ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 287.-2 เป็นประธานเหนื่อยจริงๆ (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 287.-2 เป็นประธานเหนื่อยจริงๆ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 287 เป็นประธานเหนื่อยจริงๆ (2)

ผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่าง ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมที่ไม่ถึงขั้นสามตอนปลาย ปกติจะไม่รู้เรื่องของถ้ำใต้ดิน

คนพวกนี้ว่างอย่างกับอะไรดี

“นอกจากสี่ข้อที่พูดมา วิธีหาเงินยังมีอีกเยอะ ต้องดูแค่ว่าพวกเราจะยินดีหรือเปล่า! พวกเราเป็นใคร? สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของเซี่ยงไฮ้! กลุ่มนักศึกษาที่โดดเด่นที่สุดของเซี่ยงไฮ้ กลุ่มนักศึกษาแนวหน้าของทั่วโลก! อัจฉริยะกลุ่มหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะหงุดหงิดแค่เรื่องสวัสดิการนี้ได้? พวกเราไม่ต้องใช้จ่ายมากมาย แม้จะเป็นเรื่องการแข่งขันก็ให้คนอื่นลงมือไป ส่วนพวกเรา ทุกฤดูหาเวลาออกมาสักช่วงหนึ่ง รับหน้าที่ตรวจสอบและตัดสินเท่านั้น สมาชิกขั้นสามขั้นสี่ โลกข้างนอกนั่นใครไม่ถือเป็นผู้มีอำนาจบ้าง? พวกเรารับหน้าที่ตรวจสอบและตัดสิน เทียบกับให้ผู้ฝึกยุทธ์ปราณขั้นหนึ่งขั้นสองในพื้นที่นั้นคงดีกว่าไม่น้อย? ก่อนหน้านี้ฉันเห็นรายจ่ายในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน ทุกปีเรื่องแข่งขันแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยอื่น นึกไม่ถึงว่าจะเยอะขนาดนั้น ช่างน่าขำ ทุกอย่างต้องให้พวกเราเป็นคนตระเตรียมเอง บาดเจ็บยังไม่กล้าจะใช้ยารักษาเลยด้วยซ้ำ ทุกคน ยุคสมัยใหม่มาถึงแล้ว!”

“ผู้ฝึกยุทธ์ก็ต้องปรับตัวก้าวไปให้ทันสถานการณ์ ไม่งั้นพวกเราจะมีอะไรแตกต่างกับสำนัก? การแข่งขันแลกเปลี่ยนเผยแพร่ไปข้างนอกจะมีความหมายยังไง? คิดว่าตัวเองเป็นตัวตลก? น่าขำ! ตอนที่พวกเราเดินเหินบนอากาศ ผ่าเขาแยกทะเล ใครจะกล้ามองเราเป็นตัวตลก? มีเงิน มียาบำรุง ทุกคนถึงจะกล้าต่อสู้แข่งขันอย่างเต็มที่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองเข้าไปในถ้ำไม่ได้ แทนที่จะให้เก็บตัวฝึกวิชา แลกเปลี่ยนความรู้เยอะหน่อยยังจะเป็นประโยชน์กว่า รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลายด้วย ไปถ้ำใต้ดินมีโอกาสตายสูง เวลานี้ฝึกปรือกับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ นี่ถึงจะเป็นทางที่เหมาะสม การแข่งขันแลกเปลี่ยนความรู้หาผู้สนับสนุนสักหน่อย ก็แค่สวมเสื้อผ้ารองเท้าของคนอื่นไม่ใช่หรือไง? ไม่ได้ให้พวกนายทำอย่างอื่นที่น่าอายอะไร? กลัวว่าจะขายหน้า งั้นก็อย่าฝึกวิชาเลย ไม่เห็นความเป็นความตายอยู่ในสายตา กลับมาสนใจเรื่องนี้?”

ด้านล่างเวที

ทุกคนต่างซุบซิบถกประเด็นกัน

เรื่องนี้…ผลลัพธ์แทบไม่ต่างจากที่ฟางผิงไปถ่ายทำโฆษณาเล็กๆ นั่น

แต่จากที่ฟางผิงพูด น่าจะหาเงินได้อยู่แล้ว สวัสดิการของทุกคนจะเพิ่มมากขึ้นด้วย

อย่างต่ำที่สุด เดือนหนึ่งจะได้ยี่สิบคะแนน หนึ่งปีสองร้อยสี่สิบคะแนน เจ็ดล้านสองแสน!

หาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เงินเจ็ดล้านสองแสน สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองก็ไม่ได้หาง่ายๆ เหมือนกัน

ปีก่อนหวังจินหยางยังไปฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดเพื่อเงินสามแสนอยู่เลย

หนึ่งเดือนยี่สิบคะแนนสามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ด ในสถานการณ์ปกติ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองฝึกวิชา หนึ่งเดือนใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ดก็เพียงพอกับการฝึกแล้ว

แน่นอนว่าถ้าคุณอยากก้าวหน้าไวกว่านี้ นั่นคงไม่พอ แต่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ให้เป็นกรณีพิเศษ เท่ากับว่าได้มาฟรีๆ ยังคงดึงดูดใจไม่น้อย

บนเวที

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วิธีหาเงินมีนับไม่ถ้วน ตอนนี้ยังไม่พูดถึง แต่เรื่องสวัสดิการ ผลักดันตามคำพูดของฉันละกัน”

โจวเหยียนกัดฟัน ยังคงเอ่ยว่า “นายคนเดียวได้ห้าร้อยคะแนนต่อเดือน เยอะเกินไปแล้ว!”

ล้อกันเล่นหรือไง!

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “รอฉันลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็เหลือแค่สามร้อยคะแนนเท่านั้น เยอะที่ไหนกัน? คนเก่งต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น จ่ายออกไปก็ต้องมีค่าตอบแทน ฉันควบตำแหน่งหัวหน้าสองฝ่ายต้องเยอะอยู่แล้ว เอาล่ะ ตกลงตามนี้แหละ ส่วนรุ่นพี่โจว ยังไงก็ต้องไปฝึกงานที่บริษัท ฉันคงไม่จัดสรรภารกิจให้เธอ สมาชิกขั้นสามทุกเดือนจะได้ห้าสิบ…”

“ฉันไม่เอา!”

“ดีเลย เธอไม่เอา งั้นก็ประหยัดได้อีกหน่อย”

ฟางผิงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยังมีคนไม่เอาอีกหรือเปล่า?”

ทุกคนพากันเงียบกริบ

ฉินเฟิ่งชิงไม่พูดอะไรเช่นกัน โจวเหยียนสมองละลายไปกับน้ำแล้วหรือไง!

เขาเป็นรองประธาน เดือนหนึ่งจะได้สองร้อยคะแนน ได้มาฟรีๆ ตั้งหกล้าน ใครจะไปปฏิเสธ!

เงินหกล้าน เขาฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ในถ้ำคนหนึ่งยังหาเงินไม่ได้เยอะเท่านี้เลย ก่อนหน้านี้ที่จางอวี่รับตำแหน่ง ฉินเฟิ่งชิงแทบจำไม่ได้ว่าเขาทำงานฟรีๆ มานานเท่าไหร่แล้ว

“ในเมื่อไม่ใครคัดค้าน ไปกันที่เรื่องต่อไป”

ฟางผิงเอ่ยต่อ “เรื่องทรัพยากรคน สวัสดิการ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นอยู่ที่การพัฒนาความสามารถ! การพัฒนาของสามระดับล่าง พูดตามตรง ทางลัดมีไม่เยอะ อัดยาจะเร็วที่สุด ทั้งยังจำเป็นต้องใช้เงิน อีกอย่างคือการต่อสู้ในสถานการณ์จริงจะเป็นประโยชน์กับการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ฝึกฝนยังไง? หนึ่งคือไปประลองในการแข่งขันแลกเปลี่ยนแต่ละมหาวิทยาลัย ได้ทั้งเงินและการฝึกฝน”

“สองคือไปประลองการแข่งขันในแต่ละพื้นที่ เอาชนะทีมรบในพื้นที่พวกนั้น ได้ทั้งชื่อเสียงการฝึกฝนและเงิน สามคือไปปลดป้ายสำนัก ไล่ท้าประลองกับคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ ทำสำเร็จแล้ว พวกเราก็จะเปิดสาขาย่อย หากแพ้ก็เปลี่ยนเป็นที่ใหม่ สี่…”

“ประธานฟาง!”

จางอวี่เอ่ยอย่างปวดหัว “นายทำแบบนี้จะทำลายระเบียบโลกผู้ฝึกยุทธ์ให้วุ่นวายกันไปหมด”

ฟางผิงไม่คิดแบบนั้น “มาถึงเวลานี้แล้ว โลกผู้ฝึกยุทธ์เป็นสระน้ำนิ่ง จะรอให้โชคตรงมาจากฟากฟ้าหรือไง? นอนหลับฝันก็ไปถึงขั้นเก้าได้งั้นเหรอ? ต้องกวนให้เกิดความเคลื่อนไหวสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร เกรงว่ารัฐบาลคงอยากจะเห็นเหมือนกัน ส่วนถ้ำใต้ดิน ฉันไม่แนะนำให้ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลายลงไป มหาวิทยาลัยมีความคิดของมหาวิทยาลัย พวกเราก็มีความคิดของพวกเราเช่นกัน อย่าได้เอาแต่ฟังการจัดการของมหาวิทยาลัยอย่างเดียว ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลาย เข้าไปถ้ำมีแต่อันตรายเท่านั้น ประโยชน์แทบมีเพียงเล็กน้อย พยายามฝึกวิชาให้ถึงขั้นสามตอนปลาย นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญของพวกเรา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายไปถ้ำใต้ดิน ฉันสนับสนุน เพราะถ้ำใต้ดินเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วที่สุดจริงๆ”

“แน่นอนว่าเรื่องที่ฉันพูดพวกนี้ บางอย่างก็เป็นเรื่องที่ปีสูงมักคุยกัน ทุกคนรู้แก่ใจดี อีกอย่างตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต้องเข้าร่วมการประเมิน ไม่มีการเข้าร่วมแล้วเป็นสมาชิกตลอดไปได้อีกแล้ว หรือจะให้มองเป็นงานราชการกัน? ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขึ้นไปไม่ต้องร่วมการประเมิน ต่ำกว่าขั้นสามตอนนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนปลายและสูงสุด ให้เวลาพวกนายหนึ่งปี ไม่ถึงขั้นสาม ทั้งหมดต้องถูกไล่ออกจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อย่าได้ขายหน้าให้ที่นี่อีก หลังจากนี้ทุกปีจะมีการประเมินหนึ่งครั้ง มหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้มีขั้นสามไม่ถึงหนึ่งร้อยคน ขายหน้าหรือเปล่าล่ะ! ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องพูดมาก รอฉันคิดเรื่องอื่นได้ค่อยมาเสริมอีกที”

หลายคนเผยสีหน้าหมดคำพูด สรุปแล้วเรื่องพวกนี้ยังเป็นแค่ส่วนเดียวสินะ?

งั้นหลังจากนี้เกรงว่าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จะไม่สงบสุขอีกแล้ว

“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้ ระดับหัวหน้าและผู้ฝึกยุทธ์สูงกว่าขั้นสามตอนปลายอยู่ก่อน”

ฟางผิงส่งคนออกไปแล้ว

รอคนบางตาลง ฟางผิงมองไปทางฉินเฟิ่งชิงและเซี่ยเหล่ย เอ่ยว่า “เซี่ยเหล่ย ฉินเฟิ่งชิง มีภารกิจหนึ่งให้พวกนายสองคน…”

ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่ลังเลทันที “ไม่ทำ!”

“งั้นก็ออกจากสมาคมไป ฉันไม่เลี้ยงคนที่ใช้การไม่ได้!”

เซี่ยเหล่ยไม่ได้โต้แย้ง เอ่ยว่า “ภารกิจอะไร?”

“ไปหาผู้สนับสนุน ปีนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก่อตั้งครบหกสิบปี เดิมทีฉันคิดจะจัดงาน แต่ตอนนี้อธิการของพวกเราสละชีพคงไม่จัดแล้ว แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ผลิตยอดฝีมือออกไปมากขนาดนี้ สนับสนุนการก่อสร้างมหาวิทยาลัยเล็กน้อยคงไม่เป็นปัญหา พวกนายสองคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ มีคุณสมบัติเป็นตัวแทนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แยกกันเคลื่อนไหว เกณฑ์ของปรมาจารย์ไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน ระดับกลางไม่ต่ำกว่าสิบล้าน ส่วนต่ำกว่าขั้นสาม…ดูสถานการณ์ละกัน หากมากหน่อยก็สี่ห้าล้าน ไม่ได้ก็แล้วไป รวบรวมได้เยอะ พันล้านหรือหมื่นล้านยังอาจมีหวัง แต่กลัวว่านายสองคนจะเอ่ยปากไม่ออก ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะส่งผู้ช่วยมาให้พวกนาย พวกนายรับหน้าที่ออกหน้าพอ หากรวบรวมได้หมื่นล้านจริงๆ สมาชิกขั้นสามของพวกเรามีเพิ่มขึ้น นี่ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับอนาคตของมหาวิทยาลัย”

“อีกอย่าง กิจการใหญ่ๆ บางส่วนในสังคมทั่วไป ไม่จำเป็นต้องจบจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกนายก็ต้องไปเหมือนกัน ไปแล้วบอกว่าพวกเขาเป็นศิษย์เก่า หากคนเขาไม่เปิดปากโต้แย้งก็แล้วไป แต่ถ้าโต้แย้งออกมา ก็บอกไปว่าจำผิด แล้วค่อยกลับไปมอบใบรับรองการศึกษาของศิษย์เก่ากิตติมศักดิ์ให้ ภารกิจพวกนายสองคนคือเรื่องนี้ หาผู้สนับสนุนได้ไม่ถึงพันล้านก็อย่ากลับมา!”

ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “งั้นพวกเราจะได้ประโยชน์อะไร?”

“กลับมาแล้ว ได้ผู้สนับสนุนเยอะ ต้องมีประโยชน์อยู่แล้ว หากได้น้อยเอาอะไรมาได้ประโยชน์กัน!”

ฟางผิงสบถ ก่อนจะมองไปยังคนอื่นๆ “ภารกิจของพวกนาย อย่างแรกต้อนรับนักศึกษาใหม่ อย่าลืมพูดเรื่องการจัดสรรหอพักที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ แพร่เผยทุกอย่างให้ชัดเจน อีกอย่าง ถ่ายรูปด้วย หอพักรวม หาหอพักข้างนอกสักสองสามแห่งแล้วถ่ายรูป ส่วนหอพักส่วนตัวก็ถ่ายของพวกเรา…”

ทุกคนเหนื่อยใจอย่างหนัก นายไม่อายบ้างหรือไง?

“อย่างที่สอง เตรียมพร้อมกับการแข่งขันแลกเปลี่ยนของนักศึกษาใหม่ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น หรือจะไม่เรียกว่าการแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ แต่เป็นการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศ”

“อย่างที่สาม โรงฝึกศิลปะการต่อสู้จะเปิดแล้ว ต้องรับนักเรียนภายนอก”

ฟางผิงถอนหายใจ “เหมือนจะมีแค่นี้แหละ ใช่สิ เฉินอวิ๋นซี ฟู่ชางติ่ง พวกนายสองคนอย่าลืมเรื่องของสมาคมหยวนผิง แบ่งงานให้สมาชิกด้วย อย่างเช่นจะสอนอะไรในคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ รับนักศึกษาใหม่มาบางส่วน ตั้งคลาสส่งของขึ้นมาอีก ไม่ต้องใช้คนเยอะเกินไป เรื่องเยอะอะไรขนาดนี้ แยกย้ายกันเถอะ เป็นประธานนี่เหนื่อยชะมัด”

ได้ยินเขาบ่น ทุกคนยังคิดจะแขวะเขาสักหน่อย!

เขาเหนื่อยอะไร?

จางอวี่เป็นประธาน ไม่เอาเงินสักแดงเดียว นายเป็นประธาน รับตำแหน่งก็ให้เงินเดือนตัวเองสิบห้าล้านแล้ว ไม่กลัวว่าพวกอาจารย์จะมาหาเรื่องนายหรือไง

อาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางคน ขั้นสี่ขั้นห้ายังไม่ได้เงินเดือนสูงขนาดนี้เลย!

ไม่สิ ขั้นหกยังอาจจะไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ทั้งปีฟางผิงได้เกือบสองร้อยล้าน หากยึดตามเขา อาจารย์นับพัน เงินหลายล้านล้านยังไม่พอด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยคงต้องปิดกิจการแล้ว

——————-

———————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด