ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 155-2 การแข่งขันรอบแรก (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 155-2 การแข่งขันรอบแรก (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 155 การแข่งขันรอบแรก (2)

“มั่นใจไม่หยอกนี่ คิดว่าตัวเองเป็นไพ่ตายของเซี่ยงไฮ้จริงๆ งั้นเหรอ?”

ถังเฟิงหัวเราะ ก่อนจะพูดโจมตี “อย่าได้ดูถูกใครทั้งนั้น รอบแรกต้องชนะอย่างสง่างาม หากเธออดทนได้จริงๆ งั้นรอบแรกก็ชนะห้าคนรวดไปเลย ให้ฉันได้เปิดหูเปิดตาว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะได้รับคะแนนไม่อั้นหรือเปล่า!”

ฟางผิงได้ยินคำพูดนี้จึงรู้ได้ทันที อาการใจแคบของถังเฟิงกำเริบขึ้นอีกแล้ว

ถังเฟิงไม่สนว่าเขาจะคิดยังไง เอ่ยต่อว่า “ฟางผิงคนแรก ฟู่ชางติ่งคนที่สอง หยางเสี่ยวม่านคนที่สาม จ้าวเสวี่ยเหมยคนที่สี่ จ้าวเหล่ยคนสุดท้าย!”

จ้าวเหล่ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายกลับไม่พูดออกมา

เขากลัวว่าตัวเองอาจจะไม่มีโอกาสขึ้นเวทีด้วยซ้ำ

ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ “ผมลงสนามแล้ว คนอื่นๆ อาจจะไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถของตัวเอง อาจารย์ นี่มันไม่ยุติธรรมกับพวกเขาอยู่บ้าง…”

ถังเฟิงใบหน้าดำคล้ำ เด็กนี่จะมั่นใจเกินไปแล้ว!

ถังเฟิงคร้านจะสนใจเขา หมุนตัวเดินไปเอ่ยว่า “ชนะก็ดี แต่ถ้าแพ้ ฟางผิง แพ้ด้วยความประมาท เธอคงรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหว!”

เขาพูดอย่างหนักแน่น เพราะหากฟางผิงแพ้เพราะความประมาทจริงๆ ท้ายที่สุดจะทำให้เซี่ยงไฮ้พ่ายแพ้ในการแข่งขันครั้งแรก

สิ่งที่เซี่ยงไฮ้สูญเสียคือมูลค่าหลายหมื่นล้าน ฟางผิงแบกรับความรับผิดชอบเช่นนี้ไม่ไหวจริงๆ

“เข้าใจแล้วครับ!”

“ดี พวกเธอไปทำธุระส่วนตัวเถอะ ช่วงนี้ไม่มีความจำเป็น พยายามอย่าออกจากมหาลัย”

ทิ้งท้ายไว้แค่นี้ ก่อนถังเฟิงจะจากไป

พอเขาไปแล้ว ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “ฟางผิง อย่าชนะรวดเชียวนะ อย่างน้อยก็เหลือให้ฉันสักสองคน”

“ฉันด้วย…”

“พวกนายคิดว่าพวกเขาจัดการง่ายจริงๆ รึไง?”

ฟางผิงกลอกตา ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “เว่ยปินน่าจะฝีมือไม่อ่อนด้อย หากเขาลงสนามคนสุดท้าย ฉันจะเหลือให้พวกนาย ตอนแรกวางแผนจะระเบิดความสามารถออกไปสักหน่อย แต่ถ้าถูกคนเห็นไพ่ตาย นั่นไม่น่าจะดีเท่าไหร่ ปักกิ่งต่างหากที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเรา ฉันต้องระวังหานซวี่เอาไว้”

“ฟางผิง นายนี่มันมั่นใจจริงๆ ฉันล่ะยอมใจ…”

จ้าวเสวี่ยเหมยหลุดขำ เหมือนว่าในความคิดฟางผิง หากเขายอมเปิดเผยความสามารถออกมา จะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายห้าคนรวดได้อย่างไงอย่างงั้น

“แล้วแต่พวกนายจะคิดเถอะ ฉันจะพยายามเหลือที่ให้พวกนายแสดงฝีมือแล้วกัน”

ฟางผิงหัวเราะ ก่อนมือถือในกระเป๋าจะสั่นขึ้นมา

มองดูหมายเลขแล้ว ฟางผิงรีบเอ่ยว่า “ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อน”

“ไปเถอะ”

ไม่กี่นาทีให้หลัง

ร้านอาหารตะวันตกแถวหน้าประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้

ฟางหยวนมองพินิจฟางผิงอย่างสงสัย เนิ่นนานก่อนเอ่ยว่า “พี่ นายกลายเป็นหัวหน้าทีมได้ยังไง?”

อู๋จื้อหาวมึนงงเช่นกัน รีบเอ่ยว่า “ใช่ นายเพิ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ไม่นาน? ทำไมอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว ยังกลายเป็นหัวหน้าทีมของเซี่ยงไฮ้อีก?”

“ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตั้งสี่ห้าเดือนแล้ว กลายเป็นขั้นหนึ่งสูงสุดแปลกมากหรือไง?”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะพูดยังไงฉันก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้ง จะก้าวหน้าไวหน่อยถือเป็นเรื่องปกติ ช่วงนี้เซี่ยงยังให้ใจป้ำให้รางวัลหนัก นักศึกษาเข้าถึงทรัพยากรได้ง่าย ไม่แปลกสักหน่อยที่จะทะลวงขั้นหนึ่งสูงสุด”

“งั้นนายเป็นหัวหน้าทีมได้ยังไง…”

“ไร้สาระ ฉันเก่งที่สุด แน่นอนต้องเป็นหัวหน้าสิ พอเถอะ อย่าถามเรื่องที่ไม่มีประโยชน์เลย”

เวลานี้จู่ๆ ฟางหยวนก็นึกอะไรบางอย่างได้ เอ่ยอย่างกังวลอยู่บ้าง “พี่ อันตรายหรือเปล่า?”

“ไม่เป็นไร แค่การแข่งขันแลกเปลี่ยน ไม่ใช่การต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย อีกอย่างพี่ชายเธอแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้ไม่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันที่เป็นคู่ต่อสู้ฉันได้ ไม่ต้องกังวลหรอก”

“งั้นฉันจะโทรบอกพ่อกับแม่…”

“ไม่ต้อง รอการแข่งจบแล้วค่อยว่ากัน พ่อกับแม่ไม่เล่นอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่ต้องบอกพวกเขา”

ฟางหยวนพยักหน้าอย่างงงๆ ไม่ได้คิดมากอีก

ในสายตาคนส่วนมาก การแข่งครั้งนี้ไม่ได้อันตรายอะไร

เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ของพวกนักศึกษาเท่านั้น เอาอะไรมาอันตรายกัน

ในเมื่อฟางผิงบอกว่ายังไม่ต้อง ฟางหยวนไม่คิดจะขัดเขาเช่นกัน กลับไปค่อยบอกพ่อแม่แล้วกัน

ตอนแรกทุกคนยังคงไม่อาจรับความจริงที่ว่า ฟางผิงกลายเป็นนักศึกษาใหม่ที่เก่งกาจที่สุดของเซี่ยงไฮ้ได้

ตอนที่กินข้าวจิตใจจึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง

เดิมทีฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทุกคนยังสามารถพูดได้ว่า เพราะสภาพแวดล้อมมหาลัยดี ได้รับสวัสดิการดี แต่นอกจากฟางผิงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เขายังเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนอีก นี่จะใช้เหตุผลที่ว่าสวัสดิการดีอย่างเดียวมาอธิบายไม่ได้แล้ว

เซี่ยงไฮ้มีคนเยอะขนาดนั้น ผู้ฝึกยุทธ์เดินกันกลาดเกลื่อน ทำไมถึงไม่เป็นพวกเขาที่นำทัพล่ะ

วันนี้ฟางผิงไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นกับพวกน้องสาว

กินข้าวเสร็จแล้ว ฟางผิงก็ล่วงหน้ากลับมหาลัยเพื่อเตรียมพร้อมการแข่งขันรอบแรกในวันพรุ่งนี้

วันที่ 11 มกราคม

เช้าตรู่

สนามกีฬามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

ผู้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างพวกฟางผิงล่วงหน้ามาถึงก่อน พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษให้ขึ้นไปชั้นสอง นั่งตำแหน่งเดียวกับพวกปรมาจารย์

ผู้ชมที่ซื้อตั๋วเริ่มทยอยเข้ามาในสนามเช่นกัน ครั้งนี้ตั๋วการแข่งขันเป็นแบบเหมา ตั๋วใบหนึ่งสามารถชมตั้งแต่ต้นจนจบ

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ได้คาดหวังกับเงินจำหน่ายตั๋ว อนุญาตให้ผู้ชมห้าพันคนเข้ามาถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว

หากยังแบ่งขายเป็นรอบๆ นอกจากจะยุ่งยากแล้ว ยังก่อให้เกิดความวุ่นวายได้ง่าย

ชั้นหนึ่ง

แท่นพิธีกรของพวกหลิวหวาหรงย้ายมาอยู่มุมหนึ่งไกลจากเวทีประลอง

สามารถมองเห็นสถานการณ์กลางเวทีประลองได้อย่างชัดเจน ทั้งไม่อาจถูกอีกด้านรบกวนเช่นกัน

ฟางผิงอยู่ชั้นสอง มองเห็นพวกฟางหยวนเหมือนกัน เด็กสาวมองสอดส่องไปทั่ว กลับหาฟางผิงไม่เจอ สีหน้าผิดหวังอยู่บ้าง

ตอนนี้ทีมของปักกิ่งและทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่อยู่ตรงนี้ แต่อยู่ด้านหลังเวทีชั้นหนึ่ง

อีกฝั่งของพวกฟางผิง เป็นพวกเว่ยปิงที่นั่งเรียงรายอยู่

เวทีด้านล่างยังไม่มีการประลอง ชั้นสองก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมาแล้ว

เดิมทีฟางผิงยังคิดว่าพวกปรมาจารย์คงจะเป็นประเภทลึกซึ้งจนคาดเดาอะไรไม่ได้ เงียบขรึมพูดน้อยทำนองนั้น

แต่ไม่นานฟางผิงก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดไป

“ปักกิ่งจับคู่กับทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฮ่าๆ มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว ไม่รู้ว่าปักกิ่งจะให้หานซวี่ลงสนามหรือเปล่า? หากถูกชนะรวดในครั้งเดียว พวกนายก็อย่ามาโวยวายว่าไม่ยุติธรรมทีหลังละกัน”

ผู้ที่เปิดปากไม่ใช่ใครอื่น เป็นหวงจิ่งจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้

สิ้นเสียงของเขา ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก็มีคนเอ่ยค้านว่า “กังวลเรื่องของตัวเองดีกว่า เซี่ยงไฮ้มีตำแหน่งอันดับสอง กลับขาดแคลนความสามารถเช่นนี้ หลายปีมานี้เอาแต่นั่งกินบุญเก่า ครั้งก่อนถูกหวังจินหยางจากหนานเจียงเอาชนะขั้นหนึ่งซะราบคาบ ไม่รู้ว่าคนที่ขายหน้าเป็นใครกันแน่!”

“แค่กๆ…”

อาจารย์นำทีมของมหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้บางคนพากันสำลักไอออกมา คำพูดนี้จี้ใจคนเป็นวงกว้างอยู่บ้าง

ครั้งก่อนคนที่ถูกเอาชนะไม่ได้มีแต่เซี่ยงไฮ้

แต่เซี่ยงไฮ้นั้นแข็งแกร่งที่สุด คนที่ขายหน้าที่สุดยังคงเป็นเซี่ยงไฮ้ พวกเขาทำเป็นไม่ได้ยิน ถือว่าไม่ขายหน้าแล้ว

หวงจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “อย่าเอาแต่ยกกรณีพิเศษมาเทียบกับมาตรฐานทั่วไป อะไรๆ ก็พูดว่าหวังจินหยาง เจ้าเด็กนั่นเป็นยังไงพวกนายไม่กระจ่างใจหรือไง? ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้ไร้เทียบเทียม ไม่สำคัญหรอก”

“ฮ่าๆ แพ้นั้นไม่สำคัญ แต่ถ้าชนะคงสมเหตุสมผลสินะ?”

เวลานี้จู่ๆ ปักกิ่งก็มีคนเอ่ยขึ้นว่า “เซี่ยงไฮ้ก็คือเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่งก็คือปักกิ่ง หวังจินหยางคว้าประโยชน์อะไรจากปักกิ่งไม่ได้ ได้ยินว่าจางซวี่กลับมา เจ้าเด็กนั่นกลับวิ่งแจ้นไปทันที ยังนับว่าฉลาดจริงๆ”

“ปักกิ่งไปเรียนรู้ทักษะคุยโวพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ปักกิ่งก็อย่าเอาแต่เรื่องเก่าๆ มาพูดสิ หลายปีมานี้เซี่ยงไฮ้พยายามอย่างหนัก จะเป็นลาหรือม้า ลากออกมาเดินสักหน่อยก็รู้แล้ว”

“…”

ปรมาจารย์พวกนี้ไม่ได้แสดงออกว่าเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่ยืนหยัดต่อสู้แบบเดี่ยวๆ ต่างฝ่ายต่างแสดงอำนาจของตัวเอง

มักจะเดี๋ยวพวกคุณไม่พอใจฉัน เดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นฉันไม่พอใจพวกคุณ

คนตัวเล็กๆ อย่างพวกฟางผิงฟังอย่างเพลิดเพลิน แทบจะลืมการประลองด้านล่างไปซะแล้ว

ดีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดขึ้นมา ตัดบทสนทนาของทุกคน

เวทีด้านล่าง การประลองได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!

บนจอใหญ่มีการเผยลำดับการลงสนามทั้งสองฝ่ายออกมาล่วงหน้า

ปักกิ่ง : หานซวี่ หลี่หราน จางเจิ้นกวง…

พันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ : ซุนหมิงอวี่ ไป๋อิ่น…เฉินเจียเซิง

รอบแรกทั้งสองฝ่ายต่างให้หัวหน้าทีมลงสนาม เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างอยากชนะในรอบแรก

ตอนนี้ทุกคนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของคู่ต่อสู้ หากพ่ายแพ้รอบแรกอาจจะทำลายขวัญกำลังใจคนที่เหลือ ให้คนที่แข็งแกร่งออกคนแรกย่อมดีที่สุด

หัวหน้าทีมของพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ลงสนามคนแรก เฉินเจียเซิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองคุมท้ายทัพ เกรงว่าจะป้องกันถูกเอาชนะรวดห้าคนจนขายหน้าขายตาคนอื่น

พวกฟางผิงรีบรวมรวบสมาธิกลับมา ไม่ฟังการประชันฝีปากของเหล่าปรมาจารย์อีกแล้ว

———————

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *