ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 132 ภารกิจแรก (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 132 ภารกิจแรก (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 132 ภารกิจแรก (1)

ฟางผิงไม่รู้เรื่องทางหยางเฉิงอยู่แล้ว

เขาอยากเก็บค่าคุ้มครอง ก็ไม่กล้าเก็บ

แต่ฟางหยวนที่ไม่คิดจะเก็บ กลับมีคนมาส่งเงินให้เธอเก็บถึงที่

หากฟางผิงรู้เข้า เวลานี้คงจะกลับไปจัดการเจ้าเด็กแสบคนนั้นแล้ว

วันที่ 1 พฤศจิกายน

วันเสาร์

คลาสฝึกพิเศษเปิดมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดฟางผิงก็ได้เจอกับคณบดีหวงจิ่ง

ห้องฝึกซ้อม

หวงจิ่งพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ก่อนหน้านี้ถ้ำใต้ดินทางเซี่ยงไฮ้มีการเคลื่อนไหว หน่วยทหารสูญเสียผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางนับสิบคน ต่ำกว่าขั้นสามอีกกว่าร้อยคน! มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มีอาจารย์สามคนสละชีพ! มีนักศึกษาอีกจำนวนที่จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ทราบชะตากรรม ถ้ำใต้ดินอันตรายขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเราจำเป็นต้องแจ้งเรื่องราวภายในให้ทุกคนเข้าใจ รู้ถึงวิกฤตการณ์ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับรอง…พวกเราไม่ได้แข่งขันเพื่อผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง! แต่พวกเราอยากให้นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้มีทรัพยากรมากขึ้น จ่ายค่าตอบแทนออกไปน้อย แต่มีผู้ฝึกยุทธ์เยอะขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่พวกเราทำภารกิจ ก็จะมีชีวิตรอดได้นานกว่า”

“แต่ทุกคนต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน พวกเราคิดแบบนี้ คนอื่นจะไม่คิดได้อย่างไร! พวกเธอคือนักศึกษา เป็นแก้วตาดวงใจของคนในบ้าน พวกเขาก็เป็นนักศึกษาเหมือนกัน เป็นแก้วตาดวงใจในครอบครัวของพวกเขา ไม่มีใครอยากให้ใครไปตาย ฉันไม่อยากให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปต้องไปตายเช่นกัน แต่ให้ฉันเลือกระหว่างนักศึกษาของพวกเราหรือมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ฉันอยากให้นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ปลอดภัยมากกว่า! เรื่องนี้ไม่มีถูกผิด เปลี่ยนเป็นคนอื่น ฉันยืนอยู่ในมุมมองของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป คงไม่ยินยอม ไม่พอใจเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไง ในเมื่อพวกเราเป็นคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ งั้นก็ต้องพิจารณาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นหลัก!”

น้ำเสียงของหวงจิ่งแฝงความอ่อนล้าอยู่เลือนราง เวลานี้ทุกคนไม่มีใครอยากแข่งขัน ไม่มีใครอยากต่อสู้

แต่จำเป็นต้องแข่งขันและต่อสู้!

ใครจะอยากตาย?

ไม่มีใครอยากตาย!

หากแข็งแกร่ง ก็จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่า

“ดังนั้น การแข่งขันแลกเปลี่ยนหลังจบเทอม จำเป็นต้องถูกจัดขึ้น ทั้งต้องบอกทุกคนว่า จะโหดร้ายอย่างแน่นอน!”

หวงจิ่งพูดอย่างเย็นเยียบ “ต้องโหดร้ายอยู่แล้ว!”

“อาจจะถึงกระทั่งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย”

“ทรัพยากรเยอะขนาดนั้น ทุกปีการผลิตยาบำรุง อาวุธ รวมทั้งทรัพยากรที่จำเป็นต่อการฝึกต่างมีอย่างจำกัด นายได้มาก ฉันก็ได้น้อย นายได้น้อย ฉันถึงจะได้เยอะหน่อย ให้นักศึกษาใหม่เป็นตัวตัดสินโควตาทรัพยากร ให้นักศึกษาใหม่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย พวกเธอไม่คิดหรือว่าทำไมสุดท้ายถึงตัดสินให้นักศึกษาใหม่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน?”

จู่ๆ สีหน้าของหวงจิ่งก็ดูโหดเหี้ยมขึ้นมา “เพราะนักศึกษาใหม่ความสามารถน้อย ตายแล้วไม่ต้องเสียดาย เพราะนักศึกษาใหม่ลงทุนไปน้อย ตายแล้ว สิ้นเปลืองทรัพยากรไม่มาก เช่นเดียวกันเป็นเพราะนักศึกษาใหม่ใช้เวลาในมหาวิทยาลัยนานกว่า ผลประโยชน์ในอนาคตล้วนเป็นของพวกเธอเอง พวกเธอไม่แย่งชิง จะให้พวกปีสามปีสี่ไป พวกเขาคงไม่อยากไปเช่นกัน เพราะพวกเขามีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว มีเพียงพวกเธอที่จำต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาแบกรับภาระหน้าที่อย่างไม่เกี่ยงงอน!”

พวกนักศึกษาไม่มีใครส่งเสียง น้ำเสียงของหวงจิ่งอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยไม่อยากส่งพวกเธอไปตายเช่นกัน เป็นหัวกะทิทั้งหมด บาดเจ็บล้มตายไปหนึ่งคน ถือเป็นความสูญเสียของมวลมนุษย์ชาติ ดังนั้นการแข่งขันแลกเปลี่ยน จำเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครอง เรื่องนี้กลับไปค่อยว่ากัน พวกเราพูดเรื่องของคลาสฝึกพิเศษกันก่อน”

“เพราะเหตุผลที่พูดมาตั้งแต่ต้น คลาสฝึกพิเศษจึงตั้งเงื่อนไขกับทุกคนค่อนข้างสูง ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น พวกเราเป็นนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณ ทั้งไม่ใช่พวกที่ดูแต่การพัฒนาปราณและหลอมกระดูก เดือนก่อนทุกคนเรียนความรู้พื้นฐานแล้ว งั้นเดือนนี้จะก้าวขึ้นไปอีกขั้น!”

พูดจบ หวงจิ่งก็เอ่ยเสียงดังว่า “สภาพแวดล้อมที่ปกติ สร้างผู้แข็งแกร่งขึ้นมาไม่ได้หรอก! เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะมีอาจารย์ห้าคน แบ่งเป็นห้าทีม ทีมละสิบคน พานักศึกษาไปทำภารกิจ! เพื่อให้พวกเธอมีสภาพแวดล้อมที่ดี เติบโตอย่างมีคุณภาพ มหาวิทยาลัยจึงตัดสินใจว่า ทุกภารกิจเดิมทีได้รางวัลเท่าไหร่จะให้อีกเท่าตัว! ปกติภารกิจหนึ่งจะให้รางวัลทุกคนห้าคะแนน งั้นตอนนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสิบคะแนน! ระหว่างภารกิจออกแรงมาก ยิ่งจะได้มากขึ้น โดยอาจารย์จะสังเกตและแบ่งสรรให้ เดือนพฤศจิกายน ทีมไหนทำภารกิจสำเร็จได้มากที่สุด ดีที่สุด ทีมนั้นจะได้รางวัลพิเศษอีก! เดือนพฤศจิกายน ถือว่าให้พวกเธอได้เปิดประสบการณ์ เมื่อถึงเดือนธันวาคมแล้ว จากห้าสิบคนเลือกออกมาสิบคน ฝึกฝนอบรมเป็นพิเศษเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันแลกเปลี่ยน! การแข่งขันยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่ช้าสุดอาจจะเป็นกลางเดือนมกรา หรืออาจจะเร็วกว่านั้น พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว!”

สุดท้ายหวงจิ่งค่อยเอ่ยอย่างลึกซึ้งว่า “อย่าได้ดูถูกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป! จากที่ฉันรู้มา ครั้งนี้ทุกมหาวิทยาลัยต่างพยายามบ่มเพาะผู้เข้าแข่งขันอย่างสุดความสามารถ! ตอนนี้ที่ฉันรู้ แต่ละมหาวิทยาลัยมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่เป็นนักศึกษาใหม่ประมาณสี่ห้าคน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมีจำนวนมาก รวมกันแล้วผู้ฝึกยุทธ์คงมีไม่น้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเลย พวกเขาไม่มีอะไรจะเสีย หากชนะ พวกเขาจะได้รางวัล แต่ถ้าแพ้ พวกเขาก็ไม่สูญเสียอะไร ดังนั้นพวกเขาแพ้ได้ แต่พวกเราแพ้ไม่ได้!”

“ฉันมีเรื่องพูดแค่นี้แหละ วันนี้จะเริ่มแบ่งทีม อย่าลืมว่าอาจารย์ประจำทีม ไม่สามารถเป็นอาจารย์ของตัวเองได้!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา พวกนักศึกษาต่างกระซิบกระซาบกันทันที

ไม่ให้พวกเขาติดตามอาจารย์ของตัวเอง นี่หากเจอกับอันตรายเข้า อาจารย์คนอื่นไม่ช่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร?

หวงจิ่งไม่สนใจพวกเขา จัดการแบบนี้ แง่หนึ่งคือให้พวกนักศึกษาได้รู้สึกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อีกแง่หนึ่งเพื่อความยุติธรรม

ระหว่างการดำเนินภารกิจ อาจารย์ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน เวลานั้นหากมีนักศึกษาในความดูแลของตัวเองอยู่ อาจจะเกิดการลำเอียงได้

หวงจิ่งมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องพวกนี้เท่านั้น เมื่อจบแล้วก็ปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

เรื่องของถ้ำใต้ดินยังไม่สิ้นสุด

ทั้งหลังจากนี้ยังต้องปรึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเรื่องจัดการแข่งขันแลกเปลี่ยนอีก

เรื่องทะเลาะเบาะแว้งคงไม่จำเป็นต้องให้ปรมาจารย์ออกโรงเอง แต่เพื่อผลประโยชน์แล้ว ยังคงต้องมีปรมาจารย์เป็นผู้นำ

“เงียบ!”

หวงจิ่งจากไป ถังเฟิงก็ตะโกนเสียงดัง ตัดบทพวกนักศึกษาที่ซุบซิบกันทันที

“ตอนนี้จะเริ่มแบ่งทีม!”

ผู้ฝึกยุทธ์ต่างเด็ดขาดกันทั้งนั้น ถังเฟิงไม่พูดมากอีก เอ่ยว่า “ฟางผิง จ้าวเหล่ย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน เฉินอวิ๋นซี ทุกคนกระจายไปคนละทีม เป็นหัวหน้าประจำทีมนั้น!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยอย่างคับข้องใจว่า “ผมอยากอยู่ทีมเดียวกับสาวงามสักหน่อย แบ่งแบบนี้ได้ยังไงกันครับ?”

ถังเฟิงไม่ตำหนิ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ จางเยวี่ย ซย่าเหวินโยว พวกเธอสองคนไปอยู่ทีมฟู่ชางติ่ง!”

สาวงามทั้งสองที่ครั้งก่อนได้รับอภิสิทธิ์เข้าคลาสฝึกพิเศษเผยใบหน้าแดงก่ำ เดินออกมาอย่างเขินอายไปยืนอยู่ข้างฟู่ชางติ่ง

ฟู่ชางติ่งหน้าเขียวไปหมดแล้ว

ผมแค่พูดเล่นไปเท่านั้น อาจารย์คิดเป็นจริงไปได้!

เขาไม่ใช่โง่จริงๆ สักหน่อย แน่นอนว่ามีเพื่อนในทีมแข็งแกร่งเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น ตอนนี้ต้องมาแบกตัวถ่วงสองคน เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!

นี่ไม่ใช่การเล่นสนุกๆ ฟู่ชางติ่งไม่ใช่ลูกไก่ที่ไร้เดียงสา การทำภารกิจมีโอกาสตายได้จริงๆ

แต่ในเมื่อถังเฟิงพูดมาขนาดนี้แล้ว คงไม่มีทางเลือกอีก เรื่องแบบนี้ ถังเฟิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนปลายไม่อาจล้อเล่นได้

ฟู่ชางติ่งหน้าแข็งทื่ออยู่บ้าง หันไปขำแห้งๆ ให้หญิงสาวทั้งสอง รอยยิ้มนั้นดูฝืดเฝื่อนอยู่บ้าง

ถังเฟิงไม่สนใจเขา หลัวอี้ชวน อาจารย์ของฟู่ชางติ่งก็ไม่ดูลูกศิษย์ตัวเองบ้าง เอาแต่คุยโว คิดว่าไม่มีใครจัดการนายได้จริงๆ งั้นเหรอ?

ฟางผิงรู้สึกดีใจที่คนอื่นเจอกับเรื่องเดือดร้อนไม่น้อย กระซิบว่า “สมใจปรารถนาแล้วสินะ? สาวงามสองคน คงพอเป็นอาหารตา…”

“ไสหัวไปเลย!”

“ฟางผิง นายแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังเป็นหัวหน้าชั้น คนเก่งต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อย”

เวลานี้ถังเฟิงพูดต่อว่า “จ้าวชิง อู๋เค่อเผิง โจวเยวี่ยหง…ให้พวกเขาไปอยู่กับนาย!”

“อาจารย์!”

ฟางผิงแทบจะควบคุมสีหน้าไม่ได้ นายมั่นใจนะว่านี่ไม่ใช่การอาศัยอำนาจเพื่อใช้แก้แค้น?

ใครไม่รู้บ้างว่า ยิ่งสมาชิกในทีมแข็งแกร่งเท่าไหร่ ภารกิจก็จะสำเร็จง่ายและเร็วขึ้นเท่านั้น

ให้รวมกลุ่มกับผู้ฝึกยุทธ์ฝีมืออ่อนด้อย นี่ไม่ใช่สร้างลำบากให้เขาหรือไง?

ทีมของเขา นอกจากฟางผิงที่ค่อนข้างมีความสามารถแล้ว จ้าวเสวี่ยเหมยยังถูกแบ่งมาทีมเขาเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีถังซงถิง คนสองคนฝีมือไม่เลวเลย

แต่ในเจ็ดคนนี้ มีห้าคนที่ถือว่าเป็นพวกปลายแถวของคลาสฝึกพิเศษ

ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายเห็นต่างอะไรหรือเปล่า? ถ้ามีพูดมาได้เลย แต่เพื่อดุลความสามารถให้เสมอกัน การแบ่งทีมนั้นได้ถูกกำหนดอย่างตายตัวแล้ว!”

“ผม…”

ฟางผิงแทบจะกระอักเลือด ในเมื่อกำหนดตายตัว ยังจะถามความเห็นฉันไปเพื่อสากกะเบืออะไร!

ถังเฟิงเห็นเขาไม่ตอบ จึงแบ่งสมาชิกทีมต่อ

การถ่วงดุลความสามารถนั้นเป็นความคิดของถังเฟิงเอง

ตอนนี้ในชั้นมีประมาณสามสิบคนที่หลอมกระดูกมากกว่าสามสิบเอ็ดชิ้นขึ้นไป

แบ่งให้เสมอกันทุกทีมจะมีทีมละประมาณหกคน

ส่วนที่เหลือก็จะแบ่งเฉลี่ยกันไป

แน่นอนว่าทีมของฟางผิง นอกจากเขา จ้าวเสวี่ยเหมยและถังซงถิงแล้ว ยังมีอีกสองคนที่หลอมกระดูกข้างหนึ่งแล้ว

นับว่าครึ่งหนึ่งพอดี ส่วนห้าคนที่เหลือต่างมีฝีมือค่อนข้างอ่อนด้อย

———————-

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 132 ภารกิจแรก (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 132 ภารกิจแรก (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 132 ภารกิจแรก (1)

ฟางผิงไม่รู้เรื่องทางหยางเฉิงอยู่แล้ว

เขาอยากเก็บค่าคุ้มครอง ก็ไม่กล้าเก็บ

แต่ฟางหยวนที่ไม่คิดจะเก็บ กลับมีคนมาส่งเงินให้เธอเก็บถึงที่

หากฟางผิงรู้เข้า เวลานี้คงจะกลับไปจัดการเจ้าเด็กแสบคนนั้นแล้ว

วันที่ 1 พฤศจิกายน

วันเสาร์

คลาสฝึกพิเศษเปิดมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดฟางผิงก็ได้เจอกับคณบดีหวงจิ่ง

ห้องฝึกซ้อม

หวงจิ่งพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ก่อนหน้านี้ถ้ำใต้ดินทางเซี่ยงไฮ้มีการเคลื่อนไหว หน่วยทหารสูญเสียผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางนับสิบคน ต่ำกว่าขั้นสามอีกกว่าร้อยคน! มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มีอาจารย์สามคนสละชีพ! มีนักศึกษาอีกจำนวนที่จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ทราบชะตากรรม ถ้ำใต้ดินอันตรายขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเราจำเป็นต้องแจ้งเรื่องราวภายในให้ทุกคนเข้าใจ รู้ถึงวิกฤตการณ์ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับรอง…พวกเราไม่ได้แข่งขันเพื่อผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง! แต่พวกเราอยากให้นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้มีทรัพยากรมากขึ้น จ่ายค่าตอบแทนออกไปน้อย แต่มีผู้ฝึกยุทธ์เยอะขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่พวกเราทำภารกิจ ก็จะมีชีวิตรอดได้นานกว่า”

“แต่ทุกคนต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน พวกเราคิดแบบนี้ คนอื่นจะไม่คิดได้อย่างไร! พวกเธอคือนักศึกษา เป็นแก้วตาดวงใจของคนในบ้าน พวกเขาก็เป็นนักศึกษาเหมือนกัน เป็นแก้วตาดวงใจในครอบครัวของพวกเขา ไม่มีใครอยากให้ใครไปตาย ฉันไม่อยากให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปต้องไปตายเช่นกัน แต่ให้ฉันเลือกระหว่างนักศึกษาของพวกเราหรือมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ฉันอยากให้นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ปลอดภัยมากกว่า! เรื่องนี้ไม่มีถูกผิด เปลี่ยนเป็นคนอื่น ฉันยืนอยู่ในมุมมองของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป คงไม่ยินยอม ไม่พอใจเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไง ในเมื่อพวกเราเป็นคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ งั้นก็ต้องพิจารณาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นหลัก!”

น้ำเสียงของหวงจิ่งแฝงความอ่อนล้าอยู่เลือนราง เวลานี้ทุกคนไม่มีใครอยากแข่งขัน ไม่มีใครอยากต่อสู้

แต่จำเป็นต้องแข่งขันและต่อสู้!

ใครจะอยากตาย?

ไม่มีใครอยากตาย!

หากแข็งแกร่ง ก็จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่า

“ดังนั้น การแข่งขันแลกเปลี่ยนหลังจบเทอม จำเป็นต้องถูกจัดขึ้น ทั้งต้องบอกทุกคนว่า จะโหดร้ายอย่างแน่นอน!”

หวงจิ่งพูดอย่างเย็นเยียบ “ต้องโหดร้ายอยู่แล้ว!”

“อาจจะถึงกระทั่งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย”

“ทรัพยากรเยอะขนาดนั้น ทุกปีการผลิตยาบำรุง อาวุธ รวมทั้งทรัพยากรที่จำเป็นต่อการฝึกต่างมีอย่างจำกัด นายได้มาก ฉันก็ได้น้อย นายได้น้อย ฉันถึงจะได้เยอะหน่อย ให้นักศึกษาใหม่เป็นตัวตัดสินโควตาทรัพยากร ให้นักศึกษาใหม่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย พวกเธอไม่คิดหรือว่าทำไมสุดท้ายถึงตัดสินให้นักศึกษาใหม่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน?”

จู่ๆ สีหน้าของหวงจิ่งก็ดูโหดเหี้ยมขึ้นมา “เพราะนักศึกษาใหม่ความสามารถน้อย ตายแล้วไม่ต้องเสียดาย เพราะนักศึกษาใหม่ลงทุนไปน้อย ตายแล้ว สิ้นเปลืองทรัพยากรไม่มาก เช่นเดียวกันเป็นเพราะนักศึกษาใหม่ใช้เวลาในมหาวิทยาลัยนานกว่า ผลประโยชน์ในอนาคตล้วนเป็นของพวกเธอเอง พวกเธอไม่แย่งชิง จะให้พวกปีสามปีสี่ไป พวกเขาคงไม่อยากไปเช่นกัน เพราะพวกเขามีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว มีเพียงพวกเธอที่จำต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาแบกรับภาระหน้าที่อย่างไม่เกี่ยงงอน!”

พวกนักศึกษาไม่มีใครส่งเสียง น้ำเสียงของหวงจิ่งอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยไม่อยากส่งพวกเธอไปตายเช่นกัน เป็นหัวกะทิทั้งหมด บาดเจ็บล้มตายไปหนึ่งคน ถือเป็นความสูญเสียของมวลมนุษย์ชาติ ดังนั้นการแข่งขันแลกเปลี่ยน จำเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครอง เรื่องนี้กลับไปค่อยว่ากัน พวกเราพูดเรื่องของคลาสฝึกพิเศษกันก่อน”

“เพราะเหตุผลที่พูดมาตั้งแต่ต้น คลาสฝึกพิเศษจึงตั้งเงื่อนไขกับทุกคนค่อนข้างสูง ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น พวกเราเป็นนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณ ทั้งไม่ใช่พวกที่ดูแต่การพัฒนาปราณและหลอมกระดูก เดือนก่อนทุกคนเรียนความรู้พื้นฐานแล้ว งั้นเดือนนี้จะก้าวขึ้นไปอีกขั้น!”

พูดจบ หวงจิ่งก็เอ่ยเสียงดังว่า “สภาพแวดล้อมที่ปกติ สร้างผู้แข็งแกร่งขึ้นมาไม่ได้หรอก! เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะมีอาจารย์ห้าคน แบ่งเป็นห้าทีม ทีมละสิบคน พานักศึกษาไปทำภารกิจ! เพื่อให้พวกเธอมีสภาพแวดล้อมที่ดี เติบโตอย่างมีคุณภาพ มหาวิทยาลัยจึงตัดสินใจว่า ทุกภารกิจเดิมทีได้รางวัลเท่าไหร่จะให้อีกเท่าตัว! ปกติภารกิจหนึ่งจะให้รางวัลทุกคนห้าคะแนน งั้นตอนนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสิบคะแนน! ระหว่างภารกิจออกแรงมาก ยิ่งจะได้มากขึ้น โดยอาจารย์จะสังเกตและแบ่งสรรให้ เดือนพฤศจิกายน ทีมไหนทำภารกิจสำเร็จได้มากที่สุด ดีที่สุด ทีมนั้นจะได้รางวัลพิเศษอีก! เดือนพฤศจิกายน ถือว่าให้พวกเธอได้เปิดประสบการณ์ เมื่อถึงเดือนธันวาคมแล้ว จากห้าสิบคนเลือกออกมาสิบคน ฝึกฝนอบรมเป็นพิเศษเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันแลกเปลี่ยน! การแข่งขันยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่ช้าสุดอาจจะเป็นกลางเดือนมกรา หรืออาจจะเร็วกว่านั้น พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว!”

สุดท้ายหวงจิ่งค่อยเอ่ยอย่างลึกซึ้งว่า “อย่าได้ดูถูกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป! จากที่ฉันรู้มา ครั้งนี้ทุกมหาวิทยาลัยต่างพยายามบ่มเพาะผู้เข้าแข่งขันอย่างสุดความสามารถ! ตอนนี้ที่ฉันรู้ แต่ละมหาวิทยาลัยมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่เป็นนักศึกษาใหม่ประมาณสี่ห้าคน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมีจำนวนมาก รวมกันแล้วผู้ฝึกยุทธ์คงมีไม่น้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเลย พวกเขาไม่มีอะไรจะเสีย หากชนะ พวกเขาจะได้รางวัล แต่ถ้าแพ้ พวกเขาก็ไม่สูญเสียอะไร ดังนั้นพวกเขาแพ้ได้ แต่พวกเราแพ้ไม่ได้!”

“ฉันมีเรื่องพูดแค่นี้แหละ วันนี้จะเริ่มแบ่งทีม อย่าลืมว่าอาจารย์ประจำทีม ไม่สามารถเป็นอาจารย์ของตัวเองได้!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา พวกนักศึกษาต่างกระซิบกระซาบกันทันที

ไม่ให้พวกเขาติดตามอาจารย์ของตัวเอง นี่หากเจอกับอันตรายเข้า อาจารย์คนอื่นไม่ช่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร?

หวงจิ่งไม่สนใจพวกเขา จัดการแบบนี้ แง่หนึ่งคือให้พวกนักศึกษาได้รู้สึกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อีกแง่หนึ่งเพื่อความยุติธรรม

ระหว่างการดำเนินภารกิจ อาจารย์ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน เวลานั้นหากมีนักศึกษาในความดูแลของตัวเองอยู่ อาจจะเกิดการลำเอียงได้

หวงจิ่งมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องพวกนี้เท่านั้น เมื่อจบแล้วก็ปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

เรื่องของถ้ำใต้ดินยังไม่สิ้นสุด

ทั้งหลังจากนี้ยังต้องปรึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเรื่องจัดการแข่งขันแลกเปลี่ยนอีก

เรื่องทะเลาะเบาะแว้งคงไม่จำเป็นต้องให้ปรมาจารย์ออกโรงเอง แต่เพื่อผลประโยชน์แล้ว ยังคงต้องมีปรมาจารย์เป็นผู้นำ

“เงียบ!”

หวงจิ่งจากไป ถังเฟิงก็ตะโกนเสียงดัง ตัดบทพวกนักศึกษาที่ซุบซิบกันทันที

“ตอนนี้จะเริ่มแบ่งทีม!”

ผู้ฝึกยุทธ์ต่างเด็ดขาดกันทั้งนั้น ถังเฟิงไม่พูดมากอีก เอ่ยว่า “ฟางผิง จ้าวเหล่ย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน เฉินอวิ๋นซี ทุกคนกระจายไปคนละทีม เป็นหัวหน้าประจำทีมนั้น!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยอย่างคับข้องใจว่า “ผมอยากอยู่ทีมเดียวกับสาวงามสักหน่อย แบ่งแบบนี้ได้ยังไงกันครับ?”

ถังเฟิงไม่ตำหนิ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ จางเยวี่ย ซย่าเหวินโยว พวกเธอสองคนไปอยู่ทีมฟู่ชางติ่ง!”

สาวงามทั้งสองที่ครั้งก่อนได้รับอภิสิทธิ์เข้าคลาสฝึกพิเศษเผยใบหน้าแดงก่ำ เดินออกมาอย่างเขินอายไปยืนอยู่ข้างฟู่ชางติ่ง

ฟู่ชางติ่งหน้าเขียวไปหมดแล้ว

ผมแค่พูดเล่นไปเท่านั้น อาจารย์คิดเป็นจริงไปได้!

เขาไม่ใช่โง่จริงๆ สักหน่อย แน่นอนว่ามีเพื่อนในทีมแข็งแกร่งเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น ตอนนี้ต้องมาแบกตัวถ่วงสองคน เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!

นี่ไม่ใช่การเล่นสนุกๆ ฟู่ชางติ่งไม่ใช่ลูกไก่ที่ไร้เดียงสา การทำภารกิจมีโอกาสตายได้จริงๆ

แต่ในเมื่อถังเฟิงพูดมาขนาดนี้แล้ว คงไม่มีทางเลือกอีก เรื่องแบบนี้ ถังเฟิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนปลายไม่อาจล้อเล่นได้

ฟู่ชางติ่งหน้าแข็งทื่ออยู่บ้าง หันไปขำแห้งๆ ให้หญิงสาวทั้งสอง รอยยิ้มนั้นดูฝืดเฝื่อนอยู่บ้าง

ถังเฟิงไม่สนใจเขา หลัวอี้ชวน อาจารย์ของฟู่ชางติ่งก็ไม่ดูลูกศิษย์ตัวเองบ้าง เอาแต่คุยโว คิดว่าไม่มีใครจัดการนายได้จริงๆ งั้นเหรอ?

ฟางผิงรู้สึกดีใจที่คนอื่นเจอกับเรื่องเดือดร้อนไม่น้อย กระซิบว่า “สมใจปรารถนาแล้วสินะ? สาวงามสองคน คงพอเป็นอาหารตา…”

“ไสหัวไปเลย!”

“ฟางผิง นายแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังเป็นหัวหน้าชั้น คนเก่งต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อย”

เวลานี้ถังเฟิงพูดต่อว่า “จ้าวชิง อู๋เค่อเผิง โจวเยวี่ยหง…ให้พวกเขาไปอยู่กับนาย!”

“อาจารย์!”

ฟางผิงแทบจะควบคุมสีหน้าไม่ได้ นายมั่นใจนะว่านี่ไม่ใช่การอาศัยอำนาจเพื่อใช้แก้แค้น?

ใครไม่รู้บ้างว่า ยิ่งสมาชิกในทีมแข็งแกร่งเท่าไหร่ ภารกิจก็จะสำเร็จง่ายและเร็วขึ้นเท่านั้น

ให้รวมกลุ่มกับผู้ฝึกยุทธ์ฝีมืออ่อนด้อย นี่ไม่ใช่สร้างลำบากให้เขาหรือไง?

ทีมของเขา นอกจากฟางผิงที่ค่อนข้างมีความสามารถแล้ว จ้าวเสวี่ยเหมยยังถูกแบ่งมาทีมเขาเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีถังซงถิง คนสองคนฝีมือไม่เลวเลย

แต่ในเจ็ดคนนี้ มีห้าคนที่ถือว่าเป็นพวกปลายแถวของคลาสฝึกพิเศษ

ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายเห็นต่างอะไรหรือเปล่า? ถ้ามีพูดมาได้เลย แต่เพื่อดุลความสามารถให้เสมอกัน การแบ่งทีมนั้นได้ถูกกำหนดอย่างตายตัวแล้ว!”

“ผม…”

ฟางผิงแทบจะกระอักเลือด ในเมื่อกำหนดตายตัว ยังจะถามความเห็นฉันไปเพื่อสากกะเบืออะไร!

ถังเฟิงเห็นเขาไม่ตอบ จึงแบ่งสมาชิกทีมต่อ

การถ่วงดุลความสามารถนั้นเป็นความคิดของถังเฟิงเอง

ตอนนี้ในชั้นมีประมาณสามสิบคนที่หลอมกระดูกมากกว่าสามสิบเอ็ดชิ้นขึ้นไป

แบ่งให้เสมอกันทุกทีมจะมีทีมละประมาณหกคน

ส่วนที่เหลือก็จะแบ่งเฉลี่ยกันไป

แน่นอนว่าทีมของฟางผิง นอกจากเขา จ้าวเสวี่ยเหมยและถังซงถิงแล้ว ยังมีอีกสองคนที่หลอมกระดูกข้างหนึ่งแล้ว

นับว่าครึ่งหนึ่งพอดี ส่วนห้าคนที่เหลือต่างมีฝีมือค่อนข้างอ่อนด้อย

———————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 132 ภารกิจแรก (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 132 ภารกิจแรก (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 132 ภารกิจแรก (1)

ฟางผิงไม่รู้เรื่องทางหยางเฉิงอยู่แล้ว

เขาอยากเก็บค่าคุ้มครอง ก็ไม่กล้าเก็บ

แต่ฟางหยวนที่ไม่คิดจะเก็บ กลับมีคนมาส่งเงินให้เธอเก็บถึงที่

หากฟางผิงรู้เข้า เวลานี้คงจะกลับไปจัดการเจ้าเด็กแสบคนนั้นแล้ว

วันที่ 1 พฤศจิกายน

วันเสาร์

คลาสฝึกพิเศษเปิดมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดฟางผิงก็ได้เจอกับคณบดีหวงจิ่ง

ห้องฝึกซ้อม

หวงจิ่งพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ก่อนหน้านี้ถ้ำใต้ดินทางเซี่ยงไฮ้มีการเคลื่อนไหว หน่วยทหารสูญเสียผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางนับสิบคน ต่ำกว่าขั้นสามอีกกว่าร้อยคน! มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มีอาจารย์สามคนสละชีพ! มีนักศึกษาอีกจำนวนที่จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ทราบชะตากรรม ถ้ำใต้ดินอันตรายขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเราจำเป็นต้องแจ้งเรื่องราวภายในให้ทุกคนเข้าใจ รู้ถึงวิกฤตการณ์ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับรอง…พวกเราไม่ได้แข่งขันเพื่อผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง! แต่พวกเราอยากให้นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้มีทรัพยากรมากขึ้น จ่ายค่าตอบแทนออกไปน้อย แต่มีผู้ฝึกยุทธ์เยอะขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่พวกเราทำภารกิจ ก็จะมีชีวิตรอดได้นานกว่า”

“แต่ทุกคนต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน พวกเราคิดแบบนี้ คนอื่นจะไม่คิดได้อย่างไร! พวกเธอคือนักศึกษา เป็นแก้วตาดวงใจของคนในบ้าน พวกเขาก็เป็นนักศึกษาเหมือนกัน เป็นแก้วตาดวงใจในครอบครัวของพวกเขา ไม่มีใครอยากให้ใครไปตาย ฉันไม่อยากให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปต้องไปตายเช่นกัน แต่ให้ฉันเลือกระหว่างนักศึกษาของพวกเราหรือมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ฉันอยากให้นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ปลอดภัยมากกว่า! เรื่องนี้ไม่มีถูกผิด เปลี่ยนเป็นคนอื่น ฉันยืนอยู่ในมุมมองของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป คงไม่ยินยอม ไม่พอใจเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไง ในเมื่อพวกเราเป็นคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ งั้นก็ต้องพิจารณาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นหลัก!”

น้ำเสียงของหวงจิ่งแฝงความอ่อนล้าอยู่เลือนราง เวลานี้ทุกคนไม่มีใครอยากแข่งขัน ไม่มีใครอยากต่อสู้

แต่จำเป็นต้องแข่งขันและต่อสู้!

ใครจะอยากตาย?

ไม่มีใครอยากตาย!

หากแข็งแกร่ง ก็จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่า

“ดังนั้น การแข่งขันแลกเปลี่ยนหลังจบเทอม จำเป็นต้องถูกจัดขึ้น ทั้งต้องบอกทุกคนว่า จะโหดร้ายอย่างแน่นอน!”

หวงจิ่งพูดอย่างเย็นเยียบ “ต้องโหดร้ายอยู่แล้ว!”

“อาจจะถึงกระทั่งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย”

“ทรัพยากรเยอะขนาดนั้น ทุกปีการผลิตยาบำรุง อาวุธ รวมทั้งทรัพยากรที่จำเป็นต่อการฝึกต่างมีอย่างจำกัด นายได้มาก ฉันก็ได้น้อย นายได้น้อย ฉันถึงจะได้เยอะหน่อย ให้นักศึกษาใหม่เป็นตัวตัดสินโควตาทรัพยากร ให้นักศึกษาใหม่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย พวกเธอไม่คิดหรือว่าทำไมสุดท้ายถึงตัดสินให้นักศึกษาใหม่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน?”

จู่ๆ สีหน้าของหวงจิ่งก็ดูโหดเหี้ยมขึ้นมา “เพราะนักศึกษาใหม่ความสามารถน้อย ตายแล้วไม่ต้องเสียดาย เพราะนักศึกษาใหม่ลงทุนไปน้อย ตายแล้ว สิ้นเปลืองทรัพยากรไม่มาก เช่นเดียวกันเป็นเพราะนักศึกษาใหม่ใช้เวลาในมหาวิทยาลัยนานกว่า ผลประโยชน์ในอนาคตล้วนเป็นของพวกเธอเอง พวกเธอไม่แย่งชิง จะให้พวกปีสามปีสี่ไป พวกเขาคงไม่อยากไปเช่นกัน เพราะพวกเขามีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว มีเพียงพวกเธอที่จำต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาแบกรับภาระหน้าที่อย่างไม่เกี่ยงงอน!”

พวกนักศึกษาไม่มีใครส่งเสียง น้ำเสียงของหวงจิ่งอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยไม่อยากส่งพวกเธอไปตายเช่นกัน เป็นหัวกะทิทั้งหมด บาดเจ็บล้มตายไปหนึ่งคน ถือเป็นความสูญเสียของมวลมนุษย์ชาติ ดังนั้นการแข่งขันแลกเปลี่ยน จำเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครอง เรื่องนี้กลับไปค่อยว่ากัน พวกเราพูดเรื่องของคลาสฝึกพิเศษกันก่อน”

“เพราะเหตุผลที่พูดมาตั้งแต่ต้น คลาสฝึกพิเศษจึงตั้งเงื่อนไขกับทุกคนค่อนข้างสูง ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น พวกเราเป็นนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณ ทั้งไม่ใช่พวกที่ดูแต่การพัฒนาปราณและหลอมกระดูก เดือนก่อนทุกคนเรียนความรู้พื้นฐานแล้ว งั้นเดือนนี้จะก้าวขึ้นไปอีกขั้น!”

พูดจบ หวงจิ่งก็เอ่ยเสียงดังว่า “สภาพแวดล้อมที่ปกติ สร้างผู้แข็งแกร่งขึ้นมาไม่ได้หรอก! เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะมีอาจารย์ห้าคน แบ่งเป็นห้าทีม ทีมละสิบคน พานักศึกษาไปทำภารกิจ! เพื่อให้พวกเธอมีสภาพแวดล้อมที่ดี เติบโตอย่างมีคุณภาพ มหาวิทยาลัยจึงตัดสินใจว่า ทุกภารกิจเดิมทีได้รางวัลเท่าไหร่จะให้อีกเท่าตัว! ปกติภารกิจหนึ่งจะให้รางวัลทุกคนห้าคะแนน งั้นตอนนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสิบคะแนน! ระหว่างภารกิจออกแรงมาก ยิ่งจะได้มากขึ้น โดยอาจารย์จะสังเกตและแบ่งสรรให้ เดือนพฤศจิกายน ทีมไหนทำภารกิจสำเร็จได้มากที่สุด ดีที่สุด ทีมนั้นจะได้รางวัลพิเศษอีก! เดือนพฤศจิกายน ถือว่าให้พวกเธอได้เปิดประสบการณ์ เมื่อถึงเดือนธันวาคมแล้ว จากห้าสิบคนเลือกออกมาสิบคน ฝึกฝนอบรมเป็นพิเศษเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันแลกเปลี่ยน! การแข่งขันยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่ช้าสุดอาจจะเป็นกลางเดือนมกรา หรืออาจจะเร็วกว่านั้น พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว!”

สุดท้ายหวงจิ่งค่อยเอ่ยอย่างลึกซึ้งว่า “อย่าได้ดูถูกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป! จากที่ฉันรู้มา ครั้งนี้ทุกมหาวิทยาลัยต่างพยายามบ่มเพาะผู้เข้าแข่งขันอย่างสุดความสามารถ! ตอนนี้ที่ฉันรู้ แต่ละมหาวิทยาลัยมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่เป็นนักศึกษาใหม่ประมาณสี่ห้าคน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมีจำนวนมาก รวมกันแล้วผู้ฝึกยุทธ์คงมีไม่น้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเลย พวกเขาไม่มีอะไรจะเสีย หากชนะ พวกเขาจะได้รางวัล แต่ถ้าแพ้ พวกเขาก็ไม่สูญเสียอะไร ดังนั้นพวกเขาแพ้ได้ แต่พวกเราแพ้ไม่ได้!”

“ฉันมีเรื่องพูดแค่นี้แหละ วันนี้จะเริ่มแบ่งทีม อย่าลืมว่าอาจารย์ประจำทีม ไม่สามารถเป็นอาจารย์ของตัวเองได้!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา พวกนักศึกษาต่างกระซิบกระซาบกันทันที

ไม่ให้พวกเขาติดตามอาจารย์ของตัวเอง นี่หากเจอกับอันตรายเข้า อาจารย์คนอื่นไม่ช่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร?

หวงจิ่งไม่สนใจพวกเขา จัดการแบบนี้ แง่หนึ่งคือให้พวกนักศึกษาได้รู้สึกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อีกแง่หนึ่งเพื่อความยุติธรรม

ระหว่างการดำเนินภารกิจ อาจารย์ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน เวลานั้นหากมีนักศึกษาในความดูแลของตัวเองอยู่ อาจจะเกิดการลำเอียงได้

หวงจิ่งมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องพวกนี้เท่านั้น เมื่อจบแล้วก็ปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

เรื่องของถ้ำใต้ดินยังไม่สิ้นสุด

ทั้งหลังจากนี้ยังต้องปรึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเรื่องจัดการแข่งขันแลกเปลี่ยนอีก

เรื่องทะเลาะเบาะแว้งคงไม่จำเป็นต้องให้ปรมาจารย์ออกโรงเอง แต่เพื่อผลประโยชน์แล้ว ยังคงต้องมีปรมาจารย์เป็นผู้นำ

“เงียบ!”

หวงจิ่งจากไป ถังเฟิงก็ตะโกนเสียงดัง ตัดบทพวกนักศึกษาที่ซุบซิบกันทันที

“ตอนนี้จะเริ่มแบ่งทีม!”

ผู้ฝึกยุทธ์ต่างเด็ดขาดกันทั้งนั้น ถังเฟิงไม่พูดมากอีก เอ่ยว่า “ฟางผิง จ้าวเหล่ย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน เฉินอวิ๋นซี ทุกคนกระจายไปคนละทีม เป็นหัวหน้าประจำทีมนั้น!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยอย่างคับข้องใจว่า “ผมอยากอยู่ทีมเดียวกับสาวงามสักหน่อย แบ่งแบบนี้ได้ยังไงกันครับ?”

ถังเฟิงไม่ตำหนิ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ จางเยวี่ย ซย่าเหวินโยว พวกเธอสองคนไปอยู่ทีมฟู่ชางติ่ง!”

สาวงามทั้งสองที่ครั้งก่อนได้รับอภิสิทธิ์เข้าคลาสฝึกพิเศษเผยใบหน้าแดงก่ำ เดินออกมาอย่างเขินอายไปยืนอยู่ข้างฟู่ชางติ่ง

ฟู่ชางติ่งหน้าเขียวไปหมดแล้ว

ผมแค่พูดเล่นไปเท่านั้น อาจารย์คิดเป็นจริงไปได้!

เขาไม่ใช่โง่จริงๆ สักหน่อย แน่นอนว่ามีเพื่อนในทีมแข็งแกร่งเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น ตอนนี้ต้องมาแบกตัวถ่วงสองคน เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!

นี่ไม่ใช่การเล่นสนุกๆ ฟู่ชางติ่งไม่ใช่ลูกไก่ที่ไร้เดียงสา การทำภารกิจมีโอกาสตายได้จริงๆ

แต่ในเมื่อถังเฟิงพูดมาขนาดนี้แล้ว คงไม่มีทางเลือกอีก เรื่องแบบนี้ ถังเฟิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนปลายไม่อาจล้อเล่นได้

ฟู่ชางติ่งหน้าแข็งทื่ออยู่บ้าง หันไปขำแห้งๆ ให้หญิงสาวทั้งสอง รอยยิ้มนั้นดูฝืดเฝื่อนอยู่บ้าง

ถังเฟิงไม่สนใจเขา หลัวอี้ชวน อาจารย์ของฟู่ชางติ่งก็ไม่ดูลูกศิษย์ตัวเองบ้าง เอาแต่คุยโว คิดว่าไม่มีใครจัดการนายได้จริงๆ งั้นเหรอ?

ฟางผิงรู้สึกดีใจที่คนอื่นเจอกับเรื่องเดือดร้อนไม่น้อย กระซิบว่า “สมใจปรารถนาแล้วสินะ? สาวงามสองคน คงพอเป็นอาหารตา…”

“ไสหัวไปเลย!”

“ฟางผิง นายแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังเป็นหัวหน้าชั้น คนเก่งต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อย”

เวลานี้ถังเฟิงพูดต่อว่า “จ้าวชิง อู๋เค่อเผิง โจวเยวี่ยหง…ให้พวกเขาไปอยู่กับนาย!”

“อาจารย์!”

ฟางผิงแทบจะควบคุมสีหน้าไม่ได้ นายมั่นใจนะว่านี่ไม่ใช่การอาศัยอำนาจเพื่อใช้แก้แค้น?

ใครไม่รู้บ้างว่า ยิ่งสมาชิกในทีมแข็งแกร่งเท่าไหร่ ภารกิจก็จะสำเร็จง่ายและเร็วขึ้นเท่านั้น

ให้รวมกลุ่มกับผู้ฝึกยุทธ์ฝีมืออ่อนด้อย นี่ไม่ใช่สร้างลำบากให้เขาหรือไง?

ทีมของเขา นอกจากฟางผิงที่ค่อนข้างมีความสามารถแล้ว จ้าวเสวี่ยเหมยยังถูกแบ่งมาทีมเขาเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีถังซงถิง คนสองคนฝีมือไม่เลวเลย

แต่ในเจ็ดคนนี้ มีห้าคนที่ถือว่าเป็นพวกปลายแถวของคลาสฝึกพิเศษ

ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายเห็นต่างอะไรหรือเปล่า? ถ้ามีพูดมาได้เลย แต่เพื่อดุลความสามารถให้เสมอกัน การแบ่งทีมนั้นได้ถูกกำหนดอย่างตายตัวแล้ว!”

“ผม…”

ฟางผิงแทบจะกระอักเลือด ในเมื่อกำหนดตายตัว ยังจะถามความเห็นฉันไปเพื่อสากกะเบืออะไร!

ถังเฟิงเห็นเขาไม่ตอบ จึงแบ่งสมาชิกทีมต่อ

การถ่วงดุลความสามารถนั้นเป็นความคิดของถังเฟิงเอง

ตอนนี้ในชั้นมีประมาณสามสิบคนที่หลอมกระดูกมากกว่าสามสิบเอ็ดชิ้นขึ้นไป

แบ่งให้เสมอกันทุกทีมจะมีทีมละประมาณหกคน

ส่วนที่เหลือก็จะแบ่งเฉลี่ยกันไป

แน่นอนว่าทีมของฟางผิง นอกจากเขา จ้าวเสวี่ยเหมยและถังซงถิงแล้ว ยังมีอีกสองคนที่หลอมกระดูกข้างหนึ่งแล้ว

นับว่าครึ่งหนึ่งพอดี ส่วนห้าคนที่เหลือต่างมีฝีมือค่อนข้างอ่อนด้อย

———————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+