ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 118-2 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 118-2 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 118 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2)

“ตามราคาตลาด ยาบำรุงพวกนี้มูลค่าถึงสามล้านเก้าแสนหยวน แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่ช่องทางโปร่งใส ราคาอาจจะด้อยไปบ้าง สามารถขายได้สามล้านห้าแสนหยวนก็ไม่เลวแล้ว แม้จะเป็นอย่างนี้ ค่าทรัพย์สินของเราคงจะเพิ่มขึ้นเกือบล้านเหมือนกัน”

“อีกอย่าง ตอนนี้ฉันยังมีอีกสองร้อยสองคะแนนที่ไม่ได้ใช้มาโดยตลอด สามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงเอามาขายได้หรือเปล่า?”

สองร้อยสองคะแนนของเขา สามารถเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาได้สี่ล้านสี่หมื่นหยวน

ขอแค่แลกเปลี่ยนของ ขายออกไปราคาเกินสี่ล้านสี่หมื่นหยวน ทรัพย์สินของเขาจะได้ค่าราคาต่างเพิ่มมาด้วย

“ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา ขายได้เก้าหมื่นต่อเม็ด อัตราแลกเปลี่ยนคือสามคะแนน ราคาต่างก็คือสามหมื่น หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างหนึ่งหมื่นหยวน ยาบำรุงขั้นหนึ่งใช้สิบคะแนนต่อเม็ด ขายออกไปได้ประมาณสองแสนเจ็ดหมื่นหยวน ได้ราคาต่างจากระบบเจ็ดหมื่นหยวน หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างแค่เจ็ดพันหยวนเท่านั้น คำนวณแล้วแลกเปลี่ยนยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาจะคุ้มค่ากว่า ทั้งยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา จะหาลู่ทางขายง่ายกว่าขั้นหนึ่งด้วย…”

ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งแพงเกินไป ทั้งกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้มีน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแทบไม่ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองและขั้นสาม

“ตอนนี้การหลอมกระดูกของฉันต้องใช้ค่าทรัพย์สินแลกเปลี่ยนกับปราณ เหลือคะแนนไว้ไม่มีประโยชน์ เอาคะแนนไปแลกยาบำรุง นอกจากจะเพิ่มทรัพย์สินแล้ว ในมือจะมีเงินใช้มากขึ้นด้วย ครั้งก่อนขายยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเก้าเม็ด ได้เงินแปดแสนหยวน ใช้ไปเกือบจะหมดแล้ว…”

ช่วงนี้หลี่เฉิงเจ๋อเพิ่มจุดส่งของหลายแห่งในเมืองมหาวิทยาลัย ใช้ประโยชน์จากที่ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ บริษัทส่งของเจ้าอื่นจึงฝืนยอมรับได้

ยังไงบริษัทของพวกเขาก็ไม่ได้มีคู่แข่งมากมาย ตอนนี้ยังคงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ

เมื่อไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ ฟางผิงจึงตัดสินใจว่า กลับมหาวิทยาลัยแล้วจะใช้คะแนนแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุง

แลกแค่ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเท่านั้น!

คะแนนสองร้อยสองคะแนน แลกได้หกสิบเจ็ดเม็ด ตกถึงมือแล้วจะเพิ่มค่าทรัพย์สินอีกหกแสนเจ็ดหมื่นหยวน

ถ้าขายออกไปเม็ดละเก้าหมื่นหยวน จะได้ค่าทรัพย์สินเพิ่มอีกหนึ่งล้านสามแสนสี่หมื่นหยวน

ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสองแสนหนึ่งหมื่นหยวน รวมกับเงินสดอีกหกล้านสามหมื่นหยวน!

แม้จะปัดเศษยังได้ค่าทรัพย์สินสองล้านและเงินสดอีกหกล้านอยู่ดี

ตัดสินใจแล้ว ฟางผิงก็ไม่ลังเลอีก แม้จะไม่รู้ว่าแลกเปลี่ยนยาบำรุงเยอะขนาดนี้ จุดแลกเปลี่ยนจะยอมให้แลกหรือเปล่าก็ตาม?

ไม่คิดมากอีก ถึงเวลาคงรู้เอง ค่ำคืนนี้ฟางผิงยังคงหลับสนิทอย่างเช่นเคย

วันต่อมา

วันที่ 3 ตุลาคม

จนถึงตอนนี้ ฟางผิงเพิ่งจะมีเวลาดูความก้าวหน้าในการฝึกวิชาของฟางหยวน

ความจริงหลังจากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฟางผิงก็ลังเลอยู่บ้าง เขาควรจะฝึกศิลปะการต่อสู้ให้ฟางหยวนต่อไปดีหรือเปล่า?

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด!

หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ตามกฎแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ไม่อาจลงมือกับคนธรรมดาได้ นี่ไม่ใช่กฎของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นกฎที่รู้ทั่วไปในสังคม

ฟางผิงคิดว่าหลังจากนี้เขามีโอกาสสูงที่จะสร้างศัตรูขึ้นมา

หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ปกติคงไม่มีใครยอมเสี่ยงเข้าตาจนจัดการกับครอบครัวเขาหรอก แต่ถ้าน้องสาวกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์…

“ช่างเถอะ คิดมากไปไม่มีประโยชน์ แม้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยม คงไม่มีอันตรายมากมายแล้ว”

เรื่องอย่างท้าทายความเป็นความตาย ถ้าตัวเองไม่ยอมรับ คนอื่นคงไม่อาจฝืนบังคับได้เหมือนกัน

ส่วนอย่างอื่น เช่นภารกิจที่อันตราย ถ้าตัวเองไม่ทำ ไม่เป็นไรเหมือนกัน มหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับ ล้วนเป็นความสมัครใจของทุกคน

เพราะถ้าคุณไม่ทำภารกิจ คงไร้ซึ่งทรัพยากร ไม่มีทรัพยากร ก็ไร้ทางจะเพิ่มความสามารถของตัวเอง

ถ้าในอนาคตฟางหยวนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ ฟางผิงคิดว่าตัวเองจะให้ทรัพยากรกับน้องสาวเอง ไม่ถึงกับต้องให้น้องสาวเสี่ยงอันตรายไปทำภารกิจ

พวกถานเจิ้นผิงยังต่อสู้แทบไม่เป็นด้วยซ้ำ ก็เห็นยังใช้ชีวิตได้สบาย

ห้องออกกำลังกาย

ให้ฟางหยวนยืนจวงกงพักหนึ่ง ก่อนฟางผิงจะเอ่ยอย่างหน่ายใจ “โง่จริงๆ!”

ฟางหยวนฝึกจวงกงมาสามเดือนกว่าแล้ว ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงระดับหนึ่งเลย

เหมือนเขาที่ไหน ฝึกจวงกงไม่นานก็เข้าสู่ระดับหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดเทอมจวงกงยังเข้าสู่ระดับสองด้วยซ้ำ

ฟางหยวนน้อยใจอยู่บ้าง ยื่นปากว่า “คนเขาต้องเรียนหนังสือนี่นา ยังต้องตั้งแผงลอย…”

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกได้หรือเปล่า?”

ฟางผิงตัดบทอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “กินยาบำรุงกำลังหมดแล้ว?”

“เปล่า จะเร็วขนาดนั้นได้ไง ยังมีอีกสิบเม็ด”

ตอนแรกฟางผิงเหลือยาบำรุงกำลังให้ไม่กี่สิบเม็ด ฟางหยวนกินไปได้นิดเดียวเท่านั้น

ความจริงทุกครั้งที่กินยาบำรุงกำลัง ฟางหยวนสามารถดูดซึมยาได้ไม่เยอะ ทุกครั้งจึงไม่อยากอาหารไปหนึ่งวันถึงสองวัน

เธอไม่ค่อยอยากกินเหมือนกัน ทั้งราคายังแพงมาก ทำใจกินไม่ได้

ฟางผิงครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “ยาบำรุงกำลังห้าวันกินหนึ่งเม็ด อย่าขี้เกียจฝึกจวงกง ทำให้สม่ำเสมอ จะได้เข้าสู่ระดับหนึ่งไวๆ ฉันจะให้ยาบำรุงเลือดและปราณเธอสามเม็ด รอกินยาบำรุงกำลังหมดแล้ว จวงกงเข้าสู่ระดับหนึ่ง เธอค่อยกินตอนนั้น หนึ่งเดือนกินหนึ่งเม็ดก็พอแล้ว น่าจะประคับประคองได้จนถึงสิ้นปี ตอนนี้ปราณเธอมีประมาณหนึ่งร้อยสิบแคลแล้ว…”

“จริงเหรอ?”

ฟางหยวนไม่เคยไปตรวจ พอได้ยินว่าปราณตัวเองถึงหนึ่งร้อยสิบแคล ชั่วขณะนั้นจึงดีใจอย่างมาก

ฟางผิงพูดโจมตีว่า “หนึ่งร้อยสิบแคลสูงมากหรือไง? อย่าเอาไปเทียบกับคนปกติ ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ก่อนเปิดเทอมคนไม่น้อยก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันแล้ว ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง! ปราณของพวกเขาอยู่ที่สองร้อยแคลขึ้นไป! จากการพัฒนาของเธอ แม้ว่าจะถึงมอปลายปีสาม เวลาสามปีนั้นยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ปราณอาจจะไม่สูงกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ”

“ยังต้องใช้ยาบำรุงเพิ่มปราณอยู่ตลอดอีก…” ประโยคหลังฟางผิงไม่ได้พูดต่อ ใช้ยาบำรุงตลอดสามปี ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลย

อยากให้น้องสาวแตะในระดับที่หลอมกระดูกสองครั้งได้ในมอปลาย ค่ายาบำรุงคงต้องใช้เป็นล้าน

“สองร้อยแคล?”

ฟางหยวนสูดปาก นี่ไม่ใช่ว่ายังเก่งกว่าฟางผิงอีกเหรอ!

เธอจำได้ว่า ตอนที่ฟางผิงตรวจร่างกายได้หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเก่งมากแล้ว ตอนนี้กลับพบว่าเหมือนจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น

ฟางผิงไม่สนใจว่าเธอจะคิดอะไร ลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “นอกจากจวงกง ตอนนี้ยังฝึกเคล็ดวิชาหลอมกระดูกได้…ช่างเถอะ รอเธอเข้าใจความรู้เฉพาะทางของศิลปะการต่อสู้ทะลุปรุโปร่งแล้วค่อยว่ากันอีกที”

อีกอย่างการสอนเคล็ดวิชาหลอมกระดูก ทางที่ดีต้องสอนประกบตัวอย่างใกล้ชิด ทั้งยังต้องถอดเสื้อผ้า

แม้ฟางหยวนจะยังอายุน้อย แต่เรื่องที่ไม่สมควรยังคงต้องหลีกเลี่ยง

ฟางผิงวางแผนรอกลับมาครั้งหน้า ถ้าเจอกับหลิวรั่วฉี จะให้เธอมาช่วยสอนน้องสาวสักหน่อย

ยังไงตอนนี้ฟางหยวนก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทางเดินปราณอะไรพวกนี้อยู่แล้ว รีบเรียนอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

เห็นฟางหยวนมีท่าทีตื่นเต้น ฟางผิงส่ายหน้าเล็กน้อย ลอบพึมพำว่า “คงไม่สอนเคล็ดวิชาต่อสู้ เด็กคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูงน่าจะใช้ได้แล้ว”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูงมีตำแหน่งในสังคม แม้ทรัพยากรล้วนต้องพึ่งตัวเองแต่ก็เป็นอิสระปลอดภัยกว่าเยอะ

ทั้งฟางหยวนยังมีนิสัยเฮฮารักสนุก ฟางผิงยังกลัวว่าเธอเรียนต่อสู้แล้วจะเอาไปก่อเรื่องก่อราว

“ถ้าฟางหยวนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูง มีตำแหน่งหน้าตา คงไม่อันตรายขนาดนั้นแล้ว แม้วันหนึ่งตัวเองจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ในบ้านก็มีคนให้พึ่งพา…”

ฟางผิงลอบยิ้มเย้ยหยันตัวเอง มักรู้สึกว่าเขากำลังแช่งตัวเองอยู่ แต่ช่วงเวลาที่สงบควรจะคิดเผื่อวันข้างหน้า วางแผนเรื่องอนาคตไว้ให้ดี

ยิ่งเข้าสู่แวดวงของผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงยิ่งรู้สึกว่าแวดวงนี้อันตรายกว่าที่เขาจินตนาไว้

———————

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 118.2 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 118.2 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 118 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2)

“ตามราคาตลาด ยาบำรุงพวกนี้มูลค่าถึงสามล้านเก้าแสนหยวน แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่ช่องทางโปร่งใส ราคาอาจจะด้อยไปบ้าง สามารถขายได้สามล้านห้าแสนหยวนก็ไม่เลวแล้ว แม้จะเป็นอย่างนี้ ค่าทรัพย์สินของเราคงจะเพิ่มขึ้นเกือบล้านเหมือนกัน”

“อีกอย่าง ตอนนี้ฉันยังมีอีกสองร้อยสองคะแนนที่ไม่ได้ใช้มาโดยตลอด สามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงเอามาขายได้หรือเปล่า?”

สองร้อยสองคะแนนของเขา สามารถเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาได้สี่ล้านสี่หมื่นหยวน

ขอแค่แลกเปลี่ยนของ ขายออกไปราคาเกินสี่ล้านสี่หมื่นหยวน ทรัพย์สินของเขาจะได้ค่าราคาต่างเพิ่มมาด้วย

“ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา ขายได้เก้าหมื่นต่อเม็ด อัตราแลกเปลี่ยนคือสามคะแนน ราคาต่างก็คือสามหมื่น หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างหนึ่งหมื่นหยวน ยาบำรุงขั้นหนึ่งใช้สิบคะแนนต่อเม็ด ขายออกไปได้ประมาณสองแสนเจ็ดหมื่นหยวน ได้ราคาต่างจากระบบเจ็ดหมื่นหยวน หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างแค่เจ็ดพันหยวนเท่านั้น คำนวณแล้วแลกเปลี่ยนยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาจะคุ้มค่ากว่า ทั้งยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา จะหาลู่ทางขายง่ายกว่าขั้นหนึ่งด้วย…”

ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งแพงเกินไป ทั้งกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้มีน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแทบไม่ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองและขั้นสาม

“ตอนนี้การหลอมกระดูกของฉันต้องใช้ค่าทรัพย์สินแลกเปลี่ยนกับปราณ เหลือคะแนนไว้ไม่มีประโยชน์ เอาคะแนนไปแลกยาบำรุง นอกจากจะเพิ่มทรัพย์สินแล้ว ในมือจะมีเงินใช้มากขึ้นด้วย ครั้งก่อนขายยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเก้าเม็ด ได้เงินแปดแสนหยวน ใช้ไปเกือบจะหมดแล้ว…”

ช่วงนี้หลี่เฉิงเจ๋อเพิ่มจุดส่งของหลายแห่งในเมืองมหาวิทยาลัย ใช้ประโยชน์จากที่ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ บริษัทส่งของเจ้าอื่นจึงฝืนยอมรับได้

ยังไงบริษัทของพวกเขาก็ไม่ได้มีคู่แข่งมากมาย ตอนนี้ยังคงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ

เมื่อไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ ฟางผิงจึงตัดสินใจว่า กลับมหาวิทยาลัยแล้วจะใช้คะแนนแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุง

แลกแค่ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเท่านั้น!

คะแนนสองร้อยสองคะแนน แลกได้หกสิบเจ็ดเม็ด ตกถึงมือแล้วจะเพิ่มค่าทรัพย์สินอีกหกแสนเจ็ดหมื่นหยวน

ถ้าขายออกไปเม็ดละเก้าหมื่นหยวน จะได้ค่าทรัพย์สินเพิ่มอีกหนึ่งล้านสามแสนสี่หมื่นหยวน

ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสองแสนหนึ่งหมื่นหยวน รวมกับเงินสดอีกหกล้านสามหมื่นหยวน!

แม้จะปัดเศษยังได้ค่าทรัพย์สินสองล้านและเงินสดอีกหกล้านอยู่ดี

ตัดสินใจแล้ว ฟางผิงก็ไม่ลังเลอีก แม้จะไม่รู้ว่าแลกเปลี่ยนยาบำรุงเยอะขนาดนี้ จุดแลกเปลี่ยนจะยอมให้แลกหรือเปล่าก็ตาม?

ไม่คิดมากอีก ถึงเวลาคงรู้เอง ค่ำคืนนี้ฟางผิงยังคงหลับสนิทอย่างเช่นเคย

วันต่อมา

วันที่ 3 ตุลาคม

จนถึงตอนนี้ ฟางผิงเพิ่งจะมีเวลาดูความก้าวหน้าในการฝึกวิชาของฟางหยวน

ความจริงหลังจากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฟางผิงก็ลังเลอยู่บ้าง เขาควรจะฝึกศิลปะการต่อสู้ให้ฟางหยวนต่อไปดีหรือเปล่า?

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด!

หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ตามกฎแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ไม่อาจลงมือกับคนธรรมดาได้ นี่ไม่ใช่กฎของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นกฎที่รู้ทั่วไปในสังคม

ฟางผิงคิดว่าหลังจากนี้เขามีโอกาสสูงที่จะสร้างศัตรูขึ้นมา

หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ปกติคงไม่มีใครยอมเสี่ยงเข้าตาจนจัดการกับครอบครัวเขาหรอก แต่ถ้าน้องสาวกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์…

“ช่างเถอะ คิดมากไปไม่มีประโยชน์ แม้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยม คงไม่มีอันตรายมากมายแล้ว”

เรื่องอย่างท้าทายความเป็นความตาย ถ้าตัวเองไม่ยอมรับ คนอื่นคงไม่อาจฝืนบังคับได้เหมือนกัน

ส่วนอย่างอื่น เช่นภารกิจที่อันตราย ถ้าตัวเองไม่ทำ ไม่เป็นไรเหมือนกัน มหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับ ล้วนเป็นความสมัครใจของทุกคน

เพราะถ้าคุณไม่ทำภารกิจ คงไร้ซึ่งทรัพยากร ไม่มีทรัพยากร ก็ไร้ทางจะเพิ่มความสามารถของตัวเอง

ถ้าในอนาคตฟางหยวนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ ฟางผิงคิดว่าตัวเองจะให้ทรัพยากรกับน้องสาวเอง ไม่ถึงกับต้องให้น้องสาวเสี่ยงอันตรายไปทำภารกิจ

พวกถานเจิ้นผิงยังต่อสู้แทบไม่เป็นด้วยซ้ำ ก็เห็นยังใช้ชีวิตได้สบาย

ห้องออกกำลังกาย

ให้ฟางหยวนยืนจวงกงพักหนึ่ง ก่อนฟางผิงจะเอ่ยอย่างหน่ายใจ “โง่จริงๆ!”

ฟางหยวนฝึกจวงกงมาสามเดือนกว่าแล้ว ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงระดับหนึ่งเลย

เหมือนเขาที่ไหน ฝึกจวงกงไม่นานก็เข้าสู่ระดับหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดเทอมจวงกงยังเข้าสู่ระดับสองด้วยซ้ำ

ฟางหยวนน้อยใจอยู่บ้าง ยื่นปากว่า “คนเขาต้องเรียนหนังสือนี่นา ยังต้องตั้งแผงลอย…”

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกได้หรือเปล่า?”

ฟางผิงตัดบทอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “กินยาบำรุงกำลังหมดแล้ว?”

“เปล่า จะเร็วขนาดนั้นได้ไง ยังมีอีกสิบเม็ด”

ตอนแรกฟางผิงเหลือยาบำรุงกำลังให้ไม่กี่สิบเม็ด ฟางหยวนกินไปได้นิดเดียวเท่านั้น

ความจริงทุกครั้งที่กินยาบำรุงกำลัง ฟางหยวนสามารถดูดซึมยาได้ไม่เยอะ ทุกครั้งจึงไม่อยากอาหารไปหนึ่งวันถึงสองวัน

เธอไม่ค่อยอยากกินเหมือนกัน ทั้งราคายังแพงมาก ทำใจกินไม่ได้

ฟางผิงครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “ยาบำรุงกำลังห้าวันกินหนึ่งเม็ด อย่าขี้เกียจฝึกจวงกง ทำให้สม่ำเสมอ จะได้เข้าสู่ระดับหนึ่งไวๆ ฉันจะให้ยาบำรุงเลือดและปราณเธอสามเม็ด รอกินยาบำรุงกำลังหมดแล้ว จวงกงเข้าสู่ระดับหนึ่ง เธอค่อยกินตอนนั้น หนึ่งเดือนกินหนึ่งเม็ดก็พอแล้ว น่าจะประคับประคองได้จนถึงสิ้นปี ตอนนี้ปราณเธอมีประมาณหนึ่งร้อยสิบแคลแล้ว…”

“จริงเหรอ?”

ฟางหยวนไม่เคยไปตรวจ พอได้ยินว่าปราณตัวเองถึงหนึ่งร้อยสิบแคล ชั่วขณะนั้นจึงดีใจอย่างมาก

ฟางผิงพูดโจมตีว่า “หนึ่งร้อยสิบแคลสูงมากหรือไง? อย่าเอาไปเทียบกับคนปกติ ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ก่อนเปิดเทอมคนไม่น้อยก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันแล้ว ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง! ปราณของพวกเขาอยู่ที่สองร้อยแคลขึ้นไป! จากการพัฒนาของเธอ แม้ว่าจะถึงมอปลายปีสาม เวลาสามปีนั้นยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ปราณอาจจะไม่สูงกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ”

“ยังต้องใช้ยาบำรุงเพิ่มปราณอยู่ตลอดอีก…” ประโยคหลังฟางผิงไม่ได้พูดต่อ ใช้ยาบำรุงตลอดสามปี ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลย

อยากให้น้องสาวแตะในระดับที่หลอมกระดูกสองครั้งได้ในมอปลาย ค่ายาบำรุงคงต้องใช้เป็นล้าน

“สองร้อยแคล?”

ฟางหยวนสูดปาก นี่ไม่ใช่ว่ายังเก่งกว่าฟางผิงอีกเหรอ!

เธอจำได้ว่า ตอนที่ฟางผิงตรวจร่างกายได้หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเก่งมากแล้ว ตอนนี้กลับพบว่าเหมือนจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น

ฟางผิงไม่สนใจว่าเธอจะคิดอะไร ลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “นอกจากจวงกง ตอนนี้ยังฝึกเคล็ดวิชาหลอมกระดูกได้…ช่างเถอะ รอเธอเข้าใจความรู้เฉพาะทางของศิลปะการต่อสู้ทะลุปรุโปร่งแล้วค่อยว่ากันอีกที”

อีกอย่างการสอนเคล็ดวิชาหลอมกระดูก ทางที่ดีต้องสอนประกบตัวอย่างใกล้ชิด ทั้งยังต้องถอดเสื้อผ้า

แม้ฟางหยวนจะยังอายุน้อย แต่เรื่องที่ไม่สมควรยังคงต้องหลีกเลี่ยง

ฟางผิงวางแผนรอกลับมาครั้งหน้า ถ้าเจอกับหลิวรั่วฉี จะให้เธอมาช่วยสอนน้องสาวสักหน่อย

ยังไงตอนนี้ฟางหยวนก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทางเดินปราณอะไรพวกนี้อยู่แล้ว รีบเรียนอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

เห็นฟางหยวนมีท่าทีตื่นเต้น ฟางผิงส่ายหน้าเล็กน้อย ลอบพึมพำว่า “คงไม่สอนเคล็ดวิชาต่อสู้ เด็กคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูงน่าจะใช้ได้แล้ว”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูงมีตำแหน่งในสังคม แม้ทรัพยากรล้วนต้องพึ่งตัวเองแต่ก็เป็นอิสระปลอดภัยกว่าเยอะ

ทั้งฟางหยวนยังมีนิสัยเฮฮารักสนุก ฟางผิงยังกลัวว่าเธอเรียนต่อสู้แล้วจะเอาไปก่อเรื่องก่อราว

“ถ้าฟางหยวนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูง มีตำแหน่งหน้าตา คงไม่อันตรายขนาดนั้นแล้ว แม้วันหนึ่งตัวเองจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ในบ้านก็มีคนให้พึ่งพา…”

ฟางผิงลอบยิ้มเย้ยหยันตัวเอง มักรู้สึกว่าเขากำลังแช่งตัวเองอยู่ แต่ช่วงเวลาที่สงบควรจะคิดเผื่อวันข้างหน้า วางแผนเรื่องอนาคตไว้ให้ดี

ยิ่งเข้าสู่แวดวงของผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงยิ่งรู้สึกว่าแวดวงนี้อันตรายกว่าที่เขาจินตนาไว้

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 118.2 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 118.2 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 118 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2)

“ตามราคาตลาด ยาบำรุงพวกนี้มูลค่าถึงสามล้านเก้าแสนหยวน แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่ช่องทางโปร่งใส ราคาอาจจะด้อยไปบ้าง สามารถขายได้สามล้านห้าแสนหยวนก็ไม่เลวแล้ว แม้จะเป็นอย่างนี้ ค่าทรัพย์สินของเราคงจะเพิ่มขึ้นเกือบล้านเหมือนกัน”

“อีกอย่าง ตอนนี้ฉันยังมีอีกสองร้อยสองคะแนนที่ไม่ได้ใช้มาโดยตลอด สามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงเอามาขายได้หรือเปล่า?”

สองร้อยสองคะแนนของเขา สามารถเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาได้สี่ล้านสี่หมื่นหยวน

ขอแค่แลกเปลี่ยนของ ขายออกไปราคาเกินสี่ล้านสี่หมื่นหยวน ทรัพย์สินของเขาจะได้ค่าราคาต่างเพิ่มมาด้วย

“ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา ขายได้เก้าหมื่นต่อเม็ด อัตราแลกเปลี่ยนคือสามคะแนน ราคาต่างก็คือสามหมื่น หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างหนึ่งหมื่นหยวน ยาบำรุงขั้นหนึ่งใช้สิบคะแนนต่อเม็ด ขายออกไปได้ประมาณสองแสนเจ็ดหมื่นหยวน ได้ราคาต่างจากระบบเจ็ดหมื่นหยวน หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างแค่เจ็ดพันหยวนเท่านั้น คำนวณแล้วแลกเปลี่ยนยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาจะคุ้มค่ากว่า ทั้งยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา จะหาลู่ทางขายง่ายกว่าขั้นหนึ่งด้วย…”

ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งแพงเกินไป ทั้งกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้มีน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแทบไม่ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองและขั้นสาม

“ตอนนี้การหลอมกระดูกของฉันต้องใช้ค่าทรัพย์สินแลกเปลี่ยนกับปราณ เหลือคะแนนไว้ไม่มีประโยชน์ เอาคะแนนไปแลกยาบำรุง นอกจากจะเพิ่มทรัพย์สินแล้ว ในมือจะมีเงินใช้มากขึ้นด้วย ครั้งก่อนขายยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเก้าเม็ด ได้เงินแปดแสนหยวน ใช้ไปเกือบจะหมดแล้ว…”

ช่วงนี้หลี่เฉิงเจ๋อเพิ่มจุดส่งของหลายแห่งในเมืองมหาวิทยาลัย ใช้ประโยชน์จากที่ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ บริษัทส่งของเจ้าอื่นจึงฝืนยอมรับได้

ยังไงบริษัทของพวกเขาก็ไม่ได้มีคู่แข่งมากมาย ตอนนี้ยังคงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ

เมื่อไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ ฟางผิงจึงตัดสินใจว่า กลับมหาวิทยาลัยแล้วจะใช้คะแนนแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุง

แลกแค่ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเท่านั้น!

คะแนนสองร้อยสองคะแนน แลกได้หกสิบเจ็ดเม็ด ตกถึงมือแล้วจะเพิ่มค่าทรัพย์สินอีกหกแสนเจ็ดหมื่นหยวน

ถ้าขายออกไปเม็ดละเก้าหมื่นหยวน จะได้ค่าทรัพย์สินเพิ่มอีกหนึ่งล้านสามแสนสี่หมื่นหยวน

ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสองแสนหนึ่งหมื่นหยวน รวมกับเงินสดอีกหกล้านสามหมื่นหยวน!

แม้จะปัดเศษยังได้ค่าทรัพย์สินสองล้านและเงินสดอีกหกล้านอยู่ดี

ตัดสินใจแล้ว ฟางผิงก็ไม่ลังเลอีก แม้จะไม่รู้ว่าแลกเปลี่ยนยาบำรุงเยอะขนาดนี้ จุดแลกเปลี่ยนจะยอมให้แลกหรือเปล่าก็ตาม?

ไม่คิดมากอีก ถึงเวลาคงรู้เอง ค่ำคืนนี้ฟางผิงยังคงหลับสนิทอย่างเช่นเคย

วันต่อมา

วันที่ 3 ตุลาคม

จนถึงตอนนี้ ฟางผิงเพิ่งจะมีเวลาดูความก้าวหน้าในการฝึกวิชาของฟางหยวน

ความจริงหลังจากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฟางผิงก็ลังเลอยู่บ้าง เขาควรจะฝึกศิลปะการต่อสู้ให้ฟางหยวนต่อไปดีหรือเปล่า?

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด!

หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ตามกฎแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ไม่อาจลงมือกับคนธรรมดาได้ นี่ไม่ใช่กฎของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นกฎที่รู้ทั่วไปในสังคม

ฟางผิงคิดว่าหลังจากนี้เขามีโอกาสสูงที่จะสร้างศัตรูขึ้นมา

หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ปกติคงไม่มีใครยอมเสี่ยงเข้าตาจนจัดการกับครอบครัวเขาหรอก แต่ถ้าน้องสาวกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์…

“ช่างเถอะ คิดมากไปไม่มีประโยชน์ แม้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยม คงไม่มีอันตรายมากมายแล้ว”

เรื่องอย่างท้าทายความเป็นความตาย ถ้าตัวเองไม่ยอมรับ คนอื่นคงไม่อาจฝืนบังคับได้เหมือนกัน

ส่วนอย่างอื่น เช่นภารกิจที่อันตราย ถ้าตัวเองไม่ทำ ไม่เป็นไรเหมือนกัน มหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับ ล้วนเป็นความสมัครใจของทุกคน

เพราะถ้าคุณไม่ทำภารกิจ คงไร้ซึ่งทรัพยากร ไม่มีทรัพยากร ก็ไร้ทางจะเพิ่มความสามารถของตัวเอง

ถ้าในอนาคตฟางหยวนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ ฟางผิงคิดว่าตัวเองจะให้ทรัพยากรกับน้องสาวเอง ไม่ถึงกับต้องให้น้องสาวเสี่ยงอันตรายไปทำภารกิจ

พวกถานเจิ้นผิงยังต่อสู้แทบไม่เป็นด้วยซ้ำ ก็เห็นยังใช้ชีวิตได้สบาย

ห้องออกกำลังกาย

ให้ฟางหยวนยืนจวงกงพักหนึ่ง ก่อนฟางผิงจะเอ่ยอย่างหน่ายใจ “โง่จริงๆ!”

ฟางหยวนฝึกจวงกงมาสามเดือนกว่าแล้ว ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงระดับหนึ่งเลย

เหมือนเขาที่ไหน ฝึกจวงกงไม่นานก็เข้าสู่ระดับหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดเทอมจวงกงยังเข้าสู่ระดับสองด้วยซ้ำ

ฟางหยวนน้อยใจอยู่บ้าง ยื่นปากว่า “คนเขาต้องเรียนหนังสือนี่นา ยังต้องตั้งแผงลอย…”

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกได้หรือเปล่า?”

ฟางผิงตัดบทอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “กินยาบำรุงกำลังหมดแล้ว?”

“เปล่า จะเร็วขนาดนั้นได้ไง ยังมีอีกสิบเม็ด”

ตอนแรกฟางผิงเหลือยาบำรุงกำลังให้ไม่กี่สิบเม็ด ฟางหยวนกินไปได้นิดเดียวเท่านั้น

ความจริงทุกครั้งที่กินยาบำรุงกำลัง ฟางหยวนสามารถดูดซึมยาได้ไม่เยอะ ทุกครั้งจึงไม่อยากอาหารไปหนึ่งวันถึงสองวัน

เธอไม่ค่อยอยากกินเหมือนกัน ทั้งราคายังแพงมาก ทำใจกินไม่ได้

ฟางผิงครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “ยาบำรุงกำลังห้าวันกินหนึ่งเม็ด อย่าขี้เกียจฝึกจวงกง ทำให้สม่ำเสมอ จะได้เข้าสู่ระดับหนึ่งไวๆ ฉันจะให้ยาบำรุงเลือดและปราณเธอสามเม็ด รอกินยาบำรุงกำลังหมดแล้ว จวงกงเข้าสู่ระดับหนึ่ง เธอค่อยกินตอนนั้น หนึ่งเดือนกินหนึ่งเม็ดก็พอแล้ว น่าจะประคับประคองได้จนถึงสิ้นปี ตอนนี้ปราณเธอมีประมาณหนึ่งร้อยสิบแคลแล้ว…”

“จริงเหรอ?”

ฟางหยวนไม่เคยไปตรวจ พอได้ยินว่าปราณตัวเองถึงหนึ่งร้อยสิบแคล ชั่วขณะนั้นจึงดีใจอย่างมาก

ฟางผิงพูดโจมตีว่า “หนึ่งร้อยสิบแคลสูงมากหรือไง? อย่าเอาไปเทียบกับคนปกติ ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ก่อนเปิดเทอมคนไม่น้อยก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันแล้ว ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง! ปราณของพวกเขาอยู่ที่สองร้อยแคลขึ้นไป! จากการพัฒนาของเธอ แม้ว่าจะถึงมอปลายปีสาม เวลาสามปีนั้นยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ปราณอาจจะไม่สูงกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ”

“ยังต้องใช้ยาบำรุงเพิ่มปราณอยู่ตลอดอีก…” ประโยคหลังฟางผิงไม่ได้พูดต่อ ใช้ยาบำรุงตลอดสามปี ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลย

อยากให้น้องสาวแตะในระดับที่หลอมกระดูกสองครั้งได้ในมอปลาย ค่ายาบำรุงคงต้องใช้เป็นล้าน

“สองร้อยแคล?”

ฟางหยวนสูดปาก นี่ไม่ใช่ว่ายังเก่งกว่าฟางผิงอีกเหรอ!

เธอจำได้ว่า ตอนที่ฟางผิงตรวจร่างกายได้หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเก่งมากแล้ว ตอนนี้กลับพบว่าเหมือนจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น

ฟางผิงไม่สนใจว่าเธอจะคิดอะไร ลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “นอกจากจวงกง ตอนนี้ยังฝึกเคล็ดวิชาหลอมกระดูกได้…ช่างเถอะ รอเธอเข้าใจความรู้เฉพาะทางของศิลปะการต่อสู้ทะลุปรุโปร่งแล้วค่อยว่ากันอีกที”

อีกอย่างการสอนเคล็ดวิชาหลอมกระดูก ทางที่ดีต้องสอนประกบตัวอย่างใกล้ชิด ทั้งยังต้องถอดเสื้อผ้า

แม้ฟางหยวนจะยังอายุน้อย แต่เรื่องที่ไม่สมควรยังคงต้องหลีกเลี่ยง

ฟางผิงวางแผนรอกลับมาครั้งหน้า ถ้าเจอกับหลิวรั่วฉี จะให้เธอมาช่วยสอนน้องสาวสักหน่อย

ยังไงตอนนี้ฟางหยวนก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทางเดินปราณอะไรพวกนี้อยู่แล้ว รีบเรียนอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

เห็นฟางหยวนมีท่าทีตื่นเต้น ฟางผิงส่ายหน้าเล็กน้อย ลอบพึมพำว่า “คงไม่สอนเคล็ดวิชาต่อสู้ เด็กคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูงน่าจะใช้ได้แล้ว”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูงมีตำแหน่งในสังคม แม้ทรัพยากรล้วนต้องพึ่งตัวเองแต่ก็เป็นอิสระปลอดภัยกว่าเยอะ

ทั้งฟางหยวนยังมีนิสัยเฮฮารักสนุก ฟางผิงยังกลัวว่าเธอเรียนต่อสู้แล้วจะเอาไปก่อเรื่องก่อราว

“ถ้าฟางหยวนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราณสูง มีตำแหน่งหน้าตา คงไม่อันตรายขนาดนั้นแล้ว แม้วันหนึ่งตัวเองจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ในบ้านก็มีคนให้พึ่งพา…”

ฟางผิงลอบยิ้มเย้ยหยันตัวเอง มักรู้สึกว่าเขากำลังแช่งตัวเองอยู่ แต่ช่วงเวลาที่สงบควรจะคิดเผื่อวันข้างหน้า วางแผนเรื่องอนาคตไว้ให้ดี

ยิ่งเข้าสู่แวดวงของผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงยิ่งรู้สึกว่าแวดวงนี้อันตรายกว่าที่เขาจินตนาไว้

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด