ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 233 พยายามมีชีวิตรอด (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 233 พยายามมีชีวิตรอด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 233 พยายามมีชีวิตรอด (1)

วันที่สิบเจ็ดและสิบแปดผ่านไป การสอบก็เป็นอันสิ้นสุดลง

สองวันนี้ฟางผิงไปส่งคนแค่นอกโรงเรียน ก่อนจะกลับไปอย่างรวดเร็ว

ช่วงเวลากลางคืนฟางผิงยังคงตั้งใจฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ห้องออกกำลังกายนั้นมีแต่รอยพ่นเลือดเต็มพื้น ทำเอาหลี่อวี้อิงที่มาทำความสะอาดตกใจเสียยกใหญ่

รอจนรู้ว่าฟางผิงฝึกวิชา หลี่อวี้อิงจึงสงสัยขึ้นมาแทน

ฝึกวิชา พ่นเลือดออกมาเยอะขนาดนี้?

ผู้ฝึกยุทธ์นั้นร่ำเรียนวิชาอะไรกัน?

ฟางผิงจนใจเช่นกัน วิชาเกาทัณฑ์เลือดนั้นฝึกแบบนี้จริงๆ เขาไม่มีทางเลือก

อันที่จริงหลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้บอกเขาหรือควรพูดว่าลืมบอกเขา ความจริงฝึกในแต่ละวัน อมน้ำฝึกคร่าวๆ ก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องพ่นเลือดจริงๆ ทำให้สภาพแวดล้อมสกปรกเสียเปล่า

แน่นอนว่าฟางผิงไม่รู้เรื่องนี้ ถ้ารู้คงด่าเป็นวรรคเป็นเวรแล้ว

บ่ายของวันที่สิบแปด การสอบจบลงแล้ว

ตอนที่ฟางหยวนยื่นมือขอของขวัญ ฟางผิงก็ส่งกระเป๋าใบใหญ่ให้เธอ

ฟางหยวนที่เผยสีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ ชั่วพริบตาที่เปิดกระเป๋าออก ถึงกับตั้งข้อสงสัยถึงการมีชีวิตอยู่ นี่ถือเป็นของขวัญแล้ว?

เศร้าสร้อย ไม่พอใจ ขุ่นเคือง…

อารมณ์พวกนี้ปรากฏอยู่บนหน้าของเด็กสาวให้เห็นอย่างชัดเจน

ฟางผิงเห็นแล้วก็อยากขำ ท้ายที่สุดเธอยังคงเผยท่าทีผิดหวัง เขาขยี้หัวน้องสาวว่า “ในนี้เป็นข้อมูลของเคล็ดวิชาต่อสู้ เคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานมีคลิปวิดีโออยู่ สามารถฝึกได้ ฉันตั้งใจเขียนลงไปบางส่วนเหมือนกัน เธอดูเอาเอง อย่าคิดเอาแต่เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ปราณ การแทงเท้าเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ตอนต้นสามารถลองฝึกได้ ทั้งเคล็ดวิชาต่อสู้สองเล่ม เรียนรู้วิธีฝึกไว้ก่อนก็พอแล้ว อย่าฝึกมั่วซั่ว รอมีวันไหนที่คุณสมบัติครบแล้วสามารถลองฝึกดูได้ อีกอย่างตอนที่สมัครเข้ามหาวิทยาลัย จะเลือกหนานเจียงหรือเซี่ยงไฮ้ก็ได้ เข้าหนานเจียง หากหวังจินหยางยังอยู่ สามารถขอความช่วยเหลือจากเขา ให้เขาเลือกอาจารย์ที่มีความสามารถหน่อย หรือจะให้เขาเป็นอาจารย์ของเธอเลยก็ได้ หากไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ อาจารย์ของฉันชื่อหลู่เฟิ่งโหรว อีกอย่างพี่ชายเธอยังมีเพื่อนต่างวัยอยู่อีกคน อาจารย์หลี่ของฝ่ายบริการ…”

ระหว่างที่ฟางผิงพูด จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่รู้จักชื่อของตาเฒ่าหลี่?

ไม่คิดเรื่องนี้ต่อ ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเรียนที่เซี่ยงไฮ้ ไปหาพวกเขาได้ บอกว่าเป็นน้องสาวของฉัน…ช่างเถอะ เจอกับเหตุไม่คาดฝันค่อยไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ไม่มีเรื่องอะไรก็แล้วไป อันที่จริงฉันหวังว่าเธอจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้มากกว่า แต่โลกนี้…มันโหดร้ายแบบนี้แหละ!”

“พี่!”

ฟางหยวนเอ่ยด้วยใบหน้าเป็นกังวล “นายมาพูดเรื่องพวกนี้กับฉันทำไม?”

ฟางผิงเผยยิ้มเล็กน้อย “อายุตั้งสิบห้า โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว น้องสาวฉันไม่ใช่คนโง่ เป็นเด็กที่หัวไวคนหนึ่ง พี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ฝึกยุทธ์น่ะเข้าใจหรือเปล่า? ในเมื่อเธอรู้ว่าพี่ชายเธอฆ่าคนอื่น งั้นก็ต้องคิดได้ว่าอาจมีวันหนึ่งที่พี่ชาย…”

“ฟางผิง!”

ฟางหยวนดวงตาแดงก่ำ เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ถ้านายพูดอีก ฉันจะไม่สนใจนายแล้ว!”

“เด็กโง่ อย่าทำตัวเป็นเด็กแบบนี้สิ” ฟางผิงยิ้มบางๆ “พี่ชายเธอไม่ใช่คนอายุสั้นสักหน่อย ฉันทำนายชะตาชีวิตตัวเองได้ อย่างน้อยน่าจะอยู่ได้สักเก้าสิบเก้าปี แต่พี่ชายเธอเป็นคนขี้หลงทาง ฉันกลัวว่าจะหลงทางแล้วหาทางกลับบ้านไม่ถูก มือถือติดต่อไม่ได้ หาบ้านไม่เจอ ใครจะรู้ว่าได้กลับบ้านเมื่อไหร่ เธอมันโตเกินวัยอยู่แล้ว ต้องดูแลพ่อแม่ให้ดีๆ รอพี่ชายกลับมา เคล็ดวิชาต่อสู้ต้องฝึกฝนไว้ อีกอย่างฉันจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้…แน่นอน มันอาจใช้ไม่ได้เสมอไป คนต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริง”

ฟางผิงไม่รู้เหมือนกันว่าทิ้งเบอร์พวกนั้นไว้แล้วจะมีประโยชน์หรือเปล่า

ถ้าตายในถ้ำใต้ดินจริงๆ คุณค่าทั้งหมดของเขาจะหายไปทันที ผู้ฝึกยุทธ์อยู่บนโลกของความเป็นจริงเช่นกัน

“เอาล่ะ พูดไปเยอะขนาดนี้แล้ว พี่ยังต้องรีบกลับมหาวิทยาลัย มีธุระต้องทำอยู่”

“พี่!”

ฟางหยวนตะโกนเสียงดัง ดึงชายเสื้อเขาไว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ “ฉันจะไม่ก่อเรื่องแล้ว ไม่เอาของขวัญด้วย ไม่ไปได้หรือเปล่า?”

“เด็กโง่ ตั้งใจฝึกฝนวิชาดีๆ ครั้งหน้ากลับมา เพิ่มน้ำหนักขึ้นสักหน่อย นับวันก็เริ่มจับได้ไม่เต็มไม้เต็มมือขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”

“พี่…”

ฟางผิงเผยรอยยิ้มขยี้หัวน้องสาว ก่อนจะหยิบกล่องไม้เดินออกไปจากประตู เดินไปก็โบกมือไปพลาง “ไม่ต้องไปส่งฉัน”

“พี่!”

ฟางผิงขับรถออกไป ด้านหลังนั้นฟางหยวนกำลังตะโกนอย่างเจ็บปวดรวดร้าว “พี่ กลับมาเร็วๆ นะ!”

ในรถ ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ

ฉันอยากกลับมาเร็วๆ เหมือนกัน แต่ว่า…ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันล่ะ?

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

เย็นวันที่สิบเก้า

ถังเฟิงมองทุกคนที่อยู่เบื้องหน้า “บอกลากับครอบครัวหมดแล้วสินะ?”

“เขียนจดหมายสั่งเสียไว้สักหนึ่งฉบับ เข้าไปในถ้ำแล้ว บางทีอาจปลอดภัย หรือบางที…อาจจะสูญสิ้นทุกอย่าง”

ถังเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เป็นเรื่องปกติ พวกเธอต้องเตรียมการณ์ให้พร้อม”

“แม้จะเป็นปรมาจารย์ก็ไม่กล้าพูดเช่นกันว่าตัวเองจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ในถ้ำ ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์กลับออกมา”

“แต่วางใจเถอะ แม้จะตายในถ้ำจริงๆ มหาวิทยาลัย…จะดูแลคนในครอบครัวของพวกเธออย่างดี”

“มนุษย์ทุกคนที่ลงถ้ำ ไม่ว่าจะถูกบังคับหรือไปเพราะไร้ทางเลือกต่างถือเป็นวีรบุรุษ ต่างเป็นกระดูกสันหลังของมวลมนุษยชาติ!”

“คืนนี้ปลดปล่อยตัวเองกันสักหน่อย กินของดีๆ ดื่มอะไรอร่อยๆ พรุ่งนี้รวบรวมสมาธิ เตรียมตัวให้พร้อม เข้าถ้ำไปด้วยกัน!”

“…”

ทุกคนจมดิ่งในความเงียบ บรรยากาศตึงเครียดอยู่บ้าง

ถังเฟิงไม่พูดมากเช่นกัน ไม่นานก็ปลีกตัวออกไป

เขาไปแล้ว ฟู่ชางติ่งจึงเอ่ยเสียงดังขึ้นมา “พูดอย่างกับว่ากลัว ผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ช้าก็เร็วต้องเจอเรื่องนี้อยู่แล้ว! ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายล้วนพยายามอย่างสุดชีวิต! ถ้ำใต้ดินไม่ใช่ถ้ำเสือบึงมังกร ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนต่างทะลวงระดับกลาง กลายเป็นปรมาจารย์ในถ้ำได้…”

“จำเป็นต้องให้นายมาปลอบใจพวกเราเหรอไง!”

จ้าวเหล่ยแค่นเสียง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เป็นผู้ฝึกยุทธ์ต้องปลงสังขารได้นานแล้ว…”

“ปัญญาอ่อน!”

ฟางผิงด่าออกมา เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “มีชีวิตอยู่ไม่ดีหรือไง? เข้าถ้ำแล้ว พวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองอย่าได้ทำตัวอวดเก่ง อยู่ให้สงบเสงี่ยม! ครั้งนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม เรื่องอื่นทิ้งไปให้หมด ฉันเตือนพวกนายก่อน เจอกับอันตราย ตัวใครตัวมัน อย่าแสดงพล็อตปัญญาอ่อนในละครให้ฉันเห็น เจอคู่ต่อสู้ที่รับมือไม่ได้ พากันบุกโจมตีเข้าไปคนแล้วคนเล่า มีชีวิตรอดเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น และอย่าทำเหมือนเป็นคนโง่ให้ฉันเห็น มาพูดว่า ‘ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่เอง’ เรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้ ฉันไม่อยากเห็นมันเกิดขึ้นกับพวกเรา พวกเราไปฆ่าศัตรู ไปหาเงิน อย่ามาพูดเรื่องอื่นกับฉัน เอาล่ะ แยกย้ายกันเถอะ กลับไปทางใครทางมัน!”

ฟางผิงแสดงท่าทีราวกับเป็นหัวหน้า ปล่อยแถวทุกคนออกไป

ทุกคนไม่ว่าอะไรเช่นกัน ฟางผิงนั้นแข็งแกร่งที่สุดแล้ว เข้าถ้ำใต้ดิน นั่นเป็นเวลาที่ต้องดูความสามารถเป็นหลัก

คนอื่นๆ ไปแล้ว ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟางผิง เข้าถ้ำแล้ว ฉันมีแผนที่ซ่อนสมบัติอยู่ฉบับหนึ่ง ถึงเวลานั้นพวกเราไปกอบโกยสักหน่อย…”

ฟางผิงแค่นเสียงขึ้นจมูก เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปไกลๆ เลย ถ้ำใต้ดินมีสมบัติทุกที่อยู่แล้ว ประเด็นอยู่ที่นายมีความสามารถหรือเปล่า!”

แผนที่ซ่อนสมบัติอะไร คิดว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง?

หากมีสมบัติจริงๆ ผู้ฝึกยุทธ์เก่งยิ่งกว่าตั๊กแตน ยังจะเหลือไว้ให้นายหรือไง

ทั้งถ้ำใต้ดินยังกว้างใหญ่ไพศาล สมบัติมีอยู่ทุกที่ ให้ตำแหน่งแร่พลังงานที่อยู่ในส่วนลึกของถ้ำใต้ดิน นี่นับว่าเป็นแผนที่ซ่อนสมบัติเหมือนกัน นายเข้าไปได้หรือเปล่าล่ะ?

ตายยังไม่รู้จะตายยังไง!

ไม่สนใจเจ้าหมอนี่แล้ว ฟางผิงไปสมทบกับเฉินอวิ๋นซีแทน เอ่ยเสียงเบาว่า “อวิ๋นซี ปู่เธอรู้เรื่องที่เธอจะลงถ้ำใต้ดินหรือเปล่า?”

“รู้”

“ได้ให้ของช่วยชีวิตอะไรไว้หรือเปล่า?”

เฉินอวิ๋นซีงุนงงอยู่บ้าง “อะไร?”

————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด