ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1)

หลู่เฟิ่งโหรวไปถ้ำใต้ดิน ต่อจากนี้ฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยทำได้แค่พึ่งตัวเองในการฝึกฝนวิชาเท่านั้น

ดีที่ช่วงนี้ทั้งสองคนต่างให้ความสำคัญกับการหลอมกระดูก หลู่เฟิ่งโหรวไม่อยู่เลยไม่กระทบอะไรมากมายนัก

พริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเข้าสู่วันเสาร์

วันนี้คลาสฝึกพิเศษไม่ได้เริ่มตอนเย็น แต่เป็นตอนสาย

ตอนเช้าพวกฟางผิงไม่ได้เข้าเรียนคลาสปกติอีกแล้ว ทุกคนไปรวมตัวที่ห้องฝึกซ้อมแห่งหนึ่งในตึกหก

อาจารย์ในครั้งนี้ไม่ใช่ไป๋รั่วซีอีกแล้ว

พวกฟางผิงไปถึงได้ไม่นาน หลัวอี้ชวนก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “รู้เรื่องถ้ำใต้ดินกันหมดแล้วใช่ไหม?”

ทุกคนต่างพยักหน้า

“ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ทางเซี่ยงไฮ้มีอาจารย์กว่าห้าสิบคนเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในถ้ำใต้ดินแล้ว พวกอธิการและ คณบดีตอนนี้ยังไม่มีเวลามายุ่งเรื่องคลาสฝึกพิเศษ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ความสนใจ เวลานี้เซี่ยงไฮ้จะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้แล้ว ปีหน้าการจัดสรรทรัพยากรอาจจะลดลงถึงสามส่วน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยงไฮ้ยอมรับได้ ดังนั้นการฝึกฝนต่อจากนี้ ทุกคนต้องให้ความสำคัญ!”

หลัวอี้ชวนเอ่ยต่อว่า “สิ่งที่ฉันจะสอนทุกคนคือการใช้อาวุธ แม้ว่านักศึกษาบางคนจะไม่ใช้อาวุธ แต่เมื่ออยู่ต่ำกว่าขั้นสาม ไม่อาจมองข้ามความได้เปรียบของการใช้อาวุธได้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาเอกหรือไม่ ยังจำเป็นต้องฝึกฝนเอาไว้ อย่างน้อยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จะได้สามารถใช้อาวุธอย่างถูกวิธี”

หลัวอี้ชวนสอนวิชาหอกเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้อาวุธอย่างอื่นไม่เป็น เรื่องอาวุธเย็น เขาก็มีความรู้อย่างลึกซึ้งเช่นกัน

“ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หรือจะพูดว่าในหมู่นักศึกษาใหม่ อาวุธที่ใช้มากที่สุดคือดาบ แต่ว่าในชีวิตประจำวัน สิ่งที่พวกเราหาง่ายที่สุด จับต้องได้มากที่สุดคือไม้พลอง วันนี้สิ่งที่ฉันจะสอนทุกคนก็คือทักษะการใช้พลองพื้นฐาน!”

“ไม้พลองที่เหมาะสมกับผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้มีเงื่อนไขสูงหรือต่ำจนเกินไป ตอนนี้ทุกคนเลือกไม้พลองที่ยาวกว่าตัวเองมาไม้หนึ่ง เลือกไม้ที่จับคล่องมือ ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป”

ทุกคนยังคงสนใจเกี่ยวกับการเรียนอาวุธไม่น้อย ฟังจบจึงทยอยกันไปเลือกไม้พลองมาอันหนึ่ง

รอจนทุกคนเลือกไม้พลองแล้ว ฟางผิงมองไปรอบๆ เห็นนักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนเรียงกันถือไม้พลอง จู่ๆ ก็รู้สึกอยากขำออกมา

ฉากแบบนี้…ดูเหมือนพรรคยาจกที่ถือไม้ตีหมาเตรียมจะไปแย่งข้าวกิน ขาดแค่คนถือชามข้าวเท่านั้น

สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา หลัวอี้ชวนสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว

หลัวอี้ชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยทันที “ฟางผิงออกมา!”

ฟางผิงรีบเดินออกมา

“ก่อนจะสอนพวกเธอใช้ไม้พลอง พวกเธอควรรู้ว่า แม้ไม้พลองจะไม่คม แต่ก็เปี่ยมด้วยพลังสังหาร!”

“ตอนนี้ฉันจะแสดงท่าพื้นฐานของวิชาพลองให้ทุกคนดู”

ระหว่างที่พูด หวังอี้ชวนมองไปยังฟางผิง “เธอขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าชั้น มาช่วยฉันแสดงประสิทธิภาพของวิชาพลองให้ทุกคนดูแล้วกัน”

ฟางผิงรู้สึกทะแม่งๆ อยู่บ้าง กลับทำได้แค่พยักหน้าว่า “ครับ”

“ดูให้ดีล่ะ!”

หลัวอี้ชวนพูดจบ ไม้พลองในมือก็แทงเข้ามาหาฟางผิงทันที!

ฟางผิงรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้เร็วมากมาย กำลังคิดจะถอยหลบ ใช้ไม้พลองในมือสกัด แต่เพราะใช้ไม้พลองเป็นครั้งแรก จึงไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ยังไม่ทันรอให้เขาสกัด ไม้พลองของหลัวอี้ชวนกลับแทงมาที่อกฟางผิงแล้ว!

“พลั่ก!”

ฟางผิงปวดแปลบที่อก ใบหน้าซีดเผือด รีบถอยกลับไปหลายก้าว

“ท่าพื้นฐานวิชาพลองมีไม่เยอะ ตี ฟาด แทง ตวัด ชัก ยก ทะลวง ยัน…”

“นี่คือแทง ต้องอาศัยความรวดเร็วและพลังมาก ไม่จำเป็นต้องแทงหน้าอกเสมอไป หัวใจ ลำคอล้วนเป็นเป้าหมายของพวกเรา!”

ระหว่างที่หลัวอี้ชวนพูดก็หมุนพลองไปทางฟางผิง “นี่คือฟาด ตอนที่ฟาดต้องใช้แรงที่มั่นคง ฉับไว!”

“พลั่ก!”

ครั้งนี้ฟางผิงรีบใช้พลองต้านไว้ สองมือนั้นกำพลองแน่น แม้จะนับว่าต้านพลองของหลัวอี้ชวนได้ แต่ฟางผิงกลับรู้สึกชามือทั้งสองข้าง ปวดอุ้งมือไปหมด

“เมื่ออีกฝ่ายต้าน เวลานี้สามารถฟาดต่อได้ ใช้แรงมากหน่อย!”

หลัวอี้ชวนไม่หยุดมือ ยังคงฟาดต่อ

เสียงไม้พลองกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ ฟางผิงใบหน้าแดงก่ำ ถอยหลังติดต่อกัน ทำได้เพียงใช้พลองสกัดต่อไป

“แน่นอนว่าคงไม่จบแค่นี้ ต้องรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์ อีกฝ่ายอยู่ในท่าตั้งรับ พลังและความสนใจจะรวมอยู่ที่ร่างท่อนบน ตอนนี้สามารถเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว วาดไม้พลองให้ติดพื้น เอนร่างให้สมดุลกัน ปล่อยพลังอย่างรุนแรงและว่องไวส่งไปให้ถึงหัวไม้พลอง!”

เขาพูดอย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวกลับเร็วอย่างยิ่งยวด

ฟางผิงยังถือพลองสกัด แต่ไม้ของหลัวอี้ชวนวาดเข้ามาแล้ว ไม่ใช่วาดมาที่เท้า แต่เป็นที่น่องของเขา

ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสี เคลื่อนไหวช้าไปอีกครั้ง ถูกไม้พลองของหลัวอี้ชวนวาดเข้าที่น่องซ้ายเต็มๆ

“ซี้ด…”

ฟางผิงขาปวดระบม อาการไม่สู้ดีอยู่บ้าง

หลัวอี้ชวนไม่ได้เบามือเลย!

“ต่อไปเป็นการตวัด!”

หลัวอี้ชวนไม่สนใจเขา เพิ่งจะวาดไม้พลองออกไป ก็เปลี่ยนท่าอีกครั้ง ตวัดไม้พลองขึ้นโจมตีไม้พลองในมือฟางผิง สะเทือนจนง่ามมือฟางผิงชาไปหมด แทบที่อยากจะปล่อยมือ

“นี่คือการยก!”

ไม้พลองเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสี จะตีที่ไหนอีก จุดสงวนหรือไง?

ฟางผิงรีบถอยหลัง หลัวอี้ชวนกลับตามประกบไม่ลดละ เปลี่ยนท่าไม้พลองอีกครั้ง “นี่คือการชัก!”

“นี่คือการทะลวง!”

“…”

หนึ่งนาทีต่อมา หลัวอี้ชวนเผยสีหน้าปกติ ไม่เหนื่อยหอบแต่อย่างใด เก็บพลองว่า “ฉันเพิ่งแสดงท่าพื้นฐานให้ทุกคนดู พวกเธอเข้าใจอย่างชัดเจนหรือยัง?”

“ยัง!”

หลายคนกำลังกลั้นขำ รีบตะโกนขึ้นมา

ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างนั้น อยู่ในสภาพทุลักทุเลอย่างยิ่ง

บนมือและเท้าบวมแดงอยู่หลายแห่ง กระทั่งหน้ายังแดงไปซีกหนึ่ง เป็นรอยช้ำอยู่บ้าง

หลัวอี้ชวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “อย่าได้ดูถูกอาวุธใดใด ถ้าใช้อาวุธเป็น ไม่ว่าจะอาวุธไหนต่างฆ่าคนได้ทั้งนั้น เมื่อครู่ฉันเพิ่งใช้พลังเท่ากับขั้นหนึ่ง ระเบิดพลังปราณไม่เกินสองร้อยแคล หลังจากนี้นักศึกษาฟางผิงต้องดูให้ดี ฝึกฝนเรียนรู้ให้ละเอียด แม้เธอจะไม่ใช้อาวุธ แต่มีความสามารถเพิ่มขึ้นอีกอย่าง ถึงจะไม่เรียนหรือเข้าใจมัน ก็จะมีประโยชน์ต่อเธอในอนาคตอยู่ดี”

ฟางผิงทำหน้ากระดากอาย รีบพยักหน้า

“เอาล่ะ กลับเข้าแถวได้ ตอนนี้ฉันจะแยกสอนให้พวกเธอเป็นท่าๆ ไป ไม่เข้าใจก็ถามแล้วกัน”

รอจนฟางผิงกลับเข้าแถว ฟู่ชางติ่งทำหน้าเห็นใจว่า “หน้าบวมแล้ว!”

“ไสหัวไปเลย!”

“บวมจริงๆ นะ!”

“ไอ้เวร!”

“จะว่าไปแล้ว หัวหน้านี่ไม่ได้เป็นง่ายๆ เลย ฟางผิง หลังจากนี้ไม่ใช่ว่าอาจารย์คนอื่นๆ จะให้นายออกไปช่วยสาธิตอีกสินะ?”

“ถ้านายยังพูดอีก ฉันจะตีนายตายเดี๋ยวนี้แหละ!”

“…”

ฟางผิงทำหน้ากลัดกลุ้ม มุมปากกระตุกเล็กน้อย เขามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

คงไม่ได้ประเมินตัวเองสูงไปสินะ?

ตอนนี้อาจารย์ของเขาไม่อยู่ สำหรับอาจารย์ขั้นหกพวกนี้ เขาเป็นได้แค่ปลาที่ใครจะฆ่าจะแกงก็ได้ทั้งนั้น

ความจริงเป็นเหมือนที่ฟู่ชางติ่งพูดจาไม่เป็นมงคลเอาไว้

หลังจากนั้นไม่กี่วัน เคล็ดวิชาเท้าและขาของถังเฟิง วิชาฝ่ามือของโจวสือผิง ทักษะการใช้อาวุธต่างๆ ของหลัวอี้ชวน

ทุกครั้งต่างมีฟางผิงเป็นหนูทดลอง!

ทุกครั้งมีแค่ฟางผิงที่ถูกอัด!

จากที่ตอนแรกขุ่นเคือง จนถึงตอนหลังฟางผิงจึงยอมรับชะตากรรม!

เพราะสาธิตเป็นครั้งแรก เขาเลยถูกลากขึ้นเวที ไม่นานพวกนักศึกษาก็ต้องจับคู่ฝึกต่อสู้กัน

ฟางผิงเปลี่ยนคู่ต่อสู้ทุกครั้ง ใครหัวเราะเขาหนักที่สุด เขาเลือกคนนั้น

เขาคุ้นชินกระบวนท่าพวกนี้ดี แม้จะไม่ได้ชำนาญกว่าคนอื่น แต่ปราณเขามีเยอะ ระเบิดพลังได้มาก

ทุกครั้งที่จับคู่ต่อสู้ คู่ของเขาก็จะถูกฟางผิงออกกระบวนท่าฟาด!

ฟาดด้วยไม้พลอง ฟาดด้วยดาบ วิชาหมัดและเท้าล้วนใช้ท่าเดียวกัน

ผลปรากฏว่าผ่านไปไม่นาน ทั่วทั้งคลาสฝึกพิเศษ นอกจากไม่กี่คนในชั้นแล้ว คนอื่นๆ ส่วนมากต่างหน้าบวมจมูกเขียวไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ฟางผิงเอง

——————-

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1)

หลู่เฟิ่งโหรวไปถ้ำใต้ดิน ต่อจากนี้ฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยทำได้แค่พึ่งตัวเองในการฝึกฝนวิชาเท่านั้น

ดีที่ช่วงนี้ทั้งสองคนต่างให้ความสำคัญกับการหลอมกระดูก หลู่เฟิ่งโหรวไม่อยู่เลยไม่กระทบอะไรมากมายนัก

พริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเข้าสู่วันเสาร์

วันนี้คลาสฝึกพิเศษไม่ได้เริ่มตอนเย็น แต่เป็นตอนสาย

ตอนเช้าพวกฟางผิงไม่ได้เข้าเรียนคลาสปกติอีกแล้ว ทุกคนไปรวมตัวที่ห้องฝึกซ้อมแห่งหนึ่งในตึกหก

อาจารย์ในครั้งนี้ไม่ใช่ไป๋รั่วซีอีกแล้ว

พวกฟางผิงไปถึงได้ไม่นาน หลัวอี้ชวนก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “รู้เรื่องถ้ำใต้ดินกันหมดแล้วใช่ไหม?”

ทุกคนต่างพยักหน้า

“ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ทางเซี่ยงไฮ้มีอาจารย์กว่าห้าสิบคนเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในถ้ำใต้ดินแล้ว พวกอธิการและ คณบดีตอนนี้ยังไม่มีเวลามายุ่งเรื่องคลาสฝึกพิเศษ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ความสนใจ เวลานี้เซี่ยงไฮ้จะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้แล้ว ปีหน้าการจัดสรรทรัพยากรอาจจะลดลงถึงสามส่วน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยงไฮ้ยอมรับได้ ดังนั้นการฝึกฝนต่อจากนี้ ทุกคนต้องให้ความสำคัญ!”

หลัวอี้ชวนเอ่ยต่อว่า “สิ่งที่ฉันจะสอนทุกคนคือการใช้อาวุธ แม้ว่านักศึกษาบางคนจะไม่ใช้อาวุธ แต่เมื่ออยู่ต่ำกว่าขั้นสาม ไม่อาจมองข้ามความได้เปรียบของการใช้อาวุธได้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาเอกหรือไม่ ยังจำเป็นต้องฝึกฝนเอาไว้ อย่างน้อยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จะได้สามารถใช้อาวุธอย่างถูกวิธี”

หลัวอี้ชวนสอนวิชาหอกเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้อาวุธอย่างอื่นไม่เป็น เรื่องอาวุธเย็น เขาก็มีความรู้อย่างลึกซึ้งเช่นกัน

“ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หรือจะพูดว่าในหมู่นักศึกษาใหม่ อาวุธที่ใช้มากที่สุดคือดาบ แต่ว่าในชีวิตประจำวัน สิ่งที่พวกเราหาง่ายที่สุด จับต้องได้มากที่สุดคือไม้พลอง วันนี้สิ่งที่ฉันจะสอนทุกคนก็คือทักษะการใช้พลองพื้นฐาน!”

“ไม้พลองที่เหมาะสมกับผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้มีเงื่อนไขสูงหรือต่ำจนเกินไป ตอนนี้ทุกคนเลือกไม้พลองที่ยาวกว่าตัวเองมาไม้หนึ่ง เลือกไม้ที่จับคล่องมือ ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป”

ทุกคนยังคงสนใจเกี่ยวกับการเรียนอาวุธไม่น้อย ฟังจบจึงทยอยกันไปเลือกไม้พลองมาอันหนึ่ง

รอจนทุกคนเลือกไม้พลองแล้ว ฟางผิงมองไปรอบๆ เห็นนักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนเรียงกันถือไม้พลอง จู่ๆ ก็รู้สึกอยากขำออกมา

ฉากแบบนี้…ดูเหมือนพรรคยาจกที่ถือไม้ตีหมาเตรียมจะไปแย่งข้าวกิน ขาดแค่คนถือชามข้าวเท่านั้น

สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา หลัวอี้ชวนสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว

หลัวอี้ชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยทันที “ฟางผิงออกมา!”

ฟางผิงรีบเดินออกมา

“ก่อนจะสอนพวกเธอใช้ไม้พลอง พวกเธอควรรู้ว่า แม้ไม้พลองจะไม่คม แต่ก็เปี่ยมด้วยพลังสังหาร!”

“ตอนนี้ฉันจะแสดงท่าพื้นฐานของวิชาพลองให้ทุกคนดู”

ระหว่างที่พูด หวังอี้ชวนมองไปยังฟางผิง “เธอขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าชั้น มาช่วยฉันแสดงประสิทธิภาพของวิชาพลองให้ทุกคนดูแล้วกัน”

ฟางผิงรู้สึกทะแม่งๆ อยู่บ้าง กลับทำได้แค่พยักหน้าว่า “ครับ”

“ดูให้ดีล่ะ!”

หลัวอี้ชวนพูดจบ ไม้พลองในมือก็แทงเข้ามาหาฟางผิงทันที!

ฟางผิงรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้เร็วมากมาย กำลังคิดจะถอยหลบ ใช้ไม้พลองในมือสกัด แต่เพราะใช้ไม้พลองเป็นครั้งแรก จึงไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ยังไม่ทันรอให้เขาสกัด ไม้พลองของหลัวอี้ชวนกลับแทงมาที่อกฟางผิงแล้ว!

“พลั่ก!”

ฟางผิงปวดแปลบที่อก ใบหน้าซีดเผือด รีบถอยกลับไปหลายก้าว

“ท่าพื้นฐานวิชาพลองมีไม่เยอะ ตี ฟาด แทง ตวัด ชัก ยก ทะลวง ยัน…”

“นี่คือแทง ต้องอาศัยความรวดเร็วและพลังมาก ไม่จำเป็นต้องแทงหน้าอกเสมอไป หัวใจ ลำคอล้วนเป็นเป้าหมายของพวกเรา!”

ระหว่างที่หลัวอี้ชวนพูดก็หมุนพลองไปทางฟางผิง “นี่คือฟาด ตอนที่ฟาดต้องใช้แรงที่มั่นคง ฉับไว!”

“พลั่ก!”

ครั้งนี้ฟางผิงรีบใช้พลองต้านไว้ สองมือนั้นกำพลองแน่น แม้จะนับว่าต้านพลองของหลัวอี้ชวนได้ แต่ฟางผิงกลับรู้สึกชามือทั้งสองข้าง ปวดอุ้งมือไปหมด

“เมื่ออีกฝ่ายต้าน เวลานี้สามารถฟาดต่อได้ ใช้แรงมากหน่อย!”

หลัวอี้ชวนไม่หยุดมือ ยังคงฟาดต่อ

เสียงไม้พลองกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ ฟางผิงใบหน้าแดงก่ำ ถอยหลังติดต่อกัน ทำได้เพียงใช้พลองสกัดต่อไป

“แน่นอนว่าคงไม่จบแค่นี้ ต้องรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์ อีกฝ่ายอยู่ในท่าตั้งรับ พลังและความสนใจจะรวมอยู่ที่ร่างท่อนบน ตอนนี้สามารถเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว วาดไม้พลองให้ติดพื้น เอนร่างให้สมดุลกัน ปล่อยพลังอย่างรุนแรงและว่องไวส่งไปให้ถึงหัวไม้พลอง!”

เขาพูดอย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวกลับเร็วอย่างยิ่งยวด

ฟางผิงยังถือพลองสกัด แต่ไม้ของหลัวอี้ชวนวาดเข้ามาแล้ว ไม่ใช่วาดมาที่เท้า แต่เป็นที่น่องของเขา

ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสี เคลื่อนไหวช้าไปอีกครั้ง ถูกไม้พลองของหลัวอี้ชวนวาดเข้าที่น่องซ้ายเต็มๆ

“ซี้ด…”

ฟางผิงขาปวดระบม อาการไม่สู้ดีอยู่บ้าง

หลัวอี้ชวนไม่ได้เบามือเลย!

“ต่อไปเป็นการตวัด!”

หลัวอี้ชวนไม่สนใจเขา เพิ่งจะวาดไม้พลองออกไป ก็เปลี่ยนท่าอีกครั้ง ตวัดไม้พลองขึ้นโจมตีไม้พลองในมือฟางผิง สะเทือนจนง่ามมือฟางผิงชาไปหมด แทบที่อยากจะปล่อยมือ

“นี่คือการยก!”

ไม้พลองเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสี จะตีที่ไหนอีก จุดสงวนหรือไง?

ฟางผิงรีบถอยหลัง หลัวอี้ชวนกลับตามประกบไม่ลดละ เปลี่ยนท่าไม้พลองอีกครั้ง “นี่คือการชัก!”

“นี่คือการทะลวง!”

“…”

หนึ่งนาทีต่อมา หลัวอี้ชวนเผยสีหน้าปกติ ไม่เหนื่อยหอบแต่อย่างใด เก็บพลองว่า “ฉันเพิ่งแสดงท่าพื้นฐานให้ทุกคนดู พวกเธอเข้าใจอย่างชัดเจนหรือยัง?”

“ยัง!”

หลายคนกำลังกลั้นขำ รีบตะโกนขึ้นมา

ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างนั้น อยู่ในสภาพทุลักทุเลอย่างยิ่ง

บนมือและเท้าบวมแดงอยู่หลายแห่ง กระทั่งหน้ายังแดงไปซีกหนึ่ง เป็นรอยช้ำอยู่บ้าง

หลัวอี้ชวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “อย่าได้ดูถูกอาวุธใดใด ถ้าใช้อาวุธเป็น ไม่ว่าจะอาวุธไหนต่างฆ่าคนได้ทั้งนั้น เมื่อครู่ฉันเพิ่งใช้พลังเท่ากับขั้นหนึ่ง ระเบิดพลังปราณไม่เกินสองร้อยแคล หลังจากนี้นักศึกษาฟางผิงต้องดูให้ดี ฝึกฝนเรียนรู้ให้ละเอียด แม้เธอจะไม่ใช้อาวุธ แต่มีความสามารถเพิ่มขึ้นอีกอย่าง ถึงจะไม่เรียนหรือเข้าใจมัน ก็จะมีประโยชน์ต่อเธอในอนาคตอยู่ดี”

ฟางผิงทำหน้ากระดากอาย รีบพยักหน้า

“เอาล่ะ กลับเข้าแถวได้ ตอนนี้ฉันจะแยกสอนให้พวกเธอเป็นท่าๆ ไป ไม่เข้าใจก็ถามแล้วกัน”

รอจนฟางผิงกลับเข้าแถว ฟู่ชางติ่งทำหน้าเห็นใจว่า “หน้าบวมแล้ว!”

“ไสหัวไปเลย!”

“บวมจริงๆ นะ!”

“ไอ้เวร!”

“จะว่าไปแล้ว หัวหน้านี่ไม่ได้เป็นง่ายๆ เลย ฟางผิง หลังจากนี้ไม่ใช่ว่าอาจารย์คนอื่นๆ จะให้นายออกไปช่วยสาธิตอีกสินะ?”

“ถ้านายยังพูดอีก ฉันจะตีนายตายเดี๋ยวนี้แหละ!”

“…”

ฟางผิงทำหน้ากลัดกลุ้ม มุมปากกระตุกเล็กน้อย เขามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

คงไม่ได้ประเมินตัวเองสูงไปสินะ?

ตอนนี้อาจารย์ของเขาไม่อยู่ สำหรับอาจารย์ขั้นหกพวกนี้ เขาเป็นได้แค่ปลาที่ใครจะฆ่าจะแกงก็ได้ทั้งนั้น

ความจริงเป็นเหมือนที่ฟู่ชางติ่งพูดจาไม่เป็นมงคลเอาไว้

หลังจากนั้นไม่กี่วัน เคล็ดวิชาเท้าและขาของถังเฟิง วิชาฝ่ามือของโจวสือผิง ทักษะการใช้อาวุธต่างๆ ของหลัวอี้ชวน

ทุกครั้งต่างมีฟางผิงเป็นหนูทดลอง!

ทุกครั้งมีแค่ฟางผิงที่ถูกอัด!

จากที่ตอนแรกขุ่นเคือง จนถึงตอนหลังฟางผิงจึงยอมรับชะตากรรม!

เพราะสาธิตเป็นครั้งแรก เขาเลยถูกลากขึ้นเวที ไม่นานพวกนักศึกษาก็ต้องจับคู่ฝึกต่อสู้กัน

ฟางผิงเปลี่ยนคู่ต่อสู้ทุกครั้ง ใครหัวเราะเขาหนักที่สุด เขาเลือกคนนั้น

เขาคุ้นชินกระบวนท่าพวกนี้ดี แม้จะไม่ได้ชำนาญกว่าคนอื่น แต่ปราณเขามีเยอะ ระเบิดพลังได้มาก

ทุกครั้งที่จับคู่ต่อสู้ คู่ของเขาก็จะถูกฟางผิงออกกระบวนท่าฟาด!

ฟาดด้วยไม้พลอง ฟาดด้วยดาบ วิชาหมัดและเท้าล้วนใช้ท่าเดียวกัน

ผลปรากฏว่าผ่านไปไม่นาน ทั่วทั้งคลาสฝึกพิเศษ นอกจากไม่กี่คนในชั้นแล้ว คนอื่นๆ ส่วนมากต่างหน้าบวมจมูกเขียวไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ฟางผิงเอง

——————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (1)

หลู่เฟิ่งโหรวไปถ้ำใต้ดิน ต่อจากนี้ฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยทำได้แค่พึ่งตัวเองในการฝึกฝนวิชาเท่านั้น

ดีที่ช่วงนี้ทั้งสองคนต่างให้ความสำคัญกับการหลอมกระดูก หลู่เฟิ่งโหรวไม่อยู่เลยไม่กระทบอะไรมากมายนัก

พริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเข้าสู่วันเสาร์

วันนี้คลาสฝึกพิเศษไม่ได้เริ่มตอนเย็น แต่เป็นตอนสาย

ตอนเช้าพวกฟางผิงไม่ได้เข้าเรียนคลาสปกติอีกแล้ว ทุกคนไปรวมตัวที่ห้องฝึกซ้อมแห่งหนึ่งในตึกหก

อาจารย์ในครั้งนี้ไม่ใช่ไป๋รั่วซีอีกแล้ว

พวกฟางผิงไปถึงได้ไม่นาน หลัวอี้ชวนก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “รู้เรื่องถ้ำใต้ดินกันหมดแล้วใช่ไหม?”

ทุกคนต่างพยักหน้า

“ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ทางเซี่ยงไฮ้มีอาจารย์กว่าห้าสิบคนเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในถ้ำใต้ดินแล้ว พวกอธิการและ คณบดีตอนนี้ยังไม่มีเวลามายุ่งเรื่องคลาสฝึกพิเศษ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ความสนใจ เวลานี้เซี่ยงไฮ้จะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้แล้ว ปีหน้าการจัดสรรทรัพยากรอาจจะลดลงถึงสามส่วน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยงไฮ้ยอมรับได้ ดังนั้นการฝึกฝนต่อจากนี้ ทุกคนต้องให้ความสำคัญ!”

หลัวอี้ชวนเอ่ยต่อว่า “สิ่งที่ฉันจะสอนทุกคนคือการใช้อาวุธ แม้ว่านักศึกษาบางคนจะไม่ใช้อาวุธ แต่เมื่ออยู่ต่ำกว่าขั้นสาม ไม่อาจมองข้ามความได้เปรียบของการใช้อาวุธได้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาเอกหรือไม่ ยังจำเป็นต้องฝึกฝนเอาไว้ อย่างน้อยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จะได้สามารถใช้อาวุธอย่างถูกวิธี”

หลัวอี้ชวนสอนวิชาหอกเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้อาวุธอย่างอื่นไม่เป็น เรื่องอาวุธเย็น เขาก็มีความรู้อย่างลึกซึ้งเช่นกัน

“ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หรือจะพูดว่าในหมู่นักศึกษาใหม่ อาวุธที่ใช้มากที่สุดคือดาบ แต่ว่าในชีวิตประจำวัน สิ่งที่พวกเราหาง่ายที่สุด จับต้องได้มากที่สุดคือไม้พลอง วันนี้สิ่งที่ฉันจะสอนทุกคนก็คือทักษะการใช้พลองพื้นฐาน!”

“ไม้พลองที่เหมาะสมกับผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้มีเงื่อนไขสูงหรือต่ำจนเกินไป ตอนนี้ทุกคนเลือกไม้พลองที่ยาวกว่าตัวเองมาไม้หนึ่ง เลือกไม้ที่จับคล่องมือ ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป”

ทุกคนยังคงสนใจเกี่ยวกับการเรียนอาวุธไม่น้อย ฟังจบจึงทยอยกันไปเลือกไม้พลองมาอันหนึ่ง

รอจนทุกคนเลือกไม้พลองแล้ว ฟางผิงมองไปรอบๆ เห็นนักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนเรียงกันถือไม้พลอง จู่ๆ ก็รู้สึกอยากขำออกมา

ฉากแบบนี้…ดูเหมือนพรรคยาจกที่ถือไม้ตีหมาเตรียมจะไปแย่งข้าวกิน ขาดแค่คนถือชามข้าวเท่านั้น

สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา หลัวอี้ชวนสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว

หลัวอี้ชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยทันที “ฟางผิงออกมา!”

ฟางผิงรีบเดินออกมา

“ก่อนจะสอนพวกเธอใช้ไม้พลอง พวกเธอควรรู้ว่า แม้ไม้พลองจะไม่คม แต่ก็เปี่ยมด้วยพลังสังหาร!”

“ตอนนี้ฉันจะแสดงท่าพื้นฐานของวิชาพลองให้ทุกคนดู”

ระหว่างที่พูด หวังอี้ชวนมองไปยังฟางผิง “เธอขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าชั้น มาช่วยฉันแสดงประสิทธิภาพของวิชาพลองให้ทุกคนดูแล้วกัน”

ฟางผิงรู้สึกทะแม่งๆ อยู่บ้าง กลับทำได้แค่พยักหน้าว่า “ครับ”

“ดูให้ดีล่ะ!”

หลัวอี้ชวนพูดจบ ไม้พลองในมือก็แทงเข้ามาหาฟางผิงทันที!

ฟางผิงรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้เร็วมากมาย กำลังคิดจะถอยหลบ ใช้ไม้พลองในมือสกัด แต่เพราะใช้ไม้พลองเป็นครั้งแรก จึงไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ยังไม่ทันรอให้เขาสกัด ไม้พลองของหลัวอี้ชวนกลับแทงมาที่อกฟางผิงแล้ว!

“พลั่ก!”

ฟางผิงปวดแปลบที่อก ใบหน้าซีดเผือด รีบถอยกลับไปหลายก้าว

“ท่าพื้นฐานวิชาพลองมีไม่เยอะ ตี ฟาด แทง ตวัด ชัก ยก ทะลวง ยัน…”

“นี่คือแทง ต้องอาศัยความรวดเร็วและพลังมาก ไม่จำเป็นต้องแทงหน้าอกเสมอไป หัวใจ ลำคอล้วนเป็นเป้าหมายของพวกเรา!”

ระหว่างที่หลัวอี้ชวนพูดก็หมุนพลองไปทางฟางผิง “นี่คือฟาด ตอนที่ฟาดต้องใช้แรงที่มั่นคง ฉับไว!”

“พลั่ก!”

ครั้งนี้ฟางผิงรีบใช้พลองต้านไว้ สองมือนั้นกำพลองแน่น แม้จะนับว่าต้านพลองของหลัวอี้ชวนได้ แต่ฟางผิงกลับรู้สึกชามือทั้งสองข้าง ปวดอุ้งมือไปหมด

“เมื่ออีกฝ่ายต้าน เวลานี้สามารถฟาดต่อได้ ใช้แรงมากหน่อย!”

หลัวอี้ชวนไม่หยุดมือ ยังคงฟาดต่อ

เสียงไม้พลองกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ ฟางผิงใบหน้าแดงก่ำ ถอยหลังติดต่อกัน ทำได้เพียงใช้พลองสกัดต่อไป

“แน่นอนว่าคงไม่จบแค่นี้ ต้องรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์ อีกฝ่ายอยู่ในท่าตั้งรับ พลังและความสนใจจะรวมอยู่ที่ร่างท่อนบน ตอนนี้สามารถเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว วาดไม้พลองให้ติดพื้น เอนร่างให้สมดุลกัน ปล่อยพลังอย่างรุนแรงและว่องไวส่งไปให้ถึงหัวไม้พลอง!”

เขาพูดอย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวกลับเร็วอย่างยิ่งยวด

ฟางผิงยังถือพลองสกัด แต่ไม้ของหลัวอี้ชวนวาดเข้ามาแล้ว ไม่ใช่วาดมาที่เท้า แต่เป็นที่น่องของเขา

ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสี เคลื่อนไหวช้าไปอีกครั้ง ถูกไม้พลองของหลัวอี้ชวนวาดเข้าที่น่องซ้ายเต็มๆ

“ซี้ด…”

ฟางผิงขาปวดระบม อาการไม่สู้ดีอยู่บ้าง

หลัวอี้ชวนไม่ได้เบามือเลย!

“ต่อไปเป็นการตวัด!”

หลัวอี้ชวนไม่สนใจเขา เพิ่งจะวาดไม้พลองออกไป ก็เปลี่ยนท่าอีกครั้ง ตวัดไม้พลองขึ้นโจมตีไม้พลองในมือฟางผิง สะเทือนจนง่ามมือฟางผิงชาไปหมด แทบที่อยากจะปล่อยมือ

“นี่คือการยก!”

ไม้พลองเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสี จะตีที่ไหนอีก จุดสงวนหรือไง?

ฟางผิงรีบถอยหลัง หลัวอี้ชวนกลับตามประกบไม่ลดละ เปลี่ยนท่าไม้พลองอีกครั้ง “นี่คือการชัก!”

“นี่คือการทะลวง!”

“…”

หนึ่งนาทีต่อมา หลัวอี้ชวนเผยสีหน้าปกติ ไม่เหนื่อยหอบแต่อย่างใด เก็บพลองว่า “ฉันเพิ่งแสดงท่าพื้นฐานให้ทุกคนดู พวกเธอเข้าใจอย่างชัดเจนหรือยัง?”

“ยัง!”

หลายคนกำลังกลั้นขำ รีบตะโกนขึ้นมา

ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างนั้น อยู่ในสภาพทุลักทุเลอย่างยิ่ง

บนมือและเท้าบวมแดงอยู่หลายแห่ง กระทั่งหน้ายังแดงไปซีกหนึ่ง เป็นรอยช้ำอยู่บ้าง

หลัวอี้ชวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “อย่าได้ดูถูกอาวุธใดใด ถ้าใช้อาวุธเป็น ไม่ว่าจะอาวุธไหนต่างฆ่าคนได้ทั้งนั้น เมื่อครู่ฉันเพิ่งใช้พลังเท่ากับขั้นหนึ่ง ระเบิดพลังปราณไม่เกินสองร้อยแคล หลังจากนี้นักศึกษาฟางผิงต้องดูให้ดี ฝึกฝนเรียนรู้ให้ละเอียด แม้เธอจะไม่ใช้อาวุธ แต่มีความสามารถเพิ่มขึ้นอีกอย่าง ถึงจะไม่เรียนหรือเข้าใจมัน ก็จะมีประโยชน์ต่อเธอในอนาคตอยู่ดี”

ฟางผิงทำหน้ากระดากอาย รีบพยักหน้า

“เอาล่ะ กลับเข้าแถวได้ ตอนนี้ฉันจะแยกสอนให้พวกเธอเป็นท่าๆ ไป ไม่เข้าใจก็ถามแล้วกัน”

รอจนฟางผิงกลับเข้าแถว ฟู่ชางติ่งทำหน้าเห็นใจว่า “หน้าบวมแล้ว!”

“ไสหัวไปเลย!”

“บวมจริงๆ นะ!”

“ไอ้เวร!”

“จะว่าไปแล้ว หัวหน้านี่ไม่ได้เป็นง่ายๆ เลย ฟางผิง หลังจากนี้ไม่ใช่ว่าอาจารย์คนอื่นๆ จะให้นายออกไปช่วยสาธิตอีกสินะ?”

“ถ้านายยังพูดอีก ฉันจะตีนายตายเดี๋ยวนี้แหละ!”

“…”

ฟางผิงทำหน้ากลัดกลุ้ม มุมปากกระตุกเล็กน้อย เขามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

คงไม่ได้ประเมินตัวเองสูงไปสินะ?

ตอนนี้อาจารย์ของเขาไม่อยู่ สำหรับอาจารย์ขั้นหกพวกนี้ เขาเป็นได้แค่ปลาที่ใครจะฆ่าจะแกงก็ได้ทั้งนั้น

ความจริงเป็นเหมือนที่ฟู่ชางติ่งพูดจาไม่เป็นมงคลเอาไว้

หลังจากนั้นไม่กี่วัน เคล็ดวิชาเท้าและขาของถังเฟิง วิชาฝ่ามือของโจวสือผิง ทักษะการใช้อาวุธต่างๆ ของหลัวอี้ชวน

ทุกครั้งต่างมีฟางผิงเป็นหนูทดลอง!

ทุกครั้งมีแค่ฟางผิงที่ถูกอัด!

จากที่ตอนแรกขุ่นเคือง จนถึงตอนหลังฟางผิงจึงยอมรับชะตากรรม!

เพราะสาธิตเป็นครั้งแรก เขาเลยถูกลากขึ้นเวที ไม่นานพวกนักศึกษาก็ต้องจับคู่ฝึกต่อสู้กัน

ฟางผิงเปลี่ยนคู่ต่อสู้ทุกครั้ง ใครหัวเราะเขาหนักที่สุด เขาเลือกคนนั้น

เขาคุ้นชินกระบวนท่าพวกนี้ดี แม้จะไม่ได้ชำนาญกว่าคนอื่น แต่ปราณเขามีเยอะ ระเบิดพลังได้มาก

ทุกครั้งที่จับคู่ต่อสู้ คู่ของเขาก็จะถูกฟางผิงออกกระบวนท่าฟาด!

ฟาดด้วยไม้พลอง ฟาดด้วยดาบ วิชาหมัดและเท้าล้วนใช้ท่าเดียวกัน

ผลปรากฏว่าผ่านไปไม่นาน ทั่วทั้งคลาสฝึกพิเศษ นอกจากไม่กี่คนในชั้นแล้ว คนอื่นๆ ส่วนมากต่างหน้าบวมจมูกเขียวไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ฟางผิงเอง

——————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+