ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 290-2 ชีวิตมีขึ้นมีลง (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 290-2 ชีวิตมีขึ้นมีลง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 290 ชีวิตมีขึ้นมีลง (2)

“เรื่องที่สอง ขึ้นชื่อว่าเป็นนักศึกษาใหม่ นอกจากพวกนายต้องฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังต้องเรียนวิชาทั่วไป รวมถึงต้องทำคุณูปการช่วยเหลือมหาวิทยาลัยด้วย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์และไม่เอาการเอางาน ช่วยเหลือยังไง? ง่ายๆ หลังจากนี้งานทำความสะอาด วิ่งเต้นเรื่องต่างๆ ของมหาวิทยาลัยจะอยู่ในความรับผิดชอบของนักศึกษาใหม่ พนักงานผู้รับหน้าที่ก่อนหน้านี้จะถูกถอดออกเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของมหาวิทยาลัย”

“เรื่องที่สาม ตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะก่อตั้งคลาสหัวกะทิอย่างเป็นทางการ ไม่เหมือนคลาสฝึกพิเศษเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่เป็นคลาสหัวกะทิจริงๆ จะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไป สมาชิกคลาสหัวกะทิสามารถไม่ทำภารกิจในเรื่องที่สองได้ ทั้งจะได้คะแนนและอภิสิทธิ์ที่มากกว่า สมาชิกคลาสหัวกะทิจำกัดที่หนึ่งร้อยคน! พวกนายสามารถท้าประลอง แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อช่วงชิงตำแหน่งของสมาชิกคลาสหัวกะทิได้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะตั้งการจัดอันดับพลังต่อสู้ของนักศึกษาใหม่ขึ้นมา หนึ่งร้อยอันดับแรกก็คือสมาชิกคลาสหัวกะทิ ง่ายๆ แบบนี้แหละ”

“อีกอย่าง รุ่นนี้มีนักศึกษาทั้งหมดหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบหกคน ฉันไม่ชอบเลขนี้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะดำเนินการคัดคนรั้งท้ายออก การจัดอันดับจะเปลี่ยนแปลงใหม่ทุกเดือน ผู้ที่ถูกจัดในอันดับสิบคนสุดท้ายสามครั้งติดต่อกัน ไม่ต้องรอถึงปีหน้าแล้ว ปีนี้ก็กลับบ้านไปได้เลย จำนวนเกือบสองพันคน นี่ถือเป็นรุ่นหนึ่งที่เยอะที่สุดในประวัติการณ์ ฉันหวังว่าจะคัดออกไปส่วนหนึ่งเพื่อประหยัดทรัพยากรให้มากขึ้นได้ หวังว่าพวกนายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง แม้ว่าจะคัดออกไม่กี่ครั้ง แต่ฉันคิดว่าตัวเลขหนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบแปดนั้นไม่เลวเลย แน่นอนว่าตัวเลขนี้อาจต้องรอถึงปีหน้าเช่นกัน เรื่องที่สี่ ก่อนหน้านี้การเลือกอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นแบบเลือกทั้งสองฝ่าย นายเลือกอาจารย์ อาจารย์เลือกนาย แต่ว่ารุ่นนี้จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป ใครไม่ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จะไม่จัดสรรอาจารย์ให้ เรียนเป็นคลาสรวม รอพวกนายกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ถึงจะมีสิทธิ์ไปเลือกอาจารย์!”

ด้านล่างเวทีมีความโกลาหลอยู่บ้าง

ไม่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อาจารย์ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเหมือนกันงั้นเหรอ?

พวกฟู่ชางติ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้ฟางผิงไม่เคยพูดมาก่อน ทั้งไม่ได้แจ้งกับมหาวิทยาลัยด้วย

ฟางผิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เหตุผลที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

อาจารย์ระดับกลางในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีไม่ถึงสามร้อยคน

อาจารย์พวกนี้มีลูกศิษย์กันทุกคน มากสุดสิบกว่าคน น้อยสุดก็เจ็ดแปดคนแล้ว

นักศึกษาใหม่มีจำนวนเกือบสองพันคน มีอาจารย์ให้ทุกคนเลือกเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน

“พรุ่งนี้จะทำการแบ่งสาขา เมื่อก่อนเลือกสาขาแล้ว จะมีโอกาสเลือกอาจารย์หนึ่งครั้ง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แน่นอนว่านักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามารถเลือกอาจารย์ได้ เรื่องนี้จะพูดวันพรุ่งนี้อีกที”

“สุดท้ายอยากจะเตือนทุกคนอีกหนึ่งประโยค เวลาไม่เคยรอใคร พยายามช่วงชิงเวลาและโอกาสทั้งหมด อย่าให้ตัวเองต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

ฟางผิงสนุกสนานกับการเป็นผู้นำอย่างยิ่ง ร่ำรี้ร่ำไรกว่าครึ่งชั่วโมง เวลานี้ค่อยประกาศแยกย้าย

ด้านพวกนักศึกษาใหม่ต่างเผยสีหน้าหนักอึ้ง

เปิดเทอมวันแรก พวกอาจารย์ยังไม่ปรากฏตัว พวกรุ่นพี่ก็อวดเบ่งอำนาจกับพวกเขาอย่างเต็มที่แล้ว

รอนักศึกษาใหม่ค่อยๆ แยกย้ายออกจากสนามไป ฟางผิงค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มขึ้นมา “รู้สึกดีจริงๆ!”

ทุกคนพากันกลอกตา

หลิวเมิ่งเหยาอมยิ้มว่า “ประธาน เรื่องคลาสหัวกะทิและเรื่องที่เลือกอาจารย์ นายแจ้งกับมหาวิทยาลัยหรือยัง?”ไอรีนโนเวล

“เคยพูดไปครั้งหนึ่งแล้ว มหาวิทยาลัยไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องสนใจพวกเขา”

ฟางผิงส่ายหัวว่า “การแข่งขันในเซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยมีความกดดัน แม้ว่าฉันไม่อยากทุกคนลงถ้ำไปตาย แต่ความกดดันที่เหมาะสมควรจะมอบให้พวกเขาเหมือนกัน กำจัดพวกรั้งท้าย ต้องบังคับใช้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน! เชือดไก่ให้ลิงดู เตะออกไปสอนเป็นบทเรียนให้ทุกคนสักหน่อย ตั้งการจัดอันดับก็เพื่อให้ทุกคนมีแรงกระตุ้นยิ่งขึ้น ส่วนคะแนนรางวัลมาจากไหน ฉันจะยื่นเรื่องขอมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่ง คะแนนที่หักจากนักศึกษาคนอื่นในครั้งนี้จะใช้กับตรงนี้เช่นกัน อีกอย่างหากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มีเหลือ สามารถนำมาสมทบส่วนหนึ่งได้”

“รุ่นของพวกเราปีก่อนพวกนายคงเห็นแล้ว คนจากคลาสฝึกพิเศษก้าวหน้าเร็วกว่าคนอื่น แต่คลาสฝึกพิเศษเป็นการเลือกตายตัว เข้าคลาสฝึกพิเศษแล้ว คนอื่นๆ หลังจากนี้ก็ไม่มีโอกาสอีก แต่คลาสหัวกะทิ ฉันอยากให้โอกาสเข้าร่วมกับทุกคน ขอแค่นายพยายาม นายมีพรสวรรค์ นายก็สามารถตามมาชนะทีหลังได้ ส่วนทรัพยากรฝึกวิชาต้องช่วงชิงเอง ฉันเตรียมเปิดระบบภารกิจให้นักศึกษาทุกคนแล้ว จะง่ายหรือยากให้ทุกคนเลือกได้ตามใจ รวมถึงระบบยืมคะแนน ฉันวางแผนจะไปยื่นขอโควต้ากับมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งเช่นกัน มอบโอกาสให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น ถ้าพวกเขายังคว้าโอกาสเองไม่ได้ คงโทษคนอื่นไม่ได้แล้ว”

ทุกคนต่างพยักหน้า อยากแข็งแกร่งขึ้น ทายาทผู้ฝึกยุทธ์รุ่นสองมีโอกาส ผู้ที่มีฐานะทางบ้านธรรมดาก็มีโอกาส ขึ้นอยู่ที่ตัวเองเท่านั้นว่าจะทำหรือไม่ทำ

ภารกิจง่ายๆ บางส่วน รวมถึงระบบกู้ยืม ฟางผิงค่อนข้างลำเอียงให้นักศึกษาที่ฐานะยากจนกว่าอยู่แล้ว

ฟางผิงพูดเรื่องพวกนี้คร่าวๆ ก่อนจะมองไปยังคนอื่น “พวกนายก็อย่าประมาทเหมือนกัน เป็นผู้นำไม่ได้หมายความว่าพวกเราแข็งแกร่งหรือเหนือกว่านักศึกษาใหม่พวกนี้อย่างแท้จริง หากถูกนักศึกษาใหม่ล้ำหน้า นั่นก็เป็นปัญหาของพวกเราแล้ว เหมือนฉัน ปีก่อนเป็นแค่นักศึกษาใหม่ ปีนี้กลับได้เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์…”

ทุกคนไร้คำพูดจะโต้ตอบ นักศึกษาปีสามปีสี่หลายคนต่างจนใจอยู่บ้าง อย่าเอามาตรฐานของนายมาใช้กับทุกคนได้หรือเปล่า?

วันที่ 2 กันยายน นักศึกษาใหม่เริ่มการแบ่งสาขา

นักศึกษาใหม่ปี 2009 แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนจริงๆ

ผู้ฝึกยุทธ์มีเกือบหนึ่งร้อยคน

รุ่นของฟางผิงมีแค่หกสิบคนเท่านั้น

ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง รวมถึงคนธรรมดาที่หลอมกระดูกสองครั้งมีทั้งหมดสิบสี่คน เยอะกว่ารุ่นที่แล้วเช่นกัน

ในนั้นนักศึกษาบางคนที่อยู่ในอันดับต้นๆ มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายอยู่หลายคน

แต่ปีก่อนส่วนมากเป็นขั้นหนึ่งตอนกลางเท่านั้น

“แข็งแกร่งขึ้นรุ่นแล้วรุ่นเล่าจริงๆ ตอนนี้พวกหนุ่มสาวนับวันก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ!”

ชั้นบนสุดของตึกฝึกซ้อม ตอนที่ฟางผิงทำท่าถอนหายใจเหมือนคนแก่ อาจารย์ที่อยู่ด้านข้างหลายคน รวมถึงปรมาจารย์อีกสองคนต่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง

เจ้าเด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นอธิการบดีไปแล้วหรือไง

นายเพิ่งจะอายุกี่ปีเอง?

พูดแล้วก็แค่ปีสองเท่านั้น นักศึกษาใหม่บางคนยังอายุเยอะกว่าฟางผิงด้วยซ้ำ

ตอนนี้กลับยิ่งแล้วใหญ่ เขาเป็นฝ่ายทอดถอนหายใจซะเอง นี่จะให้อาจารย์ที่อยู่ด้านข้างรับได้ยังไงกัน

ถังเฟิงอดชำเลืองมองฟางผิงไม่ได้ ฟางผิงเอ่ยเบาๆ “ผมได้ยินว่าถังเหวิน นักศึกษาใหม่ที่ได้อันดับหนึ่งคนนั้นเป็นลูกสาวของอาจารย์คนไหนสักคนในมหาวิทยาลัย เพื่อไม่ให้อาจารย์ใช้หน้าที่หาผลโยชน์ให้กับตัวเอง ผมแนะนำให้ถังเหวินเข้าสาขาอื่น อย่าเข้าสาขายุทโธปกรณ์จะดีกว่า!”

“ฟางผิง!”

ถังเฟิงใบหน้าดำคล้ำ!

เจ้าเด็กนี้ยุ่งย่ามมาถึงฉันแล้ว!

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คณบดีถัง ผมไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใคร พูดตามตรง ไม่ให้เข้าสาขายุทโธปกรณ์ก็เพราะหวังดีต่อถังเหวิน สาขาสังคมใช้ได้ทีเดียว แต่ยุทโธปกรณ์นั้นอันตรายเกินไป”

“ไสหัวไปไกลๆ!”

ถังเฟิงด่ากราดออกมา แม่งเหอะ เจ้าเด็กนี้เป็นประธานที่แตกต่างกับจางอวี่อย่างสิ้นเชิง

ตอนแรกจางอวี่เป็นประธานแทบไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรเลย

“เธอไม่ต้องฝึกวิชาหรือไง?”

ถังเฟิงถลึงตามองเขา เด็กนี้เอาแต่เดินเตร็ดเตร่ในมหาวิทยาลัยทั้งวัน ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ไม่รู้ยังจะคิดว่าเขาทะลวงขั้นหกสูงสุดแล้ว ติดอยู่ที่ช่วงคอขวดเท่านั้น

“เรื่องนี้คณบดีถังไม่จำเป็นต้องกังวล การฝึกวิชาขั้นสี่จะสำเร็จเร็วๆ นี้แหละครับ

ฟางผิงไม่รีบแม้แต่น้อย เขาไม่รีบจริงๆ ตอนนี้ความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างฮวบฮาบยังย่อยออกมาไม่หมดเลย ฝึกวิชาต่อได้ที่ไหนกัน รอผ่านไปช่วงหนึ่ง ย่อยความสามารถในตอนนี้แล้ว ค่อยคิดวิธีหลอมหัวใจยังไม่สาย

จงใจยั่วโมโหถังเฟิงแล้ว เวลานี้ฟางผิงค่อยจ้องหน้าจอด้วยใบหน้าสงสัย “อาจารย์ถัง ถังเหวินเป็นลูกสาวของคุณจริงเหรอครับ?”

ถังเฟิงเผยแววตาอันตรายขึ้นมา!

ตาเฒ่าหลี่เตะฟางผิงไปที เจ้าเด็กนี้จะหาเรื่องให้ได้ ไม่กลัวว่าถังเฟิงจะซ้อมตัวเองบ้างหรือไง?

ฟางผิงเอ่ยอย่างแห้งเหี่ยวว่า “ผมไม่ได้มีความหมายแบบนั้น อาจารย์ถังตัวสูงใหญ่น่าเกรงขาม ถังเหวินเพรียวบางร่างเล็ก คงจะเหมือนแม่ของเธอ นี่เป็นเรื่องดี หลังจากนี้ผมจะดูแลรุ่นน้องถังให้มากๆ…”

“ถ้าเธอกล้าแตะลูกสาวฉัน ฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ!”

ถังเฟิงแค่นเสียงออกมา นายวางแผนจะอัดลูกสาวล้างแค้นฉันสินะ?

เรื่องที่ฟางผิงอัดนักศึกษาหญิง ใครไม่รู้บ้าง!

ฟางผิงเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน ดูพูดเข้า ผมไปพูดว่าจะอัดเธอตอนไหนกัน?

นี่ไม่ใช่หัวสิงโตกำลังใส่ร้ายฉันหรือไง!

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด