ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 139 ใช้อาวุธอะไรดี (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 139 ใช้อาวุธอะไรดี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 139 ใช้อาวุธอะไรดี (1)

ในตึกร้าง

ถังซงถิงกวาดสายตามอง ก่อนจะลงมือเป็นคนแรก เริ่มเหวี่ยงดาบเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งพวกนั้น

มีผู้ฝึกยุทธ์คิดจะโจมตีฟางผิง เพิ่งจะตามขึ้นมาด้านหน้า กลับถูกฟางผิงวาดดาบออกมา ตัดอีกฝ่ายขาดเป็นสองท่อน!

“พวกนายไปจัดการคนอื่น”

เหยาจินเฉิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตะโกนบอกคนอื่น

เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ก็ขวัญหนีดีฝ่ออยู่บ้างเช่นกัน รีบหลีกทางไปปะทะกับถังซงถิงแทน

ปกติตอนทำภารกิจ ฟางผิงแทบจะไม่พูดจาพร่ำเพรื่อ

ครั้งนี้ฟางผิงกลับถอนหายใจ “พูดจริงนะ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตามลำพัง”

“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้?”

“สายตาไม่เลวนี่”

เหยาจินเฉิงเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “นอกจากขี้ข้าอย่างพวกนาย คงไม่มีคนอื่นแล้ว”

“ขี้ข้า?”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายเรียกว่าสุนัขรับใช้จะดีกว่า แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย จะพูดระคายหูอะไรขนาดนั้น อันที่จริงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจความคิดพวกนาย คงเพราะอยู่ในสังคมที่ไม่ดีสินะ? ต้องปิดบังข้อมูลข่าวสารกับคนธรรมดา ทำใจยอมรับไม่ได้? นายน่าจะรู้นะว่า ครั้งแรกที่ฉันรู้เรื่องพวกนี้ก็กระวนกระวายและหวาดกลัวเหมือนกัน กลัวว่าจะมีวันหนึ่งวันใดที่มาถึงจุดจบของโลก แต่จำเป็นต้องสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนด้วยหรือไง?”

“ถุ้ย พวกนายมีส่วนได้เสียก็ต้องพูดดีเข้าตัวอยู่แล้ว!”

เห็นได้ชัดว่าเหยาจินเฉิงรู้ถึงความนัย เอ่ยด้วยน้ำเสียงครั่นคร้ามว่า “พวกเรายินดีที่จะตายอย่างเปิดเผย ดีกว่าต้องมาตายอย่างไม่รู้อะไร!”

“แต่พวกนายโจมตีคนธรรมดา โจมตีนักเรียน นี่คือความยุติธรรมจากปากของพวกนาย?”

ฟางผิงแค่นหัวเราะ “ถ้าเป็นแค่ปัญหาทางความคิดจริงๆ โทษของพวกนายไม่ถึงกับตายหรอก แต่พวกนายมันบ้าไปแล้ว ฉันได้ยินว่า เพื่อจะประกาศสิ่งที่พวกนายเรียกว่าเกียรติยศ พวกนายถึงกับก่อเหตุสังหารหมู่ขึ้นมาหลายครั้ง…”

“นั่นเป็นพวกคนโง่เขลา…”

ขณะที่ทั้งสองคนคุยกัน ถังซงถิงที่หอบแฮ่กๆ ตะโกนว่า “จะคุยกับพวกบ้านี่ทำไม จัดการพวกเขาแล้วค่อยว่ากัน!”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แค่อยากลองดูว่า พวกเขายังพอมีทางช่วยเหลือหรือเปล่า ตอนนี้ดูท่าคงกู่ไม่กลับแล้ว”

พูดไม่ทันจบ ฟางผิงพลันกระโดดกลางอากาศ หมุนดาบเหวี่ยงเข้าหาอีกฝ่าย!

“เคร้ง!”

เหยาจินเฉิงพกอาวุธเช่นกัน เป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง เวลานี้ชักออกมาต้านไว้

เมื่อปะทะกัน ฟางผิงแววตาเป็นประกายทันที ปราณของอีกฝ่ายสู้เขาไม่ได้

นอกจากเรื่องปราณแล้ว การหลอมกระดูกช่วงบนของอีกฝ่ายก็ไม่เยอะมากเช่นกัน

มีแค่กระดูกบางชิ้นที่หลอมได้ล้ำลึกกว่าฟางผิง ส่วนเรื่องอื่นนั้นสู้ไม่ได้

“สือเฟิงยังแข็งแกร่งเสียกว่า!”

ฟางผิงหัวเราะ ก่อนจะเหวี่ยงดาบโจมตีอีกครั้ง

เหยาจินเฉิงขมวดคิ้วแน่น หมุนกระบี่ขึ้นมาปัดป้อง

“ขั้นสอง?”

เหยาจินเฉิงคาดเดาความสามารถของฟางผิงไม่ถูกอยู่บ้าง นี่มันขั้นสองหรือขั้นหนึ่งกัน?

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสอง ความจริงยังมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

ระดับการหลอมกระดูกสูง กระดูกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียด คนนอกยากที่จะแยกแยะ ผู้ฝึกยุทธ์ยังคงมองออกได้

มองจากภายนอก กระดูกช่วงบนของฟางผิงเหมือนไม่เคยผ่านการหลอมมาก่อน

ในเมื่อเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายคงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง

แต่พลังการโจมตีของฟางผิงไม่อ่อนด้อยเลย อย่างน้อยก็ไม่ด้อยกว่าเขา นี่คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งงั้นเหรอ?

เหยาจินเฉิงสับสนอยู่บ้าง กลับไม่คิดจะประมาท ยังคงโรมรันกับฟางผิงต่อ

ฟางผิงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อีกฝ่ายเหมือนจะฝีมือไม่เท่าไหร่จริงๆ

ไม่หยั่งเชิงอีกต่อไป ฟางผิงหมุนดาบโจมตีอย่างว่องไว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ

มือทั้งสองข้างหมุนดาบ การเคลื่อนไหวที่ฝีเท้ากลับไม่ช้าลงแม้แต่น้อย ฟางผิงใช้เท้าขวาเตะไปยังเหยาจินเฉิงอย่างแรง

เหยาจินเฉิงหลอมกระดูกช่วงล่างนานแล้ว ไม่เกรงกลัวเช่นกัน วาดฝีเท้าออกไปปะทะกับฟางผิง

ฟางผิงยืดปลายเท้าตรงดิ่ง ก่อนจะแทงไปยังกระดูกเข่าของเขา เหยาจินเฉิงรีบใช้เท้าของตัวเองปัดป้อง

เท้าเพิ่งจะปะทะกัน จู่ๆ เหยาจินเฉิงก็ชักเท้ากลับราวกับถูกไฟช็อต ถลึงตามองฟางผิงอย่างโกรธเคือง

ร่างกายมนุษย์เทียบกับโลหะผสมไม่ได้อยู่แล้ว รวมกับฟางผิงใช้การแทงเท้าอย่างชำนาญ ชั่วพริบตาจึงเกือบจะแทงโดนส้นเท้าของเขา

“ฝีมือด้อยกว่าสือเฟิงอยู่บ้างจริงๆ”

ฟางผิงพึมพำ ก่อนจะตะโกนว่า “ดูลูกเตะของฉันไว้!”

เหยาจินเฉิงระวังตัวอย่างยิ่ง ฟังจบจึงมองไปที่ขาของฟางผิงทันที เตรียมจะหลบหลีกจากรองเท้าคู่นั้นของเขา

“ไม่มีไหวพริบการต่อสู้เอาซะเลย!”

ฟางผิงบ่นพร่ำ ไม่คิดจะเตะติดต่อกันออกมา แต่ใช้ดาบฟาดลงมาอย่างแรงแทน

เดิมทีกระบี่ก็ไม่เหมาะจะใช้ต้านรับดาบอยู่แล้ว ปราณของเหยาจินเฉิงยังสู้ฟางผิงไม่ได้อีก ฟางผิงหลอมกระดูกทั่วร่างเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว พลังช่วงบนจึงไม่ด้อยกว่าเขาเลย

เมื่อโจมตีกว่าสิบดาบติดต่อกัน สีหน้าของเหยาจินเฉิงค่อยแดงก่ำขึ้นมา

เวลานี้เหยาจินเฉิงไม่อยากต่อสู้แล้ว เพิ่งคิดจะล่าถอย ฟางผิงกลับพุ่งตัวมาประกบอย่างว่องไว

ฟางผิงที่จวงกงอยู่ขั้นสองนานแล้ว พบว่าช่วงนี้ใช้จวงกงได้ค่อนข้างยอดเยี่ยม อย่างน้อยต่อสู้ประกบคนแทบไม่เป็นปัญหาเลย

ประกบเหยาจินเฉิงได้ ฟางผิงยังคงฟาดดาบอย่างไม่หยุดยั้ง!

เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นไม่ขาดสาย

เหยาจินเฉิงใบหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด เอ่ยอย่างโมโหว่า “ดูสิว่าใครจะพลังหมดก่อนใคร!”

จากพื้นฐานการต่อสู้ เพราะฟางผิงมีรองเท้าโลหะผสม เขาจึงไม่กล้าสู้สุดตัวกับฟางผิง

ดาบกับกระบี่ปะทะกันอยู่ด้านบน พลังของฟางผิงไม่ได้อ่อนด้อย พวกเขาจึงค่อนข้างสูสีกัน

เขาอยากถอย ฟางผิงกลับตามประกบไม่ปล่อย เวลานี้เหยาจินเฉิงทำได้แค่สู้ตัวต่อตัวกับเขา

“ฉันชอบคนอย่างนายจริงๆ!”

ฟางผิงยังมีเวลาว่างมาเอ่ยหยอกเย้า ดาบเหวี่ยงเข้ามาเร็วขึ้นดาบแล้วดาบเล่า โจมตีกระบี่ยาวของอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน

เมื่อปะทะกว่าสิบกระบวนท่า เหยาจินเฉินก็ใบหน้าซีดเผือด

ฟางผิงไม่ได้ดีไปกว่ากัน สิบกระบวนท่านี้ใช้การระเบิดปราณทั้งสิ้น ไม่ใช่การสิ้นเปลืองปราณตามปกติ

ตอนที่เหยาจินเฉิงเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว ฟางผิงก็ไม่ไหวเช่นกัน

เหยาจินเฉิงเห็นฟางผิงที่อยู่ตรงข้ามใบหน้าซีดขาว จึงครุ่นคิดในหัว

อีกเดี๋ยวหมอนี้สิ้นเปลืองปราณเกินพิกัดแล้ว ตัวเองต้องเว้นระยะห่างออกมา แล้ว…

เขาเพิ่งคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ สีหน้าของฟางผิงกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมา

เหยาจินเฉิงแทบจับสังเกตไม่ได้ ครู่ต่อมากลับรับรู้ถึงความผิดปกติ พลังในการลงดาบของฟางผิงรุนแรงยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

“เคร้งๆๆ…”

ครั้งนี้ฟางผิงเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าเดิม

“ทำได้ยังไงกัน!”

“ตกใจหรือเปล่า?”

ฟางผิงเอ่ยยั่วเย้าอีกฝ่าย ไม่เปิดโอกาสให้เขาเอ่ยปาก ปะทุปราณทั้งหมดขึ้นมาอีกครั้ง

เสียงปะทะดาบดังขึ้น ก่อนกระบี่จะร่วงจากมือของเหยาจินเฉิง

สีหน้าของเหยาจินเฉิงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หมุนกายเตรียมจะเผ่นหนี

ตอนนี้กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ฟางผิงโจมตี

ฟางผิงไม่คิดหยุดดาบในมือ ฟาดลงไปอย่างรวดเร็ว

“ฉึก”

เสียงอาวุธแทงเข้าถึงกระดูกดังขึ้น ฟางผิงไม่หยุดฝีเท้า เตะไปยังหน้าแข้งของอีกฝ่าย เหยาจินเฉิงเสียหลักซวนเซ ก่อนฟางผิงจะวาดดาบฟันลงไปอีกครั้ง

“ฉับ!”

หัวมนุษย์กลิ้งหล่นลงมา

“ฝีมืออ่อนด้อยกว่าสือเฟิง”

ฟางผิงหยิบสือเฟิงมาเปรียบเทียบ หมอนี้ไม่ได้คิดจะสู้สุดชีวิตเหมือนสือเฟิง จัดการฟางผิงไม่ได้ก็คิดเผ่นหนีทันที

แต่ช่วงเวลาสำคัญนี้ ปราณของเขาสู้ฟางผิงไม่ได้ จะหนีพ้นได้ยังไงกัน

ฟางผิงไม่ได้มองเหยาจินเฉิงที่ล้มลงไป หันหน้าไปมองถังซงถิงด้านข้างแทน

ทางถังซงถิงมีผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดสามคน ก่อนหน้านี้มีห้าคน ถูกฟางผิงถีบตายตอนเข้าประตูมาหนึ่งคน ทั้งฟันตายไปอีกคน

สามคนนี้ล้วนอยู่ขั้นหนึ่งหมดเลย

ในนี้คงจะมีจางจื้อเฉียงอยู่ ตอนนี้มีสองคนล้มกับพื้นไปแล้วไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย คนที่ประมือกับถังซงถิงคงจะเป็นจาง

จื้อเฉียงแล้ว

เพราะพวกหวังไหวจิ่นรับภารกิจ ฟางผิงจึงไม่สนใจทำงานฟรีให้พวกเขา เห็นแบบนั้นจึงเอ่ยว่า “ถังซงถิง สลายตัวได้แล้ว!”

“สลายตัว?”

เวลานี้ถังซงถิงเพิ่งมีเวลาสนใจสิ่งรอบกาย รอจนเห็นเหยาจินเฉิงหัวขาดก็ตกใจยกใหญ่

ฟางผิงฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองด้วยตัวคนเดียว?

ทั้งตัวเองยังไม่มีแม้แต่บาดแผล!

เขาตกใจไม่น้อย จางจื้อเฉียงใบหน้าซีดเหมือนกัน ฟางผิงมองไปยังจ้าวเสวี่ยเหมยที่ยืนหน้าประตู “ให้เขาออกไป!”

จางจื้อเฉียงยังคิดว่าตัวเองหูฝาด ก่อนจะได้ยินฟางผิงเอ่ยว่า “ทิ้งยาบำรุงและอาวุธไว้ที่นี่”

จางจื้อเฉียงแทบไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ควักยาบำรุงโยนไว้ที่พื้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนอาวุธยังคงสองจิตสองใจ รอจนถึงหน้าประตู จางจื้อเฉียงค่อยทิ้งอาวุธแล้ววิ่งออกไปข้างนอก

จ้าวเสวี่ยเหมยไม่คิดขัดขวางเช่นกัน รอจนเขาวิ่งไปแล้ว เวลานี้จึงอดมองหน้าฟางผิงไม่ได้ “ตกลงนายปราณเท่าไหร่กันแน่?”

——————–

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 139 ใช้อาวุธอะไรดี (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 139 ใช้อาวุธอะไรดี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 139 ใช้อาวุธอะไรดี (1)

ในตึกร้าง

ถังซงถิงกวาดสายตามอง ก่อนจะลงมือเป็นคนแรก เริ่มเหวี่ยงดาบเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งพวกนั้น

มีผู้ฝึกยุทธ์คิดจะโจมตีฟางผิง เพิ่งจะตามขึ้นมาด้านหน้า กลับถูกฟางผิงวาดดาบออกมา ตัดอีกฝ่ายขาดเป็นสองท่อน!

“พวกนายไปจัดการคนอื่น”

เหยาจินเฉิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตะโกนบอกคนอื่น

เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ก็ขวัญหนีดีฝ่ออยู่บ้างเช่นกัน รีบหลีกทางไปปะทะกับถังซงถิงแทน

ปกติตอนทำภารกิจ ฟางผิงแทบจะไม่พูดจาพร่ำเพรื่อ

ครั้งนี้ฟางผิงกลับถอนหายใจ “พูดจริงนะ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตามลำพัง”

“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้?”

“สายตาไม่เลวนี่”

เหยาจินเฉิงเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “นอกจากขี้ข้าอย่างพวกนาย คงไม่มีคนอื่นแล้ว”

“ขี้ข้า?”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายเรียกว่าสุนัขรับใช้จะดีกว่า แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย จะพูดระคายหูอะไรขนาดนั้น อันที่จริงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจความคิดพวกนาย คงเพราะอยู่ในสังคมที่ไม่ดีสินะ? ต้องปิดบังข้อมูลข่าวสารกับคนธรรมดา ทำใจยอมรับไม่ได้? นายน่าจะรู้นะว่า ครั้งแรกที่ฉันรู้เรื่องพวกนี้ก็กระวนกระวายและหวาดกลัวเหมือนกัน กลัวว่าจะมีวันหนึ่งวันใดที่มาถึงจุดจบของโลก แต่จำเป็นต้องสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนด้วยหรือไง?”

“ถุ้ย พวกนายมีส่วนได้เสียก็ต้องพูดดีเข้าตัวอยู่แล้ว!”

เห็นได้ชัดว่าเหยาจินเฉิงรู้ถึงความนัย เอ่ยด้วยน้ำเสียงครั่นคร้ามว่า “พวกเรายินดีที่จะตายอย่างเปิดเผย ดีกว่าต้องมาตายอย่างไม่รู้อะไร!”

“แต่พวกนายโจมตีคนธรรมดา โจมตีนักเรียน นี่คือความยุติธรรมจากปากของพวกนาย?”

ฟางผิงแค่นหัวเราะ “ถ้าเป็นแค่ปัญหาทางความคิดจริงๆ โทษของพวกนายไม่ถึงกับตายหรอก แต่พวกนายมันบ้าไปแล้ว ฉันได้ยินว่า เพื่อจะประกาศสิ่งที่พวกนายเรียกว่าเกียรติยศ พวกนายถึงกับก่อเหตุสังหารหมู่ขึ้นมาหลายครั้ง…”

“นั่นเป็นพวกคนโง่เขลา…”

ขณะที่ทั้งสองคนคุยกัน ถังซงถิงที่หอบแฮ่กๆ ตะโกนว่า “จะคุยกับพวกบ้านี่ทำไม จัดการพวกเขาแล้วค่อยว่ากัน!”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แค่อยากลองดูว่า พวกเขายังพอมีทางช่วยเหลือหรือเปล่า ตอนนี้ดูท่าคงกู่ไม่กลับแล้ว”

พูดไม่ทันจบ ฟางผิงพลันกระโดดกลางอากาศ หมุนดาบเหวี่ยงเข้าหาอีกฝ่าย!

“เคร้ง!”

เหยาจินเฉิงพกอาวุธเช่นกัน เป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง เวลานี้ชักออกมาต้านไว้

เมื่อปะทะกัน ฟางผิงแววตาเป็นประกายทันที ปราณของอีกฝ่ายสู้เขาไม่ได้

นอกจากเรื่องปราณแล้ว การหลอมกระดูกช่วงบนของอีกฝ่ายก็ไม่เยอะมากเช่นกัน

มีแค่กระดูกบางชิ้นที่หลอมได้ล้ำลึกกว่าฟางผิง ส่วนเรื่องอื่นนั้นสู้ไม่ได้

“สือเฟิงยังแข็งแกร่งเสียกว่า!”

ฟางผิงหัวเราะ ก่อนจะเหวี่ยงดาบโจมตีอีกครั้ง

เหยาจินเฉิงขมวดคิ้วแน่น หมุนกระบี่ขึ้นมาปัดป้อง

“ขั้นสอง?”

เหยาจินเฉิงคาดเดาความสามารถของฟางผิงไม่ถูกอยู่บ้าง นี่มันขั้นสองหรือขั้นหนึ่งกัน?

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสอง ความจริงยังมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

ระดับการหลอมกระดูกสูง กระดูกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียด คนนอกยากที่จะแยกแยะ ผู้ฝึกยุทธ์ยังคงมองออกได้

มองจากภายนอก กระดูกช่วงบนของฟางผิงเหมือนไม่เคยผ่านการหลอมมาก่อน

ในเมื่อเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายคงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง

แต่พลังการโจมตีของฟางผิงไม่อ่อนด้อยเลย อย่างน้อยก็ไม่ด้อยกว่าเขา นี่คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งงั้นเหรอ?

เหยาจินเฉิงสับสนอยู่บ้าง กลับไม่คิดจะประมาท ยังคงโรมรันกับฟางผิงต่อ

ฟางผิงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อีกฝ่ายเหมือนจะฝีมือไม่เท่าไหร่จริงๆ

ไม่หยั่งเชิงอีกต่อไป ฟางผิงหมุนดาบโจมตีอย่างว่องไว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ

มือทั้งสองข้างหมุนดาบ การเคลื่อนไหวที่ฝีเท้ากลับไม่ช้าลงแม้แต่น้อย ฟางผิงใช้เท้าขวาเตะไปยังเหยาจินเฉิงอย่างแรง

เหยาจินเฉิงหลอมกระดูกช่วงล่างนานแล้ว ไม่เกรงกลัวเช่นกัน วาดฝีเท้าออกไปปะทะกับฟางผิง

ฟางผิงยืดปลายเท้าตรงดิ่ง ก่อนจะแทงไปยังกระดูกเข่าของเขา เหยาจินเฉิงรีบใช้เท้าของตัวเองปัดป้อง

เท้าเพิ่งจะปะทะกัน จู่ๆ เหยาจินเฉิงก็ชักเท้ากลับราวกับถูกไฟช็อต ถลึงตามองฟางผิงอย่างโกรธเคือง

ร่างกายมนุษย์เทียบกับโลหะผสมไม่ได้อยู่แล้ว รวมกับฟางผิงใช้การแทงเท้าอย่างชำนาญ ชั่วพริบตาจึงเกือบจะแทงโดนส้นเท้าของเขา

“ฝีมือด้อยกว่าสือเฟิงอยู่บ้างจริงๆ”

ฟางผิงพึมพำ ก่อนจะตะโกนว่า “ดูลูกเตะของฉันไว้!”

เหยาจินเฉิงระวังตัวอย่างยิ่ง ฟังจบจึงมองไปที่ขาของฟางผิงทันที เตรียมจะหลบหลีกจากรองเท้าคู่นั้นของเขา

“ไม่มีไหวพริบการต่อสู้เอาซะเลย!”

ฟางผิงบ่นพร่ำ ไม่คิดจะเตะติดต่อกันออกมา แต่ใช้ดาบฟาดลงมาอย่างแรงแทน

เดิมทีกระบี่ก็ไม่เหมาะจะใช้ต้านรับดาบอยู่แล้ว ปราณของเหยาจินเฉิงยังสู้ฟางผิงไม่ได้อีก ฟางผิงหลอมกระดูกทั่วร่างเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว พลังช่วงบนจึงไม่ด้อยกว่าเขาเลย

เมื่อโจมตีกว่าสิบดาบติดต่อกัน สีหน้าของเหยาจินเฉิงค่อยแดงก่ำขึ้นมา

เวลานี้เหยาจินเฉิงไม่อยากต่อสู้แล้ว เพิ่งคิดจะล่าถอย ฟางผิงกลับพุ่งตัวมาประกบอย่างว่องไว

ฟางผิงที่จวงกงอยู่ขั้นสองนานแล้ว พบว่าช่วงนี้ใช้จวงกงได้ค่อนข้างยอดเยี่ยม อย่างน้อยต่อสู้ประกบคนแทบไม่เป็นปัญหาเลย

ประกบเหยาจินเฉิงได้ ฟางผิงยังคงฟาดดาบอย่างไม่หยุดยั้ง!

เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นไม่ขาดสาย

เหยาจินเฉิงใบหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด เอ่ยอย่างโมโหว่า “ดูสิว่าใครจะพลังหมดก่อนใคร!”

จากพื้นฐานการต่อสู้ เพราะฟางผิงมีรองเท้าโลหะผสม เขาจึงไม่กล้าสู้สุดตัวกับฟางผิง

ดาบกับกระบี่ปะทะกันอยู่ด้านบน พลังของฟางผิงไม่ได้อ่อนด้อย พวกเขาจึงค่อนข้างสูสีกัน

เขาอยากถอย ฟางผิงกลับตามประกบไม่ปล่อย เวลานี้เหยาจินเฉิงทำได้แค่สู้ตัวต่อตัวกับเขา

“ฉันชอบคนอย่างนายจริงๆ!”

ฟางผิงยังมีเวลาว่างมาเอ่ยหยอกเย้า ดาบเหวี่ยงเข้ามาเร็วขึ้นดาบแล้วดาบเล่า โจมตีกระบี่ยาวของอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน

เมื่อปะทะกว่าสิบกระบวนท่า เหยาจินเฉินก็ใบหน้าซีดเผือด

ฟางผิงไม่ได้ดีไปกว่ากัน สิบกระบวนท่านี้ใช้การระเบิดปราณทั้งสิ้น ไม่ใช่การสิ้นเปลืองปราณตามปกติ

ตอนที่เหยาจินเฉิงเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว ฟางผิงก็ไม่ไหวเช่นกัน

เหยาจินเฉิงเห็นฟางผิงที่อยู่ตรงข้ามใบหน้าซีดขาว จึงครุ่นคิดในหัว

อีกเดี๋ยวหมอนี้สิ้นเปลืองปราณเกินพิกัดแล้ว ตัวเองต้องเว้นระยะห่างออกมา แล้ว…

เขาเพิ่งคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ สีหน้าของฟางผิงกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมา

เหยาจินเฉิงแทบจับสังเกตไม่ได้ ครู่ต่อมากลับรับรู้ถึงความผิดปกติ พลังในการลงดาบของฟางผิงรุนแรงยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

“เคร้งๆๆ…”

ครั้งนี้ฟางผิงเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าเดิม

“ทำได้ยังไงกัน!”

“ตกใจหรือเปล่า?”

ฟางผิงเอ่ยยั่วเย้าอีกฝ่าย ไม่เปิดโอกาสให้เขาเอ่ยปาก ปะทุปราณทั้งหมดขึ้นมาอีกครั้ง

เสียงปะทะดาบดังขึ้น ก่อนกระบี่จะร่วงจากมือของเหยาจินเฉิง

สีหน้าของเหยาจินเฉิงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หมุนกายเตรียมจะเผ่นหนี

ตอนนี้กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ฟางผิงโจมตี

ฟางผิงไม่คิดหยุดดาบในมือ ฟาดลงไปอย่างรวดเร็ว

“ฉึก”

เสียงอาวุธแทงเข้าถึงกระดูกดังขึ้น ฟางผิงไม่หยุดฝีเท้า เตะไปยังหน้าแข้งของอีกฝ่าย เหยาจินเฉิงเสียหลักซวนเซ ก่อนฟางผิงจะวาดดาบฟันลงไปอีกครั้ง

“ฉับ!”

หัวมนุษย์กลิ้งหล่นลงมา

“ฝีมืออ่อนด้อยกว่าสือเฟิง”

ฟางผิงหยิบสือเฟิงมาเปรียบเทียบ หมอนี้ไม่ได้คิดจะสู้สุดชีวิตเหมือนสือเฟิง จัดการฟางผิงไม่ได้ก็คิดเผ่นหนีทันที

แต่ช่วงเวลาสำคัญนี้ ปราณของเขาสู้ฟางผิงไม่ได้ จะหนีพ้นได้ยังไงกัน

ฟางผิงไม่ได้มองเหยาจินเฉิงที่ล้มลงไป หันหน้าไปมองถังซงถิงด้านข้างแทน

ทางถังซงถิงมีผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดสามคน ก่อนหน้านี้มีห้าคน ถูกฟางผิงถีบตายตอนเข้าประตูมาหนึ่งคน ทั้งฟันตายไปอีกคน

สามคนนี้ล้วนอยู่ขั้นหนึ่งหมดเลย

ในนี้คงจะมีจางจื้อเฉียงอยู่ ตอนนี้มีสองคนล้มกับพื้นไปแล้วไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย คนที่ประมือกับถังซงถิงคงจะเป็นจาง

จื้อเฉียงแล้ว

เพราะพวกหวังไหวจิ่นรับภารกิจ ฟางผิงจึงไม่สนใจทำงานฟรีให้พวกเขา เห็นแบบนั้นจึงเอ่ยว่า “ถังซงถิง สลายตัวได้แล้ว!”

“สลายตัว?”

เวลานี้ถังซงถิงเพิ่งมีเวลาสนใจสิ่งรอบกาย รอจนเห็นเหยาจินเฉิงหัวขาดก็ตกใจยกใหญ่

ฟางผิงฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองด้วยตัวคนเดียว?

ทั้งตัวเองยังไม่มีแม้แต่บาดแผล!

เขาตกใจไม่น้อย จางจื้อเฉียงใบหน้าซีดเหมือนกัน ฟางผิงมองไปยังจ้าวเสวี่ยเหมยที่ยืนหน้าประตู “ให้เขาออกไป!”

จางจื้อเฉียงยังคิดว่าตัวเองหูฝาด ก่อนจะได้ยินฟางผิงเอ่ยว่า “ทิ้งยาบำรุงและอาวุธไว้ที่นี่”

จางจื้อเฉียงแทบไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ควักยาบำรุงโยนไว้ที่พื้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนอาวุธยังคงสองจิตสองใจ รอจนถึงหน้าประตู จางจื้อเฉียงค่อยทิ้งอาวุธแล้ววิ่งออกไปข้างนอก

จ้าวเสวี่ยเหมยไม่คิดขัดขวางเช่นกัน รอจนเขาวิ่งไปแล้ว เวลานี้จึงอดมองหน้าฟางผิงไม่ได้ “ตกลงนายปราณเท่าไหร่กันแน่?”

——————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+