าขาดแคลนกำลังทหาร ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากที่ทหารเจิ้นซีปลดมา ก็รับประกันว่าพวกเขาจะผ่านเหมันต์นี้ไปได้ และหลังจากพักฟื้นแล้ว เมื่อถึงต้นวสันต์ปีหน้า ทหารเจิ้นซีที่จัดตั้งใหม่จะ วางรากฐานมั่นคงในเมืองฝูเฟิงเต็มที่ ถึงตอนนั้นกำลังรบจะเป็นเช่นไร แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว

แน่นอน นี่ล้วนเป็นผลกระทบในระยะยาว เป็นเรื่องที่พวกคนใหญ่คนโตแห่งจักรวรรดิต้องมานั่งปวดหัว

แต่สิ่งที่คนมากกว่าสนอกสนใจมากที่สุดคือ กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองพ่ายแพ้ได้อย่างไร?

เดิมทีนี่เป็นสงครามที่ไม่มีอะไรน่ากังวลแม้แต่น้อย

เจิ้นซีอ๋องรวมทัพอย่างฉุกละหุก รากฐานไม่ได้ลึก ฝูเฟิงเฟิ่งเสียงทั้งสองเมืองใหญ่อยู่ภายใต้ราชวงศ์ฉินตะวันตกมาหลายปีปานนั้น จิตใจประชาชนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ อย่างมากก็แค่กองทหารส่วนใหญ่ หน่วยงานบริหารแผ่นดินชั้นต้นมากมายและขุนนาง ก็ไม่แน่ว่าจะไปอยู่ฝ่ายเขาหมด ยามเผชิญหน้าแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของกองกำลังพันธมิตรห้าเมือง ต้องมีพวกนกสองหัวที่กบฏแล้วกลับมาอยู่ฝ่ายเดิมมากมายแน่ ถึงบอกไม่ได้ว่าเหมือนทรายกระจัดกระจาย แต่กำลังพลที่รวมได้ก็น่าเวทนานัก เรื่องที่กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองเข้ากอบกู้เมืองเฟิ่งเสียงดุจทำลายจนราบคาบ ตั้งแต่เริ่มสงครามก็มองออกแล้ว

ทว่า ผู้ที่หัวเราะตอนท้ายสุดกลับเป็นเจิ้นซีอ๋องที่ควรจะแพ้ย่อยยับ

ความพ่ายแพ้อย่างกะทันหันของกองกำลังพันธมิตรห้าเมือง ทำให้ทัพเจิ้นซีถือโอกาสนี้ชิงเมืองเฟิ่งเสียงคืนมาอีกครั้ง ซ้ำยังดึงไฟสงครามลามไปยังด้านในเมืองจินไถและเมืองฉีซาน ถึงแม้ยังไม่มีกำลังบุกโจมตีขนานใหญ่ แต่ก็พลิกการป้องกันเป็นโจมตี อยู่ในจุดที่ได้เปรียบ

ทหารม้าของทัพเจิ้นซีออกปล้นชิงเมืองรอบๆ ประชานทุกข์ยากแสนเข็ญ

พวกสายลับ สายสืบ และหน่วยสอดแนมของทหารเจิ้นซีเหมือนลูกปลาถูกปล่อยลงทะเลสาบ แทรกซึมเข้าไปอยู่ตามเมืองใหญ่ต่างๆ โดยรอบกันหนาแน่น และคอยสร้างความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ หรือก่อจลาจลในบางโอกาส ทำให้ขุนนางแต่ละระดับของฉินตะวันตกปวดเศียรเวียนเกล้า…

ข่าวสารจากที่ต่างๆ กระจายมาไม่หยุดหย่อน

ในนั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องตกตะลึง

คืนนั้นที่กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองพ่ายแพ้กะทันหัน บนสนามรบหลักที่อยู่ห่างจากเมืองฝูเฟิงไปราวร้อยลี้ ซึ่งเคยปรากฏกลิ่นอายของเทพปีศาจ กลับมีของพลังเทพปีศาจนอกพิภพปรากฏขึ้น…

……

“เทพปีศาจนอกพิภพ? คืออะไรกัน?”

ในร้านสุราชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมเมืองมังกรที่อยู่กลางด่านเมืองมังกร เมืองยุทธศาสตร์ชายแดนของจักรวรรดิฉินตะวันตก หลี่มู่ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

กัวอวี่ชิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นสิ่งน่ากลัวที่มาจากนอกพิภพ สำหรับแผ่นดินใหญ่เสินโจวแล้ว พวกเขาคือผู้บุกรุก ผู้ทำลาย ผู้ล้างบาง เป็นศัตรูรร่วมกันของทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่”

หลี่มู่ได้ฟังก็เกิดความสนใจ

มาจากนอกพิภพ นั่นคืออวกาศดาราสมุทรนั่นเอง

ตนเองก็ถือว่ามาจากนอกพิภพเช่นกัน หรือหากพูดจริงๆ ตนก็เป็นเทพปีศาจนอกพิภพเช่นกัน?

“เช่นนี้หมายความว่า เจิ้นซีอ๋องไปขอความช่วยเหลือเทพปีศาจนอกพิภพ นั่นไม่เป็นการทำลายตัวเองหรือ?” หลี่มู่เอ่ย “เข้าร่วมกับศัตรูร่วมกันของแผ่นดินใหญ่ นี่ก็ไม่แตกต่างกับทรยศโลกใบนี้เลยสิ? ผู้คนจะประณามเอานะ”

กัวอวี่ชิงเอ่ยบ้าง “โลกนี้ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น นับตั้งแต่โบราณมา ก็มีเรื่องที่เทพปีศาจนอกพิภพลงมายังแผ่นดินใหญ่เสินโจว เวลาผ่านมานานขนาดนี้ พวกเทพปีศาจนอกพิภพที่ซ่อนตัวอยู่ในแผ่นดินใหญ่ไม่รู้มีตั้งเท่าไหร่ บางส่วนก็เข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม บางส่วนซ่อนตัวในความมืดและจับตาดูโลกใบนี้อยู่ตลอด ในนั้น สำนักหรือราชวงศ์ไม่รู้มากมายเท่าไรถูกก่อตั้งขึ้นโดยเทพปีศาจนอกพิภพ การควบคุมและแทรกซึมของพวกเขาต่อโลกใบนี้อยู่ในระดับทุกรูขุมขนแล้ว อย่างเช่นก่อนหน้าจักรวรรดิฉินตะวันตก ราชวงศ์ต้าหมิงที่ปกครองแผ่นดินนี้ก็เป็นอำนาจของเทพปีศาจนอกพิภพตนหนึ่งสร้างขึ้น ปกครองมานานถึงสามพันปี…”

มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ

หลี่มู่แสดงท่าทีว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยิน

รู้สึกว่าเรื่องนี้คล้ายกับพวกเรื่องเล่าบนโลกมนุษย์ที่พวกกลุ่มพี่น้อง กลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ พวกตระกูลรอธส์ไชลด์[1] หรือพวกตระกูลเก่าแก่จากยุโรปคอยควบคุมการพัฒนาของโลกอยู่ในเงามืด ปรับเปลี่ยนประเทศ กระทั่งวางแผนผลักดันสงครามโลกครั้งที่หนึ่งครั้งที่สองอะไรเทือกนี้

ถ้าเป็นเช่นนี้ แผ่นดินใหญ่เสินโจวก็เป็นเพียงสนามทดสอบของขั้วอำนาจใหญ่ในดาราสมุทรนอกพิภพหรือ?

“ยังดีที่หากเทพปีศาจนอกพิภพคิดจะลงมาที่แผ่นดินใหญ่เสินโจวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จะต้องผ่านภัยพิบัติลงมา ถ้าไม่ระวังอาจสลายกลายเป็นฝุ่นได้” กัวอวี่ชิงบอก “กฎธรรมชาติมีลำดับของมันอยู่ ท่ามกลางยุคสมัยที่ยาวนาน จำนวนเทพปีศาจที่ลงมาได้จริงนั้นมีจำกัด ไม่เช่นนั้นทั้งแผ่นดินเสินโจวนี้คงกลายเป็นสวรรค์ของพวกเทพปีศาจไปแล้ว”

นี่สิถึงจะถูก

หลี่มู่ผงกศีรษะ

ดูท่า เรื่องที่เจิ้นซีอ๋องก่อกบฏจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว

“จริงด้วย เมื่อครู่ที่พี่ใหญ่บอกว่าราชวงศ์ต้าหมิงเคยปกครองแผ่นดินฉินตะวันตก เช่นนั้นพลังเทพปีศาจนอกเมืองฝูเฟิงนั่น จะใช่เชื้อร้ายของราชวงศ์ต้าหมิงหรือไม่?” ความคิดหลี่มู่เริ่มเปิดกว้าง ปั้นเรื่องตามใจปากขึ้นมา “เจิ้นซีอ๋องคงไม่ได้เข้าพวกกับเชื้อร้ายแห่งราชวงศ์ต้าหมิงหรอกกระมัง?”

กัวอวี่ชิงอดมองไปที่หลี่มู่อย่างละเอียดไม่ได้

เขามองน้องสามที่ปกติดูตลกโปกฮาไม่จริงจังสูงขึ้นมาบ้างแล้ว ความคิดด้านการปกครองชัดเจนมาก เพราะว่าในใจเขาเองก็พิจารณาไปด้านนี้เช่นกัน

พวกเขาสองคนออกเดินทางเมื่อวันก่อน เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน วันนี้เพิ่งมาถึงด่านเมืองมังกร

มารอพี่สองชิวอิ่นอยู่ที่นี่ตามสถานที่และเวลาซึ่งนัดไว้ล่วงหน้า

ตลอดการเดินทาง พวกเขาได้ยินเรื่องความพ่ายแพ้ของกองกำลังพันธมิตรห้าเมืองมากมาย ข่าวจากแต่ละด้านจริงบ้างปดบ้าง ให้ความรู้สึกเหมือนลอยไปมาตามกระแสลม จักรวรรดิฉินตะวันตกตอนนี้ราวกับเข้าสู่ปีแห่งปัญหา

แต่ว่าจริงเท็จเป็นเช่นไร เจิ้นซีอ๋องจะต้านทานการโต้กลับของจักรวรรดิได้แค่ไหน นั่นไม่ใช่ปัญหาที่พวกเขากังวล เชื้อร้ายต้าหมิงก็แค่เรื่องที่คิดขึ้นมาเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ทั้งสองกำลังรอการมาถึงของชิวอิ่น ถึงอย่างไรการไปที่ราบทุ่งหญ้าทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อช่วยเหลือซ่างกวนอวี่ถิง ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนแปลกใจก็คือ รอจนเวลาที่นัดกันไว้ล่วงเลยไป เข้าสู่พลบค่ำ จอมยุทธ์ดาบชิวอิ่นก็ยังไม่ปรากฏตัว

มีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

เพราะชิวอิ่นแต่ไหนแต่ไรเป็นคนที่รักษาเวลามาก หากไม่พบเรื่องใหญ่อะไรที่ทำให้ล่าช้า จะไม่มีทางผิดเวลานัดเด็ดขาด

แต่เมื่อวานนี้ ทั้งสองยังได้รับข่าวจากชิวอิ่นอยู่เลยว่าทุกอย่างปกติ เขาจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วที่เมืองปิดภูผา และออกเดินทางเร่งมาที่ด่านเมืองมังกรแล้ว ไม่ควรเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

บนโลกนี้ เรื่องใหญ่ที่จะทำให้ชิวอิ่นผิดนัดได้ ต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่จริงๆ

จนกระทั่งฟ้ามืด ชิวอิ่นก็ยังไม่ปรากฏตัว

หลังจากหลี่มู่หารือกับกัวอวี่ชิง ก็ตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่ด่านเมืองมังกรอีกคืน เพื่อดูว่าชิวอิ่นจะตามมาทันหรือไม่

ทั้งสองคนทำเรื่องเข้าพักในโรงเตี๊ยมเมืองมังกร

ออกจากด่านเมืองมังกรไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นที่ราบทุ่งหญ้า

สำหรับกัวอวี่ชิงแล้ว หลังจากผ่านไปหลายปี เมื่อมาอยู่ใกล้ที่ราบทุ่งหญ้าเช่นนี้ ความรู้สึกมากมายก็ประดังประเดเข้ามา เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เขาก็อดคิดถึงเรื่องในวันเก่าๆ ไม่ได้ และไม่มีความคิดจะออกไปทำอะไรอีก

แต่หลี่มู่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมายังชายแดนจักรวรรดิฉินตะวันตก ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น จึงออกจากโรงเตี๊ยมคนเดียวมาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ภายในด่านเมืองมังกร คนที่สัญจรบนถนนก็ไม่น้อยนัก แต่ว่ายังเทียบกับความคึกคักในเมืองฉางอันไม่ได้ เป็นมนตร์เสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป

พ่อค้าเร่และแผงขายของริมทางก็ไม่น้อย

ด่านเมืองมังกรเป็นเมืองยุทธศาสตร์ชายแดน ดังนั้นแผงลอยและพ่อค้าเหล่านี้จึงล้วนเป็นชนกลุ่มน้อยที่ได้รับการรับรองจากทหารชายแดน เมื่อถึงเวลาประมาณห้าทุ่มของดาวโลก จะห้ามออกนอกสถานยามค่ำคืน

เวลานี้ ยังห่างจากเวลาฟ้ามืดอยู่ราวครึ่งชั่วยาม

หลี่มู่เดินกินของแผงลอยริมทาง รสชาติธรรมดา เขาคิดไปถึงครั้งที่อยู่ในตำบลสุขสงบ ได้กินบะหมี่เจของแม่เฒ่าไช่ นับตั้งแต่แยกกันในสุสานทหารเมืองฉางอัน แม่เฒ่าไช่กับหลานและนายทหารชายแดนอู๋เป่ยเฉินก็มายังชายแดนทั้งสิ้น หากว่าตามหลักการแล้ว ก็น่าจะเป็นหนึ่งในห้าเมืองชายแดนนี้ ไม่รู้ว่าจะใช่ด่านเมืองมังกรหรือไม่

เขาเดินเล่นประมาณหนึ่งรอบ ด่านเมืองมังกรนี้ไม่ใหญ่มากนัก และไม่มีจุดชมวิวอะไร เมื่อฟ้าเริ่มมืดจึงเตรียมกลับโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน

พูดแล้วก็เหมือนบังเอิญ ตอนนี้เองที่หลี่มู่เห็นร่างของคนคุ้นเคยคนหนึ่ง

อู๋เป่ยเฉิน

นายทหารชายแดนเลือดร้อนที่ก้าวออกมาประณามอ๋องน้อยฉินหลินหน้าประตูสุสานทหารครั้งนั้น

เขาอยู่ที่ด่านเมืองมังกรนี้จริงด้วย?

ถ้าเป็นเช่นนี้ แม่เฒ่าไช่กับหลานไช่ไช่ก็อยู่ที่นี่ด้วยมิใช่หรือ?

หลี่มู่ลิงโลดในใจ เดินเข้าไปทักทาย

“ท่านคือ…อ๋า ใต้เท้าหลี่?” อู๋เป่ยเฉินจำหลี่มู่ได้ รู้สึกยินดีปรีดานัก

หลี่มู่เอ่ย “หัวหน้าอู๋ เอ๋? เจ้าเลื่อนขั้นแล้วหรือ? ฮ่าๆ พลังก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน อืม ระดับสูงสุดของขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว ดูท่าการฝึกช่วงนี้จะราบรื่นดีสินะ” เขามองออกว่าพลังฝึกของอู่เป่ยเฉินเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก

“นี่ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านเลย” อู๋เป่ยเฉินตอบกลับด้วยความนอบน้อม

……………………………

[1] ตระกูลรอธส์ไชลด์ ตระกูลอภิมหาเศรษฐีซึ่งสืบเชื้อสายมาจากไมเออร์ รอธส์ไชลด์ ชาวยิวที่อพยพไปยังเยอรมนี ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับองค์กรลับต่างๆ เช่น อิลลูมินาติ และอยู่เบื้องหลังสงครามหลายๆ ครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 320 คนคุ้นเคย

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 320 คนคุ้นเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข่าวเรื่องหนึ่งแพร่กระจายลุกลามในฉินตะวันตกราวไฟป่า

กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองที่ยกทัพไปปราบกบฏเจิ้นซีอ๋องเข้าโจมตีพื้นที่เมืองฝูเฟิง ภายใต้สถานการณ์ได้เปรียบอยู่นั้น จู่ๆ ก็เสียหายอย่างหนัก กองทัพใหญ่สี่แสนนายจากเมืองเชียนหยางและเมืองฉีซานสองเมืองใหญ่พ่ายราบคาบ นับตั้งแต่ผู้บัญชาการลงมาตายเรียบไม่เหลือ ส่วนกองกำลังหลักของเมืองจินไถและเมืองฉางอันก็ยับเยินไปกว่าครึ่ง เจ้าเมืองจินไถ ‘หมัดภูผาธารา’ จินซิ่งเหวินตายในระหว่างรบ เจ้าเมืองฉางอัน ‘เซียนกระบี่ธุลีแดง’ หลี่กังบาดเจ็บหนัก…

กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองแทบจะพังทลายลงทั้งหมดในคืนเดียว

กองกำลังปราบปรามกบฏทัพใหญ่ที่เดิมทีกำลังจะทำสำเร็จอยู่แล้วเกิดพลิกผันอย่างกะทันหัน อำนาจการเมืองของเจิ้นซีอ๋องที่กำลังหายใจรวยรินได้รับโอกาสต่อลมหายใจ พื้นที่ทิศพายัพของฉินตะวันตกก็ราวกับเกิดแผลร้ายแรงจนรักษาไม่ได้

ระหว่างกบฏและกองกำลังปราบกบฏโจมตีป้องกันสลับฝั่งกัน

ข่าวนี้แพร่ออกไปราวระเบิด ทั่วจักรวรรดิสั่นสะเทือน

การก่อกบฏของเจิ้นซีอ๋องที่มีทหารจากสองเมือง เดิมทีก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่จักรวรรดิฉินตะวันตกรุ่งเรืองขึ้นมา กล่าวได้ว่าเป็นลางร้ายอย่างหนึ่ง ขณะที่จักรพรรดิเก็บตัวฝึกตน องค์รัชทายาทที่คอยดูแลบ้านเมืองและคณะขุนนางร่วมมือกัน รวมกองกำลังปราบปรามกบฏห้าเมือง เดิมทีคิดว่านี่เป็นเพียงการทำตามขั้นตอนเท่านั้น ความพินาศของเจิ้นซีอ๋องกำลังจะเกิดขึ้น แต่ใครจะไปคิดว่ากลับกลายเป็นกองกำลังพันธมิตรห้าเมืองเสียเองที่แพ้ย่อยยับ

นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ชัดๆ

จากผลของศึกนี้ หากจักรวรรดิฉินตะวันตกต้องการรวมพลเพื่อล้อมปราบเจิ้นซีอ๋องในเวลาสั้นๆ อีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งแล้ว อย่างน้อยในช่วงเหมันต์ฤดูนี้ ราชวงศ์ฉินตะวันตกจะไม่มีกำลังจัดตั้งกองทหารขนาดใหญ่ขึ้นอีก หากจะโยกย้ายกองทหารจากเมืองที่ห่างไกลกว่ามาก็ต้องใช้เวลา ไหนจะยังข้อพิพาทด้านกำไรและการต่อรองจากอำนาจการเมืองในพื้นที่ต่างๆ อีก

จักรพรรดิไม่ออกหน้า ปฏิบัติการทางทหารของทั่วดินแดนจึงล่าช้ามาก

แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองสูญเสียไปเกินครึ่ง ทำให้เมืองต่างๆ รอบเมืองฝูเฟิงไม่มีกำลังล้อมปราบครั้งที่สอง กระทั่งสามารถพูดได้ว่าขาดแคลนกำลังทหาร ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากที่ทหารเจิ้นซีปลดมา ก็รับประกันว่าพวกเขาจะผ่านเหมันต์นี้ไปได้ และหลังจากพักฟื้นแล้ว เมื่อถึงต้นวสันต์ปีหน้า ทหารเจิ้นซีที่จัดตั้งใหม่จะ วางรากฐานมั่นคงในเมืองฝูเฟิงเต็มที่ ถึงตอนนั้นกำลังรบจะเป็นเช่นไร แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว

แน่นอน นี่ล้วนเป็นผลกระทบในระยะยาว เป็นเรื่องที่พวกคนใหญ่คนโตแห่งจักรวรรดิต้องมานั่งปวดหัว

แต่สิ่งที่คนมากกว่าสนอกสนใจมากที่สุดคือ กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองพ่ายแพ้ได้อย่างไร?

เดิมทีนี่เป็นสงครามที่ไม่มีอะไรน่ากังวลแม้แต่น้อย

เจิ้นซีอ๋องรวมทัพอย่างฉุกละหุก รากฐานไม่ได้ลึก ฝูเฟิงเฟิ่งเสียงทั้งสองเมืองใหญ่อยู่ภายใต้ราชวงศ์ฉินตะวันตกมาหลายปีปานนั้น จิตใจประชาชนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ อย่างมากก็แค่กองทหารส่วนใหญ่ หน่วยงานบริหารแผ่นดินชั้นต้นมากมายและขุนนาง ก็ไม่แน่ว่าจะไปอยู่ฝ่ายเขาหมด ยามเผชิญหน้าแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของกองกำลังพันธมิตรห้าเมือง ต้องมีพวกนกสองหัวที่กบฏแล้วกลับมาอยู่ฝ่ายเดิมมากมายแน่ ถึงบอกไม่ได้ว่าเหมือนทรายกระจัดกระจาย แต่กำลังพลที่รวมได้ก็น่าเวทนานัก เรื่องที่กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองเข้ากอบกู้เมืองเฟิ่งเสียงดุจทำลายจนราบคาบ ตั้งแต่เริ่มสงครามก็มองออกแล้ว

ทว่า ผู้ที่หัวเราะตอนท้ายสุดกลับเป็นเจิ้นซีอ๋องที่ควรจะแพ้ย่อยยับ

ความพ่ายแพ้อย่างกะทันหันของกองกำลังพันธมิตรห้าเมือง ทำให้ทัพเจิ้นซีถือโอกาสนี้ชิงเมืองเฟิ่งเสียงคืนมาอีกครั้ง ซ้ำยังดึงไฟสงครามลามไปยังด้านในเมืองจินไถและเมืองฉีซาน ถึงแม้ยังไม่มีกำลังบุกโจมตีขนานใหญ่ แต่ก็พลิกการป้องกันเป็นโจมตี อยู่ในจุดที่ได้เปรียบ

ทหารม้าของทัพเจิ้นซีออกปล้นชิงเมืองรอบๆ ประชานทุกข์ยากแสนเข็ญ

พวกสายลับ สายสืบ และหน่วยสอดแนมของทหารเจิ้นซีเหมือนลูกปลาถูกปล่อยลงทะเลสาบ แทรกซึมเข้าไปอยู่ตามเมืองใหญ่ต่างๆ โดยรอบกันหนาแน่น และคอยสร้างความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ หรือก่อจลาจลในบางโอกาส ทำให้ขุนนางแต่ละระดับของฉินตะวันตกปวดเศียรเวียนเกล้า…

ข่าวสารจากที่ต่างๆ กระจายมาไม่หยุดหย่อน

ในนั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องตกตะลึง

คืนนั้นที่กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองพ่ายแพ้กะทันหัน บนสนามรบหลักที่อยู่ห่างจากเมืองฝูเฟิงไปราวร้อยลี้ ซึ่งเคยปรากฏกลิ่นอายของเทพปีศาจ กลับมีของพลังเทพปีศาจนอกพิภพปรากฏขึ้น…

……

“เทพปีศาจนอกพิภพ? คืออะไรกัน?”

ในร้านสุราชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมเมืองมังกรที่อยู่กลางด่านเมืองมังกร เมืองยุทธศาสตร์ชายแดนของจักรวรรดิฉินตะวันตก หลี่มู่ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

กัวอวี่ชิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นสิ่งน่ากลัวที่มาจากนอกพิภพ สำหรับแผ่นดินใหญ่เสินโจวแล้ว พวกเขาคือผู้บุกรุก ผู้ทำลาย ผู้ล้างบาง เป็นศัตรูรร่วมกันของทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่”

หลี่มู่ได้ฟังก็เกิดความสนใจ

มาจากนอกพิภพ นั่นคืออวกาศดาราสมุทรนั่นเอง

ตนเองก็ถือว่ามาจากนอกพิภพเช่นกัน หรือหากพูดจริงๆ ตนก็เป็นเทพปีศาจนอกพิภพเช่นกัน?

“เช่นนี้หมายความว่า เจิ้นซีอ๋องไปขอความช่วยเหลือเทพปีศาจนอกพิภพ นั่นไม่เป็นการทำลายตัวเองหรือ?” หลี่มู่เอ่ย “เข้าร่วมกับศัตรูร่วมกันของแผ่นดินใหญ่ นี่ก็ไม่แตกต่างกับทรยศโลกใบนี้เลยสิ? ผู้คนจะประณามเอานะ”

กัวอวี่ชิงเอ่ยบ้าง “โลกนี้ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น นับตั้งแต่โบราณมา ก็มีเรื่องที่เทพปีศาจนอกพิภพลงมายังแผ่นดินใหญ่เสินโจว เวลาผ่านมานานขนาดนี้ พวกเทพปีศาจนอกพิภพที่ซ่อนตัวอยู่ในแผ่นดินใหญ่ไม่รู้มีตั้งเท่าไหร่ บางส่วนก็เข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม บางส่วนซ่อนตัวในความมืดและจับตาดูโลกใบนี้อยู่ตลอด ในนั้น สำนักหรือราชวงศ์ไม่รู้มากมายเท่าไรถูกก่อตั้งขึ้นโดยเทพปีศาจนอกพิภพ การควบคุมและแทรกซึมของพวกเขาต่อโลกใบนี้อยู่ในระดับทุกรูขุมขนแล้ว อย่างเช่นก่อนหน้าจักรวรรดิฉินตะวันตก ราชวงศ์ต้าหมิงที่ปกครองแผ่นดินนี้ก็เป็นอำนาจของเทพปีศาจนอกพิภพตนหนึ่งสร้างขึ้น ปกครองมานานถึงสามพันปี…”

มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ

หลี่มู่แสดงท่าทีว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยิน

รู้สึกว่าเรื่องนี้คล้ายกับพวกเรื่องเล่าบนโลกมนุษย์ที่พวกกลุ่มพี่น้อง กลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ พวกตระกูลรอธส์ไชลด์[1] หรือพวกตระกูลเก่าแก่จากยุโรปคอยควบคุมการพัฒนาของโลกอยู่ในเงามืด ปรับเปลี่ยนประเทศ กระทั่งวางแผนผลักดันสงครามโลกครั้งที่หนึ่งครั้งที่สองอะไรเทือกนี้

ถ้าเป็นเช่นนี้ แผ่นดินใหญ่เสินโจวก็เป็นเพียงสนามทดสอบของขั้วอำนาจใหญ่ในดาราสมุทรนอกพิภพหรือ?

“ยังดีที่หากเทพปีศาจนอกพิภพคิดจะลงมาที่แผ่นดินใหญ่เสินโจวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จะต้องผ่านภัยพิบัติลงมา ถ้าไม่ระวังอาจสลายกลายเป็นฝุ่นได้” กัวอวี่ชิงบอก “กฎธรรมชาติมีลำดับของมันอยู่ ท่ามกลางยุคสมัยที่ยาวนาน จำนวนเทพปีศาจที่ลงมาได้จริงนั้นมีจำกัด ไม่เช่นนั้นทั้งแผ่นดินเสินโจวนี้คงกลายเป็นสวรรค์ของพวกเทพปีศาจไปแล้ว”

นี่สิถึงจะถูก

หลี่มู่ผงกศีรษะ

ดูท่า เรื่องที่เจิ้นซีอ๋องก่อกบฏจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว

“จริงด้วย เมื่อครู่ที่พี่ใหญ่บอกว่าราชวงศ์ต้าหมิงเคยปกครองแผ่นดินฉินตะวันตก เช่นนั้นพลังเทพปีศาจนอกเมืองฝูเฟิงนั่น จะใช่เชื้อร้ายของราชวงศ์ต้าหมิงหรือไม่?” ความคิดหลี่มู่เริ่มเปิดกว้าง ปั้นเรื่องตามใจปากขึ้นมา “เจิ้นซีอ๋องคงไม่ได้เข้าพวกกับเชื้อร้ายแห่งราชวงศ์ต้าหมิงหรอกกระมัง?”

กัวอวี่ชิงอดมองไปที่หลี่มู่อย่างละเอียดไม่ได้

เขามองน้องสามที่ปกติดูตลกโปกฮาไม่จริงจังสูงขึ้นมาบ้างแล้ว ความคิดด้านการปกครองชัดเจนมาก เพราะว่าในใจเขาเองก็พิจารณาไปด้านนี้เช่นกัน

พวกเขาสองคนออกเดินทางเมื่อวันก่อน เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน วันนี้เพิ่งมาถึงด่านเมืองมังกร

มารอพี่สองชิวอิ่นอยู่ที่นี่ตามสถานที่และเวลาซึ่งนัดไว้ล่วงหน้า

ตลอดการเดินทาง พวกเขาได้ยินเรื่องความพ่ายแพ้ของกองกำลังพันธมิตรห้าเมืองมากมาย ข่าวจากแต่ละด้านจริงบ้างปดบ้าง ให้ความรู้สึกเหมือนลอยไปมาตามกระแสลม จักรวรรดิฉินตะวันตกตอนนี้ราวกับเข้าสู่ปีแห่งปัญหา

แต่ว่าจริงเท็จเป็นเช่นไร เจิ้นซีอ๋องจะต้านทานการโต้กลับของจักรวรรดิได้แค่ไหน นั่นไม่ใช่ปัญหาที่พวกเขากังวล เชื้อร้ายต้าหมิงก็แค่เรื่องที่คิดขึ้นมาเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ทั้งสองกำลังรอการมาถึงของชิวอิ่น ถึงอย่างไรการไปที่ราบทุ่งหญ้าทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อช่วยเหลือซ่างกวนอวี่ถิง ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนแปลกใจก็คือ รอจนเวลาที่นัดกันไว้ล่วงเลยไป เข้าสู่พลบค่ำ จอมยุทธ์ดาบชิวอิ่นก็ยังไม่ปรากฏตัว

มีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

เพราะชิวอิ่นแต่ไหนแต่ไรเป็นคนที่รักษาเวลามาก หากไม่พบเรื่องใหญ่อะไรที่ทำให้ล่าช้า จะไม่มีทางผิดเวลานัดเด็ดขาด

แต่เมื่อวานนี้ ทั้งสองยังได้รับข่าวจากชิวอิ่นอยู่เลยว่าทุกอย่างปกติ เขาจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วที่เมืองปิดภูผา และออกเดินทางเร่งมาที่ด่านเมืองมังกรแล้ว ไม่ควรเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

บนโลกนี้ เรื่องใหญ่ที่จะทำให้ชิวอิ่นผิดนัดได้ ต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่จริงๆ

จนกระทั่งฟ้ามืด ชิวอิ่นก็ยังไม่ปรากฏตัว

หลังจากหลี่มู่หารือกับกัวอวี่ชิง ก็ตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่ด่านเมืองมังกรอีกคืน เพื่อดูว่าชิวอิ่นจะตามมาทันหรือไม่

ทั้งสองคนทำเรื่องเข้าพักในโรงเตี๊ยมเมืองมังกร

ออกจากด่านเมืองมังกรไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นที่ราบทุ่งหญ้า

สำหรับกัวอวี่ชิงแล้ว หลังจากผ่านไปหลายปี เมื่อมาอยู่ใกล้ที่ราบทุ่งหญ้าเช่นนี้ ความรู้สึกมากมายก็ประดังประเดเข้ามา เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เขาก็อดคิดถึงเรื่องในวันเก่าๆ ไม่ได้ และไม่มีความคิดจะออกไปทำอะไรอีก

แต่หลี่มู่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมายังชายแดนจักรวรรดิฉินตะวันตก ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น จึงออกจากโรงเตี๊ยมคนเดียวมาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ภายในด่านเมืองมังกร คนที่สัญจรบนถนนก็ไม่น้อยนัก แต่ว่ายังเทียบกับความคึกคักในเมืองฉางอันไม่ได้ เป็นมนตร์เสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป

พ่อค้าเร่และแผงขายของริมทางก็ไม่น้อย

ด่านเมืองมังกรเป็นเมืองยุทธศาสตร์ชายแดน ดังนั้นแผงลอยและพ่อค้าเหล่านี้จึงล้วนเป็นชนกลุ่มน้อยที่ได้รับการรับรองจากทหารชายแดน เมื่อถึงเวลาประมาณห้าทุ่มของดาวโลก จะห้ามออกนอกสถานยามค่ำคืน

เวลานี้ ยังห่างจากเวลาฟ้ามืดอยู่ราวครึ่งชั่วยาม

หลี่มู่เดินกินของแผงลอยริมทาง รสชาติธรรมดา เขาคิดไปถึงครั้งที่อยู่ในตำบลสุขสงบ ได้กินบะหมี่เจของแม่เฒ่าไช่ นับตั้งแต่แยกกันในสุสานทหารเมืองฉางอัน แม่เฒ่าไช่กับหลานและนายทหารชายแดนอู๋เป่ยเฉินก็มายังชายแดนทั้งสิ้น หากว่าตามหลักการแล้ว ก็น่าจะเป็นหนึ่งในห้าเมืองชายแดนนี้ ไม่รู้ว่าจะใช่ด่านเมืองมังกรหรือไม่

เขาเดินเล่นประมาณหนึ่งรอบ ด่านเมืองมังกรนี้ไม่ใหญ่มากนัก และไม่มีจุดชมวิวอะไร เมื่อฟ้าเริ่มมืดจึงเตรียมกลับโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน

พูดแล้วก็เหมือนบังเอิญ ตอนนี้เองที่หลี่มู่เห็นร่างของคนคุ้นเคยคนหนึ่ง

อู๋เป่ยเฉิน

นายทหารชายแดนเลือดร้อนที่ก้าวออกมาประณามอ๋องน้อยฉินหลินหน้าประตูสุสานทหารครั้งนั้น

เขาอยู่ที่ด่านเมืองมังกรนี้จริงด้วย?

ถ้าเป็นเช่นนี้ แม่เฒ่าไช่กับหลานไช่ไช่ก็อยู่ที่นี่ด้วยมิใช่หรือ?

หลี่มู่ลิงโลดในใจ เดินเข้าไปทักทาย

“ท่านคือ…อ๋า ใต้เท้าหลี่?” อู๋เป่ยเฉินจำหลี่มู่ได้ รู้สึกยินดีปรีดานัก

หลี่มู่เอ่ย “หัวหน้าอู๋ เอ๋? เจ้าเลื่อนขั้นแล้วหรือ? ฮ่าๆ พลังก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน อืม ระดับสูงสุดของขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว ดูท่าการฝึกช่วงนี้จะราบรื่นดีสินะ” เขามองออกว่าพลังฝึกของอู่เป่ยเฉินเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก

“นี่ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านเลย” อู๋เป่ยเฉินตอบกลับด้วยความนอบน้อม

……………………………

[1] ตระกูลรอธส์ไชลด์ ตระกูลอภิมหาเศรษฐีซึ่งสืบเชื้อสายมาจากไมเออร์ รอธส์ไชลด์ ชาวยิวที่อพยพไปยังเยอรมนี ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับองค์กรลับต่างๆ เช่น อิลลูมินาติ และอยู่เบื้องหลังสงครามหลายๆ ครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 320 คนคุ้นเคย

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 320 คนคุ้นเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข่าวเรื่องหนึ่งแพร่กระจายลุกลามในฉินตะวันตกราวไฟป่า

กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองที่ยกทัพไปปราบกบฏเจิ้นซีอ๋องเข้าโจมตีพื้นที่เมืองฝูเฟิง ภายใต้สถานการณ์ได้เปรียบอยู่นั้น จู่ๆ ก็เสียหายอย่างหนัก กองทัพใหญ่สี่แสนนายจากเมืองเชียนหยางและเมืองฉีซานสองเมืองใหญ่พ่ายราบคาบ นับตั้งแต่ผู้บัญชาการลงมาตายเรียบไม่เหลือ ส่วนกองกำลังหลักของเมืองจินไถและเมืองฉางอันก็ยับเยินไปกว่าครึ่ง เจ้าเมืองจินไถ ‘หมัดภูผาธารา’ จินซิ่งเหวินตายในระหว่างรบ เจ้าเมืองฉางอัน ‘เซียนกระบี่ธุลีแดง’ หลี่กังบาดเจ็บหนัก…

กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองแทบจะพังทลายลงทั้งหมดในคืนเดียว

กองกำลังปราบปรามกบฏทัพใหญ่ที่เดิมทีกำลังจะทำสำเร็จอยู่แล้วเกิดพลิกผันอย่างกะทันหัน อำนาจการเมืองของเจิ้นซีอ๋องที่กำลังหายใจรวยรินได้รับโอกาสต่อลมหายใจ พื้นที่ทิศพายัพของฉินตะวันตกก็ราวกับเกิดแผลร้ายแรงจนรักษาไม่ได้

ระหว่างกบฏและกองกำลังปราบกบฏโจมตีป้องกันสลับฝั่งกัน

ข่าวนี้แพร่ออกไปราวระเบิด ทั่วจักรวรรดิสั่นสะเทือน

การก่อกบฏของเจิ้นซีอ๋องที่มีทหารจากสองเมือง เดิมทีก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่จักรวรรดิฉินตะวันตกรุ่งเรืองขึ้นมา กล่าวได้ว่าเป็นลางร้ายอย่างหนึ่ง ขณะที่จักรพรรดิเก็บตัวฝึกตน องค์รัชทายาทที่คอยดูแลบ้านเมืองและคณะขุนนางร่วมมือกัน รวมกองกำลังปราบปรามกบฏห้าเมือง เดิมทีคิดว่านี่เป็นเพียงการทำตามขั้นตอนเท่านั้น ความพินาศของเจิ้นซีอ๋องกำลังจะเกิดขึ้น แต่ใครจะไปคิดว่ากลับกลายเป็นกองกำลังพันธมิตรห้าเมืองเสียเองที่แพ้ย่อยยับ

นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ชัดๆ

จากผลของศึกนี้ หากจักรวรรดิฉินตะวันตกต้องการรวมพลเพื่อล้อมปราบเจิ้นซีอ๋องในเวลาสั้นๆ อีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งแล้ว อย่างน้อยในช่วงเหมันต์ฤดูนี้ ราชวงศ์ฉินตะวันตกจะไม่มีกำลังจัดตั้งกองทหารขนาดใหญ่ขึ้นอีก หากจะโยกย้ายกองทหารจากเมืองที่ห่างไกลกว่ามาก็ต้องใช้เวลา ไหนจะยังข้อพิพาทด้านกำไรและการต่อรองจากอำนาจการเมืองในพื้นที่ต่างๆ อีก

จักรพรรดิไม่ออกหน้า ปฏิบัติการทางทหารของทั่วดินแดนจึงล่าช้ามาก

แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองสูญเสียไปเกินครึ่ง ทำให้เมืองต่างๆ รอบเมืองฝูเฟิงไม่มีกำลังล้อมปราบครั้งที่สอง กระทั่งสามารถพูดได้ว่าขาดแคลนกำลังทหาร ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากที่ทหารเจิ้นซีปลดมา ก็รับประกันว่าพวกเขาจะผ่านเหมันต์นี้ไปได้ และหลังจากพักฟื้นแล้ว เมื่อถึงต้นวสันต์ปีหน้า ทหารเจิ้นซีที่จัดตั้งใหม่จะ วางรากฐานมั่นคงในเมืองฝูเฟิงเต็มที่ ถึงตอนนั้นกำลังรบจะเป็นเช่นไร แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว

แน่นอน นี่ล้วนเป็นผลกระทบในระยะยาว เป็นเรื่องที่พวกคนใหญ่คนโตแห่งจักรวรรดิต้องมานั่งปวดหัว

แต่สิ่งที่คนมากกว่าสนอกสนใจมากที่สุดคือ กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองพ่ายแพ้ได้อย่างไร?

เดิมทีนี่เป็นสงครามที่ไม่มีอะไรน่ากังวลแม้แต่น้อย

เจิ้นซีอ๋องรวมทัพอย่างฉุกละหุก รากฐานไม่ได้ลึก ฝูเฟิงเฟิ่งเสียงทั้งสองเมืองใหญ่อยู่ภายใต้ราชวงศ์ฉินตะวันตกมาหลายปีปานนั้น จิตใจประชาชนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ อย่างมากก็แค่กองทหารส่วนใหญ่ หน่วยงานบริหารแผ่นดินชั้นต้นมากมายและขุนนาง ก็ไม่แน่ว่าจะไปอยู่ฝ่ายเขาหมด ยามเผชิญหน้าแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของกองกำลังพันธมิตรห้าเมือง ต้องมีพวกนกสองหัวที่กบฏแล้วกลับมาอยู่ฝ่ายเดิมมากมายแน่ ถึงบอกไม่ได้ว่าเหมือนทรายกระจัดกระจาย แต่กำลังพลที่รวมได้ก็น่าเวทนานัก เรื่องที่กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองเข้ากอบกู้เมืองเฟิ่งเสียงดุจทำลายจนราบคาบ ตั้งแต่เริ่มสงครามก็มองออกแล้ว

ทว่า ผู้ที่หัวเราะตอนท้ายสุดกลับเป็นเจิ้นซีอ๋องที่ควรจะแพ้ย่อยยับ

ความพ่ายแพ้อย่างกะทันหันของกองกำลังพันธมิตรห้าเมือง ทำให้ทัพเจิ้นซีถือโอกาสนี้ชิงเมืองเฟิ่งเสียงคืนมาอีกครั้ง ซ้ำยังดึงไฟสงครามลามไปยังด้านในเมืองจินไถและเมืองฉีซาน ถึงแม้ยังไม่มีกำลังบุกโจมตีขนานใหญ่ แต่ก็พลิกการป้องกันเป็นโจมตี อยู่ในจุดที่ได้เปรียบ

ทหารม้าของทัพเจิ้นซีออกปล้นชิงเมืองรอบๆ ประชานทุกข์ยากแสนเข็ญ

พวกสายลับ สายสืบ และหน่วยสอดแนมของทหารเจิ้นซีเหมือนลูกปลาถูกปล่อยลงทะเลสาบ แทรกซึมเข้าไปอยู่ตามเมืองใหญ่ต่างๆ โดยรอบกันหนาแน่น และคอยสร้างความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ หรือก่อจลาจลในบางโอกาส ทำให้ขุนนางแต่ละระดับของฉินตะวันตกปวดเศียรเวียนเกล้า…

ข่าวสารจากที่ต่างๆ กระจายมาไม่หยุดหย่อน

ในนั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องตกตะลึง

คืนนั้นที่กองกำลังพันธมิตรห้าเมืองพ่ายแพ้กะทันหัน บนสนามรบหลักที่อยู่ห่างจากเมืองฝูเฟิงไปราวร้อยลี้ ซึ่งเคยปรากฏกลิ่นอายของเทพปีศาจ กลับมีของพลังเทพปีศาจนอกพิภพปรากฏขึ้น…

……

“เทพปีศาจนอกพิภพ? คืออะไรกัน?”

ในร้านสุราชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมเมืองมังกรที่อยู่กลางด่านเมืองมังกร เมืองยุทธศาสตร์ชายแดนของจักรวรรดิฉินตะวันตก หลี่มู่ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

กัวอวี่ชิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นสิ่งน่ากลัวที่มาจากนอกพิภพ สำหรับแผ่นดินใหญ่เสินโจวแล้ว พวกเขาคือผู้บุกรุก ผู้ทำลาย ผู้ล้างบาง เป็นศัตรูรร่วมกันของทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่”

หลี่มู่ได้ฟังก็เกิดความสนใจ

มาจากนอกพิภพ นั่นคืออวกาศดาราสมุทรนั่นเอง

ตนเองก็ถือว่ามาจากนอกพิภพเช่นกัน หรือหากพูดจริงๆ ตนก็เป็นเทพปีศาจนอกพิภพเช่นกัน?

“เช่นนี้หมายความว่า เจิ้นซีอ๋องไปขอความช่วยเหลือเทพปีศาจนอกพิภพ นั่นไม่เป็นการทำลายตัวเองหรือ?” หลี่มู่เอ่ย “เข้าร่วมกับศัตรูร่วมกันของแผ่นดินใหญ่ นี่ก็ไม่แตกต่างกับทรยศโลกใบนี้เลยสิ? ผู้คนจะประณามเอานะ”

กัวอวี่ชิงเอ่ยบ้าง “โลกนี้ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น นับตั้งแต่โบราณมา ก็มีเรื่องที่เทพปีศาจนอกพิภพลงมายังแผ่นดินใหญ่เสินโจว เวลาผ่านมานานขนาดนี้ พวกเทพปีศาจนอกพิภพที่ซ่อนตัวอยู่ในแผ่นดินใหญ่ไม่รู้มีตั้งเท่าไหร่ บางส่วนก็เข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม บางส่วนซ่อนตัวในความมืดและจับตาดูโลกใบนี้อยู่ตลอด ในนั้น สำนักหรือราชวงศ์ไม่รู้มากมายเท่าไรถูกก่อตั้งขึ้นโดยเทพปีศาจนอกพิภพ การควบคุมและแทรกซึมของพวกเขาต่อโลกใบนี้อยู่ในระดับทุกรูขุมขนแล้ว อย่างเช่นก่อนหน้าจักรวรรดิฉินตะวันตก ราชวงศ์ต้าหมิงที่ปกครองแผ่นดินนี้ก็เป็นอำนาจของเทพปีศาจนอกพิภพตนหนึ่งสร้างขึ้น ปกครองมานานถึงสามพันปี…”

มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ

หลี่มู่แสดงท่าทีว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยิน

รู้สึกว่าเรื่องนี้คล้ายกับพวกเรื่องเล่าบนโลกมนุษย์ที่พวกกลุ่มพี่น้อง กลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ พวกตระกูลรอธส์ไชลด์[1] หรือพวกตระกูลเก่าแก่จากยุโรปคอยควบคุมการพัฒนาของโลกอยู่ในเงามืด ปรับเปลี่ยนประเทศ กระทั่งวางแผนผลักดันสงครามโลกครั้งที่หนึ่งครั้งที่สองอะไรเทือกนี้

ถ้าเป็นเช่นนี้ แผ่นดินใหญ่เสินโจวก็เป็นเพียงสนามทดสอบของขั้วอำนาจใหญ่ในดาราสมุทรนอกพิภพหรือ?

“ยังดีที่หากเทพปีศาจนอกพิภพคิดจะลงมาที่แผ่นดินใหญ่เสินโจวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จะต้องผ่านภัยพิบัติลงมา ถ้าไม่ระวังอาจสลายกลายเป็นฝุ่นได้” กัวอวี่ชิงบอก “กฎธรรมชาติมีลำดับของมันอยู่ ท่ามกลางยุคสมัยที่ยาวนาน จำนวนเทพปีศาจที่ลงมาได้จริงนั้นมีจำกัด ไม่เช่นนั้นทั้งแผ่นดินเสินโจวนี้คงกลายเป็นสวรรค์ของพวกเทพปีศาจไปแล้ว”

นี่สิถึงจะถูก

หลี่มู่ผงกศีรษะ

ดูท่า เรื่องที่เจิ้นซีอ๋องก่อกบฏจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว

“จริงด้วย เมื่อครู่ที่พี่ใหญ่บอกว่าราชวงศ์ต้าหมิงเคยปกครองแผ่นดินฉินตะวันตก เช่นนั้นพลังเทพปีศาจนอกเมืองฝูเฟิงนั่น จะใช่เชื้อร้ายของราชวงศ์ต้าหมิงหรือไม่?” ความคิดหลี่มู่เริ่มเปิดกว้าง ปั้นเรื่องตามใจปากขึ้นมา “เจิ้นซีอ๋องคงไม่ได้เข้าพวกกับเชื้อร้ายแห่งราชวงศ์ต้าหมิงหรอกกระมัง?”

กัวอวี่ชิงอดมองไปที่หลี่มู่อย่างละเอียดไม่ได้

เขามองน้องสามที่ปกติดูตลกโปกฮาไม่จริงจังสูงขึ้นมาบ้างแล้ว ความคิดด้านการปกครองชัดเจนมาก เพราะว่าในใจเขาเองก็พิจารณาไปด้านนี้เช่นกัน

พวกเขาสองคนออกเดินทางเมื่อวันก่อน เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน วันนี้เพิ่งมาถึงด่านเมืองมังกร

มารอพี่สองชิวอิ่นอยู่ที่นี่ตามสถานที่และเวลาซึ่งนัดไว้ล่วงหน้า

ตลอดการเดินทาง พวกเขาได้ยินเรื่องความพ่ายแพ้ของกองกำลังพันธมิตรห้าเมืองมากมาย ข่าวจากแต่ละด้านจริงบ้างปดบ้าง ให้ความรู้สึกเหมือนลอยไปมาตามกระแสลม จักรวรรดิฉินตะวันตกตอนนี้ราวกับเข้าสู่ปีแห่งปัญหา

แต่ว่าจริงเท็จเป็นเช่นไร เจิ้นซีอ๋องจะต้านทานการโต้กลับของจักรวรรดิได้แค่ไหน นั่นไม่ใช่ปัญหาที่พวกเขากังวล เชื้อร้ายต้าหมิงก็แค่เรื่องที่คิดขึ้นมาเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ทั้งสองกำลังรอการมาถึงของชิวอิ่น ถึงอย่างไรการไปที่ราบทุ่งหญ้าทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อช่วยเหลือซ่างกวนอวี่ถิง ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนแปลกใจก็คือ รอจนเวลาที่นัดกันไว้ล่วงเลยไป เข้าสู่พลบค่ำ จอมยุทธ์ดาบชิวอิ่นก็ยังไม่ปรากฏตัว

มีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

เพราะชิวอิ่นแต่ไหนแต่ไรเป็นคนที่รักษาเวลามาก หากไม่พบเรื่องใหญ่อะไรที่ทำให้ล่าช้า จะไม่มีทางผิดเวลานัดเด็ดขาด

แต่เมื่อวานนี้ ทั้งสองยังได้รับข่าวจากชิวอิ่นอยู่เลยว่าทุกอย่างปกติ เขาจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วที่เมืองปิดภูผา และออกเดินทางเร่งมาที่ด่านเมืองมังกรแล้ว ไม่ควรเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

บนโลกนี้ เรื่องใหญ่ที่จะทำให้ชิวอิ่นผิดนัดได้ ต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่จริงๆ

จนกระทั่งฟ้ามืด ชิวอิ่นก็ยังไม่ปรากฏตัว

หลังจากหลี่มู่หารือกับกัวอวี่ชิง ก็ตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่ด่านเมืองมังกรอีกคืน เพื่อดูว่าชิวอิ่นจะตามมาทันหรือไม่

ทั้งสองคนทำเรื่องเข้าพักในโรงเตี๊ยมเมืองมังกร

ออกจากด่านเมืองมังกรไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นที่ราบทุ่งหญ้า

สำหรับกัวอวี่ชิงแล้ว หลังจากผ่านไปหลายปี เมื่อมาอยู่ใกล้ที่ราบทุ่งหญ้าเช่นนี้ ความรู้สึกมากมายก็ประดังประเดเข้ามา เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เขาก็อดคิดถึงเรื่องในวันเก่าๆ ไม่ได้ และไม่มีความคิดจะออกไปทำอะไรอีก

แต่หลี่มู่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมายังชายแดนจักรวรรดิฉินตะวันตก ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น จึงออกจากโรงเตี๊ยมคนเดียวมาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ภายในด่านเมืองมังกร คนที่สัญจรบนถนนก็ไม่น้อยนัก แต่ว่ายังเทียบกับความคึกคักในเมืองฉางอันไม่ได้ เป็นมนตร์เสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป

พ่อค้าเร่และแผงขายของริมทางก็ไม่น้อย

ด่านเมืองมังกรเป็นเมืองยุทธศาสตร์ชายแดน ดังนั้นแผงลอยและพ่อค้าเหล่านี้จึงล้วนเป็นชนกลุ่มน้อยที่ได้รับการรับรองจากทหารชายแดน เมื่อถึงเวลาประมาณห้าทุ่มของดาวโลก จะห้ามออกนอกสถานยามค่ำคืน

เวลานี้ ยังห่างจากเวลาฟ้ามืดอยู่ราวครึ่งชั่วยาม

หลี่มู่เดินกินของแผงลอยริมทาง รสชาติธรรมดา เขาคิดไปถึงครั้งที่อยู่ในตำบลสุขสงบ ได้กินบะหมี่เจของแม่เฒ่าไช่ นับตั้งแต่แยกกันในสุสานทหารเมืองฉางอัน แม่เฒ่าไช่กับหลานและนายทหารชายแดนอู๋เป่ยเฉินก็มายังชายแดนทั้งสิ้น หากว่าตามหลักการแล้ว ก็น่าจะเป็นหนึ่งในห้าเมืองชายแดนนี้ ไม่รู้ว่าจะใช่ด่านเมืองมังกรหรือไม่

เขาเดินเล่นประมาณหนึ่งรอบ ด่านเมืองมังกรนี้ไม่ใหญ่มากนัก และไม่มีจุดชมวิวอะไร เมื่อฟ้าเริ่มมืดจึงเตรียมกลับโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน

พูดแล้วก็เหมือนบังเอิญ ตอนนี้เองที่หลี่มู่เห็นร่างของคนคุ้นเคยคนหนึ่ง

อู๋เป่ยเฉิน

นายทหารชายแดนเลือดร้อนที่ก้าวออกมาประณามอ๋องน้อยฉินหลินหน้าประตูสุสานทหารครั้งนั้น

เขาอยู่ที่ด่านเมืองมังกรนี้จริงด้วย?

ถ้าเป็นเช่นนี้ แม่เฒ่าไช่กับหลานไช่ไช่ก็อยู่ที่นี่ด้วยมิใช่หรือ?

หลี่มู่ลิงโลดในใจ เดินเข้าไปทักทาย

“ท่านคือ…อ๋า ใต้เท้าหลี่?” อู๋เป่ยเฉินจำหลี่มู่ได้ รู้สึกยินดีปรีดานัก

หลี่มู่เอ่ย “หัวหน้าอู๋ เอ๋? เจ้าเลื่อนขั้นแล้วหรือ? ฮ่าๆ พลังก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน อืม ระดับสูงสุดของขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว ดูท่าการฝึกช่วงนี้จะราบรื่นดีสินะ” เขามองออกว่าพลังฝึกของอู่เป่ยเฉินเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก

“นี่ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านเลย” อู๋เป่ยเฉินตอบกลับด้วยความนอบน้อม

……………………………

[1] ตระกูลรอธส์ไชลด์ ตระกูลอภิมหาเศรษฐีซึ่งสืบเชื้อสายมาจากไมเออร์ รอธส์ไชลด์ ชาวยิวที่อพยพไปยังเยอรมนี ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับองค์กรลับต่างๆ เช่น อิลลูมินาติ และอยู่เบื้องหลังสงครามหลายๆ ครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+