ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 209-2 เป้าหมายของการฝึก (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 209-2 เป้าหมายของการฝึก (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 209 เป้าหมายของการฝึก (2)

อาจารย์ของปักกิ่งเอ่ยว่า “อันที่จริงเหตุผลหลักเป็นเพราะประเมินอีกฝ่ายต่ำไป คิดว่าผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตคงไม่เท่าไหร่ รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสี่คนที่ลอบจู่โจมก่อนหน้านี้ด้วย ยิ่งสร้างความคิดแบบนี้ให้กับทุกคน หากผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตไม่หนีตาย ก็คงตั้งการป้องกันอย่างเข้มงวดรอพวกเขาเข้ามา นักศึกษาศิลปะการต่อสู้กว่าสามร้อยคน เคลื่อนไหวพร้อมกัน ในความคิดของพวกเขาไม่ใช่ไม่รู้ว่าควรจะสำรวจเส้นทางสักหน่อย แต่อาจจะคิดว่าไม่มีความจำเป็น…”

ถังเฟิงเคาะโต๊ะเบาๆ ครุ่นคิดว่า “ครั้งนี้นับเป็นบทเรียนอย่างหนึ่ง ครั้งหน้าฉันคิดว่าคงไม่ทำพลาดซ้ำสองแล้ว กลับไปต้องเพิ่มบทลงโทษให้ทุกคนสักหน่อย ไม่ถึงคะแนนพื้นฐาน นั่นหมายความว่าความสามารถไม่เพียงพอ ความสามารถไม่พอ ทั้งยังไม่มีข้อดีอย่างอื่นอีก คงต้องรั้งตัวพวกเขาไว้สักพัก!”

แม้ด้านอื่นๆ จะมีปัญหา แต่หากมีความสามารถ ฆ่าศัตรูจำนวนหนึ่งก็เพียงพอให้ตัวเองเติมเต็มคะแนนพื้นฐานแล้ว

มีความสามารถที่เพียงพอถือเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการอยู่รอดเช่นกัน

แต่คนที่ฝีมือไม่แข็งแกร่งพอ ทั้งยังไม่มีความระมัดระวัง คนประเภทนี้มักตายไวที่สุด

“อืม”

พวกอาจารย์นั้นเห็นพ้องต้องกัน ส่วนพวกฟางผิงใกล้มาถึงหมู่บ้านสือผานแล้ว

เพราะถูกแยกเป็นพื้นที่สงคราม ตอนนี้หมู่บ้านใกล้ๆ จึงถูกอพยพออกไปแล้ว ตลอดทางนึกไม่ถึงว่าจะไม่เจอคนเป็นเลยสักคน

“ครั้งนี้ราคาที่จ่ายออกไปไม่น้อยเลย…”

ฟางผิงถอนหายใจ เพื่อฝึกทหารของหนานเจียง ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปเยอะจริงๆ

แค่อพยพคนมากมายขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ความยากทั่วไปแล้ว

ทั้งรอบๆ หนานเจียงไม่มีพื้นที่ติดทะเล แจ้งกับภายนอกว่าจะฝึกทหารชั่วคราว ก็ได้รับคำวิจารณ์ไม่น้อยเลยทีเดียว

“พวกนายว่าคนจากลัทธินอกรีตคนอื่นๆ อยู่ที่ไหนกัน?”

ฟางผิงถามออกมา ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอย่างพวกเขาที่เข้าร่วมการฝึก ยังมีหน่วยทหารด้วยเช่นกัน ฐานที่มั่นคงไม่ได้มีแต่หมู่บ้านเผิงสือ

อวี๋ซั่งหวาครุ่นคิดพักหนึ่ง “คงจะอยู่ละแวกนี้เหมือนกัน หนานเจียงคงไม่แยกพื้นที่ฝึกทหารออกมาเยอะเกินไปหรอก แบบนั้นจะเป็นปัญหามาก ตอนนี้พวกเราอยู่ในพื้นที่ชนบททางเหนือของชางหนาน หากเป็นไปตามที่คาด ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตคงจะถูกไล่มาอยู่แถบนี้ทั้งหมด พวกเราไล่ตามเส้นทางอื่นไป บางทีอาจจะเจอฐานที่มั่นอีกแห่งก็ได้”

ฟางผิงแววตาวูบไหวเล็กน้อย “พวกนายว่าพวกเราทำภารกิจตัวเองสำเร็จแล้ว ไปช่วยกวาดรังที่อื่น จะได้ผลประโยชน์เยอะกว่านี้หรือเปล่า?”

ทุกคนขมวดคิ้ว ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รอพวกเราทำภารกิจทางนี้สำเร็จค่อยว่ากัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามนั้นว่างไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไปเข้าร่วมได้สินสงครามกลับมาเล็กน้อยถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน”

เดินอยู่ครึ่งค่อนวัน หมู่บ้านก็ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้า

พวกฟางผิงเพิ่งมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นทันที!

ในตอนที่พวกฟางผิงห่างจากหมู่บ้านผานสือไม่ถึงห้าร้อยเมตร จู่ๆ ก็มีหินก้อนใหญ่จำนวนมากร่วงลงมาจากฟ้า!

ทุกคนเคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนที่ไหนกัน พากันตกตะลึงไปอยู่บ้าง ครู่ต่อมาค่อยมีคนตะโกนว่า “ถอย!”

พวกเขาทยอยถอยไปข้างหลัง กู้สยงเอ่ยเสียงดัง “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคุ้มกันการอพยพ!”

ตอนแรกพวกฟางผิงชะงักไปเช่นกัน ตอนนี้ได้ยินคำพูดของกู้สยง ฟางผิงจึงแตะเท้ากลางอากาศ เหวี่ยงดาบเข้าหากลุ่มหินที่ลอยหาผู้คน

‘ปัง’ หินขนาดใหญ่แตกกระจายไปตามการป้องกัน

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนอื่น บางคนใช้อาวุธ บางคนใช้หมัดและเท้าโจมตีสกัดออกไป

คนอื่นๆ ต่างถอยหลบไปข้างหลัง ไม่นานก็ออกห่างจากระยะการโจมตี

พวกฟางผิงรีบถอยหลบเช่นกัน แม้ดาบจะใช้การกับหินได้ดี แต่สิ้นเปลืองปราณอย่างมาก ทุกคนไม่คิดจะผลาญปราณอย่างส่งเดช

ทางนี้เพิ่งจะถอย ในฝูงชนจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องขึ้นมา

ก่อนจะมีคนตะโกนอย่างโมโห “มีคนอยู่ใต้ดิน!”

“แยกย้ายกันออกไป ฆ่าพวกเขา!”

ฟางผิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ก้าวเท้ากระโดดขึ้น เหวี่ยงดาบสังหารผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่เพิ่งทะลุจากใต้ดินขึ้นมา

“ลงมือกันให้หมด!”

สถานการณ์โกลาหลวุ่นวายอยู่บ้าง พวกผู้ฝึกยุทธ์ต่างเริ่มโจมตีกลับ

ห้านาทีต่อมา สถานการณ์เริ่มสงบลง

มีคนเอ่ยอย่างท้อแท้ว่า “ตายไปสามคน…”

ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตวางแผนไว้ตั้งนานแล้ว ขุดหลุมแถวๆ นี้ไว้ไม่น้อย ซ่อนตัวคนเกือบยี่สิบคน

ตอนแรกใช้หินก้อนใหญ่โจมตี ในขณะที่ทุกคนอยู่ในอาการสับสนวุ่นวายไม่ทันระวังตัว แม้จำนวนคนจะมากกว่าอีกฝ่ายถึงสิบเท่า ท้ายที่สุดยังมีคนตายไปสามคน

“ให้ตายเถอะ!”

ฟางผิงรู้สึกหดหู่อยู่ไม่น้อย ฝีมือทุกคนไม่ได้อ่อนด้อย หากปะทะกันซึ่งๆ หน้า ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตเข้ามาพร้อมกัน อาจจะไม่ทำให้เกิดความสูญเสียเสมอไป

แต่ตอนนี้เพิ่งจะมาถึงกลับตายไปแล้วสามคน บาดเจ็บอีกหลายคน

“ฮือๆ…”

ในหมู่นักศึกษามีผู้ฝึกยุทธ์หญิงสะอึกสะอื้น กลุ่มคนที่เสียชีวิตมีเพื่อนของพวกเธอเช่นกัน

เซี่ยงไฮ้ยังไม่มีคนตาย แต่บาดเจ็บไปหลายคน สามคนที่ตายเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่น

กู้สยงถอนหายใจ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นี่แหละคือสงคราม ถ้ำใต้ดินยังอันตรายกว่านี้อีก…”

“พอได้แล้ว!”

ฟางผิงตัดบท “สรุปแล้วยังเป็นเพราะฝีมือไม่แข็งแกร่งพอ! หากพวกเราเป็นปรมาจารย์ พวกเขาจะโจมตีได้สักเท่าไหร่กันเชียว!”

ว่าแล้วฟางผิงก็กัดฟัน “คนพวกนี้ยังสร้างเครื่องยิงหินเป็นด้วย?”

หานซวี่จากปักกิ่งเดินเข้ามา มองหมู่บ้านผานสือที่อยู่ไกลๆ “ผู้ฝึกยุทธ์อาจไม่จำเป็นต้องฉลาดมากมาย อาศัยฝีมือของผู้ฝึกยุทธ์ เตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า ทำอุปกรณ์ยิงง่ายๆ พึ่งความสามารถของตัวเองก็ทำให้เกิดประสิทธิภาพเหมือนเครื่องยิงหินได้แล้ว”

ระหว่างที่พูด หานซวี่ยังเอ่ยต่อ “สถานการณ์แบบนี้ ทุกคนต่างท้อแท้กันอยู่บ้าง กังวลว่าจะมีหลุมพรางอีก…”

“นายอยากพูดอะไร พูดมาตรงๆ!”

“ความหมายของปักกิ่งคือจะไม่ต่อสู้เป็นทีมใหญ่แล้ว อันที่จริงรูปแบบการต่อสู้เช่นนี้ไม่เหมาะกับผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่ พวกเราไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหาร แต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์อิสระ ให้เรียนรู้วิธีรบเป็นทีมของทหารไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป แบ่งเป็นทีม ทีมเล็ก ทีมเดี่ยวก็ว่าไป! อีกอย่างตั้งทีมที่แข็งแกร่งขึ้นมาทีมหนึ่ง บุกโจมตีกับหมู่บ้านผานสือไปตรงๆ! พวกเราสามารถสกัดหินใหญ่ เปิดทางให้คนข้างหลังบุกเข้าไปฆ่าพร้อมกันได้ ฝีมือของพวกเขาสู้พวกเราไม่ได้ สิ่งที่เราต้องเป็นคือมีดปลายแหลมไม่ใช่ทหารในสนามรบ!”

หานซวี่เอ่ยต่อ “รุนแรงเหมือนเปลวไฟ ว่องไวดุจสายลม นี่ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์! บุกปะทะตรงๆ ฆ่าได้ก็ฆ่าให้หมด ฆ่าไม่ได้ก็ถอยหลบออกไป พวกเขาต่างหากที่เป็นลูกไก่ในกำมือ ไม่ใช่พวกเรา! พวกเราเพิ่งมีประสบการณ์ต่อสู้กับคนจำนวนมากเช่นนี้ ต้องสร้างรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง ไม่ใช่เลียนตามคนอื่น”

ฟางผิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นี่คือจะทำลายแผนก่อนหน้านั้นทั้งหมด…”

“ก่อนหน้านั้นมองพวกเขาเป็นแค่พวกไร้ฝีมือ วางแผนรบเป็นแต่ในกระดาษ! ตอนนี้ตายไปสามคนแล้ว พวกเรายังไม่ได้บุกถึงรังอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ตายเสียเปล่าไปตั้งสามคน…”

หานซวี่เอ่ยอีกครั้ง “ฝ่ายเซี่ยงไฮ้ นายตัดสินใจแทนได้ใช่หรือเปล่า?”

ฟางผิงเงียบไปพักใหญ่ รอจนเห็นจินเหล่ยเดินกระโผลกกระเผลกก็เอ่ยว่า “ได้ ฝั่งพวกเรามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสามคน ขั้นสองสูงสุดเจ็ดคน ตั้งทีมสิบคน อีกเดี๋ยวจะบุกโจมตีด้วยกัน! ตอนนี้ปราณทุกคนมีเต็มเปี่ยม แม้จะเจอศัตรูที่แข็งแกร่งก็มีพลังต่อสู้! ไม่งั้นปล่อยให้ปราณลดลงไปแบบนี้ ถึงท้ายที่สุดอาจจะไม่มีแรงต่อสู้เหมือนตอนนี้!”

“ปักกิ่งก็เหมือนกัน รวบรวมทีมได้ประมาณสามสิบคน แบ่งเป็นสามทีม ฉันจะจู่โจมประตูหลักของหมู่บ้าน พวกนายบุกขนาบสองข้าง บุกเข้าไปสังหารพร้อมกัน!”

“คนอื่นๆ ตีโอบจากทั้งสามด้าน แม้อาจจะบีบให้อีกฝ่ายขึ้นเขา ก็ต้องเอาขวัญกำลังใจกลับมาให้ได้!”

ฟางผิงพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก เดินไปทางพวกอวี๋ซั่งหวา เริ่มปรึกษากลยุทธ์ใหม่

แผนการก่อนหน้านี้สร้างขึ้นโดยมองอีกฝ่ายเป็นคนโง่ รอให้พวกเขาบุกจู่โจมเข้าไป

ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฟางผิงสัมผัสถึงประสบการณ์ต่อสู้ขนาดใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงเช่นกัน

บางทีการต่อสู้ของคนนับร้อย สำหรับพวกถ้ำใต้ดิน อาจไม่ถือว่าขนาดใหญ่อะไร

แต่สำหรับฟางผิง ที่นี่มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก

ตอนนี้เขาเข้าใจเป้าหมายของการทดสอบขึ้นมาบ้างแล้ว

นี่ทำให้ทุกคนเรียนรู้รูปแบบการต่อสู้ที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่เลียนแบบคนรุ่นก่อน

ส่วนพวกนักศึกษาที่ตายไป ฟางผิงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องคุ้มค่าหรือเปล่า

บางทีในสายตาคนส่วนมาก มีเพียงต้องสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับความตายจริงๆ ถึงจะจำได้อย่างลึกซึ้ง

ปกติต่อให้พูดเรื่องพวกนี้มากมาย ทุกคนก็ไม่ได้มองเป็นเรื่องใหญ่

“อันที่จริงยังต้องพูดว่าเป็นกฎของธรรมชาติ ผู้อ่อนแอถูกจำกัด ผู้แข็งแกร่งมีชีวิตรอด คนที่ปรับตัวได้ถึงจะรอด…”

ฟางผิงพึมพำ งั้นฉันยินยอมเป็นผู้ที่แข็งแกร่งตลอด ดีกว่าต้องเป็นคนอ่อนแอ!

ตายอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวในการทดสอบครั้งแรก นี่ไม่คุ้มค่ายิ่งกว่าตายในถ้ำซะอีก

“ผู้แข็งแกร่ง แม้จะอยู่ในถ้ำก็ครองอำนาจในการพูด แข็งแกร่งเหมือนผู้บัญชาการหลี่เจิ้น อยู่ในถ้ำก็สามารถใช้อำนาจได้…”

ฟางผิงสูดลมหายใจเข้า ไม่นานคนอื่นๆ จากเซี่ยงไฮ้อีกเก้าคนก็มารวมตัวครบ

“อีกเดี๋ยวพวกเราจะบุกโจมตีจากฝั่งขวา! ฆ่าได้คนหนึ่งถือว่าชดใช้ไปคนหนึ่ง ฆ่าไม่ได้ รอสัญญาณสลายตัวพร้อมกัน อย่าหนีอุตลุดอย่างไม่ลืมหูลืมตา!”

“คนอื่นๆ รออยู่ด้านนอก ถ้าให้พวกนายเข้ามา ก็รีบเข้าไปฆ่าพวกเขาทั้งหมด หากไม่ให้เข้า ทุกคนต้องถอยทัพอย่างรวดเร็ว!”

“ผู้ฝึกยุทธ์มีสัญชาตญาณที่ยอดเยี่ยม พวกเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกับคนธรรมดาพวกนั้น เอาชีวิตคนเข้าไปแลก! ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเทียบกับพวกนอกรีตที่แข็งแกร่งที่สุดยังแข็งแกร่งกว่ามาก สามารถผลาญปราณพวกเขาได้ทั้งหมด!”

ฟางผิงวางแผนในใจอย่างเลือนราง กำชับไม่กี่ประโยคแล้ว ก็เริ่มเตรียมตัวบุกโจมตี

รอจนเห็นพวกจ้าวหยางและกู้สยงที่อยู่อีกด้านเตรียมพร้อมกันแล้ว ทั้งสามคนประสานสายตากัน ก่อนฟางผิงจะตะโกนว่า “บุก!”

ระหว่างที่พูด ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสามฝ่ายก็พุ่งเข้าหาหมู่บ้านผานสืออย่างรวดเร็ว

หินยักษ์ถูกปล่อยลงมาอีกครั้ง!

—————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด