ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 284 การเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 284 การเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 284 การเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (1)

ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม ฟางผิงก็เริ่มปลุกระดมพวกนักศึกษา สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต้องมีการเปลี่ยนแปลง!

คนของสมาคมผิงหยวนก็ได้ทำประโยชน์ที่ควรทำอีกครั้ง

ภายในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้

“รุ่นพี่จางอวี่ขึ้นปีสี่แล้ว ตามหลักสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ควรจะเลือกประธานใหม่ได้แล้ว!”

“ใช่แล้ว ปีสี่ไม่รับตำแหน่งประธาน เป็นฉันทมติของแต่ละมหาวิทยาลัย รุ่นพี่จางจะหลงในอำนาจเกินไปแล้ว!”

“พวกรุ่นพี่จางตอนนี้เริ่มเตรียมพร้อมกับอนาคตของตัวเองแล้ว มีเวลามาดูแลสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่ไหนกัน ตอนนี้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์คงอยู่แค่ชื่อเท่านั้น นึกไม่ถึงว่ารุ่นพี่โจวเหยียนจะดูแลสมาคมแทน งั้นความหมายของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อยู่ที่ตรงไหนกัน?”

“ต้องเปลี่ยนรุ่น! เลือกประธานใหม่!”

“ฉันคิดว่ารุ่นพี่เซี่ยเหล่ยไม่เลวเลย สามารถเป็นประธานได้”

“ฉันคิดว่ารุ่นพี่เซี่ยใช้ได้เหมือนกัน!”

“…”

ช่วงเวลาสั้นๆ เซี่ยงไฮ้ก็เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่

ผู้คนต่างเรียกร้องให้เซี่ยเหล่ยรับตำแหน่งประธาน!

ภายในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์

จางอวี่นั่งพิงเก้าอี้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ทุกคนมีความคิดเห็นยังไง?”

เซี่ยเหล่ยเอ่ยทุ้มลึก “ผมไม่ได้เป็นคนยุยง!”

“เซี่ยเหล่ยไม่ใช่คนแบบนั้น!” จางจื่อเวยที่เข้าสู่ขั้นสามช่วยพูดอีกแรง

จางอวี่ยิ้มบางๆ “ฉันเชื่อว่าไม่ใช่ความคิดของเซี่ยเหล่ย แต่ว่า…พวกนักศึกษาพูดถูกเหมือนกัน ปกติแล้วนักศึกษาปีสี่ไม่ควรรับตำแหน่งประธาน ฉันแค่…”

โจวเหยียนเอ่ยรับบทสนทนา “ประธานไม่ได้หลงในอำนาจ แค่ครึ่งปีหลัง การแข่งขันสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ครั้งที่สองยังต้องดำเนินต่อ เวลานี้ให้ประธานไป นั่นทำได้แค่ลาออกจากสมาคม หากถึงเวลานั้นจำกัดแค่สมาชิกในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ประธานก็ไม่อาจลงสนามได้แล้ว”

ฉินเฟิ่งชิงที่เพิ่งกลับมา เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “สรุปแล้วปัญหาอยู่ที่ความสามารถ! ฝีมือเพียงพอ ใครจะกล้าปากมาก!”

ระหว่างที่พูด ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยว่า “หากเป็นไปตามที่คาด ฟางผิงน่าจะทำเรื่องไว้ คนของสมาคมผิงหยวน ฉันรู้จักทั้งหมด พวกเขานั่นแหละเป็นคนเผยแพร่ ไม่ต้องสนใจเขา เด็กนั่นคิดจะเป็นประธาน ฉันก็คิดเหมือนกัน! เซี่ยเหล่ย นายอยากแข่งกับฉันไหม?”

เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “ฉินเฟิ่งชิง ประธานจางรับตำแหน่งนี้ ฉันไม่คิดจะแก่งแย่งอะไร แต่ถ้านายหรือฟางผิงอยากจะเป็น นั่นต้องถามความเห็นฉันก่อน!”

“นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร!”

ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียง “อย่าคิดว่าทะลวงขั้นสี่แล้วก็ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงได้ ไม่ยินยอม พวกเราก็ประลองกันสักตั้งเท่านั้น!”

“นายคิดว่าฉันกลัวนาย!”

เซี่ยเหล่ยเผยแววตาเย็นเยียบ คิ้วพาดเฉียงขึ้น ดูเยือกเย็นกว่าเดิม

“พอได้แล้ว!”

จางอวี่ตะคอกเบาๆ ถูขมับเล็กน้อย ตำหนิว่า “หุบปากให้หมด ในเมื่อรู้ว่าฟางผิงเป็นคนทำ นั่นก็หมายความว่าฟางผิงอยากได้ตำแหน่งประธานสมาคม ทุกคนคิดเห็นยังไง?”

เหลียงเฟิงหวาที่เพิ่งทะลวงขั้นสี่เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ฉันคิดว่าไม่เป็นปัญหา ตอนนี้ประธานอยู่ปีสี่แล้ว ไม่มีสมาธิจดจ่อกับสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มากขนาดนั้นอีกแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้เปลี่ยนประธานเป็นคนอื่นจะเป็นไรไป”

เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วว่า “รุ่นพี่เหลียง ฟางผิงคนนี้นายรู้จักมากเท่าไหร่? อย่าเห็นว่าเขาเป็นลูกศิษย์อาจารย์หลู่ก็คิดเข้าข้างกัน ฟางผิงนิสัยเป็นยังไง ฉันคงไม่ต้องสาธยายให้มาก แต่เขาเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่า นี่ทุกคนต่างเห็นประจักษ์แล้ว! ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มหยวนฟางหรือเรื่องที่เขาขายยาบำรุงในมหาวิทยาลัย รวมถึงถ่ายโฆษณาเล็กๆ พวกนั้นล้วนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยไม่น้อย…”

เหลียงเฟิงหวายิ้มไม่พูดอะไร เย่ฉิงกลับแค่นยิ้มว่า “น่าขำ มหาวิทยาลัยมีกฏไม่ให้นักศึกษาถ่ายโฆษณาหรือไง? อธิการยังไม่ได้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ นายกลับปฏิเสธเอาเอง! รุ่นน้องฟางฐานะยากจน ถ้ำใต้ดินถูกปิดล้อม ไม่มีเงินฝึกวิชา พึ่งตัวเองหาเงินเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรกลายเป็นความผิดซะแล้ว? รวมถึงขายยาบำรุง นั่นก็ขึ้นอยู่กับเขา เป็นคะแนนของเขาเอง นายกลัวว่าเขาจะขายยาบำรุงให้ใครกัน! เรื่องของแพลตฟอร์มอีก เขาดูแลแพลตฟอร์ม แสวงหาสิทธิประโยชน์ให้นักศึกษา นายทำไม่ได้ กลับไปปฏิเสธความทุ่มเทของรุ่นน้องฟาง? ทำไมล่ะ นายหลอมกระดูกสามครั้ง แก่กว่ารุ่นน้องฟางอยู่หนึ่งรุ่น ตอนนี้สู้เขาไม่ได้เลยอิจฉา? บอกว่ารุ่นน้องฟางเห็นแก่ตัว แล้วนายล่ะ? นายกล้าพูดไหมว่านายพุ่งเป้าไปที่รุ่นน้องฟางไม่ใช่เพราะเขาแย่งชิงความโดดเด่นไปจากนาย ตีแฟนของนาย? เซี่ยเหล่ย เป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกัน ทั้งเป็นคนฉลาดทั้งหมด อย่าได้เห็นคนอื่นเป็นคนโง่!”

เซี่ยเหล่ยเอ่ยด้วยยิ้มเย็น “นายอยากคิดแบบนี้ก็คิดแบบนี้ไปละกัน ประโยชน์ส่วนรวมหรือส่วนตัวย่อมรู้อยู่แก่ใจ!”

“รู้คน รู้หน้า ไม่รู้ใจ”

เย่ฉิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “พล่ามเรื่องพวกนี้ไม่มีประโยชน์ ฟางผิงอยากเป็นประธาน นั่นต้องดูที่ความสามารถของเขา จะเอาชนะใจคนได้หรือเปล่า ฉันไม่คัดค้านอะไร นักศึกษาปีสี่ ฉันแนะนำว่าอย่าออกความคิดเห็น ส่วนนาย ถ้านายอยากเป็นประธาน ฉันก็ไม่คัดค้านเหมือนกัน อันดับแรกนายต้องเอาชนะฟางผิงให้ได้ก่อน ทั้งต้องเอาชนะใจคนให้ได้มากกว่าเขา!”

จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็ตบโต๊ะ เอ่ยอย่างโมโห “ถือสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันแสดงความเห็น! ตำแหน่งประธานฉันก็อยากเป็นเหมือนกัน!”

จางอวี่หัวแทบจะระเบิด โจวเหยียนไม่รู้จะพูดยังไง เอ่ยอย่างจนใจว่า “นายจะเรียบจบแล้ว จำเป็นหรือไง?”

“ทำไมไม่จำเป็นล่ะ?”

ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงว่า “คนเก่งทำงานหนักกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ฉันคิดว่าตัวเองทำได้ งั้นก็ต้องได้! ตอนนี้จางอวี่ตกที่นั่งลำบาก นั่นเพราะเขาเอาชนะใจคนไม่ได้ ปิดเทอมปีก่อนรับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จนถึงตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว จางอวี่กลับไม่ได้แสดงความโดดเด่นอะไร ดังนั้นตอนนี้มหาวิทยาลัยจึงได้เกิดข้อครหา หากช่วงเวลาหนึ่งปีนี้จางอวี่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ใครจะกล้าสงสัยได้? ฟางผิงกล้าหรือเปล่า? เซี่ยเหล่ยจะกล้าหรือไง? พูดมาเยอะขนาดนี้ ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่ให้ความสำคัญกับวิถีแห่งการต่อสู้ หรือคิดจะมาเล่นๆ?”

“ฉันคิดว่าลำดับขั้นของตัวเองไม่อ่อนด้อย งั้นฉันน่าจะเป็นประธานได้ ส่วนเรื่องดูแล คนของสาขาสังคมศาสตร์มีเยอะเป็นกอง หลักสูตรบริหารจัดการก็มีเยอะแยะ หาคนมาสักหน่อย มหาวิทยาลัยแค่นี้ยังจะดูแลไม่ไหวอีก?”

ฉินเฟิ่งชิงพูดลวกๆ ออกไป เหลียงเฟิงหวากลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม้เหล่าฉินจะพูดหยาบๆ ง่ายๆ แต่สมเหตุสมผลทีเดียว เป็นหลักการนี้แหละ ประธาน นายเห็นว่ายังไงล่ะ?”

จางอวี่มองเซี่ยเหล่ยไปแวบหนึ่ง ก่อนจะมองฉินเฟิ่งชิงอีกที ถอนหายใจเบาๆ ว่า “เป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้สร้างผลงานอะไรเลย จุดนี้ฉันมีส่วนรับผิดชอบ ตอนนี้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เซี่ยงไฮ้อ่อนแอลง สิ่งที่เรียกว่าร่วมปกครองกับมหาวิทยาลัยก็กลายเป็นความว่างเปล่าเช่นกัน พวกนายไม่พอใจฉัน นั่นสมควรแล้ว ฉันจะยอมรับผิดแล้วลาออก หลีกทางจากตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แต่ตอนนี้ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ปักกิ่ง หลี่หานซงอยู่ขั้นสี่สูงสุด ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียง หวังจินหยางอยู่ขั้นสี่ตอนปลาย ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หวากั๋ว หลิวซื่อเจี๋ยขั้นสี่ตอนปลาย กระทั่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จิงหนาน เฉินเฮ่าหรานก็ขั้นสี่ตอนกลางเหมือนกัน ทุกคน ไม่ใช่ว่าฉันหลงในอำนาจ แต่ฉันคิดว่าตำแหน่งนี้ควรเป็นของผู้แข็งแกร่ง ให้เฉินเหวินหลงมารับตำแหน่งเถอะ”

อันที่จริงเฉินเหวินหลงอยู่ที่นี่มาโดยตลอด

เพียงแค่ไม่ได้เอ่ยปากพูดเลยเท่านั้น นั่งอยู่ในมุมหนึ่ง ได้ยินจางอวี่เอ่ยขึ้น เฉินเหวินหลงเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันคุยกับหน่วยทหารเซี่ยงไฮ้แล้ว หลังจากเรียนจบจะเข้าสู่หน่วยทหารเซี่ยงไฮ้ รับตำแหน่งผู้บัญชาการกอง ต่อจากนั้นจะใช้เวลาอยู่ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ซะส่วนใหญ่ เหล่าจาง ขอโทษด้วย”

จางอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ฉันก็ไม่ใช่คนที่ฝืนใจคนอื่น แต่ทางสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ หากสิ้นปีต้องลงสนามจริงๆ หวังว่านายจะสามารถออกโรงได้”

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว!”

เฉินเหวินหลงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ฉันอยากประลองกับคนอื่นตั้งนานแล้ว ตั้งแต่โบราณมีคำกล่าวที่ว่าไม่มีใครเป็นหนึ่งในใต้หล้า หลี่หานซงคนพวกนี้จะไร้ศัตรูในขั้นสี่จริงๆ หรือเปล่า ก็ต้องถามความเห็นจากฉันคนนี้ก่อน!”

จางอวี่พยักหน้า เคาะโต๊ะเบาๆ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “งั้นก็เอาแบบนี้เถอะ”

“แบบนี้คือแบบไหน?” ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ

“ในเมื่อฟางผิงอยากได้ตำแหน่งนี้ ยังต้องหาจังหวะที่เหมาะสม หากเป็นไปตามที่คาด คงอีกในสองวันนี้”

จางอวี่เอ่ยเบาๆ “ในเมื่อทุกคนอยากได้ตำแหน่งนี้ งั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองแล้ว”

“นายล่ะ?”

จางอวี่แค่นยิ้ม “ฉัน? พวกนายเอาชนะฉันได้ค่อยว่ากันอีกที เอาชนะฉันไม่ได้ แม้ว่าฉันจะลาออก ตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็จะว่างอยู่ดี รอคนที่เหมาะสมกว่านี้ดีกว่า!”

พวกฉินเฟิ่งชิงไม่พูดมากอีก งั้นก็ดูที่ความสามารถของตัวเองละกัน!

วันที่ 24 สิงหาคม

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปิดการประชุมใหญ่ทั้งมหาวิทยาลัย

สนามฝึกหมายเลขหนึ่ง

เวลาเช้าตรู่ นักศึกษานับพันมารวมตัวกัน ปราณพลุกพล่านสูงเฉียดฟ้า!

นักศึกษาสามรุ่นเกือบห้าพันคน

อาจารย์สายสังคมและสายศิลปะการต่อสู้เกือบหนึ่งพันคน!

ยอดฝีมือเยอะขนาดนี้มารวมตัวกัน ปราณที่พุ่งสูงเฉียดฟ้ากดดันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งบางส่วนจนใบหน้าซีดขาว

ตอนนี้นักศึกษาใหม่ยังไม่มา ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปีของนักศึกษาเซี่ยงไฮ้ปีหนึ่ง แทบจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันหมดแล้ว คนธรรมดาก็มีอยู่บ้าง แต่ว่าหากไม่หลอมกระดูกขั้นสองก็หลอมกระดูกขั้นสามกันอยู่ ฝีมือแทบไม่อ่อนด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วไป

อาจารย์ระดับกลางจำนวนมาก แม้ตอนนี้จะไม่ได้ตั้งใจปล่อยปราณ แต่ไอสังหารที่สั่งสมมาหลายปีก็กระจัดกระจายไปทั่ว สั่นสะเทือนในความว่างเปล่า

ตอนที่นักศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทั้งหมดมารวมตัวกัน ทั่วทั้งเมืองเซี่ยงไฮ้ต่างก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มาจากมหาวิทยาลัย

ผู้ฝึกยุทธ์ห้าหกพันคน มีทั้งระดับกลางและระดับสูง ฝีมือของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นั้นเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัว

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด