ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 192-2 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 192-2 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 192 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม (2)

ฟางผิงไม่พูดมากอีก นั่งขัดสมาธิกับพื้น เริ่มตรวจสอบร่างกายตัวเอง

ทรัพย์สิน : 21,000,000

ปราณ : 525 แคล (525 แคล)

จิตใจ : 443 เฮิรตซ์ (443 เฮิรตซ์)

หลอมกระดูก : 126 ชิ้น (90%) , 80 ชิ้น (30%)

เพราะยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งสิบเม็ดจากพานเสี่ยวหยาง เงินสดสองล้าน รวมทั้งเงินที่เหล่าหวังโอนมา ทำให้ค่าทรัพย์สินของฟางผิงทะลุยี่สิบล้านอีกครั้ง

ส่วนเงินสด ก่อนหน้านี้ฟางผิงทำสถิติสูงสุดไว้ที่ยี่สิบเจ็ดล้านเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่ได้เยอะขนาดนั้นแล้ว เช้าตรู่เขาไปฝ่ายบริการซื้อยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ด ยาเสริมสร้างกระดูกขั้นสองและยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นสองอย่างละหนึ่งเม็ด

ราคาตลาดอยู่ที่สามล้านเจ็ดแสน ถูกฟางผิงต่อรองจนเหลือสามล้านห้าแสน

ตอนนี้เงินสดฟางผิงจึงเหลืออยู่ยี่สิบสามล้านห้าแสน

ทุกอย่างอยู่ในสภาวะสูงสุด ฟางผิงสงบจิตใจลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังเคาน์เตอร์บริการที่อยู่ด้านข้าง

“เปิดห้องฝึกวิชาหน่อยครับ”

“กี่ชั่วโมง?”

ฟางผิงหันไปมองหลู่เฟิ่งโหรว หลู่เฟิ่งโหรวตอบอย่างไม่ยี่หระ “ห้าชั่วโมง เวลาที่เหลือใช้ปรับสภาพร่างกายได้”

“ห้าสิบคะแนน”

ผู้ฝึกยุทธ์ประจำเคาน์เตอร์ดูเข้มงวดอย่างมาก ไม่มีท่าทีว่าจะต่อรองได้เลยสักนิด

ฟางผิงมองหลู่เฟิ่งโหรวอีกครั้ง หลู่เฟิ่งโหรวถลึงตาใส่เขา มองฉันมีประโยชน์หรือไง? คิดว่าฉันจะจ่ายเงินให้เธอ?

ฟางผิงยิ้มเจื่อน เหมือนจะจำได้ว่าตอนแรกอาจารย์บางคนพูดซะน่าฟังเชียว ‘มาเป็นลูกศิษย์ฉัน กินยาบำรุงได้ตามใจ’

ตอนนี้ล่ะ!

ห้าสิบคะแนน เธอไม่คิดจะจ่ายเงินช่วยลูกศิษย์สักหน่อย ใช้ชื่อ ‘อู่อู๋ตี๋’ (ยุทธ์ไร้พ่าย) ไม่อายบ้างหรือไง?

ในบัตรผู้ฝึกยุทธ์เหลือแค่แปดสิบคะแนน ฟางผิงจ่ายเงินแล้วก็นำบัตรไปทาบประตู เหลือแค่สามสิบคะแนนเท่านั้น

เดินเข้าไปในห้องฝึกวิชา ฟางผิงบ่นอุบอิบไปพลาง “จะแพงเกินไปแล้ว”

ห้าสิบคะแนน ตั้งหนึ่งล้านห้าแสน!

“เธอเข้าไปก็จะรู้เอง”

ไม่นานฟางผิงก็เข้าใจความหมายของหลู่เฟิ่งโหรว

ชั่วพริบตาที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องฝึกวิชา ฟางผิงพลันรู้สึกสบายไปทั่วร่าง

ปราณพลุกพล่านสุดขีด กระทั่งพลังจิตใจที่แทบไม่ได้ใช้มาโดยตลอด ยังดูเหมือนกำลังกระโดดโลดเต้น

“นี่คือประสิทธิภาพของพลังงานแร่อย่างนั้นเหรอครับ?”

“อืม รู้สึกดีสินะ? ฝึกวิชาที่นี่ ปราณจะฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ทั้งปราณพลุกพล่านยิ่งทำให้ความรู้สึกฉับไว หลอมกระดูกได้ละเอียดยิ่งขึ้น ทะลวงเส้นเลือดได้ง่ายกว่าเดิมเช่นกัน รอเธอสะสมคะแนนได้เยอะแล้ว มาฝึกวิชาที่นี่บ่อยๆ ได้”

ฟางผิงไม่รับบทสนทนา มีเงินเยอะจะให้เอาไปเผาหรือไง

แต่ฝึกวิชาและทะลวงขั้นที่นี่ถือว่ามีประโยชน์จริงๆ

ไม่สิ้นเปลืองเวลาอีก ฟางผิงนั่งขัดสมาธิไขว้ขา เตรียมจะทะลวงเส้นเลือดเข้าสู่ขั้นสาม

หลู่เฟิ่งโหรวนั่งมองอยู่ด้านข้าง เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “จับสัมผัสตำแหน่งของเส้นเลือดให้ดี อย่าลืมว่าต้องจับสัมผัสให้ชัดเจน อย่าทะลวงเส้นเลือดที่กระดูกสันหลังมั่วซั่ว”

“ครับ”

ฟางผิงตอบรับ เริ่มปิดตาปรับสมดุล ผ่านไปสักพักจึงเริ่มเคล็ดวิชาหลอมกระดูก จับสัมผัสของเส้นเลือดที่อยู่ใกล้ๆ โครงกระดูกแกนกลาง

เห็นฟางผิงจมดิ่งในความเงียบ ตอนแรกหลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้สนใจ

ผ่านไปสักพัก จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น

“พลังจิตใจ…”

หลู่เฟิ่งโหรวเกิดความสงสัยในใจเล็กน้อย ฟางผิงกำลังใช้พลังจิตใจในการจับสัมผัสเส้นเลือด?

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างคนหนึ่ง รับรู้ถึงพลังจิตใจตัวเองได้ด้วยหรือไง?

พลังจิตใจเป็นพลังหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับมนุษย์ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำกว่าขั้นสาม พลังจิตใจจะค่อนข้างอ่อนแอ เดิมทีแทบไม่อาจรับรู้ได้

แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง ก็มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกถึงจะมีโอกาสรับรู้พลังในร่างกายอีกอย่างหนึ่งของตัวเอง

ฟางผิง…เหมือนว่ากำลังใช้พลังจิตใจสัมผัสกับเส้นเลือด!

พลังจิตใจมองไม่เห็น ไร้รูปร่าง แต่มีความผันผวนอย่างยิ่ง มีเพียงพวกผู้ฝึกยุทธ์ที่เคยสัมผัสเคยรับรู้มาก่อนเท่านั้นที่จะจับสังเกตได้

หรือจะพูดว่ามีแค่หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ขั้นหกสูงสุดเท่านั้นที่รับรู้ได้ เปลี่ยนเป็นไป๋รั่วซีคงจับสังเกตไม่ได้

“เจ้าเด็กนี่…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“พรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด?”

หลู่เฟิ่งโหรวจมดิ่งในความเงียบ เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

นี่ไม่ได้หมายความว่าหากฟางผิงเข้าสู่ขั้นหกจะมีโอกาสทะลวงเป็นปรมาจารย์สูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปหรอกเหรอ?

“ผู้สืบทอดปรมาจารย์?”

ความคิดนี้ทำให้หลู่เฟิ่งโหรวตกใจเสียยกใหญ่

มองฟางผิงอย่างลึกล้ำอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้ว่าหลู่เฟิ่งโหรวคิดอะไรอยู่ เดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็ส่ายหัว

อันที่จริงฟางผิงไม่รู้เรื่องพวกนี้ หลู่เฟิ่งโหรวคิดว่าเขาใช้พลังจิตใจ จริงๆ แล้วฟางผิงกลับไม่มีความคิดอย่างนี้

เขาแค่ฟังจากคำพูดของหลู่เฟิ่งโหรว จับสัมผัสเส้นเลือดของตัวเองอย่างระมัดระวัง

ปรากฏว่าเพราะอยู่ในห้องแหล่งพลังงาน มีพลังงานแร่ พลังจิตใจจึงพลุกพล่านค่อนข้างมาก

เขาเพ่งสมาธิไปกับการรับรู้ตำแหน่งเส้นเลือดเท่านั้น ปรากฏว่าในหัวราวกับมีภาพองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์โผล่ขึ้นมาจริงๆ นี่เหนือความคาดหมายของฟางผิงเช่นกัน

แต่ฟางผิงเห็นเรื่องประหลาดจนชินแล้ว ในความคิดเขา นี่ไม่ใช่เรื่องเยี่ยมยอดอะไร

ตอนที่เขาฝึกวิชา อันที่จริงบางครั้งยังสามารถรับรู้ถึงสภาวะของปราณที่ไหลเวียนในเส้นเลือดภายในร่างกาย เพียงแค่ไม่ชัดเจนเหมือนครั้งนี้เท่านั้น

สามารถสัมผัสถึงตำแหน่งเส้นเลือดได้ชัดเจน ต่อไปก็ง่ายขึ้นแล้ว

ฟางผิงเริ่มใช้ปราณทะลวงเส้นเลือดที่ถูกปิดกั้นพวกนี้

หนึ่งเส้น สองเส้น…

ไม่นานฟางผิงก็ทะลวงเส้นเลือดติดต่อกันกว่าสิบสาย

“ง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้ไม่น้อย เหล่าหลู่พูดซะฉันกลัวไปหมด…”

ฟางผิงใจลอยอยู่เล็กน้อย พอใจลอย ภาพวงจรเส้นเลือดในหัวพลันหายแวบไปทันที

ฟางผิงหัวใจบีบรัด รีบทิ้งความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ไป เริ่มจับสัมผัสอย่างละเอียดขึ้นมาอีกครั้ง

หลู่เฟิ่งโหรวที่เตรียมจะลงมือ เห็นฟางผิงฟื้นฟูปราณเป็นปกติ จึงกลับไปนั่งที่เดิม ขมวดคิ้วเล็ดน้อย เจ้าเด็กนี่คงจะไม่ล้มเหลวหรอกนะ?

แต่พอเห็นครู่ต่อมาฟางผิงราบรื่นดี หลู่เฟิ่งโหรวจึงวางใจ

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทั่วร่างของฟางผิงเต็มไปด้วยเลือดเสีย

จู่ๆ ก็ยื่นมือมาคว้ายาป้องกันอวัยวะภายในและยาเสริมสร้างกระดูกกลืนลงไป หลู่เฟิ่งโหรวแทบจะหลุดปากด่า!

ทะลวงเส้นเลือดกระดูกสันหลังแล้ว ยังจะอัดยาอีก กลัวตายถึงขั้นไหนกันแน่!

การทะลวงกระดูกอกและซี่โครงไม่ได้อันตรายขนาดนั้น มีโอกาสน้อยที่จะบาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน

‘ดูจากสภาพนี้ของนาย ถึงฉันจะมียาบำรุงเยอะกว่านี้ก็ไม่ให้เพิ่มหรอก!’

หลู่เฟิ่งโหรวลอบด่าในใจ เธอไม่ได้ขี้เหนียวเหมือนที่ฟางผิงคิดขนาดนั้น

เหตุผลที่ไม่ให้ยาบำรุงฟางผิงเป็นเพราะหมอนี่แทบไม่เห็นว่ายาเป็นยา ช่วงประลองแข่งขันอัดยา เวลาปกติขายยา ตอนที่ทะลวงขั้นเตรียมยาบำรุงครบครันยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกครั้งแรกซะอีก

ให้ยาบำรุงกับคนประเภทนี้สิ้นเปลืองเกินไป!

สองชั่วโมงให้หลัง

เพื่อปกปิดความลับ ระหว่างทางฟางผิงจึงกลืนยาบำรุงขั้นสองลงไป

ตอนนี้จู่ๆ ก็ลืมขึ้น เอ่ยด้วยใบหน้าดีใจ “ทะลวงแล้ว!”

“อืม”

หลู่เฟิ่งโหรวไม่แปลกใจสักนิด ทะลวงเส้นเลือดกระดูกสันหลังยี่สิบหกสายเสร็จ เธอก็รู้แล้วว่าไม่มีอันตรายแล้ว

“ปรับสภาพร่างกายสักหน่อย ฉันขอตัวก่อน”

“อาจารย์ ผมใช้ยาบำรุงเลือดและปราณฟื้นฟูไปแล้ว…”

หลู่เฟิ่งโหรวทำเป็นไม่ได้ยิน ก้าวเท้าออกจากห้องฝึกวิชาทันที ไปหลอกเอากับผีสิ!

——————–

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *