ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 130-2 ระบบอัปเกรด (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 130-2 ระบบอัปเกรด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 130 ระบบอัปเกรด (2)

“อุ๊บ!”

จ้าวเสวี่ยเหมยที่อยู่ล่างเวทีเกือบจะหัวเราะออกมา เอ่ยด้วยใบหน้าไร้คำพูด “ราชาดาบ?”

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “รู้จักเล่นลูกไม้ซะด้วย ราชาดาบไม่ใช้ดาบยังจะเรียกว่าราชาดาบได้ยังไง? แต่มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน บางคนไม่ค่อยมีสมอง อาจจะเชื่อฉายานี้จริงๆ ก็ได้”

“ไม่หรอกมั้งคะ?”

“เป็นอย่างนั้นแน่ ดังนั้นคราวหลังถ้าเจอศัตรู อย่าเอาแต่คิดพะวงฉายาของเขา หลัวอี้ชวนชำนาญวิชาหอก ไม่ได้แปลว่าเขาใช้อาวุธอย่างอื่นไม่เป็น ราชสีห์ถังเก่งกาจวิชาหมัดเท้า ไม่ได้หมายความว่าด้อยเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์เหมือนกัน แค่เชี่ยวชาญด้านนั้นเป็นพิเศษเท่านั้น หากคิดจริงๆ ว่าหลัวอี้ชวนไร้หอกแล้ว เธอจะสามารถฆ่าแกงเขายังไงก็ได้ แบบนั้นจะตายโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ เรียนรู้จุดนี้ไว้ แม้หมอนี่จะรักตัวกลัวตาย แต่ไม่ได้ขาดมันสมอง ถึงตอนที่ต้องสู้สุดชีวิตจริงๆ ก็ไม่มีคำว่าลังเล เขาสามารถเอาเปรียบคนอื่นได้ แต่ใครเอาเปรียบเขา นั่นหมายความว่าต้องการเอาชีวิตเขา!”

จ้าวเสวี่ยเหมยคล้ายจะคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้า

บนเวที

ฟางผิงยิ้มอย่างไร้เดียงสาว่า “คุณลุง ผมเพิ่งขึ้นเวทีครั้งแรก พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันเถอะ อีกเดี๋ยวถ้าผมแพ้ ผมจะตะโกนยอมแพ้ คุณลุงเมตตาผมด้วยละกัน”

ชายหน้าดำวัยกลางคนขมวดคิ้วว่า “ไว้ดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”

“คุณลุง เป็นการต่อสู้ตามธรรมเนียมเท่านั้น ผมคิดว่า…”

“เริ่มได้!”

เขาพูดไม่ทันจบ ผู้ตัดสินก็ตะโกนเสียงดัง ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดจาไร้สาระ

ฟางผิงถึงจะบ่นอุบอิบ แต่พอคำว่า ‘เริ่มได้’ ดังขึ้น เขาพลันกระโดดเตะชายหน้าดำไปทันที

ครั้งนี้ไม่ใช่หยุดแค่ลูกเตะเดียว ฟางผิงยังหมุนตัวเตะสลับซ้ายขวาไม่หยุด!

เฮยเมี่ยนยกมือต้านไว้ ร่างยังคงถูกเตะจนถอยหลังอย่างไม่ลดละ

“แม่เจ้า โต้กลับแล้ว!”

คนที่อยู่ด้านล่างตะโกนเสียงดัง ไม่มีใครคาดถึงว่า เปิดฉากมาเฮยเมี่ยนก็ตกอยู่สภาพตั้งรับ ถูกเด็กคนนั้นเตะจนล่าถอยไป

คนหนึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย อีกคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลาง

ทั้งสองคนความสามารถห่างชั้น คนส่วนมากคิดว่าเฮยเมี่ยนขึ้นเวทีมาคงจะอัดเจ้าเด็กฉายา ‘ราชาดาบ’ จนต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต!

แต่ความเป็นจริงกลับไม่ได้เหมือนอย่างที่ทุกคนคาดเดา

ฟางผิงเตะอีกฝ่ายติดต่อกันสิบกว่าครั้ง ตอนที่ร่างกายแตะพื้น ฟางผิงยังบุกต่ออย่างไม่ลดละ

ปากตะโกนว่า ‘ดูขา’ ทว่ากลับกำหมัดขึ้นมา จู่โจมที่หัวของอีกฝ่ายโดยพลัน!

เฮยเมี่ยนหอบหายใจ รีบยกมือกำบัง

ฟางผิงชกหมัดเข้าไปจนอีกฝ่ายถอยหลังไปสองก้าว ประชิดเข้าไปใกล้ ก่อนจะยกขาเตะอีกครั้ง!

“พลั่กๆๆ” เสียงกระทบกันดังขึ้นติดต่อกัน

ขณะที่เฮยเมี่ยนกำลังปัดป้อง ทั้งครุ่นคิดวิธีจะโต้กลับ จู่ๆ ฟางผิงก็ไม่ใช้เพียงขาเดียวเตะอีก

วาดขาขวาตรงดิ่ง ระเบิดพลังที่ปลายเท้ากลางอากาศ เตะเข้าไปที่ไหล่ของเฮยเมี่ยน

“กร๊อบ!”

ไหล่ของเฮยเมี่ยนยุบลงไปทันที เฮยเหมี่ยนหน้าเปลี่ยนสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะกัดฟันว่า “ฉันยอมแพ้!”

“ขอบคุณที่ถอยให้ครับ!”

ฟางผิงรีบชักขากลับ ถอยหลังไปหลายก้าว หัวเราะว่า “คุณลุง ขอบคุณที่ยอมถอยให้ครับ”

“เหอะ!”

ชายกลางคนแค่นเสียงเบาๆ ก่อนจะกุมไหล่เดินลงจากเวที

เขานึกไม่ถึงว่า อีกฝ่ายที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลาง ขึ้นเวทีมาจะเปิดฉากโจมตีทันที

ทั้งคาดไม่ถึงว่า ฟางผิงจะเตะจนไหล่เขาได้รับบาดเจ็บเร็วขนาดนี้ เขาหลอมกระดูกช่วงบนแล้ว กระดูกไม่ได้ถูกทำลายง่ายๆ ขนาดนั้น

อีกฝ่ายสามารถทำลายกระดูกเขาได้ หมายความว่าปราณไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขา ถึงกระทั่งหากระเบิดปราณออกมา อาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาอีก

ไม่งั้นคงไม่ทะลวงการป้องกันของเขาเข้ามาง่ายๆ หรอก

ทั้งยังเด็กขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าคงเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฮึดสู้จนถึงสุดท้ายอาจมีโอกาสแพ้สูงอยู่ดี

ไม่ใช่การต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายด้วย ประมือกันต่อ รังแต่จะทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น

ล่างเวทีมีคนจำนวนไม่น้อยแหกปากตะโกนด่า

หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วว่า “ไร้ประโยชน์”

ฝีมือของฟางผิงแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายไม่น้อย ไม่ว่าจะเคล็ดวิชาต่อสู้ จวงกงหรือปราณ มีเพียงอย่างเดียวที่สู้อีกฝ่ายไม่ได้ นั่นก็คือระดับการหลอมกระดูก

ถูกฟางผิงชิงลงมือก่อน อีกฝ่ายจึงไม่ทันหาโอกาสโต้กลับ

ทั้งสองคนประมือไม่ถึงหนึ่งนาที ฟางผิงกลับชนะซะแล้ว

การต่อสู้แบบนี้ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับฟางผิงเท่าไหร่

“น่าเสียดายที่เจ้าเด็กนี่กลัวตาย ไม่งั้นคงจะให้ลองต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายสักหน่อย แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รีบ ยังไม่ถึงขั้นหนึ่งตอนปลาย ต้องให้ความสำคัญกับการหลอมกระดูกเป็นหลัก”

หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเล็กน้อย จ้าวเสวี่ยเหมยกลับเอ่ยด้วยใบหน้าอิจฉาว่า “ฟางผิงแข็งแกร่งกว่าฉันมาก ปราณของเขา…น่าจะประมาณสามร้อยแคลแล้วสินะคะ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”

หลู่เฟิ่งโหรวไม่เคยถามฟางผิง แต่ฟางผิงหลอมกระดูกสามครั้งแล้ว เวลานี้ต่อให้ปราณจะไม่ถึงสามร้อยแคล แต่คงจะไม่ต่ำกว่าสองร้อยแปดสิบแคลเช่นกัน

ฟางผิงคิดว่าการต่อสู้ตามธรรมเนียมค่อนข้างง่ายเช่นกัน แต่ยังคงดีใจอย่างมาก

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ชนะการแข่งขัน แต่เป็นเงินต่างหาก!

การชนะครั้งนี้ได้เงิน ทั้งยังชนะอย่างง่ายดาย เขาลงมือเป็นครั้งแรก สนามมวยทางนี้คาดเดาความสามารถของเขาไม่ได้ ดังนั้นจึงให้พนันด้วยอัตราหนึ่งต่อสาม ถือว่าเหมาะสมเช่นกัน

แต่หากมีครั้งหน้า คงไม่ได้ในอัตรานี้แล้ว

ฟางผิงพนันข้างตัวเองหนึ่งล้าน รวมทุนและกำไรเป็นสามล้าน บวกกับค่าลงสนามอีกห้าหมื่น

เวลาหนึ่งนาทีหาเงินได้ถึงสองล้านห้าหมื่นแล้ว!

ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ค่าทรัพย์สินของฟางผิงทะลวงถึงสิบล้านอย่างเป็นทางการ!

เมื่อคืนเขาฝึกฝนตามปกติ เสียทรัพย์สินไปประมาณห้าหมื่นหยวน

ก่อนหน้านี้มีค่าทรัพย์สินประมาณแปดล้านหยวน รวมตอนนี้อีกสองล้านกว่า มูลค่าจึงแตะถึงสิบล้านแล้ว!

และหลังจากค่าทรัพย์สินแตะสิบล้าน ฟางผิงค่อยพบว่า ระบบอัปเกรดใหม่อีกแล้ว!

เหมือนกับครั้งก่อน จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นมืดสนิท ก่อนจะปรากฏข้อมูลใหม่ขึ้นมา

ทรัพย์สิน : 10,010,000

ปราณ : 267 แคล (289 แคล)

จิตใจ : 241 เฮิรตซ์ (249เฮิรตซ์)

หลอมกระดูก : 40 ชิ้น (90%),166 ชิ้น (30%)

มีข้อมูลการหลอมกระดูกเพิ่มเข้ามา ฟางผิงแววตาวูบไหวเล็กน้อย หรือจะบอกว่าสามารถเพิ่มระดับการหลอมกระดูกผ่านระบบได้?

ไม่งั้นจะบอกจำนวนหลอมกระดูกเขาทำไม

ลองคิดจะเพิ่มระดับการหลอมกระดูกในใจ ไม่นานแววตาฟางผิงก็เปลี่ยนไป!

ตอนนี้ข้อมูลการหลอมกระดูกเกิดการเปลี่ยนแปลง

หลอมกระดูก : 40 ชิ้น (ความก้าวหน้า 90%),1 ชิ้น (31%),165 ชิ้น (30%)

“ได้จริงด้วย!”

แววตาของฟางผิงเต็มไปด้วยความดีใจ เขาสามารถหลอมกระดูกผ่านระบบได้?

แต่ไม่นานสีหน้าเขาก็เปลี่ยนอีกครั้ง!

ค่าทรัพย์สินลดไปหนึ่งหมื่นหยวน!

ความก้าวหน้าหนึ่งเปอร์เซ็นต์แลกกับค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นหยวน!

นี่หมายความว่าอยากจะหลอมกระดูกชิ้นหนึ่งให้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงหกแสน!

ตอนนี้ระยะห่างจากขั้นหนึ่งตอนปลายของเขา ยังมีกระดูกยี่สิบสองชิ้นที่หลอมไม่ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หรือหมายความว่าอย่างน้อยต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงสิบสามล้านสองแสนหยวน!

ถ้าเขาฝึกฝนเอง ใช้ปราณบ่มเพาะ คงไม่เสียเยอะขนาดนี้ อย่างมากคงประมาณครึ่งหนึ่ง หกล้านเท่านั้น

“หมายความว่า ใช้ระบบโกงได้ แต่ต้องจ่ายค่าทรัพย์สินเยอะกว่าเดิม?”

ฟางผิงหมดแรงจะบ่นอยู่บ้าง เขาใช้เวลาจำนวนมากเพื่อสั่งสมเงินสิบล้านจนมาถึงจุดนี้

ปรากฏว่ายังไม่พอให้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายด้วยซ้ำ

“ดูท่าถ้าฝึกฝนด้วยตัวเองได้ คงต้องพยายามทำอย่างนั้นก่อน จะสามารถประหยัดค่าทรัพย์สินได้ แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นจริงๆ จะลองใช้ระบบอัปเกรดระดับขึ้นก็ได้”

ฟางผิงตรึกตรองพักหนึ่ง ก่อนจะทิ้งความคิดนี้ไป อย่างน้อยต้องไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขาถือว่าหลอมกระดูกได้เร็วแล้ว

หากเร็วกว่านี้ หลู่เฟิ่งโหรวคงหั่นเขาเป็นชิ้นๆ แน่

ทั้งยังสิ้นเปลืองเกินไป ต้องเสียกว่าหนึ่งเท่าตัว

“นี่คือจะบีบให้ฉันหาเงินสินะ หาเงินก้อนโตซะด้วย!”

ฟางผิงถอนหายใจ มีระบบช่วยโกงเป็นเรื่องดี แต่ค่าทรัพย์สินจะหายากเกินไปแล้ว นับวันก็ยิ่งเสียเงินเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“ทั้ง…อาจจะมีข้อจำกัดอยู่ เหมือนเรื่องปราณก่อนหน้านี้ ตอนแรกสามารถเพิ่มขึ้นได้เลย ตอนหลังกลับต้องบ่มเพาะกระดูกและเสริมสร้างร่างกาย ตอนนี้กระดูกก็เหมือนกัน สามารถอัปเกรดได้เลย กลัวว่ายังจะเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดที่ร่างกายรับได้ อย่างน้อยต้องเสริมสร้างร่างกายให้ตามทัน ไม่ต้องใช้สมองก็เดาได้ว่า ระบบไม่ได้ใจดีขนาดที่จะให้ฉันกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามในคืนเดียว”

ฟางผิงบ่นอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด

ไม่งั้นเขาเพิ่มระดับการหลอมกระดูกแขนขาและแกนกลางถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายแล้วเหรอ?

โอกาสที่เป็นไปได้อีกคือ อาจยังมีข้อจำกัดด้านอื่นๆ ด้วย

“ตอนนี้ยังไม่ลอง ผ่านไปสักพักค่อยว่ากัน อีกอย่างสามารถเพิ่มจนถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ได้เลยอย่างนั้นเหรอ?”

ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจ ก่อนฟางผิงจะมองเห็นพวกหลู่เฟิ่งโหรว

เขาลงจากเวทีได้ก็ตรงดิ่งมาที่จุดรับเงินทันที ลืมทักทายพวกเธอไปเลย

——————

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 130-2 ระบบอัปเกรด (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 130-2 ระบบอัปเกรด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 130 ระบบอัปเกรด (2)

“อุ๊บ!”

จ้าวเสวี่ยเหมยที่อยู่ล่างเวทีเกือบจะหัวเราะออกมา เอ่ยด้วยใบหน้าไร้คำพูด “ราชาดาบ?”

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “รู้จักเล่นลูกไม้ซะด้วย ราชาดาบไม่ใช้ดาบยังจะเรียกว่าราชาดาบได้ยังไง? แต่มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน บางคนไม่ค่อยมีสมอง อาจจะเชื่อฉายานี้จริงๆ ก็ได้”

“ไม่หรอกมั้งคะ?”

“เป็นอย่างนั้นแน่ ดังนั้นคราวหลังถ้าเจอศัตรู อย่าเอาแต่คิดพะวงฉายาของเขา หลัวอี้ชวนชำนาญวิชาหอก ไม่ได้แปลว่าเขาใช้อาวุธอย่างอื่นไม่เป็น ราชสีห์ถังเก่งกาจวิชาหมัดเท้า ไม่ได้หมายความว่าด้อยเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์เหมือนกัน แค่เชี่ยวชาญด้านนั้นเป็นพิเศษเท่านั้น หากคิดจริงๆ ว่าหลัวอี้ชวนไร้หอกแล้ว เธอจะสามารถฆ่าแกงเขายังไงก็ได้ แบบนั้นจะตายโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ เรียนรู้จุดนี้ไว้ แม้หมอนี่จะรักตัวกลัวตาย แต่ไม่ได้ขาดมันสมอง ถึงตอนที่ต้องสู้สุดชีวิตจริงๆ ก็ไม่มีคำว่าลังเล เขาสามารถเอาเปรียบคนอื่นได้ แต่ใครเอาเปรียบเขา นั่นหมายความว่าต้องการเอาชีวิตเขา!”

จ้าวเสวี่ยเหมยคล้ายจะคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้า

บนเวที

ฟางผิงยิ้มอย่างไร้เดียงสาว่า “คุณลุง ผมเพิ่งขึ้นเวทีครั้งแรก พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันเถอะ อีกเดี๋ยวถ้าผมแพ้ ผมจะตะโกนยอมแพ้ คุณลุงเมตตาผมด้วยละกัน”

ชายหน้าดำวัยกลางคนขมวดคิ้วว่า “ไว้ดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”

“คุณลุง เป็นการต่อสู้ตามธรรมเนียมเท่านั้น ผมคิดว่า…”

“เริ่มได้!”

เขาพูดไม่ทันจบ ผู้ตัดสินก็ตะโกนเสียงดัง ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดจาไร้สาระ

ฟางผิงถึงจะบ่นอุบอิบ แต่พอคำว่า ‘เริ่มได้’ ดังขึ้น เขาพลันกระโดดเตะชายหน้าดำไปทันที

ครั้งนี้ไม่ใช่หยุดแค่ลูกเตะเดียว ฟางผิงยังหมุนตัวเตะสลับซ้ายขวาไม่หยุด!

เฮยเมี่ยนยกมือต้านไว้ ร่างยังคงถูกเตะจนถอยหลังอย่างไม่ลดละ

“แม่เจ้า โต้กลับแล้ว!”

คนที่อยู่ด้านล่างตะโกนเสียงดัง ไม่มีใครคาดถึงว่า เปิดฉากมาเฮยเมี่ยนก็ตกอยู่สภาพตั้งรับ ถูกเด็กคนนั้นเตะจนล่าถอยไป

คนหนึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย อีกคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลาง

ทั้งสองคนความสามารถห่างชั้น คนส่วนมากคิดว่าเฮยเมี่ยนขึ้นเวทีมาคงจะอัดเจ้าเด็กฉายา ‘ราชาดาบ’ จนต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต!

แต่ความเป็นจริงกลับไม่ได้เหมือนอย่างที่ทุกคนคาดเดา

ฟางผิงเตะอีกฝ่ายติดต่อกันสิบกว่าครั้ง ตอนที่ร่างกายแตะพื้น ฟางผิงยังบุกต่ออย่างไม่ลดละ

ปากตะโกนว่า ‘ดูขา’ ทว่ากลับกำหมัดขึ้นมา จู่โจมที่หัวของอีกฝ่ายโดยพลัน!

เฮยเมี่ยนหอบหายใจ รีบยกมือกำบัง

ฟางผิงชกหมัดเข้าไปจนอีกฝ่ายถอยหลังไปสองก้าว ประชิดเข้าไปใกล้ ก่อนจะยกขาเตะอีกครั้ง!

“พลั่กๆๆ” เสียงกระทบกันดังขึ้นติดต่อกัน

ขณะที่เฮยเมี่ยนกำลังปัดป้อง ทั้งครุ่นคิดวิธีจะโต้กลับ จู่ๆ ฟางผิงก็ไม่ใช้เพียงขาเดียวเตะอีก

วาดขาขวาตรงดิ่ง ระเบิดพลังที่ปลายเท้ากลางอากาศ เตะเข้าไปที่ไหล่ของเฮยเมี่ยน

“กร๊อบ!”

ไหล่ของเฮยเมี่ยนยุบลงไปทันที เฮยเหมี่ยนหน้าเปลี่ยนสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะกัดฟันว่า “ฉันยอมแพ้!”

“ขอบคุณที่ถอยให้ครับ!”

ฟางผิงรีบชักขากลับ ถอยหลังไปหลายก้าว หัวเราะว่า “คุณลุง ขอบคุณที่ยอมถอยให้ครับ”

“เหอะ!”

ชายกลางคนแค่นเสียงเบาๆ ก่อนจะกุมไหล่เดินลงจากเวที

เขานึกไม่ถึงว่า อีกฝ่ายที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลาง ขึ้นเวทีมาจะเปิดฉากโจมตีทันที

ทั้งคาดไม่ถึงว่า ฟางผิงจะเตะจนไหล่เขาได้รับบาดเจ็บเร็วขนาดนี้ เขาหลอมกระดูกช่วงบนแล้ว กระดูกไม่ได้ถูกทำลายง่ายๆ ขนาดนั้น

อีกฝ่ายสามารถทำลายกระดูกเขาได้ หมายความว่าปราณไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขา ถึงกระทั่งหากระเบิดปราณออกมา อาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาอีก

ไม่งั้นคงไม่ทะลวงการป้องกันของเขาเข้ามาง่ายๆ หรอก

ทั้งยังเด็กขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าคงเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฮึดสู้จนถึงสุดท้ายอาจมีโอกาสแพ้สูงอยู่ดี

ไม่ใช่การต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายด้วย ประมือกันต่อ รังแต่จะทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น

ล่างเวทีมีคนจำนวนไม่น้อยแหกปากตะโกนด่า

หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วว่า “ไร้ประโยชน์”

ฝีมือของฟางผิงแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายไม่น้อย ไม่ว่าจะเคล็ดวิชาต่อสู้ จวงกงหรือปราณ มีเพียงอย่างเดียวที่สู้อีกฝ่ายไม่ได้ นั่นก็คือระดับการหลอมกระดูก

ถูกฟางผิงชิงลงมือก่อน อีกฝ่ายจึงไม่ทันหาโอกาสโต้กลับ

ทั้งสองคนประมือไม่ถึงหนึ่งนาที ฟางผิงกลับชนะซะแล้ว

การต่อสู้แบบนี้ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับฟางผิงเท่าไหร่

“น่าเสียดายที่เจ้าเด็กนี่กลัวตาย ไม่งั้นคงจะให้ลองต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายสักหน่อย แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รีบ ยังไม่ถึงขั้นหนึ่งตอนปลาย ต้องให้ความสำคัญกับการหลอมกระดูกเป็นหลัก”

หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเล็กน้อย จ้าวเสวี่ยเหมยกลับเอ่ยด้วยใบหน้าอิจฉาว่า “ฟางผิงแข็งแกร่งกว่าฉันมาก ปราณของเขา…น่าจะประมาณสามร้อยแคลแล้วสินะคะ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”

หลู่เฟิ่งโหรวไม่เคยถามฟางผิง แต่ฟางผิงหลอมกระดูกสามครั้งแล้ว เวลานี้ต่อให้ปราณจะไม่ถึงสามร้อยแคล แต่คงจะไม่ต่ำกว่าสองร้อยแปดสิบแคลเช่นกัน

ฟางผิงคิดว่าการต่อสู้ตามธรรมเนียมค่อนข้างง่ายเช่นกัน แต่ยังคงดีใจอย่างมาก

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ชนะการแข่งขัน แต่เป็นเงินต่างหาก!

การชนะครั้งนี้ได้เงิน ทั้งยังชนะอย่างง่ายดาย เขาลงมือเป็นครั้งแรก สนามมวยทางนี้คาดเดาความสามารถของเขาไม่ได้ ดังนั้นจึงให้พนันด้วยอัตราหนึ่งต่อสาม ถือว่าเหมาะสมเช่นกัน

แต่หากมีครั้งหน้า คงไม่ได้ในอัตรานี้แล้ว

ฟางผิงพนันข้างตัวเองหนึ่งล้าน รวมทุนและกำไรเป็นสามล้าน บวกกับค่าลงสนามอีกห้าหมื่น

เวลาหนึ่งนาทีหาเงินได้ถึงสองล้านห้าหมื่นแล้ว!

ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ค่าทรัพย์สินของฟางผิงทะลวงถึงสิบล้านอย่างเป็นทางการ!

เมื่อคืนเขาฝึกฝนตามปกติ เสียทรัพย์สินไปประมาณห้าหมื่นหยวน

ก่อนหน้านี้มีค่าทรัพย์สินประมาณแปดล้านหยวน รวมตอนนี้อีกสองล้านกว่า มูลค่าจึงแตะถึงสิบล้านแล้ว!

และหลังจากค่าทรัพย์สินแตะสิบล้าน ฟางผิงค่อยพบว่า ระบบอัปเกรดใหม่อีกแล้ว!

เหมือนกับครั้งก่อน จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นมืดสนิท ก่อนจะปรากฏข้อมูลใหม่ขึ้นมา

ทรัพย์สิน : 10,010,000

ปราณ : 267 แคล (289 แคล)

จิตใจ : 241 เฮิรตซ์ (249เฮิรตซ์)

หลอมกระดูก : 40 ชิ้น (90%),166 ชิ้น (30%)

มีข้อมูลการหลอมกระดูกเพิ่มเข้ามา ฟางผิงแววตาวูบไหวเล็กน้อย หรือจะบอกว่าสามารถเพิ่มระดับการหลอมกระดูกผ่านระบบได้?

ไม่งั้นจะบอกจำนวนหลอมกระดูกเขาทำไม

ลองคิดจะเพิ่มระดับการหลอมกระดูกในใจ ไม่นานแววตาฟางผิงก็เปลี่ยนไป!

ตอนนี้ข้อมูลการหลอมกระดูกเกิดการเปลี่ยนแปลง

หลอมกระดูก : 40 ชิ้น (ความก้าวหน้า 90%),1 ชิ้น (31%),165 ชิ้น (30%)

“ได้จริงด้วย!”

แววตาของฟางผิงเต็มไปด้วยความดีใจ เขาสามารถหลอมกระดูกผ่านระบบได้?

แต่ไม่นานสีหน้าเขาก็เปลี่ยนอีกครั้ง!

ค่าทรัพย์สินลดไปหนึ่งหมื่นหยวน!

ความก้าวหน้าหนึ่งเปอร์เซ็นต์แลกกับค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นหยวน!

นี่หมายความว่าอยากจะหลอมกระดูกชิ้นหนึ่งให้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงหกแสน!

ตอนนี้ระยะห่างจากขั้นหนึ่งตอนปลายของเขา ยังมีกระดูกยี่สิบสองชิ้นที่หลอมไม่ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หรือหมายความว่าอย่างน้อยต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงสิบสามล้านสองแสนหยวน!

ถ้าเขาฝึกฝนเอง ใช้ปราณบ่มเพาะ คงไม่เสียเยอะขนาดนี้ อย่างมากคงประมาณครึ่งหนึ่ง หกล้านเท่านั้น

“หมายความว่า ใช้ระบบโกงได้ แต่ต้องจ่ายค่าทรัพย์สินเยอะกว่าเดิม?”

ฟางผิงหมดแรงจะบ่นอยู่บ้าง เขาใช้เวลาจำนวนมากเพื่อสั่งสมเงินสิบล้านจนมาถึงจุดนี้

ปรากฏว่ายังไม่พอให้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายด้วยซ้ำ

“ดูท่าถ้าฝึกฝนด้วยตัวเองได้ คงต้องพยายามทำอย่างนั้นก่อน จะสามารถประหยัดค่าทรัพย์สินได้ แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นจริงๆ จะลองใช้ระบบอัปเกรดระดับขึ้นก็ได้”

ฟางผิงตรึกตรองพักหนึ่ง ก่อนจะทิ้งความคิดนี้ไป อย่างน้อยต้องไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขาถือว่าหลอมกระดูกได้เร็วแล้ว

หากเร็วกว่านี้ หลู่เฟิ่งโหรวคงหั่นเขาเป็นชิ้นๆ แน่

ทั้งยังสิ้นเปลืองเกินไป ต้องเสียกว่าหนึ่งเท่าตัว

“นี่คือจะบีบให้ฉันหาเงินสินะ หาเงินก้อนโตซะด้วย!”

ฟางผิงถอนหายใจ มีระบบช่วยโกงเป็นเรื่องดี แต่ค่าทรัพย์สินจะหายากเกินไปแล้ว นับวันก็ยิ่งเสียเงินเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“ทั้ง…อาจจะมีข้อจำกัดอยู่ เหมือนเรื่องปราณก่อนหน้านี้ ตอนแรกสามารถเพิ่มขึ้นได้เลย ตอนหลังกลับต้องบ่มเพาะกระดูกและเสริมสร้างร่างกาย ตอนนี้กระดูกก็เหมือนกัน สามารถอัปเกรดได้เลย กลัวว่ายังจะเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดที่ร่างกายรับได้ อย่างน้อยต้องเสริมสร้างร่างกายให้ตามทัน ไม่ต้องใช้สมองก็เดาได้ว่า ระบบไม่ได้ใจดีขนาดที่จะให้ฉันกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามในคืนเดียว”

ฟางผิงบ่นอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด

ไม่งั้นเขาเพิ่มระดับการหลอมกระดูกแขนขาและแกนกลางถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายแล้วเหรอ?

โอกาสที่เป็นไปได้อีกคือ อาจยังมีข้อจำกัดด้านอื่นๆ ด้วย

“ตอนนี้ยังไม่ลอง ผ่านไปสักพักค่อยว่ากัน อีกอย่างสามารถเพิ่มจนถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ได้เลยอย่างนั้นเหรอ?”

ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจ ก่อนฟางผิงจะมองเห็นพวกหลู่เฟิ่งโหรว

เขาลงจากเวทีได้ก็ตรงดิ่งมาที่จุดรับเงินทันที ลืมทักทายพวกเธอไปเลย

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 130-2 ระบบอัปเกรด (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 130-2 ระบบอัปเกรด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 130 ระบบอัปเกรด (2)

“อุ๊บ!”

จ้าวเสวี่ยเหมยที่อยู่ล่างเวทีเกือบจะหัวเราะออกมา เอ่ยด้วยใบหน้าไร้คำพูด “ราชาดาบ?”

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “รู้จักเล่นลูกไม้ซะด้วย ราชาดาบไม่ใช้ดาบยังจะเรียกว่าราชาดาบได้ยังไง? แต่มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน บางคนไม่ค่อยมีสมอง อาจจะเชื่อฉายานี้จริงๆ ก็ได้”

“ไม่หรอกมั้งคะ?”

“เป็นอย่างนั้นแน่ ดังนั้นคราวหลังถ้าเจอศัตรู อย่าเอาแต่คิดพะวงฉายาของเขา หลัวอี้ชวนชำนาญวิชาหอก ไม่ได้แปลว่าเขาใช้อาวุธอย่างอื่นไม่เป็น ราชสีห์ถังเก่งกาจวิชาหมัดเท้า ไม่ได้หมายความว่าด้อยเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์เหมือนกัน แค่เชี่ยวชาญด้านนั้นเป็นพิเศษเท่านั้น หากคิดจริงๆ ว่าหลัวอี้ชวนไร้หอกแล้ว เธอจะสามารถฆ่าแกงเขายังไงก็ได้ แบบนั้นจะตายโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ เรียนรู้จุดนี้ไว้ แม้หมอนี่จะรักตัวกลัวตาย แต่ไม่ได้ขาดมันสมอง ถึงตอนที่ต้องสู้สุดชีวิตจริงๆ ก็ไม่มีคำว่าลังเล เขาสามารถเอาเปรียบคนอื่นได้ แต่ใครเอาเปรียบเขา นั่นหมายความว่าต้องการเอาชีวิตเขา!”

จ้าวเสวี่ยเหมยคล้ายจะคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้า

บนเวที

ฟางผิงยิ้มอย่างไร้เดียงสาว่า “คุณลุง ผมเพิ่งขึ้นเวทีครั้งแรก พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันเถอะ อีกเดี๋ยวถ้าผมแพ้ ผมจะตะโกนยอมแพ้ คุณลุงเมตตาผมด้วยละกัน”

ชายหน้าดำวัยกลางคนขมวดคิ้วว่า “ไว้ดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”

“คุณลุง เป็นการต่อสู้ตามธรรมเนียมเท่านั้น ผมคิดว่า…”

“เริ่มได้!”

เขาพูดไม่ทันจบ ผู้ตัดสินก็ตะโกนเสียงดัง ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดจาไร้สาระ

ฟางผิงถึงจะบ่นอุบอิบ แต่พอคำว่า ‘เริ่มได้’ ดังขึ้น เขาพลันกระโดดเตะชายหน้าดำไปทันที

ครั้งนี้ไม่ใช่หยุดแค่ลูกเตะเดียว ฟางผิงยังหมุนตัวเตะสลับซ้ายขวาไม่หยุด!

เฮยเมี่ยนยกมือต้านไว้ ร่างยังคงถูกเตะจนถอยหลังอย่างไม่ลดละ

“แม่เจ้า โต้กลับแล้ว!”

คนที่อยู่ด้านล่างตะโกนเสียงดัง ไม่มีใครคาดถึงว่า เปิดฉากมาเฮยเมี่ยนก็ตกอยู่สภาพตั้งรับ ถูกเด็กคนนั้นเตะจนล่าถอยไป

คนหนึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย อีกคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลาง

ทั้งสองคนความสามารถห่างชั้น คนส่วนมากคิดว่าเฮยเมี่ยนขึ้นเวทีมาคงจะอัดเจ้าเด็กฉายา ‘ราชาดาบ’ จนต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต!

แต่ความเป็นจริงกลับไม่ได้เหมือนอย่างที่ทุกคนคาดเดา

ฟางผิงเตะอีกฝ่ายติดต่อกันสิบกว่าครั้ง ตอนที่ร่างกายแตะพื้น ฟางผิงยังบุกต่ออย่างไม่ลดละ

ปากตะโกนว่า ‘ดูขา’ ทว่ากลับกำหมัดขึ้นมา จู่โจมที่หัวของอีกฝ่ายโดยพลัน!

เฮยเมี่ยนหอบหายใจ รีบยกมือกำบัง

ฟางผิงชกหมัดเข้าไปจนอีกฝ่ายถอยหลังไปสองก้าว ประชิดเข้าไปใกล้ ก่อนจะยกขาเตะอีกครั้ง!

“พลั่กๆๆ” เสียงกระทบกันดังขึ้นติดต่อกัน

ขณะที่เฮยเมี่ยนกำลังปัดป้อง ทั้งครุ่นคิดวิธีจะโต้กลับ จู่ๆ ฟางผิงก็ไม่ใช้เพียงขาเดียวเตะอีก

วาดขาขวาตรงดิ่ง ระเบิดพลังที่ปลายเท้ากลางอากาศ เตะเข้าไปที่ไหล่ของเฮยเมี่ยน

“กร๊อบ!”

ไหล่ของเฮยเมี่ยนยุบลงไปทันที เฮยเหมี่ยนหน้าเปลี่ยนสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะกัดฟันว่า “ฉันยอมแพ้!”

“ขอบคุณที่ถอยให้ครับ!”

ฟางผิงรีบชักขากลับ ถอยหลังไปหลายก้าว หัวเราะว่า “คุณลุง ขอบคุณที่ยอมถอยให้ครับ”

“เหอะ!”

ชายกลางคนแค่นเสียงเบาๆ ก่อนจะกุมไหล่เดินลงจากเวที

เขานึกไม่ถึงว่า อีกฝ่ายที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนกลาง ขึ้นเวทีมาจะเปิดฉากโจมตีทันที

ทั้งคาดไม่ถึงว่า ฟางผิงจะเตะจนไหล่เขาได้รับบาดเจ็บเร็วขนาดนี้ เขาหลอมกระดูกช่วงบนแล้ว กระดูกไม่ได้ถูกทำลายง่ายๆ ขนาดนั้น

อีกฝ่ายสามารถทำลายกระดูกเขาได้ หมายความว่าปราณไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขา ถึงกระทั่งหากระเบิดปราณออกมา อาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาอีก

ไม่งั้นคงไม่ทะลวงการป้องกันของเขาเข้ามาง่ายๆ หรอก

ทั้งยังเด็กขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าคงเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฮึดสู้จนถึงสุดท้ายอาจมีโอกาสแพ้สูงอยู่ดี

ไม่ใช่การต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายด้วย ประมือกันต่อ รังแต่จะทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น

ล่างเวทีมีคนจำนวนไม่น้อยแหกปากตะโกนด่า

หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วว่า “ไร้ประโยชน์”

ฝีมือของฟางผิงแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายไม่น้อย ไม่ว่าจะเคล็ดวิชาต่อสู้ จวงกงหรือปราณ มีเพียงอย่างเดียวที่สู้อีกฝ่ายไม่ได้ นั่นก็คือระดับการหลอมกระดูก

ถูกฟางผิงชิงลงมือก่อน อีกฝ่ายจึงไม่ทันหาโอกาสโต้กลับ

ทั้งสองคนประมือไม่ถึงหนึ่งนาที ฟางผิงกลับชนะซะแล้ว

การต่อสู้แบบนี้ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับฟางผิงเท่าไหร่

“น่าเสียดายที่เจ้าเด็กนี่กลัวตาย ไม่งั้นคงจะให้ลองต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายสักหน่อย แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รีบ ยังไม่ถึงขั้นหนึ่งตอนปลาย ต้องให้ความสำคัญกับการหลอมกระดูกเป็นหลัก”

หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเล็กน้อย จ้าวเสวี่ยเหมยกลับเอ่ยด้วยใบหน้าอิจฉาว่า “ฟางผิงแข็งแกร่งกว่าฉันมาก ปราณของเขา…น่าจะประมาณสามร้อยแคลแล้วสินะคะ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”

หลู่เฟิ่งโหรวไม่เคยถามฟางผิง แต่ฟางผิงหลอมกระดูกสามครั้งแล้ว เวลานี้ต่อให้ปราณจะไม่ถึงสามร้อยแคล แต่คงจะไม่ต่ำกว่าสองร้อยแปดสิบแคลเช่นกัน

ฟางผิงคิดว่าการต่อสู้ตามธรรมเนียมค่อนข้างง่ายเช่นกัน แต่ยังคงดีใจอย่างมาก

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ชนะการแข่งขัน แต่เป็นเงินต่างหาก!

การชนะครั้งนี้ได้เงิน ทั้งยังชนะอย่างง่ายดาย เขาลงมือเป็นครั้งแรก สนามมวยทางนี้คาดเดาความสามารถของเขาไม่ได้ ดังนั้นจึงให้พนันด้วยอัตราหนึ่งต่อสาม ถือว่าเหมาะสมเช่นกัน

แต่หากมีครั้งหน้า คงไม่ได้ในอัตรานี้แล้ว

ฟางผิงพนันข้างตัวเองหนึ่งล้าน รวมทุนและกำไรเป็นสามล้าน บวกกับค่าลงสนามอีกห้าหมื่น

เวลาหนึ่งนาทีหาเงินได้ถึงสองล้านห้าหมื่นแล้ว!

ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ค่าทรัพย์สินของฟางผิงทะลวงถึงสิบล้านอย่างเป็นทางการ!

เมื่อคืนเขาฝึกฝนตามปกติ เสียทรัพย์สินไปประมาณห้าหมื่นหยวน

ก่อนหน้านี้มีค่าทรัพย์สินประมาณแปดล้านหยวน รวมตอนนี้อีกสองล้านกว่า มูลค่าจึงแตะถึงสิบล้านแล้ว!

และหลังจากค่าทรัพย์สินแตะสิบล้าน ฟางผิงค่อยพบว่า ระบบอัปเกรดใหม่อีกแล้ว!

เหมือนกับครั้งก่อน จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นมืดสนิท ก่อนจะปรากฏข้อมูลใหม่ขึ้นมา

ทรัพย์สิน : 10,010,000

ปราณ : 267 แคล (289 แคล)

จิตใจ : 241 เฮิรตซ์ (249เฮิรตซ์)

หลอมกระดูก : 40 ชิ้น (90%),166 ชิ้น (30%)

มีข้อมูลการหลอมกระดูกเพิ่มเข้ามา ฟางผิงแววตาวูบไหวเล็กน้อย หรือจะบอกว่าสามารถเพิ่มระดับการหลอมกระดูกผ่านระบบได้?

ไม่งั้นจะบอกจำนวนหลอมกระดูกเขาทำไม

ลองคิดจะเพิ่มระดับการหลอมกระดูกในใจ ไม่นานแววตาฟางผิงก็เปลี่ยนไป!

ตอนนี้ข้อมูลการหลอมกระดูกเกิดการเปลี่ยนแปลง

หลอมกระดูก : 40 ชิ้น (ความก้าวหน้า 90%),1 ชิ้น (31%),165 ชิ้น (30%)

“ได้จริงด้วย!”

แววตาของฟางผิงเต็มไปด้วยความดีใจ เขาสามารถหลอมกระดูกผ่านระบบได้?

แต่ไม่นานสีหน้าเขาก็เปลี่ยนอีกครั้ง!

ค่าทรัพย์สินลดไปหนึ่งหมื่นหยวน!

ความก้าวหน้าหนึ่งเปอร์เซ็นต์แลกกับค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นหยวน!

นี่หมายความว่าอยากจะหลอมกระดูกชิ้นหนึ่งให้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงหกแสน!

ตอนนี้ระยะห่างจากขั้นหนึ่งตอนปลายของเขา ยังมีกระดูกยี่สิบสองชิ้นที่หลอมไม่ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หรือหมายความว่าอย่างน้อยต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงสิบสามล้านสองแสนหยวน!

ถ้าเขาฝึกฝนเอง ใช้ปราณบ่มเพาะ คงไม่เสียเยอะขนาดนี้ อย่างมากคงประมาณครึ่งหนึ่ง หกล้านเท่านั้น

“หมายความว่า ใช้ระบบโกงได้ แต่ต้องจ่ายค่าทรัพย์สินเยอะกว่าเดิม?”

ฟางผิงหมดแรงจะบ่นอยู่บ้าง เขาใช้เวลาจำนวนมากเพื่อสั่งสมเงินสิบล้านจนมาถึงจุดนี้

ปรากฏว่ายังไม่พอให้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายด้วยซ้ำ

“ดูท่าถ้าฝึกฝนด้วยตัวเองได้ คงต้องพยายามทำอย่างนั้นก่อน จะสามารถประหยัดค่าทรัพย์สินได้ แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นจริงๆ จะลองใช้ระบบอัปเกรดระดับขึ้นก็ได้”

ฟางผิงตรึกตรองพักหนึ่ง ก่อนจะทิ้งความคิดนี้ไป อย่างน้อยต้องไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขาถือว่าหลอมกระดูกได้เร็วแล้ว

หากเร็วกว่านี้ หลู่เฟิ่งโหรวคงหั่นเขาเป็นชิ้นๆ แน่

ทั้งยังสิ้นเปลืองเกินไป ต้องเสียกว่าหนึ่งเท่าตัว

“นี่คือจะบีบให้ฉันหาเงินสินะ หาเงินก้อนโตซะด้วย!”

ฟางผิงถอนหายใจ มีระบบช่วยโกงเป็นเรื่องดี แต่ค่าทรัพย์สินจะหายากเกินไปแล้ว นับวันก็ยิ่งเสียเงินเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“ทั้ง…อาจจะมีข้อจำกัดอยู่ เหมือนเรื่องปราณก่อนหน้านี้ ตอนแรกสามารถเพิ่มขึ้นได้เลย ตอนหลังกลับต้องบ่มเพาะกระดูกและเสริมสร้างร่างกาย ตอนนี้กระดูกก็เหมือนกัน สามารถอัปเกรดได้เลย กลัวว่ายังจะเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดที่ร่างกายรับได้ อย่างน้อยต้องเสริมสร้างร่างกายให้ตามทัน ไม่ต้องใช้สมองก็เดาได้ว่า ระบบไม่ได้ใจดีขนาดที่จะให้ฉันกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามในคืนเดียว”

ฟางผิงบ่นอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด

ไม่งั้นเขาเพิ่มระดับการหลอมกระดูกแขนขาและแกนกลางถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายแล้วเหรอ?

โอกาสที่เป็นไปได้อีกคือ อาจยังมีข้อจำกัดด้านอื่นๆ ด้วย

“ตอนนี้ยังไม่ลอง ผ่านไปสักพักค่อยว่ากัน อีกอย่างสามารถเพิ่มจนถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ได้เลยอย่างนั้นเหรอ?”

ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจ ก่อนฟางผิงจะมองเห็นพวกหลู่เฟิ่งโหรว

เขาลงจากเวทีได้ก็ตรงดิ่งมาที่จุดรับเงินทันที ลืมทักทายพวกเธอไปเลย

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+