ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 280-2 คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเขากล้าเก็บค่าผ่านทาง? (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 280-2 คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเขากล้าเก็บค่าผ่านทาง? (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 280 คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเขากล้าเก็บค่าผ่านทาง? (2)

ผู้เฝ้าประตูเอาคอมพิวเตอร์ให้เขาดูอย่างอวดๆ หัวเราะว่า “ฉันเตรียมจะเก็บสะสมไว้ กลับไปจะแขวนทีวีเล็กๆ บนจอแสดงภารกิจในห้องโถงใหญ่ ให้ทุกคนได้คลายเครียดหน่อย ที่นี่เงียบเหงาและอ้างว้างเกินไป เฮ้อ ตอนนี้พวกผู้ฝึกยุทธ์มีความกดดันขึ้นเรื่อยๆ ช่วงสายฉันเปิดให้คนของหน่วยทหารดูครั้งหนึ่ง พากันอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย”

“ฮ่าๆ!”

หลู่เฟิ่งโหรวหัวเราะ สาวเท้าเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร เธอเพิ่งจะห่างออกไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ คอมพิวเตอร์ในมือผู้เฝ้าประตูคนนั้นก็แตกกระจุย!

ยามเฝ้าประตูหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พวกถังเฟิงก็ไม่ต่างกัน

“เธอ…”

ผู้เฝ้าประตูเผยสีหน้าตกตะลึง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด สามารถใช้พลังจิตใจเคลื่อนย้ายสิ่งของบางอย่างได้ นั่นถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่หลู่เฟิ่งโหรวกลับทำลายคอมพิวเตอร์ของเขาจนแตกกระจุย!

ถังเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด อดคิดใจลอยไม่ได้

พลังจิตใจของหลู่เฟิ่งโหรวแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว

เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่นานคงจะปลดปล่อยพลังจิตใจได้อย่างเต็มที่แล้ว

“อย่างน้อยน่าจะแปดร้อยเฮิรตซ์!”

ถังเฟิงพึมพำ อาจารย์คนอื่นที่อยู่ด้านข้างทยอยหน้าเปลี่ยนสี

“แปดร้อยเฮิรตซ์!”

“หนึ่งพันเฮิรตซ์ก็จะสามารถปลดปล่อยพลังจิตใจได้อย่างเป็นทางการ นี่ไม่ได้หมายความว่า…”

“แม้ว่าจิงชี่เฉินของเธอไม่รวมเป็นหนึ่ง แต่หากพลังจิตใจแตะถึงหนึ่งพันเฮิรตซ์ ก็สามารถฝืนทะลวงปราการระดับสูงได้แล้ว”

อาจารย์หลายคนไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลดี

อธิการบดีตายในสนามรบ ปรมาจารย์ของเซี่ยงไฮ้หายไปหนึ่งคน ตอนนี้กระทั่งคุ้มครองมหาวิทยาลัยตัวเองยังทำไม่ได้ ต้องฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำขั้นหกไปบางส่วนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย

ถ้ามีปรมาจารย์เพิ่มมาอีกคน คงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้แล้ว

หลู่เฟิ่งโหรวทะลวงเป็นปรมาจารย์ สำหรับเซี่ยงไฮ้เป็นเรื่องดี หรือจะบอกว่าไม่ว่าใครที่กลายเป็นปรมาจารย์ได้ เป็นเรื่องดีสำหรับมนุษยชาติทั้งนั้น

แต่ว่า…

ถังเฟิงถอนหายใจเบาๆ มองไปยังหลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ไกลออกไป “ครั้งนี้เจ้านั่นจากเมืองเทียนเหมินประมือกับผู้บังคับการอู๋หลายครั้งเช่นกัน หลู่เฟิ่งโหรวน่าจะเห็นระยะห่างแล้ว คงไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นี่ถือเป็นเรื่องดี”

หลายวันนี้ในถ้ำใต้ดิน เพราะเมืองเทียนเหมินถูกสังหารระดับสูงไปเจ็ดคน เจ้าเมืองจึงลงมืออย่างบ้าคลั่ง ปะทะกับผู้บังคับการเฝ้าระวังทางใต้อยู่ตลอด ทั้งสองฝ่ายสู้กันกว่าสิบครั้ง

หลู่เฟิ่งโหรวอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน เห็นความเหนือชั้นแล้ว อาจไม่มีความคิดที่ต่อสู้เอาเป็นเอาตายเพื่อล้างแค้นอีกแล้ว

“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”

อาจารย์พวกนั้นต่างพึมพำเบาๆ ขอแค่หลู่เฟิ่งโหรวไม่เสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้ง งั้นเรื่องที่เธอกลายเป็นปรมาจารย์ นับว่าเป็นโชคดีของเซี่ยงไฮ้แล้ว

แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ แม้ว่าจะทะลวงด่าน อย่างน้อยคงต้องใช้เวลาสักปีสองปีอยู่ดี

พูดเรื่องของหลู่เฟิ่งโหรวจบ จู่ๆ ถังเฟิงก็นึกถึงฟางผิงได้ แค่นเสียงว่า “ฟางผิงก่อเรื่องอีกแล้ว!”

ผู้เฝ้าประตูกลับไม่ใส่ใจนัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้ ตอนนี้มีชื่อเสียงไม่น้อย อันดับหนึ่งของขั้นสาม ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสาม ถ่ายโฆษณาไม่กี่ชิ้นสนุกๆ ไปเท่านั้น จะจริงจังไปทำไม คนอย่างพวกเราวันนี้มีเหล้าก็เมาก่อน ใครจะรู้ว่ายังอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า ราชสีห์ถัง อย่าเข้มงวดกับกฏเกณฑ์นักเลย ไม่มีประโยชน์”

“อันดับหนึ่งของขั้นสาม?”

ถังเฟิงตกตะลึงไปเล็กน้อย ด้านข้างหลัวอี้ชวนที่ร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องจริงหรือเปล่า? เด็กคนนั้นเป็นอันดับหนึ่ง?”

“จริงสิ เป็นเรื่องหลายวันก่อนแล้ว พวกนายไม่อยู่ เด็กคนนี้น่าสนใจทีเดียว ไม่ได้หัวโบราณเหมือนพวกนาย ฉันชอบจริงๆ หรือส่งเขามาเป็นเพื่อนฉันสิ ให้มาเฝ้าประตูด้วยกัน?”

หลัวอี้ชวนหัวเราะ “ไปกันใหญ่น่ะสิ นายให้เขามาเฝ้าประตูที่นี่ อีกไม่กี่วันพวกเราลงถ้ำใต้ดินน่าจะถูกเก็บค่าผ่านทางแล้ว”

ทุกคนชะงักเป็นอันดับแรก ก่อนจะหัวเราะลั่นตามมา

ผู้เฝ้าประตูก็หลุดขำเช่นกัน “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง…”

ถังเฟิงแค่นเสียงว่า “เชื่อเถอะ ไม่แน่ว่าพอมนุษย์ถ้ำอยากออกมา เขาอาจจะขวางเพื่อเก็บค่าผ่านทางด้วย!”

“ฮ่าๆๆ…ถ้าเขามีความสามารถนั่นจริงๆ น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ”

กล้าเก็บค่าผ่านทางจากผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ นั่นต้องใช้ความสามารถแบบไหน?

หากผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจะบุกออกมาจริงๆ จำเป็นต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้ามาด้วย

ถ้าฟางผิงกล้ายื่นมือเก็บค่าผ่านทางจากขั้นเก้า นั่นหมายความว่าต้องมีฝีมือแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย ผู้บัญชาการหลี่มาอาจไม่สามารถเก็บค่าผ่านทางได้ด้วยซ้ำ

ทุกคนหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง การจากไปของสหายร่วมรบ การเสียสละของเพื่อนพ้อง ตอนนี้ราวกับถูกลืมเลือนไป

ความเศร้าโศกเสียใจ ทิ้งไว้ใต้ก้นบึ้งจิตใจก็เพียงพอแล้ว

ปล่อยพรั่งพรูออกมา นอกจากจะสร้างผลกระทบให้คนอื่น สั่นสะเทือนขวัญกำลังใจแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก?

ส่วนเรื่องที่หลู่เฟิ่งโหรวเดินล่วงหน้าไปก่อน ทุกคนล้วนลืมไปเหมือนกัน

ยอดฝีมือกึ่งปรมาจารย์คนนี้ ตอนนี้น่าจะเตรียมตัวไปจัดการกับฟางผิงแล้ว?

ถังเฟิงดีใจที่เห็นคนอื่นเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่บ้าง ทางที่ดีต้องสั่งสอนเด็กคนนั้นสักชุดใหญ่ ให้ตายเถอะ เพิ่งจะออกจากถ้ำก็ถูกเด็กคนนั้นทำให้โมโหแทบตาย ยอดฝีมือที่ไร้ศัตรูในขั้นสาม วิ่งโร่ไปถ่ายโฆษณาเล็กๆ เขาแทบไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดยังไงดี

ตอนนี้ฟางผิงย่อมไม่รู้ว่าหลู่เฟิ่งโหรวกลับมาแล้ว

ทั้งไม่รู้ว่าทุกคนกำลังหยอกล้อเขา บอกว่าเขาจะขวางทางเดินเพื่อเก็บค่าผ่านทาง

หากฟางผิงรู้คงจะร้องทุกข์อย่างแน่นอน

เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในใต้หล้าสักหน่อย จะกล้าเก็บค่าผ่านทางได้ยังไง วิ่งหนียังจะไม่ทันด้วยซ้ำ

แต่รอมีวันใดวันหนึ่งกำราบถ้ำใต้ดินแล้ว ท้าประลองให้ทั่วโลกใบนี้ ฟางผิงคิดว่าคำแนะนำนี้พอจะพิจารณาได้

ตอนนี้ฟางผิงยังคงเชื่อมต่อสะพานฟ้าดินต่อ

ก่อนหน้านี้สิ้นเปลืองปราณไปเกือบสี่พันแคล สะพานของหัวใจค่อยๆ เสถียรขึ้นมาแล้ว

“นี่ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้ปราณตั้งสองหมื่นแคลหรอกเหรอ!”

ฟางผิงลอบบ่น ปราณจากสระปราณเริ่มส่งออกมาน้อยลงเรื่อยๆ ปล่อยให้เขามากสุดประมาณสองสามพันแคลเท่านั้น

เป็นแบบนี้อย่างน้อยเขาต้องสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินของตัวเองประมาณสองล้านถึงจะทำสำเร็จได้

“ช่างเถอะ สองสามล้านทำให้ฉันก้าวข้ามขั้นสี่ตอนต้นไปได้ ยอมเสียละกัน!”

ปลอบใจตัวเองยกใหญ่ ฟางผิงเริ่มเชื่อมสะพานลำเลียงกับตับต่อ

แต่ตอนที่เขาเริ่มสร้างสะพานลำเลียงกับตับ พวกตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ข้างนอกห้องกลับพากันตกตะลึง

“ดูดปราณไวเกินไปแล้ว เด็กคนนี้กำลังทำให้สะพานฟ้าดินเสถียร?”

“น่าจะอย่างนั้น”

“อัจฉริยะไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ บางทีใช้เวลาไม่นานก็อาจจะเริ่มหลอมอวัยวะภายในได้แล้ว”

อาจารย์ผู้ดูแลถอนหายใจไม่หยุด คนกับคนเทียบกันแล้วช่างน่าโมโหจริงๆ!

ตาเฒ่าหลี่กลับไม่สนใจเรื่องนี้ ลูบคางพึมพำว่า “เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ เซี่ยงไฮ้ยังมีนักศึกษาคนอื่นที่กำราบเขาได้หรือไง?”

หากไม่มีคนควบคุมฟางผิง จะเหลิงในอำนาจได้!

ก่อนหน้านี้พวกจางอวี่ยังพอกดดันฟางผิงอยู่

หากควบคุมไม่ได้แล้ว ฝีมือของเด็กนี่อาจจะล้ำหน้าอาจารย์บางคนไปอีก ไม่ใช่ว่าจะก่อเรื่องวุ่นทั่วทั้งเซี่ยงไฮ้ได้หรือไง?

ตาเฒ่าหลี่คิดว่าตัวเองไม่ได้กังวลอย่างไร้เหตุผล

เด็กคนนี้ไม่ใช่คนใสซื่อ

ดูจากที่เขาทำเรื่องพวกนั้นก็รู้แล้ว

ขายยาบำรุง สร้างสมาคมหลอกคนไปทำงานฟรี ทำแพลตฟอร์มกู้ยืมขึ้นมา ท้าทายประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์…

เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้คงไม่ใช่นักศึกษาที่ใสซื่อทำออกมาได้

“ใครจะสามารถควบคุมเขา?”

ตาเฒ่าหลี่ครุ่นคิดอย่างหนัก เฉินเหวินหลง? จางอวี่? ฉินเฟิ่งชิง?

ไม่น่าไว้ใจได้ทั้งนั้น!

เมื่อก่อนยังคาดหวังเซี่ยเหล่ย แต่ตอนนี้…ยากแล้ว!

สำหรับเซี่ยเหล่ยขั้นสี่ยังบกพร่องไปอยู่บ้าง

แต่คงจะไม่นานนี้ หากเป็นไปตามคาด เปิดเทอมปีสาม เซี่ยเหล่ยน่าจะก้าวสู่ขั้นสี่ได้ ต้องรอดูแล้วว่าเซี่ยเหล่ยจะจัดการยังไง

“หรือเรื่องวุ่นหลังจากนี้ ทำได้แค่อาศัยอาจารย์กำราบเขาเท่านั้น?”

ตาเฒ่าหลี่ลูบเคราตัวเอง ไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง อาจารย์กำราบนักศึกษา นั่นแสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยไร้คุณภาพ

“แม่งเหอะ นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ไร้ประโยชน์ปีแล้วปีเล่า กระทั่งขั้นห้ายังไม่มี!”

ตาเฒ่าหลี่ด่าออกมา อาจารย์ผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างมุมปากกระตุกเล็กน้อย ขอโทษด้วยละกัน ฉันก็อยู่แค่ขั้นห้าสูงสุด มักจะรู้สึกว่าคณบดีหลี่ด่าเข้าตัวเขาเองยังไงไม่รู้

——————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด