ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 97.1 ต่างเตรียมพร้อม (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 97.1 ต่างเตรียมพร้อม (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 97 ต่างเตรียมพร้อม (1)

เข้าเรียนวันแรก นักศึกษาใหม่ที่สร้างชื่อไว้ต่างก็ทำให้ทุกคนจดจำ

ในนี้มีฟู่ชางติ่งและฟางผิงที่ดังที่สุด

สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

ห้องประชุม

ประธานสมาคมจางอวี่นั่งพิงเก้าอี้ น้ำเสียงอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด “มีเมล็ดพันธุ์ดีๆ หรือเปล่า?”

“มี ปีนี้เด็กใหม่เก่งไม่เบาเลย มีผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดห้าสิบแปดคน คนที่หลอมกระดูกครั้งที่สองแปดคน หลอมกระดูกครั้งที่สามหนึ่งคน ในนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกครั้งที่สองแล้วสี่คน ทั้งยังหลอมกระดูกแขนหรือขาไปแล้ว ความสามารถไม่ใช่เล่นๆ เลย!”

ผู้พูดคือหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ถูกฉินเฟิ่งชิงเหน็บแนมว่ามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับจางอวี่ ส่วนฉินเฟิ่งชิงกลับไม่เอ่ยอะไรสักคำ เอาแต่ก้มหน้าดูข้อมูล

จางอวี่ชำเลืองมองเขา ก่อนจะเอ่ยอย่างนุ่มนวล “มีเด็กใหม่ที่หลอมกระดูกครั้งที่สามแล้วด้วย?”

“อืม ชื่อฟางผิง ผลคะแนนตอนตรวจร่างกายใช้ได้เลย หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล นึกไม่ถึงว่าจะหลอมกระดูกครั้งที่สามแล้ว ถ้าไม่มีคนบอก ฉันยังจะคิดว่าเขาทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไปแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าการทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์นั้นง่ายกว่าหลอมกระดูกครั้งที่สามอย่างมาก

“โง่งมสิ้นดี มีแค่พวกนายนี่แหละที่ดูไม่ออก!”

ฉินเฟิ่งชิงก้มหน้าด่า ทั้งที่ยังดูข้อมูลในมืออยู่

โดนด่าติดกันหลายครั้ง ต่อให้เป็นคนอารมณ์ดีขนาดไหนก็คงอดไม่ไหวอยู่บ้าง โจวเหยียนเอ่ยอย่างโมโห “ฉินเฟิ่งชิง นายมองออกตั้งแต่แรกเลยหรือไง?”

“แน่นอน…”

ฉินเฟิ่งชิงยอมรับตามตรง ส่วนเหตุการณ์ที่เจอฟางผิงหน้าประตูใหญ่นั้น ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับ

“นายคิดว่าพวกเราจะเชื่อ?”

โจวเหยียนแค่นเสียง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “นายระวังตัวหน่อยเถอะ ฉันอาจสู้นายไม่ได้ แต่นายด่าประธาน ด่าอาจารย์หมิน ด่าคณบดี ใช่แล้ว ยังมีหวังจินหยางคนนั้น ต้องมีคนในนี้คิดจัดการนายอยู่แล้ว!”

ฉินเฟิ่งชิงเงยหน้าขึ้น หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ฉันกลัวหรือไง? ตอนแรกที่หวังจินหยางมาท้าทายผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่เซี่ยงไฮ้ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ มีแต่ฉันนี่แหละ! ดังนั้นฉันถึงทะลวงขั้นหนึ่งตอนปีสอง ทะลวงขั้นสามตอนปีสาม! แม้ฉันจะไม่มีพรสวรรค์ ขาดแคลนทรัพยากร ห่วยไปหมดทุกเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความกล้าอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน!”

“นาย…”

โจวเหยียนเอ่ยอย่างกระดากอาย “นายมันชอบสร้างเรื่องต่างหาก!”

“เหอะ ผู้หญิงก็ถนัดเอาแต่ฟ้อง กอดขาคนอื่นเท่านั้นแหละ ไม่คุ้มค่าให้คนอย่างฉันไปยุ่งด้วยหรอก!”

“ฉินเฟิ่งชิงพอได้แล้ว!”

จางอวี่ถูขมับ รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง “อย่าเอาแต่พูดพล่ามเรื่องพวกนี้ เพลาๆ ลงบ้างเถอะ ไม่งั้นนายจะลำบากเข้าสักวัน”

“เหอะ…”

ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงขึ้นจมูก เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงจะไร้ทางสู้ ก็ไม่อาจให้คนอื่นดูแคลน สู้ไม่ได้ใช้ปากแทน การด่าถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งเหมือนกัน”

จางอวี่ใบหน้าดำคล้ำ ผ่านไปพักใหญ่ค่อยพูดว่า “หยุดพูดเรื่องพวกนี้เถอะ ครั้งนี้อาจจะรับเด็กใหม่ได้หลายคน ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกครั้งที่สองทั้งสี่คน ยังมีฟางผิงที่หลอมกระดูกครั้งที่สาม รวมถึงพวกที่หลอมกระดูกครั้งที่สอง พอจะพิจารณาได้เช่นกัน

ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งธรรมดา จางอวี่ไม่ให้ความสนใจอย่างสิ้นเชิง

ความจริงคนพวกนี้ไม่ได้ความสามารถอ่อนด้อย แต่ก็แค่ในหมู่เด็กใหม่เท่านั้น ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้กลับไม่เป็นที่โดดเด่น ในอนาคตพอเรียนจบแล้วอาจจะไม่สามารถทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามได้เสมอไป

ในทางตรงข้ามคนธรรมดาที่หลอมกระดูกครั้งที่สองแล้วจะมีโอกาสเสียกว่า

ฉินเฟิ่งชิงไม่รับบทสนทนาต่อ จู่ๆ กลับตบโต๊ะขึ้นมา “ฉันว่าแล้วทำไมถึงคุ้นหู!”

ตอนนี้ในมือเขาถือข้อมูลของฟางผิงอยู่พอดี

“โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งหยางเฉิง มณฑลหนานเจียง…”

ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจเรื่องที่ประธานจะรับเด็กใหม่ เงยหน้าถามว่า “หวังจินหยางเป็นคนที่ไหน?”

จางอวี่ขมวดคิ้ว “นายจะทำอะไร?”

“แค่พูดมาว่าเป็นคนที่ไหน นายเป็นประธาน ไม่ใช่พ่อฉัน จะถามมากมายทำไม”

จางอวี่เอ่ยเสียงแข็งทันที “ฉินเฟิ่งชิง หยุดก่อเรื่องสักที นายอยากจะเข้าห้องประลองสักหน่อยไหมล่ะ?”

ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าลำบากใจ เอ่ยอย่างห้วนๆ “ฉันแค่ถามว่าเป็นคนที่ไหน นายรู้ก็ตอบมา ไม่รู้ก็ไม่ต้องตอบ เอาแต่ใช้ขั้นสี่มาข่มคนอื่น สนุกนักหรือไง?”

ประธานสมาคมอยู่ขั้นสี่ ไม่ใช่คนที่เขาจะสู้ได้

เข้าไปในห้องประลอง ออกมาคงหน้าบวมเป็นหัวหมูแน่

พวกเด็กใหม่เพิ่งมา ถ้าประธานให้เขาไปรับ คงต้องบากหน้าบวมเป็นหัวหมูไปรับคน จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน

จางอวี่แค่นเสียง พวกโจวเหยียนพากันยิ้มร่า ปล่อยให้นายได้ใจซะนาน ตอนนี้คงรู้ตัวแล้วสินะ!

จางอวี่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา ครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “เหมือนจะเป็นคนหยางเฉิงของหนานเจียง”

“โรงเรียนไหน?”

“จำไม่ได้ แต่ปกติน่าจะโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”

“โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งหยางเฉิง!”

แววตาของฉินเฟิ่งชิงเปลี่ยนไปทันที กัดฟันว่า “การรับเด็กใหม่ครั้งนี้ ฉันจะไปคุยกับฟางผิงเอง!”

โจวเหยียนเอ่ยโดยพลัน “ประธาน ฟางผิงมาจากโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งหยางเฉิง ฉินเฟิ่งชิงสู้หวังจินหยางไม่ได้ เลยคิดจะระบายอารมณ์กับรุ่นน้องเขาแทน”

“หุบปากซะ!”

ฉินเฟิ่งชิงกล่าวอย่างโมโห “ฉันไปหยั่งเชิงสถานการณ์ ใครจะใช้อำนาจมารังแกคนที่ด้อยกว่า? เธอคิดว่าฉันจะใช้ลำดับขั้นมาข่มคนอื่นอย่างนั้นเหรอ?”

คำพูดแฝงความนัยนี้ทำให้จางอวี่ใบหน้าดำคล้ำขึ้นมา ประธานสมาคมจะตามลูกไม้นี้ไม่ทันได้ยังไง!

แต่ช่วงนี้รองประธานคนอื่นต่างไม่ว่าง เขาเองมีธุระต้องทำเช่นกัน ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้ฉินเฟิ่งชิงไปรังแกเด็กใหม่อยู่แล้ว

แต่ตอนนี้เมื่อให้เขารับผิดชอบแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลให้เปลี่ยนตัวกลางคัน

จางอวี่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า “นายไปได้ แต่อย่าลืมว่า ห้ามฝ่าฝืนกฎของสมาคมเด็ดขาด! ถ้านายทำผิด ถึงหวังจินหยางจะไม่จัดการนาย แต่ฉันคงไม่ปล่อยนายไปแน่!”

“รู้แล้วๆ น่ารำคาญจริง…”

ฉินเฟิ่งชิงตอบรับอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ ถือข้อมูลของฟางผิงออกจากห้องประชุมไป

พอเขาไปแล้ว โจวเหยียนค่อยเอ่ยอย่างกังวล “ประธาน ไม่กลัวเขาก่อเรื่องหรือไง?”

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก…”

จางอวี่ส่ายหัว ฉินเฟิ่งชิงนั้นมีความทระนงตัวอยู่บ้าง แม้ฟางผิงและหวังจินหยางจะมาจากโรงเรียนเดียวกัน คงไม่เป็นอะไร ใครจะมาพาลโกรธกันเรื่องแบบนี้

แน่นอน ถ้ารู้ว่าฟางผิงและหวังจินหยางมีความสัมพันธ์มากกว่าคนที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน นั่นเป็นเรื่องที่พูดยากแล้ว

ระหว่างที่พูด จางอวี่ยังถอนหายใจว่า “ช่วงนี้ฉันจะจำศีล ไม่มีเวลาออกหน้าเท่าไหร่ พวกนายช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วยแล้วกัน”

“จำศีล…”

ทุกคนต่างขมวดคิ้ว ผู้ฝึกยุทธ์มีช่วงจำศีลเหมือนกัน แต่ส่วนมากจะออกไปทำภารกิจข้างนอกมากกว่า ฝึกฝนเลื่อนขั้นระหว่างทำภารกิจ

จางอวี่เพิ่งทะลวงขั้นสี่ไม่นาน จู่ๆ ก็จำศีล เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะทะลวงขั้นห้า

งั้นจะจำศีลไปทำไมกัน?

จางอวี่ไม่คิดอธิบาย ตอนแรกที่หวังจินหยางพ่ายแพ้ในเซี่ยงไฮ้ ไม่ได้แพ้เรื่องความสามารถ แต่เพราะเซี่ยงไฮ้ใช้คนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอกว่าต่างหาก ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองออกหน้าจัดการอีกฝ่าย

ตอนนี้หวังจินหยางอยู่ขั้นสาม กำลังเทียวประลองดาบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทางเหนือ บางทีไม่นานอาจจะทะลวงขั้นสี่ได้

เขาเลือกไปท้าประลองที่ทางเหนือ หากทะลวงด่านได้ จางอวี่คาดว่าเขาอาจจะไล่ตามมาทางใต้อีกครั้ง

ทั้งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ คงเป็นตัวเลือกอันดับแรกของเขา

ผู้ว่าจางของหนานเจียงทะลวงขั้นเจ็ด ร้อนใจอยากพิสูจน์ความสามารถ ไม่ใช่แค่ตัวเขาเอง แต่ยังรวมถึงความสามารถของนักศึกษาในพื้นที่ด้วย

หวังจินหยางเป็นแนวหน้า ผู้ว่าจางอยากจะให้คนแบบเขาสร้างเรื่องอยู่แล้ว น่าจะให้การสนับสนุนอย่างถึงที่สุด

ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยหนานเจียงเอาชนะประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้

นอกจากจะล้างแค้นแล้ว ยังสามารถสร้างชื่อให้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง คนอย่างจางอวี่ไม่ใช่หินที่เหมาะจะเหยียบขึ้นไปหรอกเหรอ?

ถ้าตอนนี้เขาสู้กับหวังจินหยางมีโอกาสชนะร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

แค่ถ้าหวังจินหยางทะลวงขั้นสี่ นั่นคงพูดยากแล้ว

การเดินทางของหวังจินหยางยังไม่สิ้นสุด จางอวี่จึงวางแผนว่าช่วงนี้จะจำศีลฝึกวิชาต่อสู้ให้แข็งแกร่งสักหน่อย เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

——————–

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *