ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 127 การจัดอันดับ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 127 การจัดอันดับ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 127 การจัดอันดับ (1)

วันต่อมา วันพฤหัสบดี

ตอนเย็นยังคงเป็นคาบเรียนวิชาความรู้ทั่วไปของไป๋รั่วซี

กล่าวว่าวิชาความรู้ทั่วไป ความจริงทุกคนต่างรู้ว่า นี่เป็นความรู้พื้นฐานในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์ที่มหาวิทยาลัยอยากเผยแพร่ให้พวกเขาเข้าใจ

ตึกหก

เย็นวันนี้ไป๋รั่วซีเดินเข้ามาพร้อมเอกสารที่พิมพ์มาหลายแผ่น

พอมาถึงชั้นเรียน ค่อยแจกให้พวกเขาคนละแผ่น

“สิ่งที่พวกเธอได้รับก็คืออันดับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ แน่นอนว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น พื้นที่อื่นๆ ไม่ได้ร่วมสรุปด้วย”

อันที่จริงก่อนหน้านี้ฟางผิงเคยดูอันดับปรมาจารย์ในอินเตอร์เน็ตมาก่อน แต่ในอินเตอร์สรุปอย่างง่ายๆ ทั้งส่วนมากจะเป็นคนในแวดวงธุรกิจ

ได้รับการจัดอันดับแบบใหม่มา ข้อมูลนับว่าแตกต่างกับในอินเตอร์เน็ตอยู่มากทีเดียว

“อันดับปรมาจารย์

อันดับแรก หลี่เจิ้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขั้นเก้า

อันดับสองจางเทา รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา ขั้นเก้า

อันดับสาม เสิ่นเฮ่าเทียน ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางเหนือ ขั้นเก้า

อันดับสี่ เฉินกู่หยาง ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางตะวันออก ขั้นเก้า…”

ฟางผิงกวาดสายตาลวกๆ มึนงงอยู่เล็กน้อย อดกระซิบถามฟู่ชางติ่งที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ “ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังคืออะไร?”

ฟู่ชางติ่งมองเขาอย่างแปลกๆ อยู่บ้าง ผ่านไปพักหนึ่งค่อยอธิบายว่า “นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ที่นี่รัฐบาลส่วนกลางจะรับผิดชอบควบคุมพื้นที่ทั้งหมด รองจากส่วนกลางจะเป็นฝ่ายทหาร ฝ่ายการศึกษาและฝ่ายสืบสวน แม้องค์กรสามแห่งนี้จะถูกเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่ความเป็นจริงกลับมองข้ามไปจุดหนึ่ง! นั่นก็คือผู้ว่ามณฑลของแต่ละแห่ง!”

“ผู้ว่ามณฑลมีอำนาจใหญ่ที่สุดในพื้นที่นั้นๆ อยู่ใต้อำนาจของส่วนกลาง ทั้งตรงกลางนั้นอันที่จริงยังมีองค์กรแห่งหนึ่งที่มีอำนาจอยู่ กองตั้งมั่นเฝ้าระวังสี่ทิศ ปกติผู้บังคับการตั้งมั่นเฝ้าระวังต้องมีหน้าที่หลักคือควบคุมดูแลพื้นที่แต่ละแห่ง นอกจากจะอยู่เหนือกว่าผู้ว่ามณฑล ยังสามารถมองเป็นหน่วยกำกับดูแลได้ แม้กองตั้งมั่นเฝ้าระวังจะมีอำนาจมาก แต่ต้องควบคุมพื้นที่ขอบเขตค่อนข้างกว้าง ไม่อาจพักอยู่ที่ไหนถาวรได้…”

“อย่างนั้นเหรอ?”

ฟางผิงขมวดคิ้ว “ในอินเตอร์เน็ตไม่เห็นมีบอก”

“เป็นเรื่องปกติ ที่จริงกองตั้งมั่นเฝ้าระวังค่อนข้างเก็บตัว พูดจริงนะ คนที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังมีไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตอนนี้พอจะเดาได้บ้างแล้ว กองตั้งมั่นเฝ้าระวังอาจจะรับผิดชอบควบคุมประตูของถ้ำใต้ดินด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยเปิดเผยตัวออกมา”

“กองตั้งมั่นเฝ้าระวังแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?”

ฟางผิงไล่สายตามองสิบอันดับแรกของปรมาจารย์ ผู้บังคับการการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังสี่ทิศอยู่ในนั้นทั้งหมด!

รวมกับหัวหน้าของทั้งสามองค์กรใหญ่ ก็ครองตำแหน่งไปทั้งหมดเจ็ดคนแล้ว

นอกจากนี้ในสิบอันดับ ยังมีสองคนที่อยู่ในส่วนรัฐบาลกลาง แน่นอนว่าไม่มียักษ์ใหญ่ในวงการอยู่ในอันดับต้นๆ เลย ยักษ์ใหญ่ในวงการพวกนั้นไม่ได้ถูกจัดอันดับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีความสามารถธรรมดา แต่ฝีมือควบคุมจัดการโดดเด่น หรือว่าเป็นข้อห้าม ดังนั้นจึงไม่ถูกจัดอันดับ

สรุปแล้ว สิบอันดับแรกแทบไม่เห็นยักษ์ใหญ่ในวงการพวกนั้นเลย สามองค์กรใหญ่ กองตั้งมั่นเฝ้าระวัง และรัฐบาลกลางครองไปเก้าตำแหน่งแล้ว จะเห็นได้ว่าพวกเขาสามารถควบคุมผู้ฝึกยุทธ์ได้มากมาย นี่เพียงพอให้เชื่อถือแล้ว ในสิบอันดับนี้ มีเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่คนของภาครัฐ

“อันดับแปด จ้าวซิ่งอู่ ผู้นำสำนักพันธมิตร”

ฟางผิงมองไปที ก่อนจะเอ่ยอย่างสงสัย “สำนักพันธมิตรคืออะไร?”

ฟู่ชางติ่งยังไม่ทันอ้าปาก ไป๋รั่วซีก็เดินเข้ามาก่อน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ช่วงที่ยังไม่ก่อตั้งสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เมืองหลวง แหล่งถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ ก็คือสำนัก พรรค สมาคมศิลปะการต่อสู้พวกนี้ ภายหลังเกิดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าสำนักพวกนี้เสื่อมกำลังลง แต่สืบทอดมาหลายปีขนาดนี้ จะให้พวกเขาละทิ้งจนหมดสิ้น คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งสำนักก็มีเอกลักษณ์ของสำนักเช่นกัน แม้จะติดเรื่องทรัพยากรและถูกปิดกั้น ทำให้มีศิษย์จำนวนน้อย ความสามารถโดยรวมไม่กล้าแข็ง แต่ยังคงมีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่บ้างเหมือนกัน”

“เบื้องบนจึงก่อตั้งฝ่ายควบคุมสำนักขึ้นมา รวบรวมสำนักพวกนี้ให้อยู่ใต้ระบบควบคุม อันที่จริงสำนักพันธมิตรมีเพื่อทำให้พวกสำนักทั้งหลายมีปากมีเสียงในสังคม ถึงได้สร้างระบบพันธมิตรขึ้นมา ท่านจ้าวซิ่งอู่เป็นผู้นำสำนัก คอยช่วงชิงตำแหน่งและทรัพยากรให้กับสำนัก”

“ผมยังคิดว่าสำนักเสื่อมสลายไปหมดแล้วซะอีก”

ฟางผิงตกใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าสำนักยังคงมีอยู่จนถึงตอนนี้

ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องตกใจหรอก มักจะมีคนหัวโบราณอยู่บ้าง คิดจะทำให้คนอื่นๆ ละทิ้งสำนักที่สืบทอดกันมาหลายปี แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ รัฐบาลไม่ปฏิเสธการมีอยู่ของพวกเขาเช่นกัน ขอเพียงแค่เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม พวกเขาจะทำอะไรล้วนได้ทั้งนั้น ที่จริงสามารถมองพวกเขาเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งได้ ผู้นำสำนักก็มองเป็นอธิการบดี ผู้อาวุโสที่คอยควบคุมดูแล หรือมองเป็นอาจารย์ล้วนได้ทั้งนั้น”

“คนของสำนักแข็งแกร่งหรือเปล่า?”

“ความสามารถธรรมดา”

ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ว่ากันแบบนี้เถอะ ตอนนี้สำนักที่เหลืออยู่มีประมาณยี่สิบสามสิบสำนัก หลักๆ มีเท่าไหร่ ฉันไม่ได้ให้ความสนใจขนาดนั้น ถ้าอีกฝ่ายอยู่รวมกันเป็นพันธมิตร พลังคงไม่อ่อนด้อย เทียบกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ แต่หากอีกฝ่ายอยู่เป็นสำนักเดี่ยวๆ คงไม่มีพลังอะไรมากมาย บางสำนักมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่ง ระดับล่างอีกสี่ห้าคน เธอคิดว่าจะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่กัน? ในสมัยนี้สำนักได้เสื่อมสลายลงเรื่อยๆ หากไม่ใช่ว่ามีผู้นำสำนักจ้าวดูแลอยู่ จำนวนของสำนักคงมีน้อยกว่าปัจจุบันนี้”

ฟางผิงครุ่นคิด รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติ

ในอดีตมีผู้ฝึกยุทธ์น้อย สำนักจึงเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ เป็นชนชั้นระดับพิเศษ

แต่เมื่อมีผู้ฝึกยุทธ์มาก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เยอะขึ้น รัฐบาลกลางควบคุมทั้งประเทศ ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรของการฝึกวิชา หรือทรัพยากรของประชากร สำนักล้วนไม่อาจเทียบได้

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามารถเปิดรับนักเรียนทั่วประเทศ สำนักทำได้หรือเปล่า?

นานวันเข้า สำนักคงต้องเลือนหายไป

ฟางผิงไม่ถามอะไรอีก ไล่สายตาดูข้างล่างต่อ

ในการจัดอันดับ มีบางคนที่เขารู้จักมาก่อน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเหมือนกัน

มีนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในหน่วยทหารและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าฟางผิงเห็นผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักหลายคนอยู่ในการจัดอันดับเช่นกัน

อธิการบดีของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งถูกจัดอยู่ในอันดับที่สามสิบหก เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลาย

ด้านบนชื่อเขายังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลายอยู่สองคน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ประเทศจีนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าทั้งหมดสามสิบสามคน!

นี่เยอะยิ่งกว่าที่ฟางผิงคาดไว้ซะอีก!

อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่สี่สิบเอ็ด เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลายเหมือนกัน

รอจนเกินหนึ่งร้อยอันดับ ฟางผิงค่อยเห็นชื่อพี่หม่าอยู่อันดับที่หนึ่งร้อยสี่

ก่อนหน้านี้การทะลวงขั้นแปดของเขาทำให้มีชื่อเสียงกระจายเป็นวงกว้าง นึกไม่ถึงว่าจะถูกจัดอันดับต่ำกว่าหนึ่งร้อย

การจัดอันดับปรมาจารย์หยุดถึงแค่สามร้อยนิดๆ เท่านั้น

ฟางผิงไม่ได้ไล่มองอย่างละเอียดทุกอันดับ มองลวกๆ แล้วก็ถามฟู่ชางติ่ง “ประเทศจีนมีปรมาจารย์ทั้งหมดสามร้อยกว่าคนเหรอ?”

ฟู่ชางติ่งส่ายหัว “ไม่รู้สิ น่าจะอย่างนั้นมั้ง ไม่แน่ว่าอาจจะเยอะกว่านั้นหน่อย สี่ร้อยห้าร้อยเป็นไปได้ แต่…อาจจะไม่เยอะขนาดนั้นเสมอไปเหมือนกัน ความจริงคนที่ฉันเคยเห็นชื่อยังถือว่าน้อย มีหลายคนที่ฉันไม่รู้จักเลย ฉันเดาว่าพวกเขาอาจจะเฝ้าระวังอยู่ที่ถ้ำใต้ดิน ปรมาจารย์ที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศจริงๆ น่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยคนได้”

ฟางผิงพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาก็คาดการณ์ไว้ที่หนึ่งร้อยคนเหมือนกัน

ปรมาจารย์ที่เคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจ มีประมาณสามสิบคน ทางรัฐบาลมีปรมาจารย์ที่เป็นผู้บังคับการสิบกว่าคน

เวลานี้ฟางผิงเริ่มคาดคะเนจำนวนของปรมาจารย์ทางหน่วยทหารและหน่วยสืบสวน คิดว่ารวมกันแล้วน่าจะมีประมาณสี่สิบห้าสิบคน

บวกกับปรมาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อีก คงจะประมาณหนึ่งร้อยคนแล้ว

ตอนนี้ดูท่าจะประเมินจำนวนปรมาจารย์ในประเทศจีนต่ำไป

———————

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 127 การจัดอันดับ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 127 การจัดอันดับ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 127 การจัดอันดับ (1)

วันต่อมา วันพฤหัสบดี

ตอนเย็นยังคงเป็นคาบเรียนวิชาความรู้ทั่วไปของไป๋รั่วซี

กล่าวว่าวิชาความรู้ทั่วไป ความจริงทุกคนต่างรู้ว่า นี่เป็นความรู้พื้นฐานในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์ที่มหาวิทยาลัยอยากเผยแพร่ให้พวกเขาเข้าใจ

ตึกหก

เย็นวันนี้ไป๋รั่วซีเดินเข้ามาพร้อมเอกสารที่พิมพ์มาหลายแผ่น

พอมาถึงชั้นเรียน ค่อยแจกให้พวกเขาคนละแผ่น

“สิ่งที่พวกเธอได้รับก็คืออันดับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ แน่นอนว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น พื้นที่อื่นๆ ไม่ได้ร่วมสรุปด้วย”

อันที่จริงก่อนหน้านี้ฟางผิงเคยดูอันดับปรมาจารย์ในอินเตอร์เน็ตมาก่อน แต่ในอินเตอร์สรุปอย่างง่ายๆ ทั้งส่วนมากจะเป็นคนในแวดวงธุรกิจ

ได้รับการจัดอันดับแบบใหม่มา ข้อมูลนับว่าแตกต่างกับในอินเตอร์เน็ตอยู่มากทีเดียว

“อันดับปรมาจารย์

อันดับแรก หลี่เจิ้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขั้นเก้า

อันดับสองจางเทา รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา ขั้นเก้า

อันดับสาม เสิ่นเฮ่าเทียน ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางเหนือ ขั้นเก้า

อันดับสี่ เฉินกู่หยาง ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางตะวันออก ขั้นเก้า…”

ฟางผิงกวาดสายตาลวกๆ มึนงงอยู่เล็กน้อย อดกระซิบถามฟู่ชางติ่งที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ “ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังคืออะไร?”

ฟู่ชางติ่งมองเขาอย่างแปลกๆ อยู่บ้าง ผ่านไปพักหนึ่งค่อยอธิบายว่า “นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ที่นี่รัฐบาลส่วนกลางจะรับผิดชอบควบคุมพื้นที่ทั้งหมด รองจากส่วนกลางจะเป็นฝ่ายทหาร ฝ่ายการศึกษาและฝ่ายสืบสวน แม้องค์กรสามแห่งนี้จะถูกเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่ความเป็นจริงกลับมองข้ามไปจุดหนึ่ง! นั่นก็คือผู้ว่ามณฑลของแต่ละแห่ง!”

“ผู้ว่ามณฑลมีอำนาจใหญ่ที่สุดในพื้นที่นั้นๆ อยู่ใต้อำนาจของส่วนกลาง ทั้งตรงกลางนั้นอันที่จริงยังมีองค์กรแห่งหนึ่งที่มีอำนาจอยู่ กองตั้งมั่นเฝ้าระวังสี่ทิศ ปกติผู้บังคับการตั้งมั่นเฝ้าระวังต้องมีหน้าที่หลักคือควบคุมดูแลพื้นที่แต่ละแห่ง นอกจากจะอยู่เหนือกว่าผู้ว่ามณฑล ยังสามารถมองเป็นหน่วยกำกับดูแลได้ แม้กองตั้งมั่นเฝ้าระวังจะมีอำนาจมาก แต่ต้องควบคุมพื้นที่ขอบเขตค่อนข้างกว้าง ไม่อาจพักอยู่ที่ไหนถาวรได้…”

“อย่างนั้นเหรอ?”

ฟางผิงขมวดคิ้ว “ในอินเตอร์เน็ตไม่เห็นมีบอก”

“เป็นเรื่องปกติ ที่จริงกองตั้งมั่นเฝ้าระวังค่อนข้างเก็บตัว พูดจริงนะ คนที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังมีไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตอนนี้พอจะเดาได้บ้างแล้ว กองตั้งมั่นเฝ้าระวังอาจจะรับผิดชอบควบคุมประตูของถ้ำใต้ดินด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยเปิดเผยตัวออกมา”

“กองตั้งมั่นเฝ้าระวังแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?”

ฟางผิงไล่สายตามองสิบอันดับแรกของปรมาจารย์ ผู้บังคับการการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังสี่ทิศอยู่ในนั้นทั้งหมด!

รวมกับหัวหน้าของทั้งสามองค์กรใหญ่ ก็ครองตำแหน่งไปทั้งหมดเจ็ดคนแล้ว

นอกจากนี้ในสิบอันดับ ยังมีสองคนที่อยู่ในส่วนรัฐบาลกลาง แน่นอนว่าไม่มียักษ์ใหญ่ในวงการอยู่ในอันดับต้นๆ เลย ยักษ์ใหญ่ในวงการพวกนั้นไม่ได้ถูกจัดอันดับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีความสามารถธรรมดา แต่ฝีมือควบคุมจัดการโดดเด่น หรือว่าเป็นข้อห้าม ดังนั้นจึงไม่ถูกจัดอันดับ

สรุปแล้ว สิบอันดับแรกแทบไม่เห็นยักษ์ใหญ่ในวงการพวกนั้นเลย สามองค์กรใหญ่ กองตั้งมั่นเฝ้าระวัง และรัฐบาลกลางครองไปเก้าตำแหน่งแล้ว จะเห็นได้ว่าพวกเขาสามารถควบคุมผู้ฝึกยุทธ์ได้มากมาย นี่เพียงพอให้เชื่อถือแล้ว ในสิบอันดับนี้ มีเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่คนของภาครัฐ

“อันดับแปด จ้าวซิ่งอู่ ผู้นำสำนักพันธมิตร”

ฟางผิงมองไปที ก่อนจะเอ่ยอย่างสงสัย “สำนักพันธมิตรคืออะไร?”

ฟู่ชางติ่งยังไม่ทันอ้าปาก ไป๋รั่วซีก็เดินเข้ามาก่อน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ช่วงที่ยังไม่ก่อตั้งสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เมืองหลวง แหล่งถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ ก็คือสำนัก พรรค สมาคมศิลปะการต่อสู้พวกนี้ ภายหลังเกิดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าสำนักพวกนี้เสื่อมกำลังลง แต่สืบทอดมาหลายปีขนาดนี้ จะให้พวกเขาละทิ้งจนหมดสิ้น คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งสำนักก็มีเอกลักษณ์ของสำนักเช่นกัน แม้จะติดเรื่องทรัพยากรและถูกปิดกั้น ทำให้มีศิษย์จำนวนน้อย ความสามารถโดยรวมไม่กล้าแข็ง แต่ยังคงมีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่บ้างเหมือนกัน”

“เบื้องบนจึงก่อตั้งฝ่ายควบคุมสำนักขึ้นมา รวบรวมสำนักพวกนี้ให้อยู่ใต้ระบบควบคุม อันที่จริงสำนักพันธมิตรมีเพื่อทำให้พวกสำนักทั้งหลายมีปากมีเสียงในสังคม ถึงได้สร้างระบบพันธมิตรขึ้นมา ท่านจ้าวซิ่งอู่เป็นผู้นำสำนัก คอยช่วงชิงตำแหน่งและทรัพยากรให้กับสำนัก”

“ผมยังคิดว่าสำนักเสื่อมสลายไปหมดแล้วซะอีก”

ฟางผิงตกใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าสำนักยังคงมีอยู่จนถึงตอนนี้

ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องตกใจหรอก มักจะมีคนหัวโบราณอยู่บ้าง คิดจะทำให้คนอื่นๆ ละทิ้งสำนักที่สืบทอดกันมาหลายปี แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ รัฐบาลไม่ปฏิเสธการมีอยู่ของพวกเขาเช่นกัน ขอเพียงแค่เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม พวกเขาจะทำอะไรล้วนได้ทั้งนั้น ที่จริงสามารถมองพวกเขาเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งได้ ผู้นำสำนักก็มองเป็นอธิการบดี ผู้อาวุโสที่คอยควบคุมดูแล หรือมองเป็นอาจารย์ล้วนได้ทั้งนั้น”

“คนของสำนักแข็งแกร่งหรือเปล่า?”

“ความสามารถธรรมดา”

ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ว่ากันแบบนี้เถอะ ตอนนี้สำนักที่เหลืออยู่มีประมาณยี่สิบสามสิบสำนัก หลักๆ มีเท่าไหร่ ฉันไม่ได้ให้ความสนใจขนาดนั้น ถ้าอีกฝ่ายอยู่รวมกันเป็นพันธมิตร พลังคงไม่อ่อนด้อย เทียบกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ แต่หากอีกฝ่ายอยู่เป็นสำนักเดี่ยวๆ คงไม่มีพลังอะไรมากมาย บางสำนักมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่ง ระดับล่างอีกสี่ห้าคน เธอคิดว่าจะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่กัน? ในสมัยนี้สำนักได้เสื่อมสลายลงเรื่อยๆ หากไม่ใช่ว่ามีผู้นำสำนักจ้าวดูแลอยู่ จำนวนของสำนักคงมีน้อยกว่าปัจจุบันนี้”

ฟางผิงครุ่นคิด รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติ

ในอดีตมีผู้ฝึกยุทธ์น้อย สำนักจึงเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ เป็นชนชั้นระดับพิเศษ

แต่เมื่อมีผู้ฝึกยุทธ์มาก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เยอะขึ้น รัฐบาลกลางควบคุมทั้งประเทศ ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรของการฝึกวิชา หรือทรัพยากรของประชากร สำนักล้วนไม่อาจเทียบได้

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามารถเปิดรับนักเรียนทั่วประเทศ สำนักทำได้หรือเปล่า?

นานวันเข้า สำนักคงต้องเลือนหายไป

ฟางผิงไม่ถามอะไรอีก ไล่สายตาดูข้างล่างต่อ

ในการจัดอันดับ มีบางคนที่เขารู้จักมาก่อน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเหมือนกัน

มีนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในหน่วยทหารและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าฟางผิงเห็นผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักหลายคนอยู่ในการจัดอันดับเช่นกัน

อธิการบดีของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งถูกจัดอยู่ในอันดับที่สามสิบหก เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลาย

ด้านบนชื่อเขายังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลายอยู่สองคน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ประเทศจีนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าทั้งหมดสามสิบสามคน!

นี่เยอะยิ่งกว่าที่ฟางผิงคาดไว้ซะอีก!

อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่สี่สิบเอ็ด เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลายเหมือนกัน

รอจนเกินหนึ่งร้อยอันดับ ฟางผิงค่อยเห็นชื่อพี่หม่าอยู่อันดับที่หนึ่งร้อยสี่

ก่อนหน้านี้การทะลวงขั้นแปดของเขาทำให้มีชื่อเสียงกระจายเป็นวงกว้าง นึกไม่ถึงว่าจะถูกจัดอันดับต่ำกว่าหนึ่งร้อย

การจัดอันดับปรมาจารย์หยุดถึงแค่สามร้อยนิดๆ เท่านั้น

ฟางผิงไม่ได้ไล่มองอย่างละเอียดทุกอันดับ มองลวกๆ แล้วก็ถามฟู่ชางติ่ง “ประเทศจีนมีปรมาจารย์ทั้งหมดสามร้อยกว่าคนเหรอ?”

ฟู่ชางติ่งส่ายหัว “ไม่รู้สิ น่าจะอย่างนั้นมั้ง ไม่แน่ว่าอาจจะเยอะกว่านั้นหน่อย สี่ร้อยห้าร้อยเป็นไปได้ แต่…อาจจะไม่เยอะขนาดนั้นเสมอไปเหมือนกัน ความจริงคนที่ฉันเคยเห็นชื่อยังถือว่าน้อย มีหลายคนที่ฉันไม่รู้จักเลย ฉันเดาว่าพวกเขาอาจจะเฝ้าระวังอยู่ที่ถ้ำใต้ดิน ปรมาจารย์ที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศจริงๆ น่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยคนได้”

ฟางผิงพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาก็คาดการณ์ไว้ที่หนึ่งร้อยคนเหมือนกัน

ปรมาจารย์ที่เคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจ มีประมาณสามสิบคน ทางรัฐบาลมีปรมาจารย์ที่เป็นผู้บังคับการสิบกว่าคน

เวลานี้ฟางผิงเริ่มคาดคะเนจำนวนของปรมาจารย์ทางหน่วยทหารและหน่วยสืบสวน คิดว่ารวมกันแล้วน่าจะมีประมาณสี่สิบห้าสิบคน

บวกกับปรมาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อีก คงจะประมาณหนึ่งร้อยคนแล้ว

ตอนนี้ดูท่าจะประเมินจำนวนปรมาจารย์ในประเทศจีนต่ำไป

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 127 การจัดอันดับ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 127 การจัดอันดับ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 127 การจัดอันดับ (1)

วันต่อมา วันพฤหัสบดี

ตอนเย็นยังคงเป็นคาบเรียนวิชาความรู้ทั่วไปของไป๋รั่วซี

กล่าวว่าวิชาความรู้ทั่วไป ความจริงทุกคนต่างรู้ว่า นี่เป็นความรู้พื้นฐานในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์ที่มหาวิทยาลัยอยากเผยแพร่ให้พวกเขาเข้าใจ

ตึกหก

เย็นวันนี้ไป๋รั่วซีเดินเข้ามาพร้อมเอกสารที่พิมพ์มาหลายแผ่น

พอมาถึงชั้นเรียน ค่อยแจกให้พวกเขาคนละแผ่น

“สิ่งที่พวกเธอได้รับก็คืออันดับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ แน่นอนว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น พื้นที่อื่นๆ ไม่ได้ร่วมสรุปด้วย”

อันที่จริงก่อนหน้านี้ฟางผิงเคยดูอันดับปรมาจารย์ในอินเตอร์เน็ตมาก่อน แต่ในอินเตอร์สรุปอย่างง่ายๆ ทั้งส่วนมากจะเป็นคนในแวดวงธุรกิจ

ได้รับการจัดอันดับแบบใหม่มา ข้อมูลนับว่าแตกต่างกับในอินเตอร์เน็ตอยู่มากทีเดียว

“อันดับปรมาจารย์

อันดับแรก หลี่เจิ้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขั้นเก้า

อันดับสองจางเทา รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา ขั้นเก้า

อันดับสาม เสิ่นเฮ่าเทียน ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางเหนือ ขั้นเก้า

อันดับสี่ เฉินกู่หยาง ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางตะวันออก ขั้นเก้า…”

ฟางผิงกวาดสายตาลวกๆ มึนงงอยู่เล็กน้อย อดกระซิบถามฟู่ชางติ่งที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ “ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังคืออะไร?”

ฟู่ชางติ่งมองเขาอย่างแปลกๆ อยู่บ้าง ผ่านไปพักหนึ่งค่อยอธิบายว่า “นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ที่นี่รัฐบาลส่วนกลางจะรับผิดชอบควบคุมพื้นที่ทั้งหมด รองจากส่วนกลางจะเป็นฝ่ายทหาร ฝ่ายการศึกษาและฝ่ายสืบสวน แม้องค์กรสามแห่งนี้จะถูกเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่ความเป็นจริงกลับมองข้ามไปจุดหนึ่ง! นั่นก็คือผู้ว่ามณฑลของแต่ละแห่ง!”

“ผู้ว่ามณฑลมีอำนาจใหญ่ที่สุดในพื้นที่นั้นๆ อยู่ใต้อำนาจของส่วนกลาง ทั้งตรงกลางนั้นอันที่จริงยังมีองค์กรแห่งหนึ่งที่มีอำนาจอยู่ กองตั้งมั่นเฝ้าระวังสี่ทิศ ปกติผู้บังคับการตั้งมั่นเฝ้าระวังต้องมีหน้าที่หลักคือควบคุมดูแลพื้นที่แต่ละแห่ง นอกจากจะอยู่เหนือกว่าผู้ว่ามณฑล ยังสามารถมองเป็นหน่วยกำกับดูแลได้ แม้กองตั้งมั่นเฝ้าระวังจะมีอำนาจมาก แต่ต้องควบคุมพื้นที่ขอบเขตค่อนข้างกว้าง ไม่อาจพักอยู่ที่ไหนถาวรได้…”

“อย่างนั้นเหรอ?”

ฟางผิงขมวดคิ้ว “ในอินเตอร์เน็ตไม่เห็นมีบอก”

“เป็นเรื่องปกติ ที่จริงกองตั้งมั่นเฝ้าระวังค่อนข้างเก็บตัว พูดจริงนะ คนที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังมีไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตอนนี้พอจะเดาได้บ้างแล้ว กองตั้งมั่นเฝ้าระวังอาจจะรับผิดชอบควบคุมประตูของถ้ำใต้ดินด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยเปิดเผยตัวออกมา”

“กองตั้งมั่นเฝ้าระวังแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?”

ฟางผิงไล่สายตามองสิบอันดับแรกของปรมาจารย์ ผู้บังคับการการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังสี่ทิศอยู่ในนั้นทั้งหมด!

รวมกับหัวหน้าของทั้งสามองค์กรใหญ่ ก็ครองตำแหน่งไปทั้งหมดเจ็ดคนแล้ว

นอกจากนี้ในสิบอันดับ ยังมีสองคนที่อยู่ในส่วนรัฐบาลกลาง แน่นอนว่าไม่มียักษ์ใหญ่ในวงการอยู่ในอันดับต้นๆ เลย ยักษ์ใหญ่ในวงการพวกนั้นไม่ได้ถูกจัดอันดับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีความสามารถธรรมดา แต่ฝีมือควบคุมจัดการโดดเด่น หรือว่าเป็นข้อห้าม ดังนั้นจึงไม่ถูกจัดอันดับ

สรุปแล้ว สิบอันดับแรกแทบไม่เห็นยักษ์ใหญ่ในวงการพวกนั้นเลย สามองค์กรใหญ่ กองตั้งมั่นเฝ้าระวัง และรัฐบาลกลางครองไปเก้าตำแหน่งแล้ว จะเห็นได้ว่าพวกเขาสามารถควบคุมผู้ฝึกยุทธ์ได้มากมาย นี่เพียงพอให้เชื่อถือแล้ว ในสิบอันดับนี้ มีเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่คนของภาครัฐ

“อันดับแปด จ้าวซิ่งอู่ ผู้นำสำนักพันธมิตร”

ฟางผิงมองไปที ก่อนจะเอ่ยอย่างสงสัย “สำนักพันธมิตรคืออะไร?”

ฟู่ชางติ่งยังไม่ทันอ้าปาก ไป๋รั่วซีก็เดินเข้ามาก่อน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ช่วงที่ยังไม่ก่อตั้งสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เมืองหลวง แหล่งถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ ก็คือสำนัก พรรค สมาคมศิลปะการต่อสู้พวกนี้ ภายหลังเกิดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าสำนักพวกนี้เสื่อมกำลังลง แต่สืบทอดมาหลายปีขนาดนี้ จะให้พวกเขาละทิ้งจนหมดสิ้น คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งสำนักก็มีเอกลักษณ์ของสำนักเช่นกัน แม้จะติดเรื่องทรัพยากรและถูกปิดกั้น ทำให้มีศิษย์จำนวนน้อย ความสามารถโดยรวมไม่กล้าแข็ง แต่ยังคงมีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่บ้างเหมือนกัน”

“เบื้องบนจึงก่อตั้งฝ่ายควบคุมสำนักขึ้นมา รวบรวมสำนักพวกนี้ให้อยู่ใต้ระบบควบคุม อันที่จริงสำนักพันธมิตรมีเพื่อทำให้พวกสำนักทั้งหลายมีปากมีเสียงในสังคม ถึงได้สร้างระบบพันธมิตรขึ้นมา ท่านจ้าวซิ่งอู่เป็นผู้นำสำนัก คอยช่วงชิงตำแหน่งและทรัพยากรให้กับสำนัก”

“ผมยังคิดว่าสำนักเสื่อมสลายไปหมดแล้วซะอีก”

ฟางผิงตกใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าสำนักยังคงมีอยู่จนถึงตอนนี้

ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องตกใจหรอก มักจะมีคนหัวโบราณอยู่บ้าง คิดจะทำให้คนอื่นๆ ละทิ้งสำนักที่สืบทอดกันมาหลายปี แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ รัฐบาลไม่ปฏิเสธการมีอยู่ของพวกเขาเช่นกัน ขอเพียงแค่เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม พวกเขาจะทำอะไรล้วนได้ทั้งนั้น ที่จริงสามารถมองพวกเขาเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งได้ ผู้นำสำนักก็มองเป็นอธิการบดี ผู้อาวุโสที่คอยควบคุมดูแล หรือมองเป็นอาจารย์ล้วนได้ทั้งนั้น”

“คนของสำนักแข็งแกร่งหรือเปล่า?”

“ความสามารถธรรมดา”

ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ว่ากันแบบนี้เถอะ ตอนนี้สำนักที่เหลืออยู่มีประมาณยี่สิบสามสิบสำนัก หลักๆ มีเท่าไหร่ ฉันไม่ได้ให้ความสนใจขนาดนั้น ถ้าอีกฝ่ายอยู่รวมกันเป็นพันธมิตร พลังคงไม่อ่อนด้อย เทียบกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ แต่หากอีกฝ่ายอยู่เป็นสำนักเดี่ยวๆ คงไม่มีพลังอะไรมากมาย บางสำนักมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่ง ระดับล่างอีกสี่ห้าคน เธอคิดว่าจะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่กัน? ในสมัยนี้สำนักได้เสื่อมสลายลงเรื่อยๆ หากไม่ใช่ว่ามีผู้นำสำนักจ้าวดูแลอยู่ จำนวนของสำนักคงมีน้อยกว่าปัจจุบันนี้”

ฟางผิงครุ่นคิด รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติ

ในอดีตมีผู้ฝึกยุทธ์น้อย สำนักจึงเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ เป็นชนชั้นระดับพิเศษ

แต่เมื่อมีผู้ฝึกยุทธ์มาก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เยอะขึ้น รัฐบาลกลางควบคุมทั้งประเทศ ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรของการฝึกวิชา หรือทรัพยากรของประชากร สำนักล้วนไม่อาจเทียบได้

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามารถเปิดรับนักเรียนทั่วประเทศ สำนักทำได้หรือเปล่า?

นานวันเข้า สำนักคงต้องเลือนหายไป

ฟางผิงไม่ถามอะไรอีก ไล่สายตาดูข้างล่างต่อ

ในการจัดอันดับ มีบางคนที่เขารู้จักมาก่อน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเหมือนกัน

มีนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในหน่วยทหารและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าฟางผิงเห็นผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักหลายคนอยู่ในการจัดอันดับเช่นกัน

อธิการบดีของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งถูกจัดอยู่ในอันดับที่สามสิบหก เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลาย

ด้านบนชื่อเขายังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลายอยู่สองคน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ประเทศจีนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าทั้งหมดสามสิบสามคน!

นี่เยอะยิ่งกว่าที่ฟางผิงคาดไว้ซะอีก!

อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่สี่สิบเอ็ด เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลายเหมือนกัน

รอจนเกินหนึ่งร้อยอันดับ ฟางผิงค่อยเห็นชื่อพี่หม่าอยู่อันดับที่หนึ่งร้อยสี่

ก่อนหน้านี้การทะลวงขั้นแปดของเขาทำให้มีชื่อเสียงกระจายเป็นวงกว้าง นึกไม่ถึงว่าจะถูกจัดอันดับต่ำกว่าหนึ่งร้อย

การจัดอันดับปรมาจารย์หยุดถึงแค่สามร้อยนิดๆ เท่านั้น

ฟางผิงไม่ได้ไล่มองอย่างละเอียดทุกอันดับ มองลวกๆ แล้วก็ถามฟู่ชางติ่ง “ประเทศจีนมีปรมาจารย์ทั้งหมดสามร้อยกว่าคนเหรอ?”

ฟู่ชางติ่งส่ายหัว “ไม่รู้สิ น่าจะอย่างนั้นมั้ง ไม่แน่ว่าอาจจะเยอะกว่านั้นหน่อย สี่ร้อยห้าร้อยเป็นไปได้ แต่…อาจจะไม่เยอะขนาดนั้นเสมอไปเหมือนกัน ความจริงคนที่ฉันเคยเห็นชื่อยังถือว่าน้อย มีหลายคนที่ฉันไม่รู้จักเลย ฉันเดาว่าพวกเขาอาจจะเฝ้าระวังอยู่ที่ถ้ำใต้ดิน ปรมาจารย์ที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศจริงๆ น่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยคนได้”

ฟางผิงพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาก็คาดการณ์ไว้ที่หนึ่งร้อยคนเหมือนกัน

ปรมาจารย์ที่เคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจ มีประมาณสามสิบคน ทางรัฐบาลมีปรมาจารย์ที่เป็นผู้บังคับการสิบกว่าคน

เวลานี้ฟางผิงเริ่มคาดคะเนจำนวนของปรมาจารย์ทางหน่วยทหารและหน่วยสืบสวน คิดว่ารวมกันแล้วน่าจะมีประมาณสี่สิบห้าสิบคน

บวกกับปรมาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อีก คงจะประมาณหนึ่งร้อยคนแล้ว

ตอนนี้ดูท่าจะประเมินจำนวนปรมาจารย์ในประเทศจีนต่ำไป

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+