ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 145 เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลาง (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 145 เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลาง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 145 เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลาง (1)

จ้าวเสวี่ยเหมยตัดสินใจใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองในการฝึกวิชา ฟางผิงเดาว่าคนอื่นอาจคิดทำแบบนี้เช่นกัน พวกลูกเศรษฐีในเซี่ยงไฮ้มีจำนวนไม่น้อยอยู่แล้ว!

นี่ทำให้ฟางผิงที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นคนรวย ตอนนี้กลับรู้สึกว่าความเป็นจริงเขาเหมือนไม่ได้รวยขนาดนั้นแล้ว

ตอนที่พวกฟางผิงทราบเรื่องเวลาการแข่งขันแลกเปลี่ยน จู่ๆ ในอินเทอร์เน็ตก็มีข่าวลือออกมา

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศในครั้งนี้

“สถาบันศึกษาขั้นสูงเก้าสิบเก้าแห่ง นักศึกษาใหม่แนวหน้าประลองกัน!”

“มหาวิทยาลัยชื่อดังจะมีดีแค่ชื่อหรือเปล่า?”

“รัฐบาลลงทุนกับมหาวิทยาลัยชื่อดังเกินไป ทำให้มหาวิทยาลัยทั่วไปไม่พอใจ!”

“เปิดโปงความลับของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อย่างนั้นสินะ”

“…”

ในสายตาคนธรรมดาส่วนมาก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นแค่คำสรรพนาม เป็นแค่คำที่เพ้อฝัน ห่างไกลจากคำนามของโลกพวกเขา

นี่เป็นสถานที่ใฝ่ฝันของวัยรุ่นจำนวนมาก

แต่ตกลงแล้วมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เป็นยังไง?

นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้แข็งแกร่งขนาดไหน?

ผู้ฝึกยุทธ์ที่พวกเขาเจอได้ทั่วไปและแต่ละพื้นที่นั้น ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ เรื่องพวกนี้ทุกคนไม่รู้แม้แต่น้อย

นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ พวกเขาใช้ชีวิตกันยังไง?

เป็นเหมือนที่ข่าวรายงานหรือเปล่า ลึกลับซับซ้อน!

ความลึกลับของมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้

และเวลานี้ ความลับ ความสูงส่งของมหาวิทยาลัยเหมือนกำลังจะถูกเผยโฉมต่อหน้าโลกภายนอกใหม่อีกครั้ง

บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวลือเผยแพร่ออกมาอย่างไม่จบไม่สิ้น

“ข่าวพิเศษรายงายว่า การแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศอาจจะกลายเป็นการแข่งขันของผู้ฝึกยุทธ์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในประเทศจีน!”

“มหาวิทยาลัยชื่อดังจะครองอันดับ รักษาชื่อเสียงไว้ได้หรือเปล่า?”

“ข่าวจากวงในบอกว่า การแข่งขันครั้งนี้อาจพัวพันกับเรื่องงบประมาณกว่าหมื่นล้าน”

“อัจฉริยะมารวมตัวกัน นักศึกษาใหม่ปี 2008 ตกลงโชคดีหรือโชคร้ายกัน?”

หลายปีที่ผ่านมา นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแข่งขันแลกเปลี่ยนขนาดใหญ่อย่างนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศเช่นนี้

ผู้เข้าร่วมมีมหาวิทยาลัยเก้าสิบเก้าแห่ง!

เมื่อก่อนเคยมีการแข่งขันแลกเปลี่ยนแบบนี้เช่นกัน แต่เป็นขนาดเล็กๆ

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจจะจัดการแลกเปลี่ยนความรู้กับปักกิ่ง ทั้งยังจัดกันอย่างลับๆ โลกภายนอกแทบไม่มีใครรู้

อาจจะแข่งขันกันระหว่างมหาวิทยาลัยในพื้นที่ จำกัดแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น

ครั้งนี้มหาวิทยาลัยเก้าสิบเก้าแห่งทั่วประเทศรวมตัวกัน หากเป็นเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เก้าสิบเก้าแห่ง ตัวแทนนักศึกษาที่พวกเขางัดออกมาก็ต้องเป็นนักศึกษาใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของปี 2008

พวกเขาเป็นนักศึกษาแนวหน้า อาจจะทะยานขึ้นสูงเพราะการแข่งครั้งนี้ ทั้งอาจจะต้องแบ่งรับแรงกดดันที่หนักหน่วงด้วยเช่นกัน

หากพ่ายแพ้อย่างน่าอดสู ภายหลังถูกเปิดโปงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง คนที่พ่ายแพ้พวกนี้อาจจะกลายเป็นบุคคลที่ถูกคนอื่นทอดทิ้งก็ได้

พวกเขาทำให้มหาวิทยาลัยสูญเสียทรัพยากร ทำให้คนรุ่นหลังลำบากกว่าเดิม

แม้ว่าจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเขา แต่นักศึกษาใหม่ที่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนรุ่นแรกจะถูกคนจำนวนมากจดจำไว้เช่นกัน

หนานเจียง

เมืองเจียงเฉิง

อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างตกใจ “การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ!”

เห็นได้ชัดว่าจนถึงเวลานี้แล้ว เขาเพิ่งจะทราบว่ามีการแข่งขันแลกเปลี่ยน

ถานเฮ่าที่นั่งด้านข้างเอ่ยอย่างแปลกใจ “นายเข้าคลาสฝึกพิเศษไม่ใช่หรือไง? ไม่รู้กระทั่งเรื่องนี้?”

“ฉันจะไปรู้ได้ไง!”

อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม “ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสักหน่อย ไม่รู้ว่าคลาสฝึกพิเศษเอาผู้ฝึกยุทธ์มากหน้าหลายตาเข้ามาได้ยังไง ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ เป็นการจัดตั้งคลาสฝึกพิเศษระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานเจียงร่วมกับมหาวิทยาลัยหนานเจียง มีประมาณสิบกว่าคน ปกติพวกเราก็เดินเตร็ดเตร่ในคลาสฝึกพิเศษอยู่แล้ว ดูว่าพอจะได้รับของดีกลับมาบ้างรึเปล่า เวลามีข้อมูลข่าวสารอะไร ก็มักจะไม่เปิดเผยให้พวกเรา”

ถานเฮ่าเอ่ยอย่างเห็นใจ “ฉันยังคิดว่านายเจ๋งซะอีก ที่แท้ก็เป็นแบบนี้…”

“ดีกว่านายละกัน อย่างน้อยฉันยังได้เข้าคลาสฝึกพิเศษ!”

อู๋จื้อหาวแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ “ปีนี้หนานเจียงมีผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้ การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้คงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดสินะ?”

“แน่อยู่แล้ว”

ถานเฮ่าเอ่ยอย่างมั่นใจ “ครั้งนี้มีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแปดสิบเก้าแห่ง คงมีผู้ฝึกยุทธ์ประมาณสิบคน นายลองคิดดู ฉันสงสัยว่าอาจจะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดเข้าร่วมการแข่งขัน เฉลี่ยจากมหาวิทยาลัยเก้าแห่ง คงหาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดออกมาได้ยากอยู่บ้าง?”

“เหมือนจะเป็นอย่างนั้น เฮ้อ ตอนที่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้หาข้อมูลให้ละเอียด คิดแต่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัยคงเดินกันเกลื่อนกลาด ขั้นสองขั้นสามน่าจะพบเห็นได้ไม่ยาก รอจนเข้ามาเรียนแล้วค่อยเข้าใจว่า กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์นั้นยากจริงๆ”

อู๋จื้อหาวถอนหายใจ “ฟางผิงเจ้าหมอนั่น ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง นายว่า เขาจะเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนได้หรือเปล่า?”

“ฉันว่าโอกาสน้อย”

ถานเฮ่าส่ายหัว “ฟางผิงเพิ่งกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตอนเปิดเทอม ทางเซี่ยงไฮ้ไม่ทันเปิดเทอมก็มีผู้ฝึกยุทธ์เดินกลาดเกลื่อนแล้ว ทั้งพื้นฐานทางบ้านยังดี นายเห็นแล้วนี่ ไม่มีเงินเป็นผู้ฝึกยุทธ์ลำบากขนาดไหน ฟางผิงไม่มีทรัพยากรในการฝึกวิชา จะทันคนอื่นได้ยังไง”

“ถูกของนาย”

อู๋จื้อหาวคิดว่าคำพูดนี้ไม่ผิดทีเดียว แม้ฟางผิงจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ไม่มีทรัพยากรมากมาย อย่าหวังว่าจะฝึกวิชาก้าวหน้าได้เร็วเลย

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีแต่ลูกผู้ดีมีเงิน เพิ่งเปิดเทอมก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันตรึมแล้ว

หากฟางผิงอยู่ที่หนานเจียง ยังพอมีโอกาสเข้าร่วม แต่เมื่ออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เกรงว่าจะไม่มีหวังแล้ว

“การแข่งขันแลกเปลี่ยนจะเปิดเผยกับสาธารณะจริงๆ งั้นเหรอ? ถานเฮ่า หากเป็นแบบนั้นจริงๆ พวกเราควรไปดูหรือเปล่า?”

“ฉันอยากไป แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วได้หรือเปล่า นายเป็นคนของคลาสฝึกพิเศษ เป็นกองเชียร์คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง?”

“ฉันเป็นกองเชียร์?” อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ใครจะเป็นกัน ฉันยอมเสียเงินซื้อตั๋วดีกว่า”

“แต่ฟางผิงอยู่เซี่ยงไฮ้ หรือพวกเราจะปรึกษากับพวกหยางเจี้ยนสักหน่อย ปิดเทอมฤดูหนาวไปดูการแข่งที่เซี่ยงไฮ้ด้วยกัน?”

“ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว พวกเรายังไม่ได้ให้เขาเลี้ยงข้าวพวกเราเลย ไปเซี่ยงไฮ้ให้เขาต้อนรับพวกเรากัน!”

“…”

พวกเขาพูดคุยปรึกษากัน ท้ายที่สุดตัดสินใจว่า หากจัดงานเปิดเผยต่อสาธารณะจริงๆ พวกเขาจะไปดูความคึกครื้นด้วย

ในเวลาเดียวกัน

เซี่ยงไฮ้

ฟางผิงถือโทรศัพท์ เอ่ยอย่างปวดหัวอยู่บ้าง “เธอรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”

“แน่ล่ะสิ คุยกันเต็มอินเทอร์เน็ต ฟางผิง ฉันอยากไปดูอะไรสนุกๆ ไม่ได้เหรอไง!”

“มีอะไรสนุกๆ ให้ดูกัน อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าจะเปิดเผยต่อสาธารณะเสมอไป”

ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน!

การแข่งขันแลกเปลี่ยนอาจจะเปิดเผยต่อสาธารณะ ถึงกระทั่งขายตั๋วให้คนธรรมดาเข้าร่วมชมการต่อสู้ นี่ทำให้หลายคนไม่พอใจ

รวมถึงฟางผิง!

คนอย่างพวกเขา โดยเฉพาะเขาที่มีพื้นเพครอบครัวเป็นคนธรรมดา คงไม่ต้องการให้พ่อแม่มาเห็นฉากที่ตัวเองหลั่งเลือดหลั่งน้ำตาอยู่แล้ว

พวกเขาควรจะรู้แค่ว่า ลูกชายของพวกเขาเป็นคนโชคดีและสุขสบายมากเท่านั้น!

พวกเขาควรรู้แค่ว่า ลูกชายไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน มีตำแหน่งสูง มีพลังมาก นี่ก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้กลับโหมเรื่องใหญ่โต ยังจะให้คนธรรมดามาดูการต่อสู้ หมายความว่ายังไงกัน?

แต่ฟางผิงได้ยินมาเหมือนกัน เพราะนี่เป็นการแข่งขันแลกเปลี่ยนของนักศึกษาใหม่ ปกติล้วนมีพลังของขั้นหนึ่ง

ใกล้เคียงกับคนธรรมดามากที่สุด จึงไม่อาจรุนแรงจนเกินไป การเปิดเผยต่อสาธารณะถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่เหมาะสมเช่นกัน

ทั้งให้นักศึกษาใหม่เป็นคนเปิดฉาก ทำให้พวกเขามีชื่อเสียง เป็นประโยชน์กับแผนส่งเสริมของรัฐบาลต่อจากนี้

ครั้งก่อนในหยางเฉิง ถานเจิ้นผิงหวังให้ฟางผิงสามารถเป็นตัวแทนของเรื่องนี้ ชักจูงให้หนุ่มสาวจำนวนมากกระตือรือร้นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้

ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีแล้ว

ให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากรู้ว่า เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้ว ชีวิตจะพลิกเปลี่ยนเป็นอย่างไร!

นักศึกษาใหม่พวกนี้ต่างเพิ่งจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เพียงครึ่งปีเท่านั้น

คนอื่นคงไม่คิดว่า พวกเขาเป็นหัวกะทิจากนักศึกษานับล้าน จะคิดแค่ว่า พวกเขาทำได้ ฉันก็ทำได้

ขอเพียงแค่บนเวทีไม่รุนแรงจนเกินไป แม้ว่าจะบาดเจ็บบ้าง จะเป็นไรไป?

ฟางผิงแทบจะมั่นใจว่า หากมีฉากที่รุนแรงจริงๆ คงไม่เปิดเผยออกไปอยู่แล้ว

กลับกันคงเป็นฉากต่อสู้อย่างสวยงาม ชนะอย่างใสสะอาด ผู้ชมร้องเชียร์เกรียวกราวถึงจะเปิดเผยให้ทุกคนดูได้

สร้างนักศึกษาดาวเด่นออกมา ทำให้หลายคนเกิดความใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ฝึกยุทธ์

นี่คงเป็นเหตุผลคร่าวๆ ที่เลือกให้การแข่งขันแลกเปลี่ยนกลายเป็นการแข่งขันแรกที่เปิดเผยต่อสาธารณะ

ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงยังคงเอ่ยว่า “การแข่งขันแลกเปลี่ยนจัดช่วงปีใหม่ เวลานั้นหมกตัวอยู่ในบ้านสบายจะตาย…”

“ฟางผิง ฉันเป็นคนออกเงินเองยังไม่ได้อีกหรือไง?”

“อวดเรื่องเงินกับฉันให้มันน้อยๆ หน่อย!”

ฟางผิงแค่นเสียงอย่างหงุดหงิด ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ”

———————–

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 145 เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลาง (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 145 เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลาง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 145 เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลาง (1)

จ้าวเสวี่ยเหมยตัดสินใจใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองในการฝึกวิชา ฟางผิงเดาว่าคนอื่นอาจคิดทำแบบนี้เช่นกัน พวกลูกเศรษฐีในเซี่ยงไฮ้มีจำนวนไม่น้อยอยู่แล้ว!

นี่ทำให้ฟางผิงที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นคนรวย ตอนนี้กลับรู้สึกว่าความเป็นจริงเขาเหมือนไม่ได้รวยขนาดนั้นแล้ว

ตอนที่พวกฟางผิงทราบเรื่องเวลาการแข่งขันแลกเปลี่ยน จู่ๆ ในอินเทอร์เน็ตก็มีข่าวลือออกมา

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศในครั้งนี้

“สถาบันศึกษาขั้นสูงเก้าสิบเก้าแห่ง นักศึกษาใหม่แนวหน้าประลองกัน!”

“มหาวิทยาลัยชื่อดังจะมีดีแค่ชื่อหรือเปล่า?”

“รัฐบาลลงทุนกับมหาวิทยาลัยชื่อดังเกินไป ทำให้มหาวิทยาลัยทั่วไปไม่พอใจ!”

“เปิดโปงความลับของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อย่างนั้นสินะ”

“…”

ในสายตาคนธรรมดาส่วนมาก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นแค่คำสรรพนาม เป็นแค่คำที่เพ้อฝัน ห่างไกลจากคำนามของโลกพวกเขา

นี่เป็นสถานที่ใฝ่ฝันของวัยรุ่นจำนวนมาก

แต่ตกลงแล้วมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เป็นยังไง?

นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้แข็งแกร่งขนาดไหน?

ผู้ฝึกยุทธ์ที่พวกเขาเจอได้ทั่วไปและแต่ละพื้นที่นั้น ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ เรื่องพวกนี้ทุกคนไม่รู้แม้แต่น้อย

นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ พวกเขาใช้ชีวิตกันยังไง?

เป็นเหมือนที่ข่าวรายงานหรือเปล่า ลึกลับซับซ้อน!

ความลึกลับของมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้

และเวลานี้ ความลับ ความสูงส่งของมหาวิทยาลัยเหมือนกำลังจะถูกเผยโฉมต่อหน้าโลกภายนอกใหม่อีกครั้ง

บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวลือเผยแพร่ออกมาอย่างไม่จบไม่สิ้น

“ข่าวพิเศษรายงายว่า การแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศอาจจะกลายเป็นการแข่งขันของผู้ฝึกยุทธ์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในประเทศจีน!”

“มหาวิทยาลัยชื่อดังจะครองอันดับ รักษาชื่อเสียงไว้ได้หรือเปล่า?”

“ข่าวจากวงในบอกว่า การแข่งขันครั้งนี้อาจพัวพันกับเรื่องงบประมาณกว่าหมื่นล้าน”

“อัจฉริยะมารวมตัวกัน นักศึกษาใหม่ปี 2008 ตกลงโชคดีหรือโชคร้ายกัน?”

หลายปีที่ผ่านมา นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแข่งขันแลกเปลี่ยนขนาดใหญ่อย่างนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศเช่นนี้

ผู้เข้าร่วมมีมหาวิทยาลัยเก้าสิบเก้าแห่ง!

เมื่อก่อนเคยมีการแข่งขันแลกเปลี่ยนแบบนี้เช่นกัน แต่เป็นขนาดเล็กๆ

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจจะจัดการแลกเปลี่ยนความรู้กับปักกิ่ง ทั้งยังจัดกันอย่างลับๆ โลกภายนอกแทบไม่มีใครรู้

อาจจะแข่งขันกันระหว่างมหาวิทยาลัยในพื้นที่ จำกัดแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น

ครั้งนี้มหาวิทยาลัยเก้าสิบเก้าแห่งทั่วประเทศรวมตัวกัน หากเป็นเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เก้าสิบเก้าแห่ง ตัวแทนนักศึกษาที่พวกเขางัดออกมาก็ต้องเป็นนักศึกษาใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของปี 2008

พวกเขาเป็นนักศึกษาแนวหน้า อาจจะทะยานขึ้นสูงเพราะการแข่งครั้งนี้ ทั้งอาจจะต้องแบ่งรับแรงกดดันที่หนักหน่วงด้วยเช่นกัน

หากพ่ายแพ้อย่างน่าอดสู ภายหลังถูกเปิดโปงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง คนที่พ่ายแพ้พวกนี้อาจจะกลายเป็นบุคคลที่ถูกคนอื่นทอดทิ้งก็ได้

พวกเขาทำให้มหาวิทยาลัยสูญเสียทรัพยากร ทำให้คนรุ่นหลังลำบากกว่าเดิม

แม้ว่าจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเขา แต่นักศึกษาใหม่ที่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนรุ่นแรกจะถูกคนจำนวนมากจดจำไว้เช่นกัน

หนานเจียง

เมืองเจียงเฉิง

อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างตกใจ “การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ!”

เห็นได้ชัดว่าจนถึงเวลานี้แล้ว เขาเพิ่งจะทราบว่ามีการแข่งขันแลกเปลี่ยน

ถานเฮ่าที่นั่งด้านข้างเอ่ยอย่างแปลกใจ “นายเข้าคลาสฝึกพิเศษไม่ใช่หรือไง? ไม่รู้กระทั่งเรื่องนี้?”

“ฉันจะไปรู้ได้ไง!”

อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม “ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสักหน่อย ไม่รู้ว่าคลาสฝึกพิเศษเอาผู้ฝึกยุทธ์มากหน้าหลายตาเข้ามาได้ยังไง ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ เป็นการจัดตั้งคลาสฝึกพิเศษระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานเจียงร่วมกับมหาวิทยาลัยหนานเจียง มีประมาณสิบกว่าคน ปกติพวกเราก็เดินเตร็ดเตร่ในคลาสฝึกพิเศษอยู่แล้ว ดูว่าพอจะได้รับของดีกลับมาบ้างรึเปล่า เวลามีข้อมูลข่าวสารอะไร ก็มักจะไม่เปิดเผยให้พวกเรา”

ถานเฮ่าเอ่ยอย่างเห็นใจ “ฉันยังคิดว่านายเจ๋งซะอีก ที่แท้ก็เป็นแบบนี้…”

“ดีกว่านายละกัน อย่างน้อยฉันยังได้เข้าคลาสฝึกพิเศษ!”

อู๋จื้อหาวแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ “ปีนี้หนานเจียงมีผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้ การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้คงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดสินะ?”

“แน่อยู่แล้ว”

ถานเฮ่าเอ่ยอย่างมั่นใจ “ครั้งนี้มีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแปดสิบเก้าแห่ง คงมีผู้ฝึกยุทธ์ประมาณสิบคน นายลองคิดดู ฉันสงสัยว่าอาจจะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดเข้าร่วมการแข่งขัน เฉลี่ยจากมหาวิทยาลัยเก้าแห่ง คงหาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดออกมาได้ยากอยู่บ้าง?”

“เหมือนจะเป็นอย่างนั้น เฮ้อ ตอนที่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้หาข้อมูลให้ละเอียด คิดแต่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัยคงเดินกันเกลื่อนกลาด ขั้นสองขั้นสามน่าจะพบเห็นได้ไม่ยาก รอจนเข้ามาเรียนแล้วค่อยเข้าใจว่า กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์นั้นยากจริงๆ”

อู๋จื้อหาวถอนหายใจ “ฟางผิงเจ้าหมอนั่น ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง นายว่า เขาจะเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนได้หรือเปล่า?”

“ฉันว่าโอกาสน้อย”

ถานเฮ่าส่ายหัว “ฟางผิงเพิ่งกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตอนเปิดเทอม ทางเซี่ยงไฮ้ไม่ทันเปิดเทอมก็มีผู้ฝึกยุทธ์เดินกลาดเกลื่อนแล้ว ทั้งพื้นฐานทางบ้านยังดี นายเห็นแล้วนี่ ไม่มีเงินเป็นผู้ฝึกยุทธ์ลำบากขนาดไหน ฟางผิงไม่มีทรัพยากรในการฝึกวิชา จะทันคนอื่นได้ยังไง”

“ถูกของนาย”

อู๋จื้อหาวคิดว่าคำพูดนี้ไม่ผิดทีเดียว แม้ฟางผิงจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ไม่มีทรัพยากรมากมาย อย่าหวังว่าจะฝึกวิชาก้าวหน้าได้เร็วเลย

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีแต่ลูกผู้ดีมีเงิน เพิ่งเปิดเทอมก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันตรึมแล้ว

หากฟางผิงอยู่ที่หนานเจียง ยังพอมีโอกาสเข้าร่วม แต่เมื่ออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เกรงว่าจะไม่มีหวังแล้ว

“การแข่งขันแลกเปลี่ยนจะเปิดเผยกับสาธารณะจริงๆ งั้นเหรอ? ถานเฮ่า หากเป็นแบบนั้นจริงๆ พวกเราควรไปดูหรือเปล่า?”

“ฉันอยากไป แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วได้หรือเปล่า นายเป็นคนของคลาสฝึกพิเศษ เป็นกองเชียร์คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง?”

“ฉันเป็นกองเชียร์?” อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ใครจะเป็นกัน ฉันยอมเสียเงินซื้อตั๋วดีกว่า”

“แต่ฟางผิงอยู่เซี่ยงไฮ้ หรือพวกเราจะปรึกษากับพวกหยางเจี้ยนสักหน่อย ปิดเทอมฤดูหนาวไปดูการแข่งที่เซี่ยงไฮ้ด้วยกัน?”

“ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว พวกเรายังไม่ได้ให้เขาเลี้ยงข้าวพวกเราเลย ไปเซี่ยงไฮ้ให้เขาต้อนรับพวกเรากัน!”

“…”

พวกเขาพูดคุยปรึกษากัน ท้ายที่สุดตัดสินใจว่า หากจัดงานเปิดเผยต่อสาธารณะจริงๆ พวกเขาจะไปดูความคึกครื้นด้วย

ในเวลาเดียวกัน

เซี่ยงไฮ้

ฟางผิงถือโทรศัพท์ เอ่ยอย่างปวดหัวอยู่บ้าง “เธอรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”

“แน่ล่ะสิ คุยกันเต็มอินเทอร์เน็ต ฟางผิง ฉันอยากไปดูอะไรสนุกๆ ไม่ได้เหรอไง!”

“มีอะไรสนุกๆ ให้ดูกัน อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าจะเปิดเผยต่อสาธารณะเสมอไป”

ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน!

การแข่งขันแลกเปลี่ยนอาจจะเปิดเผยต่อสาธารณะ ถึงกระทั่งขายตั๋วให้คนธรรมดาเข้าร่วมชมการต่อสู้ นี่ทำให้หลายคนไม่พอใจ

รวมถึงฟางผิง!

คนอย่างพวกเขา โดยเฉพาะเขาที่มีพื้นเพครอบครัวเป็นคนธรรมดา คงไม่ต้องการให้พ่อแม่มาเห็นฉากที่ตัวเองหลั่งเลือดหลั่งน้ำตาอยู่แล้ว

พวกเขาควรจะรู้แค่ว่า ลูกชายของพวกเขาเป็นคนโชคดีและสุขสบายมากเท่านั้น!

พวกเขาควรรู้แค่ว่า ลูกชายไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน มีตำแหน่งสูง มีพลังมาก นี่ก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้กลับโหมเรื่องใหญ่โต ยังจะให้คนธรรมดามาดูการต่อสู้ หมายความว่ายังไงกัน?

แต่ฟางผิงได้ยินมาเหมือนกัน เพราะนี่เป็นการแข่งขันแลกเปลี่ยนของนักศึกษาใหม่ ปกติล้วนมีพลังของขั้นหนึ่ง

ใกล้เคียงกับคนธรรมดามากที่สุด จึงไม่อาจรุนแรงจนเกินไป การเปิดเผยต่อสาธารณะถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่เหมาะสมเช่นกัน

ทั้งให้นักศึกษาใหม่เป็นคนเปิดฉาก ทำให้พวกเขามีชื่อเสียง เป็นประโยชน์กับแผนส่งเสริมของรัฐบาลต่อจากนี้

ครั้งก่อนในหยางเฉิง ถานเจิ้นผิงหวังให้ฟางผิงสามารถเป็นตัวแทนของเรื่องนี้ ชักจูงให้หนุ่มสาวจำนวนมากกระตือรือร้นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้

ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีแล้ว

ให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากรู้ว่า เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้ว ชีวิตจะพลิกเปลี่ยนเป็นอย่างไร!

นักศึกษาใหม่พวกนี้ต่างเพิ่งจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เพียงครึ่งปีเท่านั้น

คนอื่นคงไม่คิดว่า พวกเขาเป็นหัวกะทิจากนักศึกษานับล้าน จะคิดแค่ว่า พวกเขาทำได้ ฉันก็ทำได้

ขอเพียงแค่บนเวทีไม่รุนแรงจนเกินไป แม้ว่าจะบาดเจ็บบ้าง จะเป็นไรไป?

ฟางผิงแทบจะมั่นใจว่า หากมีฉากที่รุนแรงจริงๆ คงไม่เปิดเผยออกไปอยู่แล้ว

กลับกันคงเป็นฉากต่อสู้อย่างสวยงาม ชนะอย่างใสสะอาด ผู้ชมร้องเชียร์เกรียวกราวถึงจะเปิดเผยให้ทุกคนดูได้

สร้างนักศึกษาดาวเด่นออกมา ทำให้หลายคนเกิดความใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ฝึกยุทธ์

นี่คงเป็นเหตุผลคร่าวๆ ที่เลือกให้การแข่งขันแลกเปลี่ยนกลายเป็นการแข่งขันแรกที่เปิดเผยต่อสาธารณะ

ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงยังคงเอ่ยว่า “การแข่งขันแลกเปลี่ยนจัดช่วงปีใหม่ เวลานั้นหมกตัวอยู่ในบ้านสบายจะตาย…”

“ฟางผิง ฉันเป็นคนออกเงินเองยังไม่ได้อีกหรือไง?”

“อวดเรื่องเงินกับฉันให้มันน้อยๆ หน่อย!”

ฟางผิงแค่นเสียงอย่างหงุดหงิด ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ”

———————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+