ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 142 ใช้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถแข็งแกร่งได้ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 142 ใช้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถแข็งแกร่งได้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 142 ใช้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถแข็งแกร่งได้ (1)

กลับมาถึงหอพัก

ฟางผิงตรงดิ่งไปที่ห้องฟู่ชางติ่งทันที

รอจนฟู่ชางติ่งเปิดประตู ฟางผิงรีบเอ่ยว่า “ขายยา ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งร้อยเม็ด ขั้นหนึ่งแปดเม็ด ยาหลอมกระดูกขั้นหนึ่งห้าเม็ด!”

“ให้ตายเถอะ!”

ฟู่ชางติ่งชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างยากจะเชื่อ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ยังจะขายอีก! อีกอย่างครั้งนี้นายหาเงินได้เท่าไหร่กัน?”

ครั้งก่อนฟางผิงขายยาบำรุงได้เกือบสิบล้าน!

ตอนนี้มาอีกแล้ว

ฟางผิงเจ้าหมอนี้ตกลงหาเงินในภารกิจได้เท่าไหร่กัน?

ฟางผิงโบกมือว่า “อย่าพูดมาก ที่บ้านนายจะซื้อหรือเปล่า? ไม่ซื้อฉันจะไปถามกับพวกหยางเสี่ยวม่าน”

พื้นฐานครอบครัวของคนพวกนี้ค่อนข้างดี พ่อของจ้าวเหล่ยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ส่วนทางบ้านของหยางเสี่ยวม่าน ฟางผิงไม่เคยถาม แต่อย่างน้อยที่สุดคงมีผู้อาวุโสอยู่ขั้นสี่ขั้นห้าเหมือนกัน

ยิ่งครอบครัวใหญ่เท่าไหร่ความต้องการซื้อยาบำรุงก็มีสูงขึ้นเท่านั้น

อย่างฟางผิง หากเขาไม่ต้องใช้ค่าทรัพย์สิน การฝึกวิชาหนึ่งเดือน อย่างน้อยต้องใช้ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสิบเม็ด

หนึ่งร้อยเม็ดฟังดูเหมือนมาก ความจริงนับว่าเป็นจำนวนที่ผู้ฝึกยุทธ์ใกล้เข้าขั้นหนึ่งสูงสุดอย่างฟู่ชางติ่งต้องใช้สำหรับฝึกวิชาในเวลาหนึ่งปี

“ซื้อ!”

ฟู่ชางติ่งไร้คำจะพูดอยู่บ้าง แต่ยังคงให้ฟางผิงเข้ามาในห้อง ครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “ยาบำรุงพวกนี้ของนาย ตามราคาตลาดคงสิบสี่ล้านเก้าแสนหยวนสินะ?”

“อืม”

“ลดสิบสองเปอร์เซ็นต์ เหลือสิบสามล้าน ไม่ถือว่าต่ำแล้ว”

ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกๆ “นายคิดว่าฉันคำนวณไม่เป็นหรือไง? สิบสองเปอร์เซ็นต์ต้องเป็นสิบสามล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันสิ นายจงใจเอายาบำรุงฉันไปหนึ่งเม็ดชัดๆ?”

“ฉัน…นาย…”

ฟู่ชางติ่งแทบจะกระอักเลือด การซื้อของจำนวนมากแบบนี้ ปัดเศษขึ้นไปไม่ใช่เรื่องปกติหรอกเหรอ?

เขาชำเลืองมองฟางผิง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ยาบำรุงเก็บไว้นานจะสูญเสียประสิทธิภาพ ครั้งก่อนซื้อไปตั้งมาก ยังใช้ไม่หมดเลย อีกอย่างพวกเราทำการค้าขายส่วนตัว นายไม่เสียแม้แต่ภาษีด้วยซ้ำ ปัดเศษแค่นี้ไม่ได้เหรอไง?”

“ช่างเถอะ งั้นสิบสามล้านก็ได้ เย็นนี้นายต้องเลี้ยงข้าวฉัน”

“นายสิต้องเป็นคนเลี้ยง!”

ฟู่ชางติ่งเผยสีหน้าขุ่นเคือง เจ้าหมอนี้ขายยาให้เขาสองครั้ง ปาไปแล้วกว่ายี่สิบสองล้าน!

ตอนนี้นึกไม่ถึงว่ายังต้องให้เขาเลี้ยงข้าว

แต่ลดสิบสองเปอร์เซ็นต์ ถือว่าถูกกว่าพวกเขาซื้อเองหน่อย เลี้ยงก็เลี้ยงเถอะ

ครุ่นคิดแล้ว ฟู่ชางติ่งยังคงถามว่า “ฟางผิง ของบางอย่างใช้เงินซื้อไม่ได้ ในความคิดของฉัน ตอนนี้นาย…”

ฟางผิงขายยำบำรุงเยอะขนาดนี้ เดาได้ไม่ยาก คะแนนคงไม่เหลือแล้ว

นี่เพิ่งจะอยู่ขั้นหนึ่ง ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสกำลังดี ฟางผิงถึงสามารถสะสมคะแนนได้เยอะขนาดนี้

หลังจากนี้ไปอาจไม่โชคดีแบบนี้เสมอไปแล้ว

ฟางผิงใช้คะแนนเอามาแลกเป็นเงินแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไปใช้อะไร

ฟางผิงไม่มีครอบครัวคอยสนับสนุน เป็นแบบนี้ต่อไป ภายหลังเมื่อถึงขั้นสอง สิ้นเปลืองการฝึกวิชาหนักกว่านี้ จะไปหาทรัพยากรมากมายขนาดนั้นจากที่ไหนกัน

“ไม่เป็นไร ฉันคิดทุกอย่างไว้แล้ว”

ฟางผิงไม่พูดมาก เอายาบำรุงให้ฟู่ชางติ่ง ฟู่ชางติ่งตรวจอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง ก่อนจะโทรศัพท์หาพ่อ

พ่อเขาก็ไม่ปฏิเสธอะไร ของพวกนี้ต่างเป็นยาที่จำเป็นต้องใช้บ่อยๆ

หากฟางผิงขายจำพวกยาป้องกันอวัยวะหนึ่งร้อยเม็ด คงขายยากกว่านี้

แต่ยาบำรุงเลือดและปราณกับยาหลอมกระดูก ล้วนเป็นที่ต้องการของผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออก

ทั้งสองคนไม่ได้ซื้อขายกันเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่นาน ฟางผิงก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน

เงินคงเหลือ : 14,500,000

ทั้งเวลานี้ค่าทรัพย์สินมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ระบบคาดการณ์ราคายาบำรุงไว้ที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาตลาด ความต่างแทบไม่ห่างกันมาก

ตอนนี้ฟางผิงขายยาบำรุงออกไปแปดสิบแปดเปอร์เซ็นต์ของราคา ชั่วพริบตาก็ได้เพิ่มขึ้นมาสิบแปดเปอร์เซ็นต์

แน่นอนว่า ไม่ได้ตรงตัวขนาดนั้น บางครั้งระบบก็ประเมินให้ทั้งสูงและต่ำอยู่บ้าง

ครั้งนี้ค่าทรัพย์สินของฟางผิงเพิ่มขึ้นมาสองล้านหกแสนหยวน รวมกับเพิ่งแลกเปลี่ยนยาบำรุงเมื่อครู่เพิ่มขึ้นมาห้าแสนหยวน

ค่าทรัพย์สินของฟางผิงจึงแตะไปถึงสามล้านหนึ่งแสนหยวน

เวลานี้ทรัพย์สินทั้งหมดของฟางผิงสูงถึงสิบห้าล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นหยวนแล้ว

ความเสียใจที่หมดเงินซื้อดาบเป็นจำนวนมากหายวับไปกับตาทันที

ฟางผิงคำนวณอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ตัวเองเรียกได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีแล้ว

เงินสดเกือบสิบห้าล้าน ยังมีบริษัทมูลค่าสิบล้าน อาวุธเกือบสิบล้าน ในมือยังมียาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองสองเม็ด

ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ คนที่เป็นเหมือนตัวเองได้ อย่างน้อยคงต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่แล้ว?

กลับมาถึงห้องตัวเอง ฟางผิงจึงโทรหาคนที่บ้าน

คนที่รับสายคือหลี่อวี้อิง ฟางผิงยังไม่ทันได้คุยกับแม่ มือถือกลับถูกน้องสาวชิงไปก่อน

วันนี้เป็นวันหยุด ฟางหยวนไม่ได้ไปโรงเรียน

คว้ามือถือมาได้ ฟางหยวนก็ยิ้มหน้าบานทันที “ฟางผิง อยู่มหาวิทยาลัยติดขัดเรื่องเงินหรือเปล่า? ให้ฉันโอนเงินช่วยค่าใช้จ่ายให้เอาไหม…”

“หา?”

ฟางผิงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “เธอขายอะไรของฉันไปอีกแล้ว?”

“เชอะ ใครขายของนายกัน!”

ฟางหยวนปฏิเสธทันที หัวเราะว่า “ฉันหาเงินเอง อีกอย่างตอนนี้ฉันเป็นอาจารย์แล้ว”

“หื้ม?”

“ก็สอนจวงกงไง ทุกวันเลิกเรียนสอนหนึ่งชั่วโมง คนหนึ่งเก็บสิบหยวน ตอนนี้ฉันสอนหลายสิบคน วันหนึ่งมีรายรับร้อยกว่าหยวนแล้ว…”

ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้ตำหนิเธอ เอ่ยอย่างจนใจว่า “สิบหยวนต่อหนึ่งชั่วโมง? เธอนี่สายตาคับแคบจริงๆ?”

แม้ว่าจวงกงของฟางหยวนจะไม่ได้ดีเลิศ แต่เรื่องเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์มีแค่คำเดียวเท่านั้น…แพง!

ยังไงจวงกงของฟางหยวนก็มีฟางผิงเป็นคนสอน จวงกงของฟางผิงแตะถึงระดับสองแล้ว แทบจะมีโอกาสเข้าสู่ระดับสามอีกไม่นาน

ส่วนจวงกงของเขา หวังจินหยางเป็นคนให้คำแนะนำ

หวังจินหยางแข็งแกร่งกว่าฟางผิง

เมื่อลองคิดดูแล้ว ที่ไปที่มาจวงกงของฟางหยวนนั้นไม่ได้อ่อนด้อยเลย

อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าที่สองพี่น้องตระกูลถานได้รับถ่ายทอดในปีนั้น จวงกงของสองพี่น้องนั้นมาจากถานเจิ้งผิง

แม้ฟางหยวนจะสอนวิธีการถูกๆ ผิดๆ อยู่บ้าง แต่สิบหยวนต่อหนึ่งชั่วโมง แทบไม่คุ้มค่าอะไรจริงๆ

ว่าแล้ว ฟางผิงก็ครุ่นคิด “สอนจวงกงได้ แต่สอนพื้นฐานแค่เล็กน้อยเท่านั้น อย่าได้สอนอย่างอื่นมั่วซั่ว คนอื่นปราณไม่เพียงพอ หากฝึกวิชาลึกขึ้นไปอีก กลับจะทำร้ายร่างกายได้ เข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม?”

เรียนจวงกงจากท่าหม่าปู้ นั่นเป็นฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง

แต่หากเรียนจากจวงกงจริงๆ ถือเป็นการสิ้นเปลืองปราณจำนวนมาก เพื่อนนักเรียนของฟางหยวนพวกนั้นรับไม่ไหว จะทำร้ายร่างกายได้ง่าย

“รู้แล้ว ฉันบอกพวกเธอไปแล้ว พวกเธอเข้าใจเหมือนกัน แค่เรียนไปอย่างนั้นแหละ ฟางผิง นายจะให้ฉันโอนเงินให้ไหม?”

“เก็บไว้ใช้เองเถอะ ช่วงนี้ฉันหาได้ไม่น้อยเหมือนกัน…”

“นายหาได้เหมือนกัน?”

“อืม”

“หาได้เท่าไหร่?”

“ประมาณสิบล้านล่ะมั้ง”

“ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆ บ้าบออะไร ไม่เชื่อก็แล้วแต่ เอาโทรศัพท์ให้แม่”

ไม่นาน โทรศัพท์จึงถูกส่งให้หลี่อวี้อิง ฟางผิงยังได้ยินฟางหยวนบ่นอยู่ด้านข้าง “แม่คะ ฟางผิงคุยโวอีกแล้ว บอกว่าเขาหาเงินได้สิบล้าน หนูหวังดีจะส่งค่ากินอยู่ให้เขา เขายังตีหน้าซื่อบอกไม่เอา…”

ฟางผิงไม่สนใจเธอ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ครับ ผมโอนเงินเข้าบัตรของที่บ้านห้าแสน ที่บ้านต้องใช้เงิน อย่าประหยัดเลยนะครับ”

“ห้าแสน? ผิงผิง…”

“แม่ครับ แค่ห้าแสนไม่ได้มากมายอะไร ผมทำคะแนนได้ดีในมหาวิทยาลัย อาจารย์ถูกชะตาผม ส่งยาบำรุงราคาหลายแสนให้ ยังไงถ้าขาดเหลือเรื่องเงินก็บอกผม อีกอย่างดูเจ้าเด็กแสบนั่นให้ดีด้วยนะครับ ตอนนี้เด็กนั่นแทบจะเอาแต่คิดเรื่องหาเงิน อย่าให้เธอก่อเรื่องใหญ่ละกัน”

“เด็กคนนี้…แม่ได้ยินเขาคุยกันว่าเรียนศิลปะการต่อสู้ใช้เงินเยอะจะตาย ที่บ้านไม่ช่วยเหลือลูกก็แล้วไป แต่ลูกยังส่งเงินให้ที่บ้านอีก แม่กับพ่อจำเป็นต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน…”

“กันไว้ดีกว่าแก้นี่ครับ แม่เก็บไว้ใช้เถอะ ตอนนี้ผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว แม่กับพ่ออย่าได้ประหยัดเลย แม่ก็รู้ ผู้ฝึกยุทธ์มีหน้ามีตาขนาดไหน ถ้าพ่อแม่ผมแต่งตัวซอมซ่อ กินอยู่อย่างอดอยาก คนอื่นจะมองผมยังไง ซื้อของซื้อเสื้อผ้าดีๆ สักหน่อย เรียนขับรถอะไรก็ได้ครับ อย่าให้พ่อขี่มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าอีกเลย ทำใบขับขี่แล้วซื้อรถยนต์สักคันเถอะครับ”

ฟางผิงพูดชักจูงพักใหญ่ หลี่อวี้อิงเห็นเขาพูดแบบนั้น จึงลังเลอยู่บ้าง

ลูกชายพูดถูก ผู้ฝึกยุทธ์นั้นมีหน้ามีตา พวกเขากินอยู่อย่างประหยัดกลับไม่เป็นไร แต่หากแต่งตัวซอมซ่อ เรื่องเผยแพร่ออกไป จะไม่ใช่ขายหน้าลูกชายหรอกหรือ?

———————-

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 142 ใช้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถแข็งแกร่งได้ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 142 ใช้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถแข็งแกร่งได้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 142 ใช้เงินเท่านั้นถึงจะสามารถแข็งแกร่งได้ (1)

กลับมาถึงหอพัก

ฟางผิงตรงดิ่งไปที่ห้องฟู่ชางติ่งทันที

รอจนฟู่ชางติ่งเปิดประตู ฟางผิงรีบเอ่ยว่า “ขายยา ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งร้อยเม็ด ขั้นหนึ่งแปดเม็ด ยาหลอมกระดูกขั้นหนึ่งห้าเม็ด!”

“ให้ตายเถอะ!”

ฟู่ชางติ่งชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างยากจะเชื่อ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ยังจะขายอีก! อีกอย่างครั้งนี้นายหาเงินได้เท่าไหร่กัน?”

ครั้งก่อนฟางผิงขายยาบำรุงได้เกือบสิบล้าน!

ตอนนี้มาอีกแล้ว

ฟางผิงเจ้าหมอนี้ตกลงหาเงินในภารกิจได้เท่าไหร่กัน?

ฟางผิงโบกมือว่า “อย่าพูดมาก ที่บ้านนายจะซื้อหรือเปล่า? ไม่ซื้อฉันจะไปถามกับพวกหยางเสี่ยวม่าน”

พื้นฐานครอบครัวของคนพวกนี้ค่อนข้างดี พ่อของจ้าวเหล่ยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ส่วนทางบ้านของหยางเสี่ยวม่าน ฟางผิงไม่เคยถาม แต่อย่างน้อยที่สุดคงมีผู้อาวุโสอยู่ขั้นสี่ขั้นห้าเหมือนกัน

ยิ่งครอบครัวใหญ่เท่าไหร่ความต้องการซื้อยาบำรุงก็มีสูงขึ้นเท่านั้น

อย่างฟางผิง หากเขาไม่ต้องใช้ค่าทรัพย์สิน การฝึกวิชาหนึ่งเดือน อย่างน้อยต้องใช้ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสิบเม็ด

หนึ่งร้อยเม็ดฟังดูเหมือนมาก ความจริงนับว่าเป็นจำนวนที่ผู้ฝึกยุทธ์ใกล้เข้าขั้นหนึ่งสูงสุดอย่างฟู่ชางติ่งต้องใช้สำหรับฝึกวิชาในเวลาหนึ่งปี

“ซื้อ!”

ฟู่ชางติ่งไร้คำจะพูดอยู่บ้าง แต่ยังคงให้ฟางผิงเข้ามาในห้อง ครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “ยาบำรุงพวกนี้ของนาย ตามราคาตลาดคงสิบสี่ล้านเก้าแสนหยวนสินะ?”

“อืม”

“ลดสิบสองเปอร์เซ็นต์ เหลือสิบสามล้าน ไม่ถือว่าต่ำแล้ว”

ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกๆ “นายคิดว่าฉันคำนวณไม่เป็นหรือไง? สิบสองเปอร์เซ็นต์ต้องเป็นสิบสามล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันสิ นายจงใจเอายาบำรุงฉันไปหนึ่งเม็ดชัดๆ?”

“ฉัน…นาย…”

ฟู่ชางติ่งแทบจะกระอักเลือด การซื้อของจำนวนมากแบบนี้ ปัดเศษขึ้นไปไม่ใช่เรื่องปกติหรอกเหรอ?

เขาชำเลืองมองฟางผิง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ยาบำรุงเก็บไว้นานจะสูญเสียประสิทธิภาพ ครั้งก่อนซื้อไปตั้งมาก ยังใช้ไม่หมดเลย อีกอย่างพวกเราทำการค้าขายส่วนตัว นายไม่เสียแม้แต่ภาษีด้วยซ้ำ ปัดเศษแค่นี้ไม่ได้เหรอไง?”

“ช่างเถอะ งั้นสิบสามล้านก็ได้ เย็นนี้นายต้องเลี้ยงข้าวฉัน”

“นายสิต้องเป็นคนเลี้ยง!”

ฟู่ชางติ่งเผยสีหน้าขุ่นเคือง เจ้าหมอนี้ขายยาให้เขาสองครั้ง ปาไปแล้วกว่ายี่สิบสองล้าน!

ตอนนี้นึกไม่ถึงว่ายังต้องให้เขาเลี้ยงข้าว

แต่ลดสิบสองเปอร์เซ็นต์ ถือว่าถูกกว่าพวกเขาซื้อเองหน่อย เลี้ยงก็เลี้ยงเถอะ

ครุ่นคิดแล้ว ฟู่ชางติ่งยังคงถามว่า “ฟางผิง ของบางอย่างใช้เงินซื้อไม่ได้ ในความคิดของฉัน ตอนนี้นาย…”

ฟางผิงขายยำบำรุงเยอะขนาดนี้ เดาได้ไม่ยาก คะแนนคงไม่เหลือแล้ว

นี่เพิ่งจะอยู่ขั้นหนึ่ง ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสกำลังดี ฟางผิงถึงสามารถสะสมคะแนนได้เยอะขนาดนี้

หลังจากนี้ไปอาจไม่โชคดีแบบนี้เสมอไปแล้ว

ฟางผิงใช้คะแนนเอามาแลกเป็นเงินแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไปใช้อะไร

ฟางผิงไม่มีครอบครัวคอยสนับสนุน เป็นแบบนี้ต่อไป ภายหลังเมื่อถึงขั้นสอง สิ้นเปลืองการฝึกวิชาหนักกว่านี้ จะไปหาทรัพยากรมากมายขนาดนั้นจากที่ไหนกัน

“ไม่เป็นไร ฉันคิดทุกอย่างไว้แล้ว”

ฟางผิงไม่พูดมาก เอายาบำรุงให้ฟู่ชางติ่ง ฟู่ชางติ่งตรวจอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง ก่อนจะโทรศัพท์หาพ่อ

พ่อเขาก็ไม่ปฏิเสธอะไร ของพวกนี้ต่างเป็นยาที่จำเป็นต้องใช้บ่อยๆ

หากฟางผิงขายจำพวกยาป้องกันอวัยวะหนึ่งร้อยเม็ด คงขายยากกว่านี้

แต่ยาบำรุงเลือดและปราณกับยาหลอมกระดูก ล้วนเป็นที่ต้องการของผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออก

ทั้งสองคนไม่ได้ซื้อขายกันเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่นาน ฟางผิงก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน

เงินคงเหลือ : 14,500,000

ทั้งเวลานี้ค่าทรัพย์สินมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ระบบคาดการณ์ราคายาบำรุงไว้ที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาตลาด ความต่างแทบไม่ห่างกันมาก

ตอนนี้ฟางผิงขายยาบำรุงออกไปแปดสิบแปดเปอร์เซ็นต์ของราคา ชั่วพริบตาก็ได้เพิ่มขึ้นมาสิบแปดเปอร์เซ็นต์

แน่นอนว่า ไม่ได้ตรงตัวขนาดนั้น บางครั้งระบบก็ประเมินให้ทั้งสูงและต่ำอยู่บ้าง

ครั้งนี้ค่าทรัพย์สินของฟางผิงเพิ่มขึ้นมาสองล้านหกแสนหยวน รวมกับเพิ่งแลกเปลี่ยนยาบำรุงเมื่อครู่เพิ่มขึ้นมาห้าแสนหยวน

ค่าทรัพย์สินของฟางผิงจึงแตะไปถึงสามล้านหนึ่งแสนหยวน

เวลานี้ทรัพย์สินทั้งหมดของฟางผิงสูงถึงสิบห้าล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นหยวนแล้ว

ความเสียใจที่หมดเงินซื้อดาบเป็นจำนวนมากหายวับไปกับตาทันที

ฟางผิงคำนวณอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ตัวเองเรียกได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีแล้ว

เงินสดเกือบสิบห้าล้าน ยังมีบริษัทมูลค่าสิบล้าน อาวุธเกือบสิบล้าน ในมือยังมียาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองสองเม็ด

ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ คนที่เป็นเหมือนตัวเองได้ อย่างน้อยคงต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่แล้ว?

กลับมาถึงห้องตัวเอง ฟางผิงจึงโทรหาคนที่บ้าน

คนที่รับสายคือหลี่อวี้อิง ฟางผิงยังไม่ทันได้คุยกับแม่ มือถือกลับถูกน้องสาวชิงไปก่อน

วันนี้เป็นวันหยุด ฟางหยวนไม่ได้ไปโรงเรียน

คว้ามือถือมาได้ ฟางหยวนก็ยิ้มหน้าบานทันที “ฟางผิง อยู่มหาวิทยาลัยติดขัดเรื่องเงินหรือเปล่า? ให้ฉันโอนเงินช่วยค่าใช้จ่ายให้เอาไหม…”

“หา?”

ฟางผิงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “เธอขายอะไรของฉันไปอีกแล้ว?”

“เชอะ ใครขายของนายกัน!”

ฟางหยวนปฏิเสธทันที หัวเราะว่า “ฉันหาเงินเอง อีกอย่างตอนนี้ฉันเป็นอาจารย์แล้ว”

“หื้ม?”

“ก็สอนจวงกงไง ทุกวันเลิกเรียนสอนหนึ่งชั่วโมง คนหนึ่งเก็บสิบหยวน ตอนนี้ฉันสอนหลายสิบคน วันหนึ่งมีรายรับร้อยกว่าหยวนแล้ว…”

ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้ตำหนิเธอ เอ่ยอย่างจนใจว่า “สิบหยวนต่อหนึ่งชั่วโมง? เธอนี่สายตาคับแคบจริงๆ?”

แม้ว่าจวงกงของฟางหยวนจะไม่ได้ดีเลิศ แต่เรื่องเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์มีแค่คำเดียวเท่านั้น…แพง!

ยังไงจวงกงของฟางหยวนก็มีฟางผิงเป็นคนสอน จวงกงของฟางผิงแตะถึงระดับสองแล้ว แทบจะมีโอกาสเข้าสู่ระดับสามอีกไม่นาน

ส่วนจวงกงของเขา หวังจินหยางเป็นคนให้คำแนะนำ

หวังจินหยางแข็งแกร่งกว่าฟางผิง

เมื่อลองคิดดูแล้ว ที่ไปที่มาจวงกงของฟางหยวนนั้นไม่ได้อ่อนด้อยเลย

อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าที่สองพี่น้องตระกูลถานได้รับถ่ายทอดในปีนั้น จวงกงของสองพี่น้องนั้นมาจากถานเจิ้งผิง

แม้ฟางหยวนจะสอนวิธีการถูกๆ ผิดๆ อยู่บ้าง แต่สิบหยวนต่อหนึ่งชั่วโมง แทบไม่คุ้มค่าอะไรจริงๆ

ว่าแล้ว ฟางผิงก็ครุ่นคิด “สอนจวงกงได้ แต่สอนพื้นฐานแค่เล็กน้อยเท่านั้น อย่าได้สอนอย่างอื่นมั่วซั่ว คนอื่นปราณไม่เพียงพอ หากฝึกวิชาลึกขึ้นไปอีก กลับจะทำร้ายร่างกายได้ เข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม?”

เรียนจวงกงจากท่าหม่าปู้ นั่นเป็นฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง

แต่หากเรียนจากจวงกงจริงๆ ถือเป็นการสิ้นเปลืองปราณจำนวนมาก เพื่อนนักเรียนของฟางหยวนพวกนั้นรับไม่ไหว จะทำร้ายร่างกายได้ง่าย

“รู้แล้ว ฉันบอกพวกเธอไปแล้ว พวกเธอเข้าใจเหมือนกัน แค่เรียนไปอย่างนั้นแหละ ฟางผิง นายจะให้ฉันโอนเงินให้ไหม?”

“เก็บไว้ใช้เองเถอะ ช่วงนี้ฉันหาได้ไม่น้อยเหมือนกัน…”

“นายหาได้เหมือนกัน?”

“อืม”

“หาได้เท่าไหร่?”

“ประมาณสิบล้านล่ะมั้ง”

“ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆ บ้าบออะไร ไม่เชื่อก็แล้วแต่ เอาโทรศัพท์ให้แม่”

ไม่นาน โทรศัพท์จึงถูกส่งให้หลี่อวี้อิง ฟางผิงยังได้ยินฟางหยวนบ่นอยู่ด้านข้าง “แม่คะ ฟางผิงคุยโวอีกแล้ว บอกว่าเขาหาเงินได้สิบล้าน หนูหวังดีจะส่งค่ากินอยู่ให้เขา เขายังตีหน้าซื่อบอกไม่เอา…”

ฟางผิงไม่สนใจเธอ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ครับ ผมโอนเงินเข้าบัตรของที่บ้านห้าแสน ที่บ้านต้องใช้เงิน อย่าประหยัดเลยนะครับ”

“ห้าแสน? ผิงผิง…”

“แม่ครับ แค่ห้าแสนไม่ได้มากมายอะไร ผมทำคะแนนได้ดีในมหาวิทยาลัย อาจารย์ถูกชะตาผม ส่งยาบำรุงราคาหลายแสนให้ ยังไงถ้าขาดเหลือเรื่องเงินก็บอกผม อีกอย่างดูเจ้าเด็กแสบนั่นให้ดีด้วยนะครับ ตอนนี้เด็กนั่นแทบจะเอาแต่คิดเรื่องหาเงิน อย่าให้เธอก่อเรื่องใหญ่ละกัน”

“เด็กคนนี้…แม่ได้ยินเขาคุยกันว่าเรียนศิลปะการต่อสู้ใช้เงินเยอะจะตาย ที่บ้านไม่ช่วยเหลือลูกก็แล้วไป แต่ลูกยังส่งเงินให้ที่บ้านอีก แม่กับพ่อจำเป็นต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน…”

“กันไว้ดีกว่าแก้นี่ครับ แม่เก็บไว้ใช้เถอะ ตอนนี้ผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว แม่กับพ่ออย่าได้ประหยัดเลย แม่ก็รู้ ผู้ฝึกยุทธ์มีหน้ามีตาขนาดไหน ถ้าพ่อแม่ผมแต่งตัวซอมซ่อ กินอยู่อย่างอดอยาก คนอื่นจะมองผมยังไง ซื้อของซื้อเสื้อผ้าดีๆ สักหน่อย เรียนขับรถอะไรก็ได้ครับ อย่าให้พ่อขี่มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าอีกเลย ทำใบขับขี่แล้วซื้อรถยนต์สักคันเถอะครับ”

ฟางผิงพูดชักจูงพักใหญ่ หลี่อวี้อิงเห็นเขาพูดแบบนั้น จึงลังเลอยู่บ้าง

ลูกชายพูดถูก ผู้ฝึกยุทธ์นั้นมีหน้ามีตา พวกเขากินอยู่อย่างประหยัดกลับไม่เป็นไร แต่หากแต่งตัวซอมซ่อ เรื่องเผยแพร่ออกไป จะไม่ใช่ขายหน้าลูกชายหรอกหรือ?

———————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+